หลังจากที่ตกลงกันได้แล้วว่าจะบุกรังโจรในตอนกลางคืน ฉีหลินจึงพาทุกคนเข้ามิติเพื่อรอเวลา เฟยเทียนเมื่อเข้ามาในมิติแล้วเขาทำการบ่มเพาะต่อ สืออีกับสือเอ้อร์เองก็ต้องการเลื่อนระดับด้วยเช่นเดียวกันเพราะในมิติของฉีหลินมีปราณหนาแน่นกว่าข้างนอก ต้าเซี่ยเดินไปมาและทิ้งตัวลงนอนข้างบ่อน้ำพุวิญญาณ ฉีหลินปรุงโอถสเลื่อนระดับเพื่อรอเวลาเช่นกัน ส่วนเสี่ยวเฮยนั้นพอนึกถึงอาหารที่รออยู่ในคืนนี้แล้วทำให้ใจของมันเบิกบานเป็นที่สุดในที่สุดเวลาก็ถึงเวลาที่รอคอย เมื่อถึงเวลาฉีหลินพาเฟยเทียน ต้าเซี่ยและเสี่ยวเฮยออกมาจากมิติ โดยทิ้งให้สืออีกับสือเอ้อร์บ่มเพาะพลังต่อ นางทิ้งโอสถเลื่อนระดับสำหรับสัตว์อสูรเอาไว้ให้เยอะพอสมควร“ข้าได้กลิ่นหอม ๆ ลอยมาจากข้างหน้าล่ะ” เสี่ยวเฮย“มันหอมมากขนาดนั้นเลยหรือ ข้าเห็นเจ้าน้ำลายไหลออกมาตลอดระวังน้ำลายของเจ้าด้วยประเดี๋ยวมันจะไหลออกมาท่วมป่าเอา” เฟยเทียน“ข้าก็แค่หิว น้ำลายมันก็มีไหลบ้างแต่ไม่ได้มากขนาดท่วมป่าหรอกนะเฟยเทียน อย่าให้ข้าเห็นนะว่าเวลาฉีหลินทำของอร่อยแล้วเจ้าน้ำลายไหลน่ะ เหอะ เจ้ามันก็ไม่ต่างจากข้าหรอก” เสี่ยวเฮย“ตะกละทั้งคนทั้งสัตว์จริง ๆ” ต้าเซี่ย“ที่พูดมามันก
ตอนนี้บ้านตระกูลหยางนั้นเงียบสงบ การค้าถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี เฟยจินตัดสินใจจะเข้ากองทัพเพื่อรักษาบ้านเมือง นอกจากเฟยจินแล้วยังมีเฮ่ออีและฮั่นเหวินตัดสินใจจะไปเข้าร่วมกองทัพด้วยเช่นกันตอนนี้ฮั่นเหวินไม่มีห่วงอะไรแล้ว ที่บ้านของเขามีบิดาและน้องชายน้องสาวอยู่ก็พอแล้วเขาเองก็อยากจะมีความก้าวหน้าในชีวิต เมื่อเขาได้รู้ว่าเฟยจินกับเฮ่ออีจะสมัครเข้าร่วมกองทัพเขาจึงตัดสินใจจะไปเข้ากองทัพด้วย“ท่านพ่อข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเดินทางไปเข้าร่วมกองทัพกับเฟยจินและอีอีขอรับ” ฮั่นเหวิน“เจ้าคิดดีแล้วหรือ แล้วเรื่องนี้แม่ของเจ้ารู้หรือไม่” เซียวหลาง“ท่านแม่ไม่ว่าอันใดขอรับ ท่านแม่เพียงแค่บอกว่าให้ข้าทำตามใจตัวเองขอรับ” ฮั่นเหวิน“เช่นนั้นก็เอาตามนั้นเถอะ พ่อเองก็ไม่ขัดข้องที่เจ้าจะไปรับใช้บ้านเมือง แต่จงจำเอาไว้ว่านอกบ้านนั้นอันตราย จะทำอะไรก็ตามแต่ขอให้ตั้งสติให้ดี ตรึกตรองให้ดีเสียก่อนค่อยตัดสินใจลงมือทำเข้าใจหรือไม่”“เข้าใจแล้วขอรับ ขอบคุณท่านพ่อที่สนับสนุนข้า ต่อไปนี้เรื่องที่บ้านข้าต้องฝากท่านพ่อดูแลท่านแม่ และน้อง ๆ แทนข้าด้วย”“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ตั้งใจฝึกให้ดี ระดับพลังเจ้าสูงมากเท่าไหร่
