บทที่ 2
สี่ปีก่อน คุณหญิงนิภา ได้ทราบเรื่องจากนักสืบที่เธอนั้นได้ว่าจ้างให้ติดตามสืบลูกชาย ได้ความว่าลูกชายของเธอนั้น คบหาอยู่กับหญิงสาวที่มีชื่อว่า พริมา วงษ์วิไล หรือ น้ำ โดยครอบครัวของเธอนั้นอาศัยอยู่แทบชานเมือง ไม่ได้อยู่ที่ต่างจังหวัดอย่างที่เธอบอกกับชาวิน และฐานะของทางบ้านเธอยังยากจน แม่ของเธอได้เสียไปตั้งแต่เธอยังเด็ก พ่อของเธอมีอาชีพขับรถแท็กซี่หาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ แถมยังติดการพนันจนเข้าไส้ พริมายังมีพี่ชาย ชื่อว่าพาทิศ หรือต้า ที่ไม่เอาโล้เอาพาย ทำตัวเป็นนักเลงและยังติดการพนันเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก ในครอบครัวนี้มีเพียงพริมาคนเดียว ที่ขวนขวายเรียนหนังสือ หางานพาร์ทไทม์ทำส่งตัวเองเรียน จนตอนนี้เธอใกล้จะจบปริญญาตรีแล้ว และเธอยังมีคนรักอย่างชาวิน ที่เขาดีต่อเธอมาก ๆ แต่พริมาเองก็ไม่เคยเล่าถึงครอบครัวของเธอให้ชาวินฟัง ชาวินรู้แต่เพียงว่าพริมานั้น เป็นเด็กต่างจังหวัดทั่วไปที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพ เพื่อส่งตัวเองเรียนหนังสือ ชาวินไม่เคยนึกรังเกียจเรื่องฐานะขอพริมาแม้แต่น้อย แถมยังชื่นชมเธอว่าพริมานั้นเก่งและขยันมาก ๆ เมื่อคุณหญิงนิภาได้รู้ถึงฐานะครอบครัวของพริมา จึงคิดที่จะกีดกันหญิงสาวให้ออกไปจากชีวิตลูกชายตน จึงได้ให้นักสืบคนนั้นติดต่อพ่อและพี่ชายของพริมาให้มาพบตนเอง “พี่พนันอย่างพวกนั้น แค่โยนเศษเงินให้นิดหน่อย พวกมันก็ต้องทำตามที่ฉันสั่งอยู่แล้ว” คุณหญิงนิภายกยิ้มอย่างดูถูก หลายวันผ่านไป พ่อและพี่ชายของพริมาก็มาพบคุณหญิงนิภา ตามที่นักสืบนัดให้ โดยแม่ของชาวินเสนอเงินให้พวกเขาสามแสนบาท แลกกับการที่จะให้พริมาออกไปจากชีวิตชาวิน พ่อและพี่ชายของเธอแค่เห็นจำนวนเงินนั้นก็ตาลุกวาว ตกลงจะรับเงื่อนไข แต่ต้าพี่ชายของเธอฉุกคิดขึ้นมาได้บางอย่าง จึงรีบปฏิเสธไปโดยที่พ่อของเขาพยายามจะคัดค้าน แต่เพราะต้ายืนยันที่จะไม่รับเงินนั้นเด็ดขาด พ่อของเขาจึงจำต้องยอม ทั้งสองจึงไปพากันกับออกมา “อะไรของเอ็งว่ะ ไอ้ต้าแทนที่จะรับเงินนั้นมา ตั้งสามแสนเลยนะโว้ยไอ้ลูกเวร” ชายอายุประมาณห้าสิบกว่าก่นด่าลูกชาย “โถพ่อ ลองคิดดูนางคุณหญิงนั้นอุส่าจะให้เราพวกเราตั้งสามแสน เพื่อให้น้ำเลิกกับลูกชายตัวเอง แสดงว่าบ้านนี้มันต้องรวยมาก ๆ หน้าจะระดับเศรษฐีเลยก็ได้ ไม่งั้นจะเอาเงินมาให้เราทำไมตั้งเยอะ” ต้าพูดอย่างครุ่นคิด “ก็เออสิวะ รวยไงถึงได้เอาเงินมาฟาดหัวเอ็งได้” ชายชรายังคงโมโหอยู่ ที่ลูกชายปล่อยให้เงินนั้นหลุดมือไป “พ่อลองคิดดูนะ ถ้าเรารับเงินสามแสนนั้นมา แล้วให้น้ำเลิกกับไอ้หนุ่มนั้นเราก็จะได้เงินแค่นั้น แต่ถ้าน้ำคบกับไอ้หนุ่มลูกเศรษฐีนั้น จนแต่งงานกัน ค่าดองค่าสินสอดเราต้องได้มากกว่านั้นหลายเท่าพ่อลองคิดดู” “จริงของเอ็งว่ะ” ทั้งสองคนพ่อลูกคิดเพ้อฝันถึงเงินมากมาย ก็ยิ้มอย่างมีความสุขและชวนกันไปต่อที่บ่อนอีกเช่นเคย เมื่อสองคนพ่อลูกนั้นออกไป โดยที่ปฏิเสธข้อเสนอ คุณหญิงนิภาหัวเสียเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังทำใจเย็น “ค่อยดูพวกมันไว้ ยังไงสองพ่อลูกนั้นต้องกลับมารับข้อเสนอของฉันอีกแน่ ๆ” คุณหญิงนิภาหันไปสั่งกับลูกน้อง เธอมั่นใจว่าสองพ่อลูกนี้ต้องกลับมาหาเธออีก เพราะท่าทางเห็นเงินแล้วตาลุกของพวกเขา แถมยังติดพนันอย่างนี้ เธอคงต้องรออีกไม่นาน ถึงจะมาขอเพิ่มจำนวนเงินเธออีกเธอก็พร้อมจะจ่าย แค่ให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากชีวิตลูกชายเธอก็พอ ชาวินและพริมา ทั้งสองตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน พริมาจึงได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดของชาวิน