แสงสีส้มที่เริ่มจะลาลับไปจากขอบฟ้าทำให้บรรยากาศจ้อกแจ้กจอแจเมื่อครู่ใหญ่ๆ คลายลง ผู้คนที่พายเรือสัญจรไปมาในลำคลองสายนี้เริ่มบางเพราะต่างฝ่ายต่างรีบจะกลับให้ถึงบ้านถึงเรือนก่อนค่ำ ใครโชคดีบ้านอยู่ไปทางหน้าตลาดก็ยังพายเรือไม่ได้เร่งรีบมากนัก หากแต่ใครโชคร้ายที่บ้านอยู่ค่อนไปทางวัดแต่ดันทำธุระเสียจนเกือบค่ำก็ได้แต่จ้ำอ้าวๆ ไม่รอใคร เพราะรู้กันทั่วว่าผีหน้าวัดน่ะดุใช่เล่น ใครทะเล่อทะล่ากลับค่ำหรือแค่ยามโพล้เพล้ได้โดนหลอกจับไข้หัวโกร๋นกันมานักต่อนักแล้ว
น้ำเต็มตลิ่งเพราะใกล้เดือนสิบสองมาทุกทีทำให้สายลมที่โชยพัดมาหอบเอาความเย็นชื่นใจมาด้วย เธอจึงชอบที่จะมานั่งรับลมอยู่บริเวณหัวเรือ ไม่ว่าใครจะพูดถึงเรื่องผีสางกันเท่าไร เธอก็ไม่กลัว เธอกลัวความร้อนมากกว่า หลายปีแล้วที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในลำเรือ เพราะตั้งแต่เตี่ยและแม่เลือกที่จะค้าขายทางน้ำทำให้เธอที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวต้องติดสอยห้อยตามมาด้วย จากเด็กหญิงจนกลายเป็นสาวเต็มตัว ความอุดอู้อยู่เพียงในลำเรือพูดไปก็คงจะไม่มีใครเข้าใจ
ยามต้องทนมองหญิงสาวหลากหลายคนลงเล่นน้ำในท่าหน้าบ้านของตนเอง เธอให้นึกอิจฉาพวกหล่อนนัก อิจฉาที่พวกหล่อนเป็นลูกหลานคนไทย จึงมีที่มีทางให้ทำกิน แม้ไม่ต้องมีบ้านใหญ่โตเท่าเจ้าของห้างร้านหรือเจ้าของโรงสี แต่พวกหล่อนก็ยังมีที่ว่างให้วิ่งเล่นซุกซนหรือเล่นตามประสาสาวน้อยวัยกำดัด ไม่เหมือนเธอ
เตี่ยของเธอเข้ามาในเมืองไทยช้ากว่าบรรดาพี่น้องทำให้จะหยิบจับอะไรก็ดูจะพบทางตันไปเสียหมด แต่ก็ต้องนับว่าเตี่ยไม่ยอมแพ้หลังจากที่ได้ตบแต่งกับแม่เพราะเถ้าแก่โรงสีที่เป็นญาติห่างๆ ชักพาไปดูตัว เตี่ยก็ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในโรงสีทำให้มีเงินเก็บพอที่จะซื้อหาเรือเอี้ยมจุ๊นและต่อเสริมจนเป็นเรือขายของชำขนาดปานกลางขึ้นมาได้
แม้จะขัดใจแม่ที่เตี่ยไม่คิดจะซื้อที่สร้างบ้านใหม่ให้แม่มีความทัดหน้าเทียมตาผู้อื่น แต่กลับนำมาซื้อเรือ แต่เมื่อนึกถึงคำที่เตี่ยบอกให้เชื่อใจแม่ก็ยอมที่จะย้ายจากบกมาสู่น้ำ เพราะยังไงเสียสาวจีนอย่างแม่ก็ยังต้องถือว่าสามีเป็นใหญ่ แม้จะเป็นลูกจีนที่เกิดในเมืองไทยก็ตาม สำหรับแม่อาจจะคิดแบบนั้น แต่สำหรับเธอ ‘ผัว’ ตามที่แม่มักจะย้ำเตือนว่าต้องให้เตี่ยและแม่ดูให้ เธอจะไม่ยอมทำอะไรตามใจผัวเด็ดขาด ผัวน่ะสิที่ต้องทำอะไรตามใจเธอทุกอย่าง
"เหมยกุ้ยเอ๊ย! เหมยกุ้ย!"
"จ๋าแม่ ฉันอยู่นี่"
‘เหมยกุ้ย’ ขานรับเสียงเรียกของแม่ที่ดังมาจากด้านในของตัวเรือ ใบหน้างดงามปานดวงจันทร์วันเพ็ญมีแววเย็นชาในขณะที่ดวงตาฉายแววเร่าร้อนทะยานอยากหันมองแม่ แม่ที่มีใบหน้า รูปร่างและเรือนกาย ใกล้เคียงกับเธอราวกับเป็นพี่น้องมากกว่าจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด แม่ที่อดทนอยู่ในลำเรือแต่ไม่ใช่เธอแน่ที่จะทนตลอดไป
ยิ่งนึกถึงความคับแคบที่แค่เรียกเบาๆ ก็ได้ยินจนทั่ว เธอยิ่งอยากจะไปให้พ้นจากที่นี่ เพราะลำเรือไม่ได้กว้างขวางมากนัก จากตรงกลางค่อนมาทางด้านหน้าใช้เป็นที่จัดวางสินค้าประเภทกะปิ น้ำปลา น้ำตาลปึก เกลือ ส่วนจากตรงกลางไปจนถึงท้ายยกพื้นขึ้นมาเป็นที่นอนและครัวแบบง่ายๆ ที่บริเวณท้ายเรือ
ยามเธอเป็นเหมยกุ้ยตัวน้อยๆ ของแม่ เธอดีใจที่ได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของแม่ในทุกคืนแม้ว่ากลางดึกเมื่อแม่คิดว่าเธอหลับไปแล้ว แม่จะลุกเข้าไปในครัวซึ่งเตี่ยใช้เป็นที่หลับนอนก็ตาม ก่อนความรู้สึกคล้ายเรือไหวโยกอยู่ทุกคืนวันราวกับว่ามีเรือใหญ่กว่าหรือเรือข้าวแล่นผ่าน แต่น่าแปลกที่เธอไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือเลยสักนิด มีแต่เสียง...
แต่เมื่อเธอตัวเท่าแม่ ความอบอุ่นนั้นกลับกลายเป็นร้อนจนนอนหายใจหายคอไม่สะดวก และแม่ที่เพิ่งจะสามสิบต้นๆ ก็ดูราวจะเข้าไปในครัวบ่อยครั้ง จนบางครั้งเธอต้องขายของอยู่เพียงคนเดียวเพราะแม่กับเตี่ยขยันกันทำเรือสั่นได้ไม่เว้นกลางวันกลางคืน คงจะมีเพียงช่วงหลังที่อาการเรือสั่นหายไปหลังจากเรือถูกโจรปล้น
ดวงตาสวยหวานมองเหม่อไปบนฝั่ง เธอโหยหาที่จะไปอาศัยนอนบนผืนดิน แม้ว่ามันจะใกล้กันเพียงกระดานไม้พาดผ่าน และเรือของเตี่ยที่จอดอยู่ใต้สะพานไม้แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะขึ้นไป แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะขึ้นไปอยู่ตามลำพัง ต้องมีคนพาเธอขึ้นไป
"เหมยกุ้ย ทำบัญชีให้เตี่ยเขาหรือยัง ประเดี๋ยวเตี่ยก็จะกลับมาแล้วนะ"
เหมยฮัวเลิกผ้าม่านสีหม่นที่ใช้สำหรับปิดกั้นสายตาคนภายนอกในยามค่ำคืนขึ้นมองลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ ใบหน้าเศร้าแต่แววตาโชนแสงคู่นั้นเธอรู้ดีว่าดอกกุหลาบแรกแย้มดอกนี้ต้องการอิสระมากมายเพียงใด ก็คงเหมือนกันกับเธอ เหมยกุ้ยในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเธอในยามนั้น แค่รู้ว่าจะมีผู้ชายมาดูตัว เธอก็สั่นไปทั้งร่าง แรงขับเคลื่อนภายในร้องสั่งให้รีบไปจากครอบครัวให้ไวที่สุด ไปสู่อิสระที่เธอต้องการ ไปสู่โลกใหม่ที่ไกลกว่าบ้านและโรงสี และรสสัมผัสจากชายก็ทำให้เธอต้องยอมทุกอย่างที่เขาต้องการ