แล้วก็มาถึงวันที่เฟยจินและพรรคพวกจะต้องเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพ ไป๋อี้ถังได้มอบม้าฝีเท้าดีให้กับทั้งสามคนใช้ในการเดินทาง การเดินทางครั้งนี้ม่อถูจะเป็นคนไปส่งพวกเขาที่จวนราชครูไป๋ หลังจากนั้นจึงค่อยพาพวกเขาไปสมัครเข้ากองทัพที่ค่ายบูรพา หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วม่อถูจึงจะเดินทางกลับหมู่บ้านป่าหมอกทันทีนางฟางนั้นถึงแม้ว่าจะอาลัยอาวรณ์ลูกชายของนางสักเพียงไหน แต่เพื่ออนาคตของลูกชายอีกทั้งเขายังเป็นคนเลือกทางเดินนี้ด้วยตัวเอง นางไม่เพียงไม่ขัดขวางแต่ยินดีและเต็มใจสนับสนุนเฟยจินเต็มที่“จินเอ๋อร์ รักษาตัวเองให้ดีนะลูก จะทำอะไรให้คิดให้ดีก่อนลงมือทำ ใช้สติในการตัดสินใจ ห้ามใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเด็ดขาดรู้หรือไม่”“ข้าเข้าใจขอรับท่านแม่ ท่านแม่เองก็ดูแลตัวเองดี ๆ รักษาสุขภาพด้วยนะขอรับ ถ้าจะให้ดีท่านแม่มีน้องให้ข้าเพิ่มก็ยิ่งจะดียิ่งขอรับ อีกไม่นานน้องเล็กจะแต่งออกไปแล้ว ข้ารู้สึกว่าที่บ้านของเราคนน้อยเกินไป”“มีน้องเพิ่มอะไรของเจ้าแม่อายุปูนนี้แล้วจะมีน้องให้เจ้าได้เช่นไร อีกหน่อยหลานเจ้าก็จะคลอดแล้ว หน้าที่นี้ยกให้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เจ้าเถอะ แม่เพียงแค่ช่ว
หลังจากที่ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเป็นลมล้มลงก็เกิดเรื่องโกลาหลขึ้นอีก ลูกชายลูกสะใภ้ที่กลับมาจากแปลงนาพลันเห็นกองสัตว์ป่าที่กองอยู่ในลานบ้านก็เข่าอ่อนจนเดินต่อไปไม่ไหว“ท่านพ่อ ทำไมถึง ทำไมถึงมีพวกนี้กองอยู่ในลานบ้านเราได้” ซ่งฉีลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านถามออกมาด้วยความไม่แน่ใจ“ยังจะมัวถามมากอยู่อีก รีบทำให้แม่ของพวกเจ้าฟื้นขึ้นมาก่อน ลูกสะใภ้เจ้าตั้งสติก่อนจะได้หรือไม่” จงซ่งเหลียงที่หันไปเห็นลูกสะใภ้กำลังจะล้มลงไปอีกคนหลังจากผ่านเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายมาได้ ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านก็ถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ คนพวกนี้เป็นใครกันตอนที่เขาเข้ามาในบ้านเขาเห็นคนพวกนี้ยืนอยู่ในลานบ้านแต่ยังไม่ทันได้ถามไถ่ทักทายก็ต้องรีบมาดูท่านแม่ของเขาที่นอนอยู่บนพื้นเสียก่อน “ท่านพ่อนี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ แล้วสัตว์ป่าพวกนี้มาได้อย่างไรกัน” ซ่งฉี“เจ้าไม่ต้องถามมากแล้ว สัตว์ป่าพวกนี้คุณชายเหล่านี้นำมาให้ เจ้าพาแม่ของเจ้าไปนั่งดี ๆ ข้าจะเรียกประชุมชาวบ้านก่อน” หัวหน้าหมู่บ้าน“ขอรับท่านพ่อ”หลังจากที่ส่งสัญญาณเรียกประชุมด่วนไปไม่นานก็มีชาวบ้านที่เป็นตัวแทนของแต่ละครอบครัวเดินทางมาที่บ้านของหัวหน้าหมู