และพอเรียนจบทั้งสองก็จะแต่งงานกันทันที ซึ่งตอนนี้เหลือแค่พิธีรับปริญญาบัตรเท่านั้น และคุณหญิงนิภาก็ยังคงคัดค้านหัวชนฝา ยังไงก็ไม่ยอมให้ลูกชายแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด ต่างจากพ่อของชายหนุ่มที่ยอมรับกันตัดสินใจของชายโดยไม่คัดค้านอะไร แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรให้คุณหญิงนิภายินยอมได้เช่นกัน…. “ฮัลโหลพี่ต้า” พริมารับสายโทรศัพท์ แล้วเดินเลี่ยงออกมาคุยที่ระเบียงคอนโด โดยที่มีชาวิน มองตามร่างเล็กนั้น “น้ำ..โอนเงินมาให้พี่ยืมหน่อย พี่จะไปลงทุนขายของกับเพื่อน” “ขายของอะไรของพี่น้ำไม่เชื่อพี่หรอก น้ำรู้ว่าพี่จะเอาเงินไปเข้าบ่อนอีก” เธอปฏิเสธเสียงแข็งอย่างรู้ทัน “ไม่ได้เข้าบ่อน คราวนี้พี่จะทุนลงจริง ๆ พี่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่จริง ๆ นะ” “พี่ต้า พี่ก็พูดแบบนี้ทุกครั้งแต่พี่ก็เอาเงินไปเล่นพนันจนหมดทุกที น้ำไม่มีเงินจะให้พี่แล้วนะ” น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจสุดจะทน “แฟนแกไง มันรวยมากนิ แกก็ขอเงินมันมาให้พี่สิยากอะไร” “พี่ต้า พี่รู้ได้ไง” พริมาตกใจเพราะเธอไม่เคยบอกเรื่องที่เธอคบกับชาวินกับพ่อแล้วพี่ชายเลย เเละเธอแค่รู้มาว่าบ้านของชาวินที่ฐานะดีเท่านั้น และพริมาก็ไม่เคยไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องของชายหนุ่มเลยสักครั้ง “รู้ก็แล้วกันว่าแกคบกับลูกเศรษฐีอยู่” “เศรษฐีอะไรกันพี่ บ้านวินเขาไม่ได้รวยขนาดนั้น” พริมาปฏิเสธออกไป แต่จะว่าไปเธอก็ไม่ได้รู้ฐานะทางบ้านของชาวินมากนัก แค่รู้ว่าบ้านชายหนุ่มมีธุรกิจส่วนตัว ชาวินเองก็มีเงินใช้ตลอดโดยที่ไม่ต้องทำงานพาร์ทไทม์แบบเธอ และบางครั้งที่ชายหนุ่มพยายามให้เงินเธอเมื่อยามขัดสน แต่พริมาก็ปฏิเสธไปตลอด “มันรวยจะไปตายแกไม่รู้หรือไง ไม่งั้นนางคุณหญิงแฟนแกจะเอา…..” เหมือนต้าจะนึกขึ้นได้ว่าเกือบหลุดปากบอกเรื่องนั้นไป “อะไรนะพี่” “เปล่า ๆ ไม่มีไร และเงินจะโอนให้ไหม ไม่งั้นพี่จะไปพูดขอยืมแฟนแก่เอง” “......” พริมารู้สึกเครียดขึ้นมาทันที เธอไม่อยากจะดึงชาวินให้มารับรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของพ่อและพี่ชาย และยังไม่อยากจะรบกวนชายหนุ่ม “ว่าไงน้ำ พี่รู้ว่าแก่มีเงิน” “ก็ได้ครั้งสุดท้ายแล้วนะพี่ต้า” หลังจากว่าสายพริมาก็กดโอนเงินไปเข้าบัญชีของต้าทันที พร้อมกับถอนลมหายใจยางอย่างเหนื่อยอ่อน ซึ่งทุกการกระทำกิริยาต่าง ๆ ชาวินได้แอบมองเธออยู่ทั้งหมดแล้ว ต้าถือโทรศัพท์รออยากใจจดใจจ่อ เมื่อเสียงเตือนเงินเข้าจากแอปธนาคารขึ้น เข้ารีบลุกขึ้นยืนอย่างดีใจ “ได้แล้วพ่อ น้ำมันโอนเงินมาแล้ว” “เอ็งนี้นะมันชั่วจริง ๆ” “ชั่วอะไรกันพ่อ พ่อก็สมรู้ร่วมคิดนะ” ทั้งสองพากันหัวเราะคิกคัก เดินเข้าบ่อนประจำอีกเช่นเคยบทที่ 3พริมากดโอนเงินให้พี่ชายเสร็จ เธอถอนลมหายใจอยากเหนื่อยอ่อน เดินกลับเข้ามาในห้อง ก็เจอกับชาวินพอดี หญิงสาวจึงรีบปรับสีหน้าและยิ้มแย้มแบบปกติ “ใครโทรมาหรอกน้ำ สีหน้าดูเคร่งเครียดจังเลย” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างห่วงใย“เอ่อที่ทำงานน้ำมีปัญหานิดหน่อยน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเหรอกวิน” พริมาปิดบังความจริง“ปัญหาอะไร บอกวินได้นะ หรือลาออกไปเลย แล้วเตรียมสาวเป็นเจ้าสาวได้แล้วครับ” เธอยิ้มอ่อนมอบให้ชายหนุ่ม เธอรู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่ได้คบกับเขา แต่เธอคงลาออกจากงานตอนนี้ไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีเงินส่งให้พ่อกับพี่อีก พวกเขาต้องมาไถเงินเธอถึงที่นี่แน่ ๆ “ว่าไงครับ มาอยู่บ้านเฉย ๆ ได้แล้วเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวให้วินได้แล้วครับ” “และทางบ้านวิน…” เธอเอ่ยถามเพราะก็พอรู้มาบ้างว่าแม่ของชายหนุ่มไม่เห็นด้วยกับงานแต่งของเขากับเธอ “น้ำไม่ต้องกังวล เรื่องคุณแม่วินนะ แค่พ่อเห็นด้วยคนเดียวก็ไม่มีปัญหาแล้ว อีกหน่อยแม่วินจะชอบน้ำเอง เหมือนวินไงครับ” “ค่าาา” พริมาลากเสียงยาว ทั้งสองคนหยอกล้อกันอย่างมีความสุข “แล้วทางบ้านน้ำล่ะครับ จะเชิญใครมาบ้าง”“.......” พริมานิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ เพราะเธอเองก็ยังไม่ได้บอ
บทที่ 4“อีกไม่นานพวกมันก็จะได้ออกไปจากชีวิตลูกชายฉันสักที” คุณหญิงนิภาหยิบดูรูปถ่าย ที่นักสืบนำมาส่งให้อย่างยิ้มเยาะ มันคือรูปของพริมากับพี่ชาย เมื่อเย็นวันก่อน ที่พาทิศไปขอเงินพริมาถึงที่ทำงาน “ผมคิดว่าคุณชาวิน ก็คงจะสงสัยเรื่องนี้อยู่ เพราะวันนั้นผมก็เห็นคุณชาวินแอบดูสองคนนี้อยู่ไกล ๆ โดยที่ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ตัวครับ” นักสืบอธิบายตามที่ตนเห็น“งั้นรึ..ดีจริง ตาวินคงไม่รู้สินะว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร” คุณหญิงนิภาคิดแผนการร้ายขึ้นมาได้ “ตอนนี้สองพ่อลูกนั้นก็เข้าบ่อนข้ามวันข้ามคืนตลอด พอเงินหมดก็หาหยิบยืมจนเป็นหนี้ไปทั่ว” “หึ..งั้นใกล้แล้วสินะ เดี๋ยวพวกมันต้องตาลีตาเหลือกมาขอเงินที่ฉันแน่ ๆ” “ตาวินเห็นไหม แม่บอกลูกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้มันหมกเม็ด มันไม่ได้ดีอย่างที่ลูกคิดหรอก” คุณหญิงนิภา ส่งรูปถ่ายให้ลูกชายดู ชาวินรับรูปนี้มาดู เขาจำได้ดีว่าเหตุการณ์นี้เขาก็เห็นอยู่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายในรูปเป็นใครกันแน่ เขาไม่กล้าที่จะคิดและไม่อยากถามพริมา ชาวินกลัวคำตอบที่จะได้รับ “มันมีชู้ไง มันสวมเขาให้ลูกอยู่” คุณหญิงนิภาพูดใส่สีตีไข่ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าผู้ชายในรูปคือพี่ชายของเธอ “........”
บทที่ 5 พาทิศขับรถออกมาเลยคอนโดได้ไม่ไกล เขาจอดรถเข้าริมฟุตบาท ลดกระจกลงมาชายชุดดำ ส่งกระเป๋าให้เขาหนึ่งใบ ต้ารีบรับไว้และรูดซิปเปิดดู “ครบ” พาทิศเอ่ยและรีบปิดกระจกขับรถออกไปทันที “คืออะไรพี่ต้า” พริมาถามด้วยความสงสัย “ก็เงินที่จะเอาไปไถ่ตัวพ่อไง”“ไหนพี่บอกว่าจะไปกู้กับเจ้านายพี่ไง น้ำงงไปหมดแล้ว”“ตอนนี้มีคนให้เงินมาฟรี ๆ แล้วไม่ต้องไปกู้” “ใครเขาจะให้เงินมาฟรี ๆ พี่ต้าไปทำอะไรมา ถ้าพี่ไม่บอกงั้นจอดรถเดี๋ยวนี่เลยน้ำจะไปหาวิน วินเข้าใจน้ำผิดไปกันใหญ่แล้ว” “ไม่ต้องกลับไปหามันแล้วน้ำ เดี๋ยวไปรับพ่อแล้วเรากลับไปอยู่กาญจนบุรีกัน” “คืออะไร ทำไม่พี่ต้าต้องห้ามน้ำไม่ให้กลับไปหาวินด้วย เรากำลังจะแต่งงานกันนะ”“น้ำ….น้ำฟังพี่นะ น้ำแต่งงานกับมันไม่ได้หรอก แล้วเงินพวกนี้ที่พี่ได้มา พวกมันให้พี่มาเอง มันอยากให้น้ำออกไปจากชีวิตพวกมัน” พริมาได้ฟังก็ยิ่งสับสน “น้ำไม่เชื่อ วินไม่มีทางทำแบบนี้ เขาให้เงินพี่มาเท่าไหร่ น้ำจะเอาไปคืน” พริมาพูดทั้งน้ำตา “อย่างโง่เลยน้ำ เงินนี้ต้องเอาไปช่วยพ่อไง” “ไหนพี่ต้าบอก จะกู้ที่เจ้านายพี่ก่อนไง”“ไม่มีเจ้านายที่ไหนหรอก ที่พี่ไม่บอกน้ำแต่แรกว่าครอบครัวนี้