ในยามนั้นเธอเปรียบดั่งดอกเหมยฮัวแรกแย้มส่งกลิ่นล่อแมลง และในยามนี้เธอก็ยังคงเป็นดอกเหมยฮัวที่เบ่งบานเต็มที่พร้อมจะได้รับการผสมพันธุ์จากแมลงครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าแมลงที่คุ้นเคยกลับไม่สามารถทำได้ เพราะวัยที่แตกต่างกันมาก บ่อยครั้งที่ลูกค้ามักจะคิดว่าเธอและเหมยกุ้ยเป็นลูกสาวของเฮียย้ง กว่าสี่ปีที่ล่องเรือค้าขายทำให้มีเงินเก็บมากพอที่จะซื้อหาบ้านเรือนและที่ดินแต่เฮียย้งก็ชะล่าใจบอกให้คอยอีกหน่อยเพราะเงินเก็บที่มีอยู่แกจะนำไปลงทุนค้าข้าว ให้ทนอยู่ในเรือกันไปก่อน ในวันข้างหน้าเธอกับลูกจะได้สุขสบายแต่สิ่งที่หวังไว้มาไม่ทัน เงินเก็บถูกปล้นไม่เหลือ เหลือแต่ข้าวของที่ต้องค้าขายกันใหม่ และยังดีที่เธอซุกซ่อนทองเส้นเล็กเส้นน้อยไว้ตามฝากระดานที่เปิดได้จึงพอได้ขายนำเงินมาทำทุนเพิ่ม ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เฮียย้งจึงดูแก่ไปมากและเพราะคิดมาก แต่เธอล่ะ... ยิ่งเฮียหลับลึกเธอยิ่งทรมานเพราะรสสัมผัสที่ถูกจุดติดนับจากวันนั้นมันตามหลอกหลอนจนเธอหลับไม่ลง‘เฮ้ย! ค้นให้ทั่ว ดูสิว่ามันมีเงินซุกซ่อนไว้ตรงไหนบ้าง’เสียงหัวหน้าโจรตะโกนบอกลูกน้องในขณะที่สายตาของมันกวาดมองความขาวภายนอกร่มผ้าของเธอไม่วางตา แม้จะอยู่ใ
‘อะ! อย่า! อย่า...’‘ผัวมึงมาแล้ว ให้มันเอามึงต่อล่ะกัน หึหึ..’เธอไขว่คว้าร่างของมันเพราะแรงตอดรัดอย่างรุนแรงต้องการสิ่งมาเติมเต็ม แต่มันกลับกระโดดลงน้ำไปทางท้ายเรือปล่อยให้เธอลอยเคว้งทั้งที่กลิ่นคาวแข็งแกร่งนั้นยังคงคลุ้งไปทั่ว แต่เพราะเสียงผู้คนและแรงสะเทือนที่รู้ได้ว่ามีคนลงมาในเรือเธอจึงต้องรีบจัดแต่งเสื้อผ้าและทำเป็นนอนสลบไสลไม่รับรู้ราวกับโดนรมยา"บัญชีของเตี่ยฉันทำเสร็จแล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก และทีหลังอย่าเรียกฉันแบบนี้อีก แม่ก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ"เสียงหวานแต่ไม่สบอารมณ์ของเหมยกุ้ยทำลายภวังค์อันเพริศแพร้วของเธอ เหมยฮัวส่ายใบหน้าไปมา สงสารทั้งลูกและสงสารทั้งตัวเอง