โรงสีข้าว โรงน้ำมัน โรงน้ำแข็ง ร้านขายยา ตลอดจนร้านขายส่งผัก หมู ไก่ ผลหมากรากไม้ ที่จ้อกแจ้กจอแจในช่วงเช้ามืดเพราะผู้คนจากหลายหมู่บ้านจะพายเรือมาหาซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายต่อในหมู่บ้านของตน ทั้งเรือของแม่ค้าที่นำสินค้ามาแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกันก็มาก ตลอดจนเรือขายข้าวต้มเครื่อง ปากริมไข่เต่าและขนมหวานในยามค่ำคืน ทำให้ย่านตลาดแห่งนี้ตั้งแต่เวลาย่ำรุ่งไปจนถึงย่ำค่ำไม่เคยพบกับความเงียบเหงา มีเพียงในเวลานี้เท่านั้น
เมื่อผีตากผ้าอ้อมลาลับความมืดมิดมาเยือน มีเพียงแสงตะเกียงจากครัวเรือนและแสงไฟจากโรงสี โรงน้ำมัน ซึ่งเป็นเวลาที่เธอจะได้อาบน้ำผลัดผ้าผ่อนที่ซึมซับเอาเหงื่อไคลจากการขายของมาตลอดทั้งวันให้เนื้อตัวได้สะอาดสะอ้าน เรือขายเกลือ กะปิ น้ำปลา ทำให้กระไอความเค็มเหมือนจะอยู่ติดเนื้อติดตัวหรือแม้แต่ปลายจมูกที่ทำให้เธอหายใจไม่สะดวกอยากออกมานั่งรับลมอยู่ที่หัวเรือทั้งวันทั้งคืน
เรือนร่างอวบอัดตามวัยลุกขึ้นยืนก่อนจะพาตัวเองเข้าไปสู่ด้านในลำเรือเพื่อผลัดผ้าเตรียมอาบน้ำและท่าน้ำใต้สะพานก็คือสถานที่ที่เธอจะปล่อยกายปล่อยใจให้ล่องลอยอยู่ในสายน้ำ ถึงแม้เธอจะไม่ชอบอยู่ในเรือแต่หากการพาตัวเองลงไปว่ายวนอยู่ในน้ำก็ช่วยให้จิตใจฟุ้งซ่านของเธอสงบลงได้
.
.
‘ผัวไทย’ ถ้อยคำฟุ้งซ่านจากปากของลูกสาวทำให้เหมยฮัวนั่งไม่ติดพื้น ความคิดที่จะเตรียมกับข้าวไว้ตอนเช้าต้องชะงักลงไม่เป็นท่า เพราะเธอหยุดความนึกคิดของตัวเองไม่ได้ ‘ผัวไทย’ ที่ลูกสาวอยากได้เธอได้ลิ้มลองมาแล้ว แม้ความสุขสมจะมาเยือนแบบไม่สุดแต่กลิ่นคาวคลุ้งก็เหมือนยังรับรู้ได้ติดปลายจมูก กลิ่นคาวที่ไม่ใช่ของผัวแก่ชาวจีนแต่เป็นผัวไทยที่เธอไม่รู้จักหน้าตา แม้ไม่เห็นหน้าแต่กลิ่นรำข้าวก็ทำให้รู้ว่าเป็นคนงานที่โรงสีอย่างแน่นอน น่าแปลกที่เธอไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับนายตำรวจที่มาสอบปากคำ หรือจริงๆ แล้วเธอหวังว่าจะได้กลิ่นนั้นอีกครั้งในอีกไม่นานนี้หรือก่อนที่เรือจะออกจากท่า
ความร้อนรนบังเกิดจนอดรนทนไม่ไหว ร่างอวบอัดและสมส่วนตามวัยดอกไม้เบ่งบานเต็มที่ขยับกายซุกเข้าที่ซอกหลืบสำหรับเก็บข้าวของที่ไม่ได้ใช้งาน ท่อนขาขาวนวลเนียนแยกออกจากกันปล่อยให้ดอกเหมยฮัวเบ่งบานตามความต้องการที่ร้องประท้วง ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์น่าระทึกในวันนั้นดอกไม้บานยิ่งผลิตน้ำหวานออกมาอย่างมากล้น
เหมยฮัวซูดปากขึ้นอย่างลืมตัวเมื่อนิ้วมือเล็กๆ เผลอสัมผัสหยาดน้ำนั้น เธอทนไม่ได้ที่จะไม่สัมผัส ทนไม่ได้ที่ต้องรอคอยจนกว่าจะถึงเวลาอาบน้ำในคลอง และทนไม่ได้จนกว่าเฮียย้งจะกลับมา เพราะความคิดจุดแรงปรารถนายั้งไม่อยู่เสียแล้วและมันก็ร้อนเสียจนนิ้วมือเอาไม่อยู่
ดวงตากวาดมองหาบางสิ่งที่จะช่วยมาเติมเต็ม อะไรก็ได้ที่จะมาต้านทานแรงบีบรัดของดอกเหมยฮัวได้อย่างพอดิบพอดี อะไรที่... เหมยฮัวคลานสี่ขาไปยังสุดสายตาที่เห็น ตะกร้าผักที่เธอทั้งซื้อและนำเกลือไปแลกมาเมื่อช่วงเช้าวางอยู่ที่ตรงนั้น แตงกวาลูกสั้น มะเขือยาวลูกเขื่อง หัวไชเท้าลูกโต และมะระจีนลูกยาวป้อม เหมยฮัวยิ้มราวสวรรค์ตกลงมาตรงหน้า มือสั่นเพราะความอยากรีบคว้าสิ่งที่พอเหมาะมือก่อนจะรีบคลานเข่ากลับมา ณ จุดเดิม
เธอไม่อยากเดิน เธออยากให้บั้นท้ายได้อากาศจากภายนอก และตอนนี้บั้นท้ายของเธอกำลังกดนาบกับพื้นเรือเพื่อรอคอยมะเขือยาวลูกเขื่องเข้าไปสำรวจ ขนาดที่เธอต้องการไม่ใช่ขนาดของเฮียย้งที่คงได้แค่แตงกวาลูกสั้น แต่ที่เธอต้องการคือขนาดของจับกังโรงสีข้าวคนนั้น ขนาดที่ทำให้เธอแน่นขนัดจนต้องจิกเท้าแนบแน่นกับผืนกระดาน ก่อนจะยกบั้นท้ายลอยร่อนไม่ติดพื้น
"อูย... อา... ซี้ด... โอว..."
ใบหน้าสวยงามตามแบบฉบับสาวจีนบิดเบี้ยวทั้งเสียวและสุข สลับกับส่งเสียงครวญครางบางเบา มะเขือลูกยาวทำหน้าที่แทนเฮียย้งไม่ขาดตกบกพร่อง มือน้อยกำส่วนหัวติดขั้วของมันแน่นก่อนจะส่งความเขียวอ่อนกินอร่อยเข้าไปสำรวจดงดอกเหมยฮัวเข้าๆ ออกๆ ตามจังหวะที่เธอต้องการ ฝ่ามืออีกข้างบีบเคล้นเต้าอวบใหญ่รุนแรงจนรู้สึกเจ็บแต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ สิ่งที่เธอต้องการยังมากกว่านั้น
ร่างอวบอิ่มลุกขึ้นนั่งยอง มะเขือลูกเก่าถูกผลักไสไม่ไยดี ลูกใหญ่สุดนั่นคือจุดหมาย มือกำแน่นที่ส่วนหัวบริเวณขั้วก่อนจะจับปลายให้ชี้ขึ้นเพื่อส่งความยาวนั้นเข้าไปในดงดอกไม้ที่หยาดเยิ้มไปด้วยน้ำหวาน
เหมยฮัวค่อยๆ กดร่างลงนั่งปล่อยให้ดอกเหมยฮัวฉ่ำน้ำอ้าอมเอามะเขือยาวลูกเขื่องเข้าไปจนเกือบมิด เฮียย้งชอบให้เธออยู่บนและถึงเธอจะชอบท่านี้อยู่มากแต่ความอายก็มีมากเสียจนไม่กล้าจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวต้องปล่อยให้เฮียย้งเป็นคนจับสะโพกของเธอเข้าออก แต่ในยามนี้ผืนกระดานสีดำเท่านั้นที่เธอเห็น เหมยฮัวยิ้มด้วยความสุขเพราะสิ่งที่เธอค้นพบจะทำให้เธอสามารถมีความสุขได้ทุกที่ทุกครั้งที่ต้องการและคราวต่อไปหัวไชเท้ากับมะระคงได้มาเติมเต็ม และภายในลำเรือแห่งนี้คงไม่ขาดพืชผักที่แสนจะอร่อยเหล่านี้ไปอีกตลอดกาล