บทที่ 6ชาวินเปิดเอกสารใบสมัครงานของเธออ่านที่ละแผ่น อย่างตั้งใจ ใบสมัครนี้ลงวันที่ได้ตั้งแต่ปี 2563“นางสาวพัชชาภา วิไลลักษ์ อายุ 26 ปี สถานะโสด…” ชาวินเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “แค่ลงประวัติสมัครงานเธอยังต้องโกหกอีกหรือ ลูกก็มีอยู่ทั้งคน” เขาบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์“บิดา มารดาเสียชีวิต คู่สมรส…..” ชาวินมองไปที่ช่องคู่สมรสที่ขีดออก “หรือว่าเธอจะเลิกกันไปแล้ว”“เธอจบมหาลัยเดียวกับฉัน ปีเดียวกัน หรืออายจนไม่กล้าที่จะยอมรับความจริงว่าเป็นเธอเมื่อสี่ปีที่แล้ว”ชาวินไล่อ่านประวัติเธอลงมาเรื่อย ๆ และเปิดเอกสารหน้าถัด ๆ ไป “หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล นางสาวพริมา วงษ์วิไล” อ่านถึงตรงนี้ชาวินกำมือแน่น “ดูสิเธอจะแก้ตัวได้อีกไหม”กระทั่งเวลาล่วงเลยจนเกือบบ่ายสามโมงตรง พัชชาภาเร่งจัดของจนเสร็จเรียบร้อย และยังดีที่ได้กินข้าวโดยที่ศุภกฤตเอามาให้อีกด้วย เธอกะว่าเสร็จจากงานที่นี่ จะไปรับน้องดนตรีไปฝากไว้กับป้าพิณ ป้าข้างห้องก่อนและจะกลับมาทำงานในรีสอร์ตต่อซึ่งพัชชาภาจะทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว ห้องที่เธออาศัยอยู่ก็เป็นห้องแถวของรีสอร์ที่เป็นสวัสดิการให้พนักงานทุกคน ร่วมถึงคนงานในไร
บทที่ 7ถึงเวลาเลิกงาน พัชชาพาเดินออกจากออฟฟิศ ปั่นจักรยานเพื่อจะกลับไปยังห้องพักซึ่งก็ไกลพอสมควร ระวังทางก็เจอเข้ากับป้าพิณที่ยืนอยู่ “ป้าพิณ น้ำมาแล้วค่ะ” หญิงสาวเอ่ยทัก เหมือนอย่างเช่นเคย เพราะรู้อยู่แล้วว่าป้าพิณจะพาเจ้าดนตรีมาเดินเล่นดูวัวบริเวณนี้ประจำอยู่แล้ว “แล้วดนตรีอยู่ไหนคะ” “อยู่นู่นนะ ติดคุณชาวินเจ้าของของคนใหม่แจเลย” ป้าพิณชี้ไปที่ริมรั้ว พัชชภาถึงกับตาโต ที่เห็นชายหนุ่มอุ้มเจ้าลูกชายตัวน้อยของเธออยู่ “ไปรู้จักกันตอนไหนคะป้า” “พักเดียวเอง คุณชาวินเขามาดูวัวที่ทุ่งนี้” ก่อนหน้านี้“คุณอา ๆ ครับ” เด็กชายตัวเล็กที่เดินเล่นอยู่ริมรั้วกัน อยากที่จะมองเห็นฝูงวัวในทุ่งให้ชัด จึงได้เดินมาหยุดข้าง ๆ ชาวิน ก่อนจะกระตุ้นขากางเกงส่งเสียงเรียกชายหนุ่ม ชาวินก้มมองเด็กชายตัวน้อย ก็จำได้ทันทีว่าเป็นลูกของพัชชาภากับชู้ ชาวินดึงขาถอยหนี แต่ดนตรีก็ก้าวตามมาเกาะขาเขาไว้อีก “นี้มาเกาะขาฉันทำไม” เขาเอ่ยถามเด็กชายตัวน้อย “คุณอา คุณอาตัวสูงจัง อุ้มดนตรีหน่อยได้ไหมครับ ดนตรีอยากเห็นสูง ๆ ไกล ๆ” เด็กชายบอกเขาแล้วชี้ไปทาง ทุ่งหญ้าที่มีวัวอยู่ ชาวินมองตามที่เด็กชี้แล้วมองรั้วกั้น “ทำไมฉั
บทที่ 8พรุ่งนี้คุณเก็บเสื้อผ้าย้ายมาอยู่ที่บ้านพักได้เลยนะครับ“อะไรนะคะ ทำไมน้ำต้องย้ายมาด้วยค่ะ”“ผมอยากให้คุณมาเป็นแม่บ้าน คุณก็ต้องย้ายมาอยู่บ้านผมไงครับ หรือคุณจะผิดสัญญา ในสัญญาก็ระบุไว้แล้วว่าคุณต้องทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง” “แต่…น้ำต้องดูแลดนตรี”“คุณก็แค่พาดนตรีมาอยู่ด้วย”“แต่น้ำเกรงว่ามันจะรบกวนคุณเปล่า ๆ”“ทำตามที่ผมสั่งก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องคิด”“ค่ะ” เธอรับปากไปแต่ก็มีสีหน้ากังวลอยู่มาก เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วหญิงสาวจึงได้ขอตัวกลับออกมา เธอยังคงนอนคิดหนัก ถ้าเธอย้ายเข้าไปคนอื่นจะคิดว่ายังไงนะ ได้แต่คิดแล้วก็ถอนหายใจยาวจนเผลอหลับไปเช้าวันต่อมาพัชชาภาไปส่งดนตรีที่ศูนย์เด็กเล็ก แล้วจึงกลับมาทำงานตามปกติ จนผ่านไปเที่ยงวันก็เจอเข้ากับชาวินอีกครั้ง “ผมบอกให้คุณย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านพักผมวันนี้ไง”“ค่ะ แต่ช่วงเช้าน้ำยุ่ง ๆ กะว่าจะไปเก็บของเย็นนี้ค่ะ”“ไม่ต้องเก็บแล้ว ผมให้คนไปขนของคุณกับดนตรีมาเรียบร้อยแล้ว” เขาพูดหน้าตาเฉย แต่คนฟังถึงกับตกใจ“อะ..อะไรนะคะ คุณชาวิน ทำแบบนี้คนอื่นจะมองไม่ดีนะคะ”“ไม่ดียังไง แค่ทำงานให้ผมหรือคุณคิดว่าจะได้ทำอย่างอื่นเลยกลัวคนเข้าใจผิด”“ไม่ใ