หลังจากที่เฟยจินออกเดินทางไปทำให้บ้านตระกูลหยางเงียบเหงาลงไปบ้าง ทางบ้านตระกูลจางเองก็เงียบเหงาลงไปเช่นเดียวกันเพราะโดยปกติแล้วอีอีคือคนที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในบ้าน“เฮ้อ ไม่รู้อีอีจะเป็นเช่นไรบ้าง ลูกจะได้กินอิ่มนอนหลับหรือไม่ เหตุใดลูกถึงตัดสินใจไปแบบนั้นกัน” นางหลาน“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงอีอีว่าจะกินไม่อิ่มหรอกนะ เจ้าไม่เห็นหรือว่าฉีหลินให้แหวนมิติกับลูกไป ในนั้นมีอาหารการกินครบ เจ้าอย่าเป็นห่วงให้มากไป ลูกโตแล้วย่อมมีทางเดินของตัวเอง ให้เขาได้เลือกอนาคตของตัวเองเราทำได้แค่สนับสนุนลูกเท่านั้น” จางสง“ท่านแม่อย่ากังวลไปเลยขอรับ น้องเล็กเก่งมากนะ ถึงปกติเขาจะทำเหมือนว่าไม่ใส่ใจอะไร แต่จริง ๆ แล้วน้องเล็กเป็นคนที่ใส่ใจทุกอย่างและมีความตั้งใจจริง หากว่าเขาตัดสินใจที่จะลงมือทำ ข้าเชื่อว่าน้องเล็กจะประสบความสำเร็จขอรับ ข้าเชื่อเช่นนั้น” เฮ่อเหลียน“เจ้าเองมีเวลาว่างก็ไปช่วยงานที่บ้านพ่อตาของเจ้าบ้าง ตอนนี้เฟยจินเองก็ไม่อยู่แล้วเข้าใจหรือไม่ ฉีหลินเองก็กำลังท้องกำลังไส้” นางหลาน“ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ พี่เฟยเทียนบอกว่าไม่มีอะไรให้ข้าทำเพราะที่บ้านมีคนงานอยู่แล้ว ข้าเพียงแค่ต้
เพราะเด็ก ๆ ต้องเดินทางไปทดสอบพลังที่เมืองหลวงเพื่อเข้าเรียนในสำนึกศึกษาหลวงสังกัดกรมพระราชวัง สองแฝดตื่นเต้นเป็นอย่างมากและพวกเขาต้องการชวนพี่น้องบ้านเมิ่งไปด้วยกันด้วยเหตุนี้เฟยหลงจึงไปหาสหายเช่นเมิ่งจวินตั๋งที่หมู่บ้านเหอมู่ เพื่อแจ้งวันเวลาที่จะออกเดินทาง และให้เด็ก ๆ มีโอกาสเตรียมตัวและเตรียมของใช้ที่จำเป็นนำติดตัวไปด้วยการเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้ เสี่ยวหลางและเสี่ยวหู่จะเดินทางไปด้วย และที่ขาดไม่ได้คือเสี่ยวเฮยผู้หลงรักเจี้ยนเอ๋อร์หัวปักหัวปำ ให้ท้ายกันเต็มที่ ข้าเลี้ยงของข้ามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย การให้ท้ายของเสี่ยวเฮยนั้นทำเอาเสี่ยวหลางและเสี่ยวหู่นั้นได้ถอนหายใจด้วยความเอือมระอาแต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็นับว่าไม่แย่ไปเสียทีเดียว เพราะเสี่ยวหลางและเสี่ยวหู่นั้นก็ให้ท้ายเฉิงเอ๋อร์เช่นเดียวกัน แต่ก็ให้ท้ายเจี้ยนเอ๋อร์ด้วยถึงจะไม่เท่าเฉิงเอ๋อร์ก็ตามทีตอนนี้ท้องของฉีหลินนั้นขยายใหญ่มากถึงแม้ว่าอายุครรภ์ได้เพียง 4 เดือนเท่านั้นแต่กลับมีขนาดใหญ่โตเสียจนกลัวว่าจะแตกออกมาได้ทุกเมื่อ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเฟยเทียนจึงไม่ให้ภรรยาทำอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน จากนั้นเขาจะพานางออกเดินเล่นเป็นการ