เหมยกุ้ยเก่งทั้งงานบ้านงานเรือนตามที่เธออบรมสั่งสอนและทั้งยังพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้เป็นอย่างดีแม้ไม่ได้ไปเรียนหนังสือเหมือนลูกคนอื่นเขาเพราะได้คุณนายเถ้าแก่โรงสีสอนสั่งเมื่อครั้งเป็นเด็กหญิงเหมยกุ้ยจึงไม่ต้องพูดไทยสำเนียงจีนอย่างเธอกับเฮียย้ง อีกทั้งเหมยกุ้ยยังสามารถคิดราคาสินค้าและจัดทำบัญชีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เหมยกุ้ยไม่ชอบชีวิตแบบนี้ ก็ใครล่ะจะชอบเธอเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน ทางใดที่จะผลักดันให้ลูกไปให้พ้นจากในเรือ
โรงสีข้าว โรงน้ำมัน โรงน้ำแข็ง ร้านขายยา ตลอดจนร้านขายส่งผัก หมู ไก่ ผลหมากรากไม้ ที่จ้อกแจ้กจอแจในช่วงเช้ามืดเพราะผู้คนจากหลายหมู่บ้านจะพายเรือมาหาซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายต่อในหมู่บ้านของตน ทั้งเรือของแม่ค้าที่นำสินค้ามาแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกันก็มาก ตลอดจนเรือขายข้าวต้มเครื่อง ปากริมไข่เต่าและขนมหวานในยามค่ำคืน ทำให้ย่านตลาดแห่งนี้ตั้งแต่เวลาย่ำรุ่งไปจนถึงย่ำค่ำไม่เคยพบกับความเงียบเหงา มีเพียงในเวลานี้เท่านั้นเมื่อผีตากผ้าอ้อมลาลับความมืดมิดมาเยือน มีเพียงแสงตะเกียงจากครัวเรือนและแสงไฟจากโรงสี โรงน้ำมัน ซึ่งเป็นเวลาที่เธอจะได้อาบน้ำผลัดผ้าผ่อนที่ซึมซับเอาเหงื่อไคลจากการขายของมาตลอดทั้งวันให้เนื้อตัวได้สะอาดสะอ้าน เรือขายเกลือ กะปิ น้ำปลา ทำให้กระไอความเค็มเหมือนจะอยู่ติดเนื้อติดตัวหรือแม้แต่ปลายจมูกที่ทำให้เธอหายใจไม่สะดวกอยากออกมานั่งรับลมอยู่ที่หัวเรือทั้งวันทั้งคืนเรือนร่างอวบอัดตามวัยลุกขึ้นยืนก่อนจะพาตัวเองเข้าไปสู่ด้านในลำเรือเพื่อผลัดผ้าเตรียมอาบน้ำและท่าน้ำใต้สะพานก็คือสถานที่ที่เธอจะปล่อยกายปล่อยใจให้ล่องลอยอยู่ในสายน้ำ ถึงแม้เธอจะไม่ชอบอยู่ในเรือแต่หากการพาตัวเองลงไปว่ายวนอยู
กระบวยตักน้ำที่ทำจากกะลามะพร้าวใบโตขัดมันเรียบลื่นจ้วงน้ำในคลองขึ้นมาวางบนหน้าตัก น้ำเต็มปรี่เอ่อล้นจนซึมผ่านต้นขาลงไปด้านล่าง เหมยกุ้ยหลับตาพริ้มซึมซับเอาความเย็นที่แทรกผ่านนั้นจนอดไม่ได้ต้องเทน้ำลงไปตรงๆ เพราะแค่น้ำซึมผ่านเธอก็รู้สึกดีเสียยิ่งกระไร ความเย็นที่รับรู้ได้เป็นสายเล็กนั้นแทรกซอนผ่านผ้าถุงลงไปหาบางอย่างที่ร้อนรนเหลือเกินฝ่ามือขาวจั๊วะตามเชื้อสายวักน้ำแตะซับไปมาตามใบหน้า ลำคอและท่อนแขนทั้งสองข้าง ผ้าถุงชื้นน้ำกระโจมขัดกันไว้เหนือดอกบัวคู่งามมันเป็นความอึดอัดที่เธอไม่อยากจะรู้สึก