บทที่ 9“อาวิน แม่น้ำ” เสียงเด็กชายตะโกนออกมาอย่างดีใจ และวิ่งเข้ามากอดขาชาวินไว้แน่น“อาวินครับ ทำไมอาวินกับแม่น้ำ ถึงมารับดนตรีพร้อมกันล่ะครับ” เด็กชายแหงนหน้าถามชายหนุ่ม“ดนตรี ปล่อยก่อนลูก” พัชชาภารีบจับลูกชายที่กอดขาชาวินไว้แน่น ซึ่งเด็กชายก็เชื่อฟังยอมปล่อยแต่โดยดี “มะ ให้อาวินอุ้มไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามเด็กน้อย “เย้ ครับอุ้มหน่อยดนตรีอยากเห็นสูง ๆ” เด็กชายกระโดดดีใจ เพราะชอบเห็นมุมสูง ๆ“คุณชาวินคะ ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวน้ำอุ้มเอง” เธอกล่าวอย่างเกรงใจ “ไม่เป็นไรหรอกหน้า” พูดจบเขาก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นมา แล้วพากันเดินกลับมาที่รถ“แล้วทำไมอาวินถึงมากับแม่น้ำครับ” เด็กชายยังไม่หยุดถาม“คุณชาวินเขาเป็นเจ้านายของแม่น้ำครับ พวกเราออกมาทำงานด้วยกัน”“คุณชาวินหรือครับ” “เจ้านายหรือครับ” เขาเอ่ยทวนด้วยความสงสัย“คุณชาวินที่ดนตรีเรียกว่าอาวินไงครับ”“เจ้านายก็คือคนที่แม่ทำงานให้ และก็เป็นคนจ่ายเงินเดือน ให้แม่น้ำเอามาไว้ให้ดนตรีเรียนหนังสือไงครับ” ชายหนุ่มนั่งฟังสองแม่ลูกคุยกันเพลิน จนขับรถมาจอดยังหน้าออฟฟิศ หญิงสาวมองออกไปนอกรถก็ไม่กล้าที่จะลงไปตรงนี้ เพราะมีพนักงานอยู่ที่นี้หลายคน ถ้าเธอลงไป
บทที่ 10เมื่อเธอกลับมาถึงที่บ้านพัก ก็พบลูกชายที่วิ่งเล่นอยู่แถว ๆ นั้นพอดี เธอจึงเดินไปคุยกับป้าพิณ จึงได้รู้ว่าชาวินก็จ้างให้ป้าแก มาช่วยดูแลดนตรีช่วงที่เธอต้องทำงานให้เขา หญิงสาวเดินเข้ามาภายในบ้าน ตรงไปยังห้องด้านล่างข้างหลังที่ติดกับครัว ก็พบว่าข้างของเครื่องใช้ของเธอและดนตรีถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งห้องก็กว้างพอสมควร พอให้เธอกับลูกได้อยู่อย่างสบาย เมื่อป้าพิณกลับไปแล้วเธอจึงได้เตรียมอาหารให้ดนตรี แล้วพาไปอยู่ในห้อง และยังกลับมาเตรียมอาหารให้ชาวินต่อ เธอจัดการทุกอย่างจนเสร็จสรรพ ชาวินก็กลับมาพอดี เขาจึงได้กินอาหารที่เธอเตรียมไว้ให้ จากนั้นเธอจึงขอตัวไปดูแลดนตรีและพาเข้านอน..พัชชาภาทำเช่นนี้ แบบนี้ทุกวันบางทีเธอก็รู้สึกเหนื่อยแต่ก็ต้องอนทนไว้ เพื่อจะได้ใช้หนี้เขาให้หมด..วันนี้เป็นวันที่ทีมงานทำโฆษณา จะเริ่มเข้ามาทำโปรโมต พนักงานสาวต่างพากันแต่งตัวกันแบบจัดเต็ม ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม พยายามทำตัวให้ดูโดดเด่นที่สุด ต่างจากพัชชาภา เธอทำตัวปกติเหมือนทุก ๆ วัน แต่งหน้าอ่อน ๆ เผยให้เห็นผิวใส ๆ ดูสุขภาพดี เพราะเธอไม่อยากที่จะเป็นตัวแทนอะไรนั้น แต่ถ้าให้ช่วยอย่างอื่นเธอไม่มีปัญหาอยู่แล
ในที่สุดวันแต่งงานก็มาถึง งานแต่งงานของชาวินและพัชชา จัดขึ้นที่รีสอร์ตแสนรักของเขา ชาวินสั่งให้ตกแต่งสถานที่เต็มไปด้วยมวลดอกไม้นานาชนิด แขกที่มาร่วมงานต่างชื่นชมกันไม่ขาดปาก ว่าที่นี่บรรยากาศดีและสวยมากจริง ๆ รูปพรีเวดดิ้งถูกตั้งประดับทั่วทุกมุม ผู้คนที่มาร่วมงานแค่ดูรูปก็แสนจะอิจฉาเพราะดูก็รู้ว่าเจ้าบ่าวคงจะคลั่งรักเจ้าสาวมากแน่ ๆ“พี่น้ำสวยมากเลยค่ะ” อรอินเข้ามาในห้องแต่งตัว มองเธออย่างชื่นชม“ขอบใจจ้ะหนูอิน” พัชชายิ้มแย้ม“ทำไมพี่น้ำชอบเรียกอินว่าหนูอินเหมือนคุณพาทิศ…” หญิงสาวน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อพูดถึงพาทิศ หลังจากที่กลับมาจากเกาะดอกไม้เธอมักจะนึกถึงเขาตลอด“ขอโทษที่จ๊ะ มันติดปาก”สองสาวพูดคุยกัน แต่พัชราภาสังเกตได้ว่าอรอินคอยชะเง้อมองประตูตลอด แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะรู้อยู่แก่ใจแล้วแค่รอให้อรอินเอ่ยมาเอง“ทำไมดนตรียังมาไม่ถึงอีกคะเนี้ย” พูดไปก็ชะเง้อไป“รอดนตรีหรือพ่อของดนตรีอยู่คะ” พัชชาภาแซวอย่างรู้ทัน“ไม่..ไม่ใช่สักหน่อยพี่น้ำ อินถามถึงดนตรีค่ะ” อรอินเขินจนมือไม้อยู่ไม่สุข หยิบกระโปรงมาบิดไปมาแก้เขิน“ใกล้ถึงเวลาแล้วค่ะ อรอินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย”อรอินช่วยพัชชาภาให้ยืนขึ้น