ขบวนรถม้าที่มีม้าเพลิงวายุลากทำให้เป็นที่สนใจของคนในเมืองหลวงเป็นอย่างมาก ใช้เวลาเพียงแค่ 1 เค่อเท่านั้นก็สามารถมาถึงจวนสกุลไป๋แล้วกรมาถึงของไป๋อี้ถังในครั้งนี้นับว่าสร้างความสนใจให้กับหลาย ๆ คนในเมืองหลวงไม่น้อย เพราะเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่ไป๋อี้ถังไม่กลับมาที่เมืองหลวงอีกเลย บรรดาคุณหนูในห้องหอที่เคยหมายตาเขาเอาไว้มีไม่น้อย คาดว่าต่อจากนี้คงจะมีเหตุให้ยุ่งยากไม่น้อย“เปิดประตูใหญ่” ม่อถูบอกกับทหารยามรักษาประตูให้เปิดประตูใหญ่ทันที“ขอรับท่านม่อถู รอสักครู่ขอรับ” หนึ่งในทหารยามรักษาประตูขานรับเมื่อเห็นว่าเป็นม่อถูหลังจากสารถีนำรถม้าทั้ง 5 คันเข้ามาจอดเรียบร้อยแล้วและปลดม้าเพลิงวายุออกเรียบร้อย เฉิงเอ๋อร์กับเจี้ยนเอ๋อร์ลงจากรถม้าและนำอาหารพร้อมทั้งน้ำดื่มออกมาจากแหวนมิติเพื่อให้ม่อถูนำไปให้ม้าเพลิงวายุทั้ง 10 ได้กิน เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์อสูรระดับสูง เมื่อเข้ามาอยู่ในจวนไป๋จึงทำให้ม้าที่มีอยู่ในจวนแตกตื่นจนเสี่ยวหู่ต้องลงไปจัดการ ส่วนเสี่ยวเฮยนั้นลอยตัวเหนือปัญหาทุกเรื่อง มันทำเพียงซุกอยู่ในอกเสื้อของเจี้ยนเอ๋อร์เท่านั้น“พวกเจ้าเดินทางมาเหนื่อยหรือไม่ เจ้าสามพาเด็ก ๆ เข้ามาข้าง
หลังจากที่ไท่ซ่างหวงกลับเข้าวังไปพร้อมกับเสี่ยวเฮย คนที่เหลือก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน สหายทั้งสามของไป๋อี้ถังเองไม่ได้เดินทางกลับไปที่ตระกูลของพวกเขาแต่อย่างใดเสี่ยวเฮยเมื่อมาถึงวังหลวงก็ออกไปหาของกินมาเติมเต็มความหิวของตัวเองทันที ที่แห่งแรกที่เสี่ยวเฮยไปคือคุกหลวง เริ่มจากแดนที่กักขังคนที่ทำความผิดร้ายแรงก่อน หลังจากนั้นค่อยออกไปหาตามตำหนักต่าง ๆเช้าวันรุ่งขึ้นในวังหลวงเกิดเรื่องโกลาหลขึ้น มีขันทีและนางในสูญหายไปหลายคน ทุกคนที่หายไปนั้นย่อมเป็นสายสืบของพวกศัตรูทั้งนั้น นับว่าเป็นการทำความสะอาดวังครั้งยิ่งใหญ่โดยที่ฮ่องเต้ไม่ต้องลงมือลงแรงทำอันใดเลยตอนนี้พวกขุนนางที่มีความคิดที่ไม่ซื่อหรือมีความคิดคดทรยศบ้านเมือง ต่างรู้สึกว่าชีวิตพวกเขาไม่ปลอดภัยอีกต่อไป หากยังไม่รู้จักพอและกลับตัวกลับใจคงไม่แคล้วว่าตระกูลของพวกเขาคงตกตายตามกันไปหมด คงไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษในปรโลกเป็นแน่แท้เหตุการณ์หายสาบสูญของเหล่าขันที นางกำนัลสูญหายโดยปริศนาสร้างความตื่นตระหนกให้แก่บรรดาเหล่าเจ้านายในแต่ละตำหนักเป็นอย่างมาก นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าเบื้องบนได้รับรู้ตัวตนของศัตรูผู้ไม่หวังดีแล้ว หากยังไม่คิดรามือนั่น
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่