เวลาจะชำระคราบไคลทำความสะอาดต้องลงไปลอยคอในน้ำก่อนจะล้วงมือเข้ามาขัดถู แต่ถ้าโชคไม่ดีหากเรือไปเทียบท่าในจุดที่บันไดสูงหรือเป็นช่วงน้ำลง ก็ไม่พ้นที่เธอต้องค่อยๆ ตักน้ำราดเข้าไป แม้แต่ดอกบัวเธอยังหมดโอกาสที่จะชำระแล้วนับประสาอะไรกับดอกกุหลาบแรกแย้มเธอยิ่งไม่มีสิทธิ์ไปแตะต้อง ดังนั้นสายน้ำเย็นฉ่ำในคืนเดือนมืดช่างเป็นสิ่งที่เธอปรารถนา เพราะจะได้ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนกลัวว่าใครจะเห็น ได้ขัดได้ถูความงดงามที่แม่มอบให้กับเธอไม่มีตกหล่นนั้นได้อย่างสะอาดหมดจนที่สุดดวงตากลมโตสวยหวานล้อมกรอบไปด้วยแพขนตางอนงา
กระบวยตักน้ำที่ทำจากกะลามะพร้าวใบโตขัดมันเรียบลื่นจ้วงน้ำในคลองขึ้นมาวางบนหน้าตัก น้ำเต็มปรี่เอ่อล้นจนซึมผ่านต้นขาลงไปด้านล่าง เหมยกุ้ยหลับตาพริ้มซึมซับเอาความเย็นที่แทรกผ่านนั้นจนอดไม่ได้ต้องเทน้ำลงไปตรงๆ เพราะแค่น้ำซึมผ่านเธอก็รู้สึกดีเสียยิ่งกระไร ความเย็นที่รับรู้ได้เป็นสายเล็กนั้นแทรกซอนผ่านผ้าถุงลงไปหาบางอย่างที่ร้อนรนเหลือเกินฝ่ามือขาวจั๊วะตามเชื้อสายวักน้ำแตะซับไปมาตามใบหน้า ลำคอและท่อนแขนทั้งสองข้าง ผ้าถุงชื้นน้ำกระโจมขัดกันไว้เหนือดอกบัวคู่งามมันเป็นความอึดอัดที่เธอไม่อยากจะรู้สึก เวลาจะชำระคราบไคลทำความสะอาดต้องลงไปลอยคอในน้ำก่อนจะล้วงมือเข้ามาขัดถู แต่ถ้าโชคไม่ดีหากเรือไปเทียบท่าในจุดที่บันไดสูงหรือเป็นช่วงน้ำลง ก็ไม่พ้นที่เธอต้องค่อยๆ ตักน้ำราดเข้าไป แม้แต่ดอกบัวเธอยังหมดโอกาสที่จะชำระแล้วนับประสาอะไรกับดอกกุหลาบแรกแย้มเธอยิ่งไม่มีสิทธิ์ไปแตะต้อง ดังนั้นสายน้ำเย็นฉ่ำในคืนเดือนมืดช่างเป็นสิ่งที่เธอปรารถนา เพราะจะได้ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนกลัวว่าใครจะเห็น ได้ขัดได้ถูความงดงามที่แม่มอบให้กับเธอไม่มีตกหล่นนั้นได้อย่างสะอาดหมดจนที่สุดดวงตากลมโตสวยหวานล้อมกรอบไปด้วยแพขนตางอนงา
โรงสีข้าว โรงน้ำมัน โรงน้ำแข็ง ร้านขายยา ตลอดจนร้านขายส่งผัก หมู ไก่ ผลหมากรากไม้ ที่จ้อกแจ้กจอแจในช่วงเช้ามืดเพราะผู้คนจากหลายหมู่บ้านจะพายเรือมาหาซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายต่อในหมู่บ้านของตน ทั้งเรือของแม่ค้าที่นำสินค้ามาแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกันก็มาก ตลอดจนเรือขายข้าวต้มเครื่อง ปากริมไข่เต่าและขนมหวานในยามค่ำคืน