พาทิศพาอรอินเดินออกมา บริเวณริมชายหาด ทั้งสองเดินเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ ด้านนอกเกาะพอมองออกไปสุดขอบฟ้าเวลานี้มันช่างดูมืดมนไปหมด อรอินทรุดกายลงนั่งกับพื้นทรายมองเหม่อออกไปไกล“เป็นอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยถาม“อินเหนื่อย” เธอตอบเขาออกไป แต่พาทิศรู้ดีว่าเธอกำลังเศร้าอยู่ ถึงจะยินดีกับคู่ของชาวิน ลึก ๆ เธอก็คงเสียใจไม่น้อยที่ชาวินนั้นหมั้นกับเธอแต่ไม่เคยรักเธอเลย แต่ยังถือว่าเธอเป็นคนดีมีน้ำใจคนหนึ่ง ที่ยังรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนอื่น ยอมถอยตัวออกมา“มานี้” พาทิศก้มลงไปดึงแขนเธอ“โอ๊ย..ไม่เดินแล้วอินจะนั่งตรงนี้”เมื่อเห็นเธอดื้อดึงไม่ยอมลุก พาทิศจึงโน้มตัวไปช้อนร่างของเธอขึ้นมาอุ้มไว้ แล้วเดินลงน้ำทะเล“ว๊าย คุณ ๆ ๆ จะทำอะไรปล่อยฉันนะ หยุด ๆ ๆ อินไม่อยากโดนน้ำ”ตุ๊ม!! เสียงร่างเล็กตกน้ำ เพราะพาทิศโยนเธอลงไป อรอินรีบลุกขึ้นยืน สภาพเปี้ยกไปทั้งตัวผมเผ้ายุ่งเหยิง“นี้..เล่นอะไรเนี้ย” อรอินตั้งหลักได้ก็พลักพาทิศอย่างแรง แต่กลับเป็นเธอที่หงายหลังลงน้ำทะเลไปอีก“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ” พาทิศหัวเราะลั่นอรอินยืนตั้งหลักในน้ำได้อีกครั้ง จ้องมองชายหนุ่มหาวิธีเอาคืนหญิงสาวแกล้งเดินหนีสวนเขา ได้จังหวะก็กระโดดขี่หลังพา
เธอแหวกม่านผ้า แทรกตัวจนมายืนอยู่ไม่ไกลด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาจ้องมองมัดกล้ามนั่นอย่างลืมตัว“จะมองอีกนานไหมครับ”พรึ่บ! เสียงสะบัดผ้า พร้อมกับละอองน้ำที่กระเด็นไปโดนตัวหญิงสาว ทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ ดวงตาโตหวัดมองใบหน้าชายเจ้าของหุ่นล่ำนั้น“คุณพาทิศ…” เมื่อรู้ว่าเผลอมองชายหนุ่ม หญิงสาวก็เขินอาย เธอรีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นทันที“ผมถามว่าจะมองอีกนานไหม จะได้ไปยืนใกล้ ๆ ให้มอง” พาทิศก้าวขาเข้ามาประชิดตัวหญิงสาว เธอตกใจสะดุ้งจึงรีบหันกลับมา มือเล็กยกขึ้นดันหน้าท้องที่เป็นรอนกล้ามนั้นไว้“ปะ..เปล่าอินไม่ได้มอง” เธอตอบน้ำเสียงสั่น มือยังคงดันหน้าท้องของพาทิศไว้ หัวใจดวงเล็ก ๆ เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาพาทิศยิ้มขำเบา ๆ กับท่าทางเขินอายของเธอ“ขำอะไร ถอยออกไปก่อนสิคะ”“ก็นึกว่าอยากมองใกล้ ๆ” ชายหนุ่มเย้าแหย่“ไม่ใช้สักหน่อยอินแค่จะมาถาม..”“เรื่องอะไรครับ”“พี่น้ำค่ะ พี่น้ำอยู่ที่นี่ใช่ไหม”พาทิศกล่าวถอยหลังหนึ่งก้าว“ถามหาน้องสาวผมทำไม คุณหนูอินกับนายชาวินเป็นคู่หมั้นก็กำลังจะแต่งงานกันแล้วไม่ใช่หรือครับ”“ไม่ใช่ค่ะ อิน…อินกับพี่วินเราถอนหมั้นกันแล้ว พี่วินเสียใจมากและรู้สึกผิด
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป พัชชาพาและดนตรีมาอยู่ที่กระบี่กับพาทิศ และเธอก็พึงจะรู้ว่าพี่ชายของเธอนั้นเป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้ มีทั้งรีสอร์ตและฟาร์มหอยมุก เป็นเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำเงินได้มหาศาลพาทิศจึงได้เล่าให้เธอฟังว่า เจ้าของเกาะคนก่อนเป็นผู้มีพระคุณของเขา เมื่อหลายปีก่อน หลังจากแยกทางกับแม่ของดนตรี พาทิศเอาดนตรีมาฝากไว้ที่หญิงพาทิศระหกระเหิน หนีกลุ่มคนที่มีปัญหากันในครั้งนั้น จนมาถึงกระบี่และได้เจอกับเจ้าของเกาะที่ชรามากแล้ว เขาได้ช่วยเหลือพาทิศไว้และดูแลเหมือนเป็นลูกชายพาทิศยังเล่าว่าชายชราคนนี้เสียลูกชายเพียงคนเดียวด้วยโรคประจำตัว เขาเลยใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด และเมื่อพาทิศได้มาอยู่กับชายเจ้าของเกาะ ชายชราคนนั้นได้สั่งสอนทุกเรื่องให้พาทิศพาทิศจึงได้เริ่มช่วยเขาดูแลกิจการของเกาะ และได้ริเริ่มพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของเกาะนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย ต่อมาชายชราคนนี้ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัวของเขา ก่อนจากไปชายชรา ยังได้ยกเกาะและกิจการทั้งหมดให้พาทิศ…“คนเราไม่สายที่จะเปลี่ยนแปลง น้ำดีใจนะที่พี่เปลี่ยนเป็นคนที่ดีขึ้น”“พี่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าชีวิตนี้จะได้รับอะไรดี ๆ แบบนี้ แล
“น้องดนตรีก็กลับไปแล้วค่ะ คุณพ่อน้องขอพาน้องกลับเลย คุณหมอดูอาการแล้วจึงให้กลับได้ค่ะ พึ่งจะออกไปเมื่อครู่นี้เองนะคะ”ชาวินได้ฟังดังนั้นจึงได้รีบวิ่งออกมาหน้าโรงพยาบาล สวนกับแม่ของเขาและอรอินพาดีชาวินวิ่งแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้นจนถึงลานจอดรถ ชายหนุ่มหยุดวิ่งพักหายใจหอบเขาหมุนไปรอบ ๆ เพื่อมองหา ในที่สุดเห็นร่างบางที่คุ้นเคยเธอกำลังขึ้นรถโดยมีพาทิศปิดประตูให้ พอเห็นดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งตามไปทันที อีกไม่ถึงสิบเมตรก็จะถึงแล้ว แต่พาทิศก็ขับรถออกไปก่อนเสียก่อนชาวินทรุดเข่าลงนั่งหายใจหอบอีกแค่เอื้อมมือเท่านั้น…. เท่านั้นเอง …คิดได้ดังนั้นพาทิศจึงรีบกลับมาที่รถ เจอแม่ของเขากับอรอินอยู่พอดี จึงได้พากันกลับไปที่รีสอร์ท เพื่อหวังว่าจะเจอพัชชาภาอยู่ที่นั่นก่อนหน้านั้น หลังจากชาวินไปคุยกับคุณหญิงนิภา พาทิศจึงขอเข้าไปดูลูกชายตนพยาบาลได้นำทางเขาเข้าไป จึงพบกับพัชชาภาเธออยู่ที่นี่ก่อนแล้วเมื่อเห็นสภาพน้องสาว หน้าตาดูอิดโรยที่ยังมี หน้าผากมีผ้าแปะแผล คราบเลือดแห้งกรังยังติดอยู่ที่เสื้ออยู่เลย พาทิศใจไหววูบไหนจะลูกไหนจะน้องสาว ชายหนุ่มเดินไปลูบหัวลูกชาย เด็กน้อยก็ส่งยิ้มให้อย่างร่าเริงตามประสา“ดนตรี
“คุณน้ำค่ะ เธอไม่มาด้วยเหรอคะ”“น้ำเธอมาด้วยครับ แต่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินเหมือนกัน” ปกรณ์หันมาตอบแทนชาวิน“ใช่ค่ะ เคสที่เข็นเข้าไปเมื่อครู่ คุณน้ำเธอเป็นลมแล้วหัวไปกระแทกกับก่อนหิน” พยาบาลที่ขอข้อมูลกับปกรณ์ หันไปบอกพี่พยาบาลอีกคน“ฝากดูน้ำหน่อยนะครับ พักนี้เธอเป็นลมบ่อย ๆ” ชาวินเอ่ยบอกพยาบาลไป“ได้ค่ะ รบกวนทุกคนรออยู่ด้านนอกนะคะตอนนี้ถึงมือหมอแล้วคนไข้ต้องปลอดภัยแน่นอนค่ะ”ทั้งสามคนจึงมานั่งรออยู่ด้านนอก เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วประตูห้องฉุกเฉินก็ยังไม่ถูกเปิดออกมาเสียที่ชาวินใจจดจ่ออยู่ที่ประตูไม่วางตา อรอินก็เดินไปเดินมาด้วยความเป็นห่วง ต่อมาปกรณ์จำต้องกลับไปก่อนเพราะมีงานที่ต้องทำต่อผ่านมาพักใหญ่ ๆ เสียงประตูห้องฉุกเฉินเปิด และมีพยาบาลเดินออกมา ชาวินกับอรอิน จึงรีบเดินไปหาทันที ทั้งสองตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบ“เคสแพ้อาหารของน้องดนตรี ตอนนี้ปลอดภัยแล้วนะคะ เดี๋ยวให้ยาหมดขวดแล้ว พักฟื้นดูอาการสักหน่อยถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็กลับบ้านได้ค่ะ”“ครับ” “ค่ะ” ชาวินกับอรอินถึงกับโล่งอก“คุณหมอเคยกำชับกับคุณอาของน้องไปแล้วนะคะ ว่ามีอาหารอะไรบ้างที่น้องห้ามทาน” พยาบาลเอ่ยทวงติ่ง“ผมขอโทษคร