กระบวยตักน้ำที่ทำจากกะลามะพร้าวใบโตขัดมันเรียบลื่นจ้วงน้ำในคลองขึ้นมาวางบนหน้าตัก น้ำเต็มปรี่เอ่อล้นจนซึมผ่านต้นขาลงไปด้านล่าง เหมยกุ้ยหลับตาพริ้มซึมซับเอาความเย็นที่แทรกผ่านนั้นจนอดไม่ได้ต้องเทน้ำลงไปตรงๆ เพราะแค่น้ำซึมผ่านเธอก็รู้สึกดีเสียยิ่งกระไร ความเย็นที่รับรู้ได้เป็นสายเล็กนั้นแทรกซอนผ่านผ้าถุงลงไปหาบางอย่างที่ร้อนรนเหลือเกินฝ่ามือขาวจั๊วะตามเชื้อสายวักน้ำแตะซับไปมาตามใบหน้า ลำคอและท่อนแขนทั้งสองข้าง ผ้าถุงชื้นน้ำกระโจมขัดกันไว้เหนือดอกบัวคู่งามมันเป็นความอึดอัดที่เธอไม่อยากจะรู้สึก เวลาจะชำระคราบไคลทำความสะอาดต้องลงไปลอยคอในน้ำก่อนจะล้วงมือเข้ามาขัดถู แต่ถ้าโชคไม่ดีหากเรือไปเทียบท่าในจุดที่บันไดสูงหรือเป็นช่วงน้ำลง ก็ไม่พ้นที่เธอต้องค่อยๆ ตักน้ำราดเข้าไป แม้แต่ดอกบัวเธอยังหมดโอกาสที่จะชำระแล้วนับประสาอะไรกับดอกกุหลาบแรกแย้มเธอยิ่งไม่มีสิทธิ์ไปแตะต้อง ดังนั้นสายน้ำเย็นฉ่ำในคืนเดือนมืดช่างเป็นสิ่งที่เธอปรารถนา เพราะจะได้ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนกลัวว่าใครจะเห็น ได้ขัดได้ถูความงดงามที่แม่มอบให้กับเธอไม่มีตกหล่นนั้นได้อย่างสะอาดหมดจนที่สุดดวงตากลมโตสวยหวานล้อมกรอบไปด้วยแพขนตางอนงา
แสงสีส้มที่เริ่มจะลาลับไปจากขอบฟ้าทำให้บรรยากาศจ้อกแจ้กจอแจเมื่อครู่ใหญ่ๆ คลายลง ผู้คนที่พายเรือสัญจรไปมาในลำคลองสายนี้เริ่มบางเพราะต่างฝ่ายต่างรีบจะกลับให้ถึงบ้านถึงเรือนก่อนค่ำ ใครโชคดีบ้านอยู่ไปทางหน้าตลาดก็ยังพายเรือไม่ได้เร่งรีบมากนัก หากแต่ใครโชคร้ายที่บ้านอยู่ค่อนไปทางวัดแต่ดันทำธุระเสียจนเกือบค่ำก็ได้แต่จ้ำอ้าวๆ ไม่รอใคร เพราะรู้กันทั่วว่าผีหน้าวัดน่ะดุใช่เล่น ใครทะเล่อทะล่ากลับค่ำหรือแค่ยามโพล้เพล้ได้โดนหลอกจับไข้หัวโกร๋นกันมานักต่อนักแล้ว น้ำเต็มตลิ่งเพราะใกล้เดือนสิบสองมาทุกทีทำให้สายลมที่โชยพัดมาหอบเอาความเย็นชื่นใจมาด้วย เธอจึงชอบที่จะมานั่งรับลมอยู่บริเวณหัวเรือ ไม่ว่าใครจะพูดถึงเรื่องผีสางกันเท่าไร เธอก็ไม่กลัว เธอกลัวความร้อนมากกว่า หลายปีแล้วที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในลำเรือ เพราะตั้งแต่เตี่ยและแม่เลือกที่จะค้าขายทางน้ำทำให้เธอที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวต้องติดสอยห้อยตามมาด้วย จากเด็กหญิงจนกลายเป็นสาวเต็มตัว ความอุดอู้อยู่เพียงในลำเรือพูดไปก็คงจะไม่มีใครเข้าใจยามต้องทนมองหญิงสาวหลากหลายคนลงเล่นน้ำในท่าหน้าบ้านของตนเอง เธอให้นึกอิจฉาพวกหล่อนนัก อิจฉาที่พวกหล่อนเป็
ในยามนั้นเธอเปรียบดั่งดอกเหมยฮัวแรกแย้มส่งกลิ่นล่อแมลง และในยามนี้เธอก็ยังคงเป็นดอกเหมยฮัวที่เบ่งบานเต็มที่พร้อมจะได้รับการผสมพันธุ์จากแมลงครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าแมลงที่คุ้นเคยกลับไม่สามารถทำได้ เพราะวัยที่แตกต่างกันมาก บ่อยครั้งที่ลูกค้ามักจะคิดว่าเธอและเหมยกุ้ยเป็นลูกสาวของเฮียย้ง กว่าสี่ปีที่ล่องเรือค้าขายทำให้มีเงินเก็บมากพอที่จะซื้อหาบ้านเรือนและที่ดินแต่เฮียย้งก็ชะล่าใจบอกให้คอยอีกหน่อยเพราะเงินเก็บที่มีอยู่แกจะนำไปลงทุนค้าข้าว ให้ทนอยู่ในเรือกันไปก่อน ในวันข้างหน้าเธอกับลูกจะได้สุขสบายแต่สิ่งที่หวังไว้มาไม่ทัน เงินเก็บถูกปล้นไม่เหลือ เหลือแต่ข้าวของที่ต้องค้าขายกันใหม่ และยังดีที่เธอซุกซ่อนทองเส้นเล็กเส้นน้อยไว้ตามฝากระดานที่เปิดได้จึงพอได้ขายนำเงินมาทำทุนเพิ่ม ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เฮียย้งจึงดูแก่ไปมากและเพราะคิดมาก แต่เธอล่ะ... ยิ่งเฮียหลับลึกเธอยิ่งทรมานเพราะรสสัมผัสที่ถูกจุดติดนับจากวันนั้นมันตามหลอกหลอนจนเธอหลับไม่ลง‘เฮ้ย! ค้นให้ทั่ว ดูสิว่ามันมีเงินซุกซ่อนไว้ตรงไหนบ้าง’เสียงหัวหน้าโจรตะโกนบอกลูกน้องในขณะที่สายตาของมันกวาดมองความขาวภายนอกร่มผ้าของเธอไม่วางตา แม้จะอยู่ใ
‘อะ! อย่า! อย่า...’‘ผัวมึงมาแล้ว ให้มันเอามึงต่อล่ะกัน หึหึ..’เธอไขว่คว้าร่างของมันเพราะแรงตอดรัดอย่างรุนแรงต้องการสิ่งมาเติมเต็ม แต่มันกลับกระโดดลงน้ำไปทางท้ายเรือปล่อยให้เธอลอยเคว้งทั้งที่กลิ่นคาวแข็งแกร่งนั้นยังคงคลุ้งไปทั่ว แต่เพราะเสียงผู้คนและแรงสะเทือนที่รู้ได้ว่ามีคนลงมาในเรือเธอจึงต้องรีบจัดแต่งเสื้อผ้าและทำเป็นนอนสลบไสลไม่รับรู้ราวกับโดนรมยา"บัญชีของเตี่ยฉันทำเสร็จแล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก และทีหลังอย่าเรียกฉันแบบนี้อีก แม่ก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ"เสียงหวานแต่ไม่สบอารมณ์ของเหมยกุ้ยทำลายภวังค์อันเพริศแพร้วของเธอ เหมยฮัวส่ายใบหน้าไปมา สงสารทั้งลูกและสงสารทั้งตัวเอง เหมยกุ้ยเก่งทั้งงานบ้านงานเรือนตามที่เธออบรมสั่งสอนและทั้งยังพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้เป็นอย่างดีแม้ไม่ได้ไปเรียนหนังสือเหมือนลูกคนอื่นเขาเพราะได้คุณนายเถ้าแก่โรงสีสอนสั่งเมื่อครั้งเป็นเด็กหญิงเหมยกุ้ยจึงไม่ต้องพูดไทยสำเนียงจีนอย่างเธอกับเฮียย้ง อีกทั้งเหมยกุ้ยยังสามารถคิดราคาสินค้าและจัดทำบัญชีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เหมยกุ้ยไม่ชอบชีวิตแบบนี้ ก็ใครล่ะจะชอบเธอเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน ทางใดที่จะผลักดันให้ลูกไปให้พ้นจากในเรือ
กระบวยตักน้ำที่ทำจากกะลามะพร้าวใบโตขัดมันเรียบลื่นจ้วงน้ำในคลองขึ้นมาวางบนหน้าตัก น้ำเต็มปรี่เอ่อล้นจนซึมผ่านต้นขาลงไปด้านล่าง เหมยกุ้ยหลับตาพริ้มซึมซับเอาความเย็นที่แทรกผ่านนั้นจนอดไม่ได้ต้องเทน้ำลงไปตรงๆ เพราะแค่น้ำซึมผ่านเธอก็รู้สึกดีเสียยิ่งกระไร ความเย็นที่รับรู้ได้เป็นสายเล็กนั้นแทรกซอนผ่านผ้าถุงลงไปหาบางอย่างที่ร้อนรนเหลือเกินฝ่ามือขาวจั๊วะตามเชื้อสายวักน้ำแตะซับไปมาตามใบหน้า ลำคอและท่อนแขนทั้งสองข้าง ผ้าถุงชื้นน้ำกระโจมขัดกันไว้เหนือดอกบัวคู่งามมันเป็นความอึดอัดที่เธอไม่อยากจะรู้สึก เวลาจะชำระคราบไคลทำความสะอาดต้องลงไปลอยคอในน้ำก่อนจะล้วงมือเข้ามาขัดถู แต่ถ้าโชคไม่ดีหากเรือไปเทียบท่าในจุดที่บันไดสูงหรือเป็นช่วงน้ำลง ก็ไม่พ้นที่เธอต้องค่อยๆ ตักน้ำราดเข้าไป แม้แต่ดอกบัวเธอยังหมดโอกาสที่จะชำระแล้วนับประสาอะไรกับดอกกุหลาบแรกแย้มเธอยิ่งไม่มีสิทธิ์ไปแตะต้อง ดังนั้นสายน้ำเย็นฉ่ำในคืนเดือนมืดช่างเป็นสิ่งที่เธอปรารถนา เพราะจะได้ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนกลัวว่าใครจะเห็น ได้ขัดได้ถูความงดงามที่แม่มอบให้กับเธอไม่มีตกหล่นนั้นได้อย่างสะอาดหมดจนที่สุดดวงตากลมโตสวยหวานล้อมกรอบไปด้วยแพขนตางอนงา
โรงสีข้าว โรงน้ำมัน โรงน้ำแข็ง ร้านขายยา ตลอดจนร้านขายส่งผัก หมู ไก่ ผลหมากรากไม้ ที่จ้อกแจ้กจอแจในช่วงเช้ามืดเพราะผู้คนจากหลายหมู่บ้านจะพายเรือมาหาซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายต่อในหมู่บ้านของตน ทั้งเรือของแม่ค้าที่นำสินค้ามาแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกันก็มาก ตลอดจนเรือขายข้าวต้มเครื่อง ปากริมไข่เต่าและขนมหวานในยามค่ำคืน