บทที่ 5
พาทิศขับรถออกมาเลยคอนโดได้ไม่ไกล เขาจอดรถเข้าริมฟุตบาท ลดกระจกลงมาชายชุดดำ ส่งกระเป๋าให้เขาหนึ่งใบ ต้ารีบรับไว้และรูดซิปเปิดดู “ครบ” พาทิศเอ่ยและรีบปิดกระจกขับรถออกไปทันที “คืออะไรพี่ต้า” พริมาถามด้วยความสงสัย “ก็เงินที่จะเอาไปไถ่ตัวพ่อไง” “ไหนพี่บอกว่าจะไปกู้กับเจ้านายพี่ไง น้ำงงไปหมดแล้ว” “ตอนนี้มีคนให้เงินมาฟรี ๆ แล้วไม่ต้องไปกู้” “ใครเขาจะให้เงินมาฟรี ๆ พี่ต้าไปทำอะไรมา ถ้าพี่ไม่บอกงั้นจอดรถเดี๋ยวนี่เลยน้ำจะไปหาวิน วินเข้าใจน้ำผิดไปกันใหญ่แล้ว” “ไม่ต้องกลับไปหามันแล้วน้ำ เดี๋ยวไปรับพ่อแล้วเรากลับไปอยู่กาญจนบุรีกัน” “คืออะไร ทำไม่พี่ต้าต้องห้ามน้ำไม่ให้กลับไปหาวินด้วย เรากำลังจะแต่งงานกันนะ” “น้ำ….น้ำฟังพี่นะ น้ำแต่งงานกับมันไม่ได้หรอก แล้วเงินพวกนี้ที่พี่ได้มา พวกมันให้พี่มาเอง มันอยากให้น้ำออกไปจากชีวิตพวกมัน” พริมาได้ฟังก็ยิ่งสับสน “น้ำไม่เชื่อ วินไม่มีทางทำแบบนี้ เขาให้เงินพี่มาเท่าไหร่ น้ำจะเอาไปคืน” พริมาพูดทั้งน้ำตา “อย่างโง่เลยน้ำ เงินนี้ต้องเอาไปช่วยพ่อไง” “ไหนพี่ต้าบอก จะกู้ที่เจ้านายพี่ก่อนไง” “ไม่มีเจ้านายที่ไหนหรอก ที่พี่ไม่บอกน้ำแต่แรกว่าครอบครัวนี้ใช้เงินไล่ให้น้ำออกไปจากชีวิตไอ้นั่น เพราะพี่กลัวน้ำจะเสียใจแบบนี้ไง” “ไม่จริง ๆ ฮือ ๆ น้ำไม่เชื่อ” พริมาร้องไห้โฮ อย่างเสียใจและสับสน เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาจนเธอเองก็ยังไม่ได้ตั้งตัว หญิงสาวรีบหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อจะโทรหาชาวิน แต่ต้ากับแย่งมันไปแล้วปิดเครื่องไว้ “น้ำฟังพี่นะ เงินนี้เราต้องรีบไปไถ่ตัวพ่อ ปานนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” พูดจบเขาก็ขับรถออกไปทันที พริมาได้แต่นั่งร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียวด้วยความเสียใจ ห่วงพ่อก็ห่วง อีกใจก็ห่วงชาวิน ไม่นานก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ต้าลงไปพร้อมกับกระเป๋าเงิน ไปไม่ถึงสิบนาทีก็กลับออกมาพร้อมกับพ่อของพวกเขาที่มีสภาพสะบักสะบอม “พ่อ!!” พริมาร้องเสียงหลง รีบลงจากรถเข้าไปช่วยประคองพ่อ เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยแล้วต้ารีบขับรถออกไปทันที “พ่อ เป็นไงบ้างคะ พี่ต้าพาพ่อไปหาหมอก่อนเถอะนะ” น้ำเสียงปนสะอื้นเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ “พ่อ พอทนไหวไหมไว้ค่อยไปหาหมอที่กาญจนบุรี” ต้ามองกระจกหลังเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ “ไหว ๆ รีบไปเถอะ” ชายสูงวัยเอ่ยตอบ พริมาละสายตาจากพ่อ เหม่อมองออกไปนอกถนน ที่มุ่งออกสู่ต่างจังหวัด น้ำจะไม่ได้เจอวินอีกแล้วใช่ไหม ใช่สิน้ำจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอวินล่ะ วินน้ำขอโทษจริง ๆ เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว คิดได้ดังนั้น น้ำตาก็หยดเผาะลงที่หลังมือ “น้ำ ลืมไอ้หนุ่มนั้นไปซะเถอะ เงินที่เหลืออยู่เราไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน” “น้ำคงไม่มีหน้ากลับไปเจอวินแล้วแหละ วินคงเกลียดน้ำไปแล้ว” “พี่ขอโทษ แต่ถ้าน้ำฝืนอยู่กับครอบครัวนั้นไป น้ำก็อยู่ไม่ได้หรอกเรากับคนพวกนั้นมันคนละชนชั้นกัน พวกนั้นเกลียดคนจนแบบเราจะตาย” หลังจากพวกพริมา มาอยู่ที่กาญจนบุรีได้ไม่ถึงเดือน พ่อของเธอก็ป่วยหนักจนเสียชีวิตลง พริมาเสียใจเป็นอย่างมาก บวกกับต้าก็ยังคงกลับมาตัวแบบเดิม ไม่ทำงานทำการติดเที่ยวและติดพนันเหมือนเดิม เธอจึงเลิกสนใจพี่ชาย ใช้ชีวิตต่อโดยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่หมด จนพริมาได้งานทำที่รีสอร์ตแสนรักของแก้วตา และยังคงทำงานที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน… ปัจจุบัน “สัปดาห์หน้าเรื่องโอนชื่อรีสอร์ตก็หน้าจะเสร็จเรียบร้อยนะคะคุณชาวิน” แก้วตาและชาวินกำลังง่วนกับการเซ็นเอกสารต่าง ๆ “ครับ” “ก็อีกแค่ไม่กี่วัน คุณชาวินก็เริ่มบริหารได้เลยนะคะ แก้วตาให้คุณน้ำจัดการหมดแล้วถ้ามีอะไรก็ถามคุณน้ำได้เลย แก้วตาจะเดินทางพรุ่งนี้แล้วค่ะ” “ได้ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ” เมื่อเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย ชาวินเตรียมตัวที่จะเดินทางกลับบ้านที่กรุงเทพก่อน ระหว่างที่จะเดินมาขึ้นรถ ก็เจอเข้ากับพัชชาภาอีกครั้ง คราวนี้เธอจูงเด็กชายตัวน้อยมาด้วย ชาวินเจ็บจี๊ดอยู่ในอกได้แต่มองเด็กคนนั้น และก็รีบขึ้นรถไป เด็กคนนี้หน้าไม่เหมือนเธอเลย คงจะเหมือนพ่อ ชู้ของเธอ.. ชาวินกำมือแน่น เคียดแค้นอยู่ในใจ รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปแล้วแต่ชาวินยังคงมองสองแม่ลูกคู่นั้นผ่านกระจกมองหลังอยู่จนลับตา “คุณวินรู้จักเธอหรือครับ” ศุภกฤตเลขาคนสนิทของชาวิน ที่อายุมากกว่าชายหนุ่มไม่กี่ปีเอ่ยถามอย่างสงสัย ที่เห็นเจ้านายตนมองผู้หญิงคนนั้นไม่ว่างตา “คิดว่าอาจจะรู้จักนะครับ” “พอคุณวินมาบริหารที่นี่ ก็เรียกดูประวัติตอนเธอสมัครงานไว้ก็ได้นี้ครับ” ศุภกฤคออกออกความเห็น “จริงสิ ลืมข้อนี้ไปเลย เดี๋ยวผมต้องมาอยู่สักสองสามเดือนนะครับ ให้คนมาดูบ้านในรีสอร์ตนี้ให้ที่นะครับ” “ได้ครับคุณวิน” สองวันผ่านไป ชาวินกลับเข้ามาที่รีสอร์ต พร้อมกับข้าวของมากมายเต็มรถหกล้อคันใหญ่ จอดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ ที่แก้วตาเคยพักอยู่ก่อนหน้า “ตามคุณน้ำให้ทีครับ แล้วคุณกฤตก็เข้าไปที่ออฟฟิศเอารายงานต้นทุนกำไร ย้อนหลังสักสามปีมาให้ผมที่ครับ” ชายหนุ่มหันไปสั่งเลขาคนสนิท ศุภกฤตรับคำแล้วเดินมาออฟฟิศที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก “คุณน้ำครับ คุณชาวินเรียกพบ ที่บ้านพักด้านหลังครับ” ศุภกฤตเอ่ยบอกกับหญิงสาว ทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา พัชชาภาเข้างานแปดโมงครึ่งของทุกวันเหมือนพนักงานคนอื่น แต่มีบางวันที่อาจจะมีเรตนิดหน่อยเพราะเจ้าลูกชายตัวแสบ น้องดนตรีงอแงไม่ยอมไปเรียน แต่ก็จะเป็นส่วนน้อยเพราะน้องดนตรีเป็นเด็กน่ารักเลี้ยงง่าย เชื่อฟังผู้ใหญ่แถมยังช่างพูดช่างจาเป็นที่รักแกผู้พบเห็น “ค่ะ แต่ทำไมคุณชาวินไม่มาที่ออฟฟิศคะ” พัชชาภาสงสัย