หลายวันมานี้พัชชาภาทำงานอยู่ที่ท้ายไร่ จะมีแค่ปกรณ์กับมีนที่ค่อยแวะมาหาเธอบ้าง และอาการเวียนหัวคลื่นไส้อาเจียนพักนี้เธอก็เป็นบ่อยมาก ๆ อย่างเช่นตอนนี้หญิงสาวกำลังใช้สายยางฉีดน้ำล้างขี้วัวในคอก กับคนงานผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง อาการคลื่นไส้อยากจะอาเจียนก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เธอปล่อยสายยางแล้ววิ่งไปอ้วกที่ห้องน้ำ เธอโก่งคออาเจียนจนแทบไม่มีอะไรจะออกมาแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยและหมดแรง ยังดีที่มีพี่คนงานคนหนึ่งตามมาดูอาการเธอ แล้วยังหยิบยาดม ติดมือมาด้วย“ขอบคุณนะพี่ใจ” พัชชาภารับยาดมมาดม มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น“แรก ๆ ก็ยังนี้แหละ ขี้วัวมันเหม็นเดี๋ยวก็ชิน ใครไม่รู้ก็คิดว่าแพ้ท้องนะเนี่ย” สมใจบอกกับเธอ“แพ้ท้องเหรอพี่” น้ำเสียงเหนื่อยหอบเอ่ยถามกลับ“ใช่อาการแบบนี้แหละ เวียนหัวอาเจียนเหมือนเลย” สมใจพูดอย่างไม่คิดอะไร แต่คนที่คิดหนักคือพัชชาภา เธอกลัวว่าเธอจะท้องจริง ๆ ถ้าถามถึงเรื่องประจำเดือนขาดไหม ก็ขาดแต่ปกติแล้วประจำเดือนเธอมาไม่สม่ำเสมออยู่และ บ้างที่มาเดือนหยุดเดือน หรือหายไปเลยสองเดือนก็มีหญิงสาวมานั่งพักใต้ร่มไม้ ยังคงคิดวนเวียนถึงเรื่องที่สมใจพูดอยู่แต่เมื่อก่อนที่ประจำเดือนขาดเธอไม่
“อินไม่สะดวกใจที่จะให้พี่น้ำพักอยู่ที่นี้ค่ะ อินไม่ได้รังเกียจอะไรนะคะ แต่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม คนอื่นจะเอาไปนินทาเอาได้” เธอกล่าวกับพัชชาภาอย่างตรงไปตรงมา ชาวินเลือกที่จะยืนนิ่ง เขาอยากรู้ว่าหญิงสาวจะรู้สึกเจ็บปวดบ้างไหม เหมือนกับที่เขาเจ็บปวด“ค่ะ น้ำจะย้ายออกไปเดี๋ยวนี้” พัชชาภาไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เธอหน้าชากลืนก้อนสะอึ้กลงคอ ปวดหัวใจราวกับถูกใครบีบไว้ นึกไว้แล้วว่าวันนี้มันต้องมาถึง เธอหันหลังเธอกลับไปพยายามฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้อรอินมองตามแผ่นหลังพัชชาภาไปอย่างนึกสงสาร ที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากจะร้ายกาจแบบนี้ แต่เพราะอยากจะลองใจชาวินเท่านั้นถ้าพี่วินชอบกับพี่น้ำทำไมต้องปิดบังเธอด้วย อาจจะเป็นเพราะเรายังหมั้นกันอยู่ ถ้าไม่มีใจฝืนแต่งไปมันจะเสียเวลาและเจ็บทั้งสองฝ่าย เอาตามจริงตัวอรอินเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วเธอชอบชาวินไหมเพราะแม่ของเธอกับแม่ของชาวินเป็นคนจัดแจงงานหมั้นนี้ให้ทั้งหมด และทุกครั้งที่เจอชาวินเขาก็ดีกับเธอ…อรอินแสร้งทำเป็นโมโหอีกครั้งหันกลับมามองชาวิน สายตาชายหนุ่มยังมองตามทางที่พัชชาภาเดินไปอยู่เลยพัชชาภากลับเขามาในห้อง เธอพยายามเข้มแข็งจนถึงที่สุด หญิงสาวเก็บแค่
“นายจะเดินลงเขาไปแล้วขึ้นมาใหม่อีกรอบหรือ” เธอเอ่ยถามแค่คิดก็เหนื่อยแทนแล้ว“เปล่า….รถผมจอดอยู่ทางนู้นเดินไปนิดเดียว” หญิงสาวหันตามไปที่ชายหนุ่มพูด“ค่ะ” นิดเดียวแต่ฉันเดินขึ้นมาแทบตาย ทำไมมีทางขับรถขึ้นมาก็ไปบอกนะเธอได้แต่คิดในใจ ก่อนไปพาทิศยังช่วยพยุงเธอขึ้นมานั่งยังม้านั่งใกล้อีกด้วย อรอินมองตามแผ่นหลังชายหนุ่มที่เดินไป และคิดในใจ“เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ” เธอได้แต่คิด และกดโทรศัพท์มือถือหาชาวินไปหลายสายเขาก็ไม่รับสักที จดพาทิศเดินกลับมาพร้อมกับยาทาหลอดหนึ่งและรองเท้าแตะคู่ใหญ่ชายหนุ่มคลุกเขาลง จับข้อเท้าหญิงสาวมาทายาและค่อย ๆ นวดให้เธอเบา ระหว่างนั่นอรอินได้ลอบสังเกตุรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่ม เขารูปร่างกำยำหน้าตาจัดว่าหล่อเหล่า แต่ดูหน้าเกรงขามแปลก ๆ จนเวลาผ่านไปสักพัก“ดีขึ้นไหม” พาทิศเงยหน้าขึ้นมามอง สบตาเข้ากับดวงตาโต ๆ ของอรอินพอดี เธอตกใจจนเล้กลั่กดวงตาเฉไฉไปมา“เอาแต่จ้องหน้าหล่อ แบบนี้จะหายไหม”“ใคร ๆ ไหนใครจ้องหน้า ไม่มี๊” อรอินปฏิเสธลั่น พาทิศรู้สึกขำกลับท่าทีไร้เดียงสาของเธอ“ผมถามว่าดีขึ้นไหม”อรอินค่อย ๆ ขยับข้อเท้าเบา ๆ มันก็ไม่ค่อยเจ็บเท่าไรแล้ว“ก็ดีขึ้นแล้วนะ” เธอบอ