ทำให้ย่านตลาดแห่งนี้ตั้งแต่เวลาย่ำรุ่งไปจนถึงย่ำค่ำไม่เคยพบกับความเงียบเหงา มีเพียงในเวลานี้เท่านั้นเมื่อผีตากผ้าอ้อมลาลับความมืดมิดมาเยือน มีเพียงแสงตะเกียงจากครัวเรือนและแสงไฟจากโรงสี โรงน้ำมัน ซึ่งเป็นเวลาที่เธอจะได้อาบน้ำผลัดผ้าผ่อนที่ซึมซับเอาเหงื่อไคลจากการขายของมาตลอดทั้งวันให้เนื้อตัวได้สะอาดสะอ้าน เรือขายเกลือ กะปิ น้ำปลา ทำให้กระไอความเค็มเหมือนจะอยู่ติดเนื้อติดตัวหรือแม้แต่ปลายจมูกที่ทำให้เธอหายใจไม่สะดวกอยากออกมานั่งรับลมอยู่ที่หัวเรือทั้งวันทั้งคืนเรือนร่างอวบอัดตามวัยลุกขึ้นยืนก่อนจะพาตัวเองเข้าไปสู่ด้านในลำเรือเพื่อผลัดผ้าเตรียมอาบน้ำและท่าน้ำใต้สะพานก็คือสถานที่ที่เธอจะปล่อยกายปล่อยใจให้ล่องลอยอยู่ในสายน้ำ ถึงแม้เธอจะไม่ชอบอยู่ในเรือแต่หากการพาตัวเองลงไปว่ายวนอยู
‘อะ! อย่า! อย่า...’‘ผัวมึงมาแล้ว ให้มันเอามึงต่อล่ะกัน หึหึ..’เธอไขว่คว้าร่างของมันเพราะแรงตอดรัดอย่างรุนแรงต้องการสิ่งมาเติมเต็ม แต่มันกลับกระโดดลงน้ำไปทางท้ายเรือปล่อยให้เธอลอยเคว้งทั้งที่กลิ่นคาวแข็งแกร่งนั้นยังคงคลุ้งไปทั่ว แต่เพราะเสียงผู้คนและแรงสะเทือนที่รู้ได้ว่ามีคนลงมาในเรือเธอจึงต้องรีบจัดแต่งเสื้อผ้าและทำเป็นนอนสลบไสลไม่รับรู้ราวกับโดนรมยา"บัญชีของเตี่ยฉันทำเสร็จแล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก และทีหลังอย่าเรียกฉันแบบนี้อีก แม่ก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ"เสียงหวานแต่ไม่สบอารมณ์ของเหมยกุ้ยทำลายภวังค์อันเพริศแพร้วของเธอ เหมยฮัวส่ายใบหน้าไปมา สงสารทั้งลูกและสงสารทั้งตัวเอง เหมยกุ้ยเก่งทั้งงานบ้านงานเรือนตามที่เธออบรมสั่งสอนและทั้งยังพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้เป็นอย่างดีแม้ไม่ได้ไปเรียนหนังสือเหมือนลูกคนอื่นเขาเพราะได้คุณนายเถ้าแก่โรงสีสอนสั่งเมื่อครั้งเป็นเด็กหญิงเหมยกุ้ยจึงไม่ต้องพูดไทยสำเนียงจีนอย่างเธอกับเฮียย้ง อีกทั้งเหมยกุ้ยยังสามารถคิดราคาสินค้าและจัดทำบัญชีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เหมยกุ้ยไม่ชอบชีวิตแบบนี้ ก็ใครล่ะจะชอบเธอเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน ทางใดที่จะผลักดันให้ลูกไปให้พ้นจากในเรือ