คิดว่ามันไม่เหมาะสมเพราะบ้านพักนั้น ถือเป็นที่พักส่วนตัวของเขา “คุณวินหน้าจะให้คุณน้ำช่วยทำงานให้น่ะครับ” “อ่อ ได้ค่ะงั้นเดี๋ยวน้ำไปเลยนะคะ” “เชิญครับ” พัชชาภาใช้วิธีปั่นจักรยานแทนการเดินมา ไม่นานก็ถึงหน้าบ้าน ที่มีกระเป๋าเดินทางและข้าวของเครื่องใช้ว่างอยู่เต็มทางเดิน เธอเห็นชาวินยืนอยู่ก่อนแล้วจึงได้จอดรถแล้วเดินเข้าไปหา “คุณวินเรียกน้ำมา ให้ช่วยอะไรคะ” เธอเอ่ยถามขนาดที่ตาก็ยังมองไปที่ข้าวของพวนนั้น เกิดความสงสัยในใจ ที่บ้านพักนี้ก็มีของใช้ให้ครบทุกอย่าง ความจริงเขามาแค่เสื้อผ้าอย่างเดียวก็อยู่ได้แล้ว แต่เธอก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกัน “ผมอยากให้คุณน้ำช่วยจัดของพวกนี้เข้าบ้านให้ที่ครับ” เขาเอ่ยสั่งเสียงเรียบ “น้ำเหรอคะ” เธอแปลกใจชี้เข้าหาตัวเอง “ใช่ครับ” “แต่แม่บ้านก็มีนะคะ” เธอเอ่ยบอกเขา และสังเกตสีหน้าดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่พอใจ “คุณทำไม่ได้หรือไงครับ” ชาวินถามกลับ แววตาดุดันจ้องเข้าไปที่ดวงตาของเธอ จนหญิงสาวต้องรีบหลบสายตาคู่นั้น “ได้ค่ะ เดี๋ยวน้ำจัดการให้ คุณวินไปรอที่ออฟฟิศก่อนก็ได้ค่ะ” เธอรีบตกปากรับคำ “ผมจะดูคุณจัดของไม่ได้หรือไงครับ เกิดของผมหายขึ้นมาทำไง” “ค่ะงั้นคุณก็อยู่ที่นี้ เดี๋ยวน้ำรีบจัดการให้” พัชชาภารีบตัดบท ดูก็รู้ว่าชาวินจงใจหาเรื่องเธอชัด ๆ เขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เมื่อก่อนนั้นเขาเป็นคนที่อ่อนโยนกับเธอที่สุด แต่ตอนนี้คงเกลียดเธอมาก ๆ เธอทำได้แต่รีบทำงานที่เขาให้ทำให้เสร็จ ๆ ไปซะจะได้จบ เธอเองก็ไม่อยากมีปัญหา พัชชาภาค่อย ๆ จัดข้าวของ ของชายหนุ่มโดยมีเขายืนมองอยู่ไม่ห่าง ชาวินมองเธออย่างลืมตัวเธอยังคงจัดเก็บสิ่งของต่าง ๆ ได้ดีและถูกใจเขาเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกันเลย เมื่อเผลอคิดไปถึงอดีต ชาวินก็โมโหตัวเองขึ้นมา ในขณะที่หญิงสาวกำลังว่างรูปถ่ายของชายหนุ่มก็ต้องสะดุดรูปของชาวิน กับหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูหน้าตาสะสวยและดูฐานะเหมาะสมกับเขา เธอหยุดดูรูปนั้นเพียงครู่หนึ่ง “นั้นรูปคู่หมั้นของผมเองเธอชื่ออรอิน” ชาวินเห็นว่าเธอมองรูปนั้นอยู่จึงจงใจเอ่ยขึ้นมา เพราะหวังว่าเธอจะเจ็บปวดบ้าง “ค่ะ..ดูเหมาะสมกันดีนะคะ” (ไม่เหมือนฉันที่ต่างกับคุณยังฟ้ากับเหว) เธอตอบกลับชายหนุ่มไปน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ภายในใจหญิงสาวกับรู้สึกหน่วงจนต้องกัดเม้นริมฝีปากเข้าหากันจนแน่น ชาวินหายใจแรงรู้สึกโมโห ที่เธอแทบจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับเขา “เดี๋ยวต่อไป เธอจะมาอยู่กับผมที่นี่ด้วย” เขาเอ่ยบอกเธอ แล้วลอบสังเกตอาการของคนตรงหน้า “ค่ะ” พัชชาภาตอบกลับมาแค่นั้น และก้มหน้าก้มตาเร่งจัดของให้เขาต่อ แต่ตอนนี้ดวงตาของเธอกลับพร่าไปด้วยหยาดน้ำตา จนเผลอทำกรอบรูปของชาวินและคู่หมั้นหล่นจนแตกกระจาย หญิงสาวตกใจเป็นอย่างมาก รีบเอื้อมมือไปเก็บเศษกระจกที่แตก ไม่ทันระวังทำให้โดนเศษกระจกบาดเข้าที่นิ้วจนเลือดไหล ชาวินเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เห็นเธอโดนเศษกระจกบาดเลือดไหล ก็รีบเดินเข้ามาดูแผลให้เธอ “ขอโทษค่ะ น้ำไม่ได้ตั้งใจ น้ำ…” “น้ำ..เจ็บไหม” น้ำเสียงห่วงใยที่ดูคุ้นเคยเอ่ยถามขณะที่ประคองมือของเธอขึ้นมา พัชชาภาเองแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองจึงได้เงยหน้ามองเขา ทั้งสองสบตากันพอดีหยดน้ำตาใส ๆ ก็ไหลผ่านแก้มเนียนของเธอไป แต่แล้วภาพวันวานเก่า ๆ ตอนนั้นตอนที่เธอทิ้งเขาไปกับชู้ก็ผุดขึ้นมาในหัว สีหน้าแววตาที่เป็นห่วงเธอเมื่อครู่นี้ก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนแววตามที่วาวโรจน์ไปด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะปล่อยมือเธอลง “แผลแค่นี้ อย่าทำเป็นสำออยเลย รีบไปใส่ยาแล้วมาทำงานต่อ” หญิงสาวอึ้งกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา แต่ก็ได้แต่ทำใจเพราะเธอไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไรจากเขาอยู่แล้ว เธอเป็นคนผิดมันสมควรและที่เขาจะเกลียดเธอ.. พัชชาภารีบไปทำแผล แปะพลาเตอร์ไปส่ง ๆ แล้วรีบมาจัดของให้ชาวินต่อ โดยไม่หยุดพักแม้จะถึงเวลาเที่ยงแล้ว “ทำไมเธอไม่ไปพักทานข้าวก่อน” เสียงทุ้มเอ่ยถามมาจากทางหลัง “ไม่เป็นไรค่ะ อีกนิดก็ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว น้ำรีบทำให้เสร็จทีเดียวเลยดีกว่า” เธอตอบกลับเขาโดยที่ยังคงทำงานขะมักเขม้นอยู่ ชายหนุ่มซึ่งมองร่างบางของเธออยู่ด้านหลัง สังเกตได้ว่าเธอผอมบางลงแต่ก่อนเยอะมาก ไม่รู้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของเธอจะลำบากแค่ไหนกัน แต่พอรู้ตัวว่านึกเป็นห่วงเธอชาวินก็โมโหตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง จึงได้เดินหนีออกที่ออฟฟิศ “คุณกฤต ช่วยหาประวัติของคุณน้ำให้ผมทีนะครับ” “ได้ครับ แต่คุณวินไม่ทานข้าวก่อนหรือครับ นี้ก็เที่ยวแล้ว” “ผมยังไม่หิว เดี๋ยวเอาประวัติมาให้ผมก่อนนะครับ แล้วคุณกฤษช่วยเอาอาหารกลางวันไปให้คุณน้ำที่บ้านพักผมด้วยครับ” ศุภกฤษรับคำก่อนจะเดินออกไป ไม่นานเลขาคนสนิท ก็กลับมาพร้อมกับเอกสารที่ชายหนุ่มต้องการ “ประวัติของคุณน้ำครับ” “ขอบคุณครับ” ชาวินรับมันไว้ พอศุภกฤตออกไปเขาจึงเปิดเอกสารนั้นดู……บทที่ 6ชาวินเปิดเอกสารใบสมัครงานของเธออ่านที่ละแผ่น อย่างตั้งใจ ใบสมัครนี้ลงวันที่ได้ตั้งแต่ปี 2563“นางสาวพัชชาภา วิไลลักษ์ อายุ 26 ปี สถานะโสด…” ชาวินเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “แค่ลงประวัติสมัครงานเธอยังต้องโกหกอีกหรือ ลูกก็มีอยู่ทั้งคน” เขาบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์“บิดา มารดาเสียชีวิต คู่สมรส…..” ชาวินมองไปที่ช่องคู่สมรสที่ขีดออก “หรือว่าเธอจะเลิกกันไปแล้ว”“เธอจบมหาลัยเดียวกับฉัน ปีเดียวกัน หรืออายจนไม่กล้าที่จะยอมรับความจริงว่าเป็นเธอเมื่อสี่ปีที่แล้ว”ชาวินไล่อ่านประวัติเธอลงมาเรื่อย ๆ และเปิดเอกสารหน้าถัด ๆ ไป “หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล นางสาวพริมา วงษ์วิไล” อ่านถึงตรงนี้ชาวินกำมือแน่น “ดูสิเธอจะแก้ตัวได้อีกไหม”กระทั่งเวลาล่วงเลยจนเกือบบ่ายสามโมงตรง พัชชาภาเร่งจัดของจนเสร็จเรียบร้อย และยังดีที่ได้กินข้าวโดยที่ศุภกฤตเอามาให้อีกด้วย เธอกะว่าเสร็จจากงานที่นี่ จะไปรับน้องดนตรีไปฝากไว้กับป้าพิณ ป้าข้างห้องก่อนและจะกลับมาทำงานในรีสอร์ตต่อซึ่งพัชชาภาจะทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว ห้องที่เธออาศัยอยู่ก็เป็นห้องแถวของรีสอร์ที่เป็นสวัสดิการให้พนักงานทุกคน ร่วมถึงคนงานในไร
บทที่ 7ถึงเวลาเลิกงาน พัชชาพาเดินออกจากออฟฟิศ ปั่นจักรยานเพื่อจะกลับไปยังห้องพักซึ่งก็ไกลพอสมควร ระวังทางก็เจอเข้ากับป้าพิณที่ยืนอยู่ “ป้าพิณ น้ำมาแล้วค่ะ” หญิงสาวเอ่ยทัก เหมือนอย่างเช่นเคย เพราะรู้อยู่แล้วว่าป้าพิณจะพาเจ้าดนตรีมาเดินเล่นดูวัวบริเวณนี้ประจำอยู่แล้ว “แล้วดนตรีอยู่ไหนคะ” “อยู่นู่นนะ ติดคุณชาวินเจ้าของของคนใหม่แจเลย” ป้าพิณชี้ไปที่ริมรั้ว พัชชภาถึงกับตาโต ที่เห็นชายหนุ่มอุ้มเจ้าลูกชายตัวน้อยของเธออยู่ “ไปรู้จักกันตอนไหนคะป้า” “พักเดียวเอง คุณชาวินเขามาดูวัวที่ทุ่งนี้” ก่อนหน้านี้“คุณอา ๆ ครับ” เด็กชายตัวเล็กที่เดินเล่นอยู่ริมรั้วกัน อยากที่จะมองเห็นฝูงวัวในทุ่งให้ชัด จึงได้เดินมาหยุดข้าง ๆ ชาวิน ก่อนจะกระตุ้นขากางเกงส่งเสียงเรียกชายหนุ่ม ชาวินก้มมองเด็กชายตัวน้อย ก็จำได้ทันทีว่าเป็นลูกของพัชชาภากับชู้ ชาวินดึงขาถอยหนี แต่ดนตรีก็ก้าวตามมาเกาะขาเขาไว้อีก “นี้มาเกาะขาฉันทำไม” เขาเอ่ยถามเด็กชายตัวน้อย “คุณอา คุณอาตัวสูงจัง อุ้มดนตรีหน่อยได้ไหมครับ ดนตรีอยากเห็นสูง ๆ ไกล ๆ” เด็กชายบอกเขาแล้วชี้ไปทาง ทุ่งหญ้าที่มีวัวอยู่ ชาวินมองตามที่เด็กชี้แล้วมองรั้วกั้น “ทำไมฉั
บทที่ 8พรุ่งนี้คุณเก็บเสื้อผ้าย้ายมาอยู่ที่บ้านพักได้เลยนะครับ“อะไรนะคะ ทำไมน้ำต้องย้ายมาด้วยค่ะ”“ผมอยากให้คุณมาเป็นแม่บ้าน คุณก็ต้องย้ายมาอยู่บ้านผมไงครับ หรือคุณจะผิดสัญญา ในสัญญาก็ระบุไว้แล้วว่าคุณต้องทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง” “แต่…น้ำต้องดูแลดนตรี”“คุณก็แค่พาดนตรีมาอยู่ด้วย”“แต่น้ำเกรงว่ามันจะรบกวนคุณเปล่า ๆ”“ทำตามที่ผมสั่งก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องคิด”“ค่ะ” เธอรับปากไปแต่ก็มีสีหน้ากังวลอยู่มาก เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วหญิงสาวจึงได้ขอตัวกลับออกมา เธอยังคงนอนคิดหนัก ถ้าเธอย้ายเข้าไปคนอื่นจะคิดว่ายังไงนะ ได้แต่คิดแล้วก็ถอนหายใจยาวจนเผลอหลับไปเช้าวันต่อมาพัชชาภาไปส่งดนตรีที่ศูนย์เด็กเล็ก แล้วจึงกลับมาทำงานตามปกติ จนผ่านไปเที่ยงวันก็เจอเข้ากับชาวินอีกครั้ง “ผมบอกให้คุณย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านพักผมวันนี้ไง”“ค่ะ แต่ช่วงเช้าน้ำยุ่ง ๆ กะว่าจะไปเก็บของเย็นนี้ค่ะ”“ไม่ต้องเก็บแล้ว ผมให้คนไปขนของคุณกับดนตรีมาเรียบร้อยแล้ว” เขาพูดหน้าตาเฉย แต่คนฟังถึงกับตกใจ“อะ..อะไรนะคะ คุณชาวิน ทำแบบนี้คนอื่นจะมองไม่ดีนะคะ”“ไม่ดียังไง แค่ทำงานให้ผมหรือคุณคิดว่าจะได้ทำอย่างอื่นเลยกลัวคนเข้าใจผิด”“ไม่ใ
บทที่ 9“อาวิน แม่น้ำ” เสียงเด็กชายตะโกนออกมาอย่างดีใจ และวิ่งเข้ามากอดขาชาวินไว้แน่น“อาวินครับ ทำไมอาวินกับแม่น้ำ ถึงมารับดนตรีพร้อมกันล่ะครับ” เด็กชายแหงนหน้าถามชายหนุ่ม“ดนตรี ปล่อยก่อนลูก” พัชชาภารีบจับลูกชายที่กอดขาชาวินไว้แน่น ซึ่งเด็กชายก็เชื่อฟังยอมปล่อยแต่โดยดี “มะ ให้อาวินอุ้มไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามเด็กน้อย “เย้ ครับอุ้มหน่อยดนตรีอยากเห็นสูง ๆ” เด็กชายกระโดดดีใจ เพราะชอบเห็นมุมสูง ๆ“คุณชาวินคะ ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวน้ำอุ้มเอง” เธอกล่าวอย่างเกรงใจ “ไม่เป็นไรหรอกหน้า” พูดจบเขาก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นมา แล้วพากันเดินกลับมาที่รถ“แล้วทำไมอาวินถึงมากับแม่น้ำครับ” เด็กชายยังไม่หยุดถาม“คุณชาวินเขาเป็นเจ้านายของแม่น้ำครับ พวกเราออกมาทำงานด้วยกัน”“คุณชาวินหรือครับ” “เจ้านายหรือครับ” เขาเอ่ยทวนด้วยความสงสัย“คุณชาวินที่ดนตรีเรียกว่าอาวินไงครับ”“เจ้านายก็คือคนที่แม่ทำงานให้ และก็เป็นคนจ่ายเงินเดือน ให้แม่น้ำเอามาไว้ให้ดนตรีเรียนหนังสือไงครับ” ชายหนุ่มนั่งฟังสองแม่ลูกคุยกันเพลิน จนขับรถมาจอดยังหน้าออฟฟิศ หญิงสาวมองออกไปนอกรถก็ไม่กล้าที่จะลงไปตรงนี้ เพราะมีพนักงานอยู่ที่นี้หลายคน ถ้าเธอลงไป
บทที่ 10เมื่อเธอกลับมาถึงที่บ้านพัก ก็พบลูกชายที่วิ่งเล่นอยู่แถว ๆ นั้นพอดี เธอจึงเดินไปคุยกับป้าพิณ จึงได้รู้ว่าชาวินก็จ้างให้ป้าแก มาช่วยดูแลดนตรีช่วงที่เธอต้องทำงานให้เขา หญิงสาวเดินเข้ามาภายในบ้าน ตรงไปยังห้องด้านล่างข้างหลังที่ติดกับครัว ก็พบว่าข้างของเครื่องใช้ของเธอและดนตรีถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งห้องก็กว้างพอสมควร พอให้เธอกับลูกได้อยู่อย่างสบาย เมื่อป้าพิณกลับไปแล้วเธอจึงได้เตรียมอาหารให้ดนตรี แล้วพาไปอยู่ในห้อง และยังกลับมาเตรียมอาหารให้ชาวินต่อ เธอจัดการทุกอย่างจนเสร็จสรรพ ชาวินก็กลับมาพอดี เขาจึงได้กินอาหารที่เธอเตรียมไว้ให้ จากนั้นเธอจึงขอตัวไปดูแลดนตรีและพาเข้านอน..พัชชาภาทำเช่นนี้ แบบนี้ทุกวันบางทีเธอก็รู้สึกเหนื่อยแต่ก็ต้องอนทนไว้ เพื่อจะได้ใช้หนี้เขาให้หมด..วันนี้เป็นวันที่ทีมงานทำโฆษณา จะเริ่มเข้ามาทำโปรโมต พนักงานสาวต่างพากันแต่งตัวกันแบบจัดเต็ม ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม พยายามทำตัวให้ดูโดดเด่นที่สุด ต่างจากพัชชาภา เธอทำตัวปกติเหมือนทุก ๆ วัน แต่งหน้าอ่อน ๆ เผยให้เห็นผิวใส ๆ ดูสุขภาพดี เพราะเธอไม่อยากที่จะเป็นตัวแทนอะไรนั้น แต่ถ้าให้ช่วยอย่างอื่นเธอไม่มีปัญหาอยู่แล
บทที่ 11ณ ห้องอาหารของรีสอร์ต ทางทีมทำโปรโมตได้เข้าพักที่รีสอร์ต และมารวมตัวกันที่ห้องอาหาร พนักงานที่ได้ร่วมงานกันวันนี้ต่างมาร่วมทานอาหารเย็นกันที่นี่ด้วยพัชชาภาเมื่อเสร็จจากดูแลดนตรีเรียบร้อย จึงได้ฝากฝังลูกชายไว้กับป้าพิณ จากนั้นจึงได้มาทานอาหารห้องอาหารรีสอร์ตพร้อมกับชาวินเมื่อมาถึงเธอจึงขอแยกตัวไปนั่งโต๊ะเดียวกับพนักงานหญิงด้วยกัน รวมถึงปกรณ์ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันกับเธอด้วย เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ พนักงานเสริฟก็นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาบริการต่อ ทุกคนต่างรวมดื่มชนแก้วกันอย่างสนุกสนาน พัชชาภาเองก็ดื่มบ้างนิดหน่อยพอเป็นพิธีจากนั้นเธอจึงได้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เมื่อปกรณ์เห็นดังนั้น จึงได้รีบเดินตามหญิงสาวไปเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของชาวินตลอด เขานิ่งเงียบค่อยมองทั้งสองตั้งแต่แรกแล้วอ่อยผู้ชายไปทั่วเขาสบถออกมาเบา ๆ พร้อมยกแก้วของเหลวสีอำพันล้วนเดียวหมด ก่อนจะลุกตามทั้งสองไป โดยที่ไม่มีใครสังเกตเพราะทุกคนกำลังสนุกสนานกันอยู่ปกรณ์ยืนรอพัชราภาอยู่ตรงทางเดินเชื่อมไปห้องน้ำด้านหลัง จนกระทั่งหญิงสาวเดินออกมา“อ่าวพี่กร”“น้ำพี่มีอะไรจะคุยด้วย ไปตรงสวนด้านข้างกับพี่หน่อย” ปกรณ์
บทที่ 12“เธอจะรับรักใครก็เรื่องของเธอ แต่อย่างลืมสัญญานั้น เธอต้องทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่างจนกว่าจะครบกำหนดตามสัญญา”พัชชาพรมองตามแผ่นหลังของชาวินที่เดินจากไป และคำพูดของเขานั้นที่พูดเมื่อครู่ ทำเอาเธอเจ็บจี๊ดที่หัวใจ แล้วเรื่องเมื่อกี้นั้นล่ะที่เขาทำกับเธอมันคืออะไร แค่เห็นเธอเป็นที่ระบายอย่างนั้นหรือ “ต้องทำตามที่สั่งทุกอย่างเลยหรือ รวมถึงเรื่องเมื่อกี้ด้วยใส่ไหม” เธอพึมพำกลับตนเองเบา ๆแค่คำพูดไม่กี่คำจากเขาก่อนจะเดินจากไป เธอก็รู้สึกจุกในอกจนพูดไม่ออกแล้ว ได้แต่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำใส่เสื้อผ้าแล้วเดินกลับห้องตนไป “หึ ปฏิเสธหรือใครจะเชื่อ เรื่องสี่ปีที่แล้วฉันได้จำไม่ลืม ….” คนตัวใหญ่เมื่อกลับมาถึงห้องยังคงนอนครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาเห็นปกรณ์กับพัชชาภาเมื่อหัวค่ำ ที่ดูสนิทสนมกัน กับคำพูดจากปากเธอ เขาจะไม่มีทางเชื่อและใจอ่อนกับเธออีกแน่นอน…เช้าวันรุ่งขึ้นและวันนี้ก็เป็นวันเสาร์ พัชชาภาตื่นแต่เช้าตรู่ ทำงานบ้านต่าง ๆ จนเสร็จสรรพ และจัดเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะให้ชาวินด้วย เธอจึงรีบออกมาจากบ้านก่อนที่ชาวินจะตื่นเสียอีก โดยที่ก่อนเข้าทำงานหญิงสาวได้พาลูกชายไปฝากไว้กับป้าพิณอย่างเช่นเคย ชาวินต
บทที่ 13หลังจากที่กินยาแล้วหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ พัชชาภารู้สึกตัวเธอตื่นขึ้นมา รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด เหมือนกำลังถูกกอดอยู่ และก็จริงดังนั้น ร่างกายของเธอกำลังถูกกอดอยู่ในอ้อมอกที่เธอรู้สึกคุ้นเคยแสงไฟสลัวสาดส่องเข้ามาภายในห้อง เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคนร่างใหญ่ที่กำลังกอดเธออยู่“คุณ…” เธอเอ่ยเรียกเขาอย่างตกใจ และพยายามดิ้นขลุกขลัก“คุณ….ชาวิน คุณเข้ามาได้ยังไง” แต่ชายหนุ่มยังนอนหลับตานิ่งอยู่ หญิงสาวเห็นดังนั้น และนึกขึ้นได้น้องดนตรีก็นอนอยู่กับเธอนี้ ร่างเล็กจึงพยายามหันมองดูลูกชาย“อืม….