ทำให้ย่านตลาดแห่งนี้ตั้งแต่เวลาย่ำรุ่งไปจนถึงย่ำค่ำไม่เคยพบกับความเงียบเหงา มีเพียงในเวลานี้เท่านั้นเมื่อผีตากผ้าอ้อมลาลับความมืดมิดมาเยือน มีเพียงแสงตะเกียงจากครัวเรือนและแสงไฟจากโรงสี โรงน้ำมัน ซึ่งเป็นเวลาที่เธอจะได้อาบน้ำผลัดผ้าผ่อนที่ซึมซับเอาเหงื่อไคลจากการขายของมาตลอดทั้งวันให้เนื้อตัวได้สะอาดสะอ้าน เรือขายเกลือ กะปิ น้ำปลา ทำให้กระไอความเค็มเหมือนจะอยู่ติดเนื้อติดตัวหรือแม้แต่ปลายจมูกที่ทำให้เธอหายใจไม่สะดวกอยากออกมานั่งรับลมอยู่ที่หัวเรือทั้งวันทั้งคืนเรือนร่างอวบอัดตามวัยลุกขึ้นยืนก่อนจะพาตัวเองเข้าไปสู่ด้านในลำเรือเพื่อผลัดผ้าเตรียมอาบน้ำและท่าน้ำใต้สะพานก็คือสถานที่ที่เธอจะปล่อยกายปล่อยใจให้ล่องลอยอยู่ในสายน้ำ ถึงแม้เธอจะไม่ชอบอยู่ในเรือแต่หากการพาตัวเองลงไปว่ายวนอยู
‘อะ! อย่า! อย่า...’‘ผัวมึงมาแล้ว ให้มันเอามึงต่อล่ะกัน หึหึ..’เธอไขว่คว้าร่างของมันเพราะแรงตอดรัดอย่างรุนแรงต้องการสิ่งมาเติมเต็ม แต่มันกลับกระโดดลงน้ำไปทางท้ายเรือปล่อยให้เธอลอยเคว้งทั้งที่กลิ่นคาวแข็งแกร่งนั้นยังคงคลุ้งไปทั่ว แต่เพราะเสียงผู้คนและแรงสะเทือนที่รู้ได้ว่ามีคนลงมาในเรือเธอจึงต้องรีบจัดแต่งเสื้อผ้าและทำเป็นนอนสลบไสลไม่รับรู้ราวกับโดนรมยา"บัญชีของเตี่ยฉันทำเสร็จแล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก และทีหลังอย่าเรียกฉันแบบนี้อีก แม่ก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ"เสียงหวานแต่ไม่สบอารมณ์ของเหมยกุ้ยทำลายภวังค์อันเพริศแพร้วของเธอ เหมยฮัวส่ายใบหน้าไปมา สงสารทั้งลูกและสงสารทั้งตัวเอง เหมยกุ้ยเก่งทั้งงานบ้านงานเรือนตามที่เธออบรมสั่งสอนและทั้งยังพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้เป็นอย่างดีแม้ไม่ได้ไปเรียนหนังสือเหมือนลูกคนอื่นเขาเพราะได้คุณนายเถ้าแก่โรงสีสอนสั่งเมื่อครั้งเป็นเด็กหญิงเหมยกุ้ยจึงไม่ต้องพูดไทยสำเนียงจีนอย่างเธอกับเฮียย้ง อีกทั้งเหมยกุ้ยยังสามารถคิดราคาสินค้าและจัดทำบัญชีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เหมยกุ้ยไม่ชอบชีวิตแบบนี้ ก็ใครล่ะจะชอบเธอเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน ทางใดที่จะผลักดันให้ลูกไปให้พ้นจากในเรือ
ในยามนั้นเธอเปรียบดั่งดอกเหมยฮัวแรกแย้มส่งกลิ่นล่อแมลง และในยามนี้เธอก็ยังคงเป็นดอกเหมยฮัวที่เบ่งบานเต็มที่พร้อมจะได้รับการผสมพันธุ์จากแมลงครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าแมลงที่คุ้นเคยกลับไม่สามารถทำได้ เพราะวัยที่แตกต่างกันมาก บ่อยครั้งที่ลูกค้ามักจะคิดว่าเธอและเหมยกุ้ยเป็นลูกสาวของเฮียย้ง กว่าสี่ปีที่ล่องเรือค้าขายทำให้มีเงินเก็บมากพอที่จะซื้อหาบ้านเรือนและที่ดินแต่เฮียย้งก็ชะล่าใจบอกให้คอยอีกหน่อยเพราะเงินเก็บที่มีอยู่แกจะนำไปลงทุนค้าข้าว ให้ทนอยู่ในเรือกันไปก่อน ในวันข้างหน้าเธอกับลูกจะได้สุขสบายแต่สิ่งที่หวังไว้มาไม่ทัน เงินเก็บถูกปล้นไม่เหลือ เหลือแต่ข้าวของที่ต้องค้าขายกันใหม่ และยังดีที่เธอซุกซ่อนทองเส้นเล็กเส้นน้อยไว้ตามฝากระดานที่เปิดได้จึงพอได้ขายนำเงินมาทำทุนเพิ่ม ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เฮียย้งจึงดูแก่ไปมากและเพราะคิดมาก แต่เธอล่ะ... ยิ่งเฮียหลับลึกเธอยิ่งทรมานเพราะรสสัมผัสที่ถูกจุดติดนับจากวันนั้นมันตามหลอกหลอนจนเธอหลับไม่ลง‘เฮ้ย! ค้นให้ทั่ว ดูสิว่ามันมีเงินซุกซ่อนไว้ตรงไหนบ้าง’เสียงหัวหน้าโจรตะโกนบอกลูกน้องในขณะที่สายตาของมันกวาดมองความขาวภายนอกร่มผ้าของเธอไม่วางตา แม้จะอยู่ใ
แสงสีส้มที่เริ่มจะลาลับไปจากขอบฟ้าทำให้บรรยากาศจ้อกแจ้กจอแจเมื่อครู่ใหญ่ๆ คลายลง ผู้คนที่พายเรือสัญจรไปมาในลำคลองสายนี้เริ่มบางเพราะต่างฝ่ายต่างรีบจะกลับให้ถึงบ้านถึงเรือนก่อนค่ำ ใครโชคดีบ้านอยู่ไปทางหน้าตลาดก็ยังพายเรือไม่ได้เร่งรีบมากนัก หากแต่ใครโชคร้ายที่บ้านอยู่ค่อนไปทางวัดแต่ดันทำธุระเสียจนเกือบค่ำก็ได้แต่จ้ำอ้าวๆ ไม่รอใคร เพราะรู้กันทั่วว่าผีหน้าวัดน่ะดุใช่เล่น ใครทะเล่อทะล่ากลับค่ำหรือแค่ยามโพล้เพล้ได้โดนหลอกจับไข้หัวโกร๋นกันมานักต่อนักแล้ว น้ำเต็มตลิ่งเพราะใกล้เดือนสิบสองมาทุกทีทำให้สายลมที่โชยพัดมาหอบเอาความเย็นชื่นใจมาด้วย เธอจึงชอบที่จะมานั่งรับลมอยู่บริเวณหัวเรือ ไม่ว่าใครจะพูดถึงเรื่องผีสางกันเท่าไร เธอก็ไม่กลัว เธอกลัวความร้อนมากกว่า หลายปีแล้วที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในลำเรือ เพราะตั้งแต่เตี่ยและแม่เลือกที่จะค้าขายทางน้ำทำให้เธอที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวต้องติดสอยห้อยตามมาด้วย จากเด็กหญิงจนกลายเป็นสาวเต็มตัว ความอุดอู้อยู่เพียงในลำเรือพูดไปก็คงจะไม่มีใครเข้าใจยามต้องทนมองหญิงสาวหลากหลายคนลงเล่นน้ำในท่าหน้าบ้านของตนเอง เธอให้นึกอิจฉาพวกหล่อนนัก อิจฉาที่พวกหล่อนเป็