ในยามนั้นเธอเปรียบดั่งดอกเหมยฮัวแรกแย้มส่งกลิ่นล่อแมลง และในยามนี้เธอก็ยังคงเป็นดอกเหมยฮัวที่เบ่งบานเต็มที่พร้อมจะได้รับการผสมพันธุ์จากแมลงครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าแมลงที่คุ้นเคยกลับไม่สามารถทำได้ เพราะวัยที่แตกต่างกันมาก บ่อยครั้งที่ลูกค้ามักจะคิดว่าเธอและเหมยกุ้ยเป็นลูกสาวของเฮียย้ง กว่าสี่ปีที่ล่องเรือค้าขายทำให้มีเงินเก็บมากพอที่จะซื้อหาบ้านเรือนและที่ดินแต่เฮียย้งก็ชะล่าใจบอกให้คอยอีกหน่อยเพราะเงินเก็บที่มีอยู่แกจะนำไปลงทุนค้าข้าว ให้ทนอยู่ในเรือกันไปก่อน ในวันข้างหน้าเธอกับลูกจะได้สุขสบายแต่สิ่งที่หวังไว้มาไม่ทัน เงินเก็บถูกปล้นไม่เหลือ เหลือแต่ข้าวของที่ต้องค้าขายกันใหม่ และยังดีที่เธอซุกซ่อนทองเส้นเล็กเส้นน้อยไว้ตามฝากระดานที่เปิดได้จึงพอได้ขายนำเงินมาทำทุนเพิ่ม ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เฮียย้งจึงดูแก่ไปมากและเพราะคิดมาก แต่เธอล่ะ... ยิ่งเฮียหลับลึกเธอยิ่งทรมานเพราะรสสัมผัสที่ถูกจุดติดนับจากวันนั้นมันตามหลอกหลอนจนเธอหลับไม่ลง‘เฮ้ย! ค้นให้ทั่ว ดูสิว่ามันมีเงินซุกซ่อนไว้ตรงไหนบ้าง’เสียงหัวหน้าโจรตะโกนบอกลูกน้องในขณะที่สายตาของมันกวาดมองความขาวภายนอกร่มผ้าของเธอไม่วางตา แม้จะอยู่ใ
แสงสีส้มที่เริ่มจะลาลับไปจากขอบฟ้าทำให้บรรยากาศจ้อกแจ้กจอแจเมื่อครู่ใหญ่ๆ คลายลง ผู้คนที่พายเรือสัญจรไปมาในลำคลองสายนี้เริ่มบางเพราะต่างฝ่ายต่างรีบจะกลับให้ถึงบ้านถึงเรือนก่อนค่ำ ใครโชคดีบ้านอยู่ไปทางหน้าตลาดก็ยังพายเรือไม่ได้เร่งรีบมากนัก หากแต่ใครโชคร้ายที่บ้านอยู่ค่อนไปทางวัดแต่ดันทำธุระเสียจนเกือบค่ำก็ได้แต่จ้ำอ้าวๆ ไม่รอใคร เพราะรู้กันทั่วว่าผีหน้าวัดน่ะดุใช่เล่น ใครทะเล่อทะล่ากลับค่ำหรือแค่ยามโพล้เพล้ได้โดนหลอกจับไข้หัวโกร๋นกันมานักต่อนักแล้ว น้ำเต็มตลิ่งเพราะใกล้เดือนสิบสองมาทุกทีทำให้สายลมที่โชยพัดมาหอบเอาความเย็นชื่นใจมาด้วย เธอจึงชอบที่จะมานั่งรับลมอยู่บริเวณหัวเรือ ไม่ว่าใครจะพูดถึงเรื่องผีสางกันเท่าไร เธอก็ไม่กลัว เธอกลัวความร้อนมากกว่า หลายปีแล้วที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในลำเรือ เพราะตั้งแต่เตี่ยและแม่เลือกที่จะค้าขายทางน้ำทำให้เธอที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวต้องติดสอยห้อยตามมาด้วย จากเด็กหญิงจนกลายเป็นสาวเต็มตัว ความอุดอู้อยู่เพียงในลำเรือพูดไปก็คงจะไม่มีใครเข้าใจยามต้องทนมองหญิงสาวหลากหลายคนลงเล่นน้ำในท่าหน้าบ้านของตนเอง เธอให้นึกอิจฉาพวกหล่อนนัก อิจฉาที่พวกหล่อนเป็