นอนเถอะ” ชายหนุ่มโอบกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น จนเธอแทบขยับไม่ได้ ใบหน้าสวยนั้นก็แนบอยู่ที่อกเขา“คุณชาวิน ปล่อยน้ำก่อนค่ะ” เธอเอ่ยบอกเขา และพยายามจะหันไปดูลูกชายอีกครั้ง“ดนตรีเขาหลับอยู่” ชาวินบอกเธอ“แต่ ….” เธอพยายามดิ้นอีกครั้ง แต่เขากับกอดเธอแน่ขึ้นจนเธอรู้สึกอึดอัด“ผมสั่งให้นอนไง” เขาเอ่ยเสียงเงียบ แต่มันก็ได้ผล พัชชาภาจึงนอนนิ่ง ๆ ตามที่เขาสั่งสั่งอีกแล้วซินะ เขาสั่งอะไรเธอก็ต้องทำตาม เธอได้แต่คิดในใจอย่างสับสน แต่ก็รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่รู้ อ้อมกอดนี้ที่มันห่างหายไปนาน แต่ความอบอุ่นนี้มัน
ในที่สุดวันแต่งงานก็มาถึง งานแต่งงานของชาวินและพัชชา จัดขึ้นที่รีสอร์ตแสนรักของเขา ชาวินสั่งให้ตกแต่งสถานที่เต็มไปด้วยมวลดอกไม้นานาชนิด แขกที่มาร่วมงานต่างชื่นชมกันไม่ขาดปาก ว่าที่นี่บรรยากาศดีและสวยมากจริง ๆ รูปพรีเวดดิ้งถูกตั้งประดับทั่วทุกมุม ผู้คนที่มาร่วมงานแค่ดูรูปก็แสนจะอิจฉาเพราะดูก็รู้ว่าเจ้าบ่าวคงจะคลั่งรักเจ้าสาวมากแน่ ๆ“พี่น้ำสวยมากเลยค่ะ” อรอินเข้ามาในห้องแต่งตัว มองเธออย่างชื่นชม“ขอบใจจ้ะหนูอิน” พัชชายิ้มแย้ม“ทำไมพี่น้ำชอบเรียกอินว่าหนูอินเหมือนคุณพาทิศ…” หญิงสาวน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อพูดถึงพาทิศ หลังจากที่กลับมาจากเกาะดอกไม้เธอมักจะนึกถึงเขาตลอด“ขอโทษที่จ๊ะ มันติดปาก”สองสาวพูดคุยกัน แต่พัชราภาสังเกตได้ว่าอรอินคอยชะเง้อมองประตูตลอด แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะรู้อยู่แก่ใจแล้วแค่รอให้อรอินเอ่ยมาเอง“ทำไมดนตรียังมาไม่ถึงอีกคะเนี้ย” พูดไปก็ชะเง้อไป“รอดนตรีหรือพ่อของดนตรีอยู่คะ” พัชชาภาแซวอย่างรู้ทัน“ไม่..ไม่ใช่สักหน่อยพี่น้ำ อินถามถึงดนตรีค่ะ” อรอินเขินจนมือไม้อยู่ไม่สุข หยิบกระโปรงมาบิดไปมาแก้เขิน“ใกล้ถึงเวลาแล้วค่ะ อรอินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย”อรอินช่วยพัชชาภาให้ยืนขึ้น
พาทิศพาอรอินเดินออกมา บริเวณริมชายหาด ทั้งสองเดินเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ ด้านนอกเกาะพอมองออกไปสุดขอบฟ้าเวลานี้มันช่างดูมืดมนไปหมด อรอินทรุดกายลงนั่งกับพื้นทรายมองเหม่อออกไปไกล“เป็นอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยถาม“อินเหนื่อย” เธอตอบเขาออกไป แต่พาทิศรู้ดีว่าเธอกำลังเศร้าอยู่ ถึงจะยินดีกับคู่ของชาวิน ลึก ๆ เธอก็คงเสียใจไม่น้อยที่ชาวินนั้นหมั้นกับเธอแต่ไม่เคยรักเธอเลย แต่ยังถือว่าเธอเป็นคนดีมีน้ำใจคนหนึ่ง ที่ยังรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนอื่น ยอมถอยตัวออกมา“มานี้” พาทิศก้มลงไปดึงแขนเธอ“โอ๊ย..ไม่เดินแล้วอินจะนั่งตรงนี้”เมื่อเห็นเธอดื้อดึงไม่ยอมลุก พาทิศจึงโน้มตัวไปช้อนร่างของเธอขึ้นมาอุ้มไว้ แล้วเดินลงน้ำทะเล“ว๊าย คุณ ๆ ๆ จะทำอะไรปล่อยฉันนะ หยุด ๆ ๆ อินไม่อยากโดนน้ำ”ตุ๊ม!! เสียงร่างเล็กตกน้ำ เพราะพาทิศโยนเธอลงไป อรอินรีบลุกขึ้นยืน สภาพเปี้ยกไปทั้งตัวผมเผ้ายุ่งเหยิง“นี้..เล่นอะไรเนี้ย” อรอินตั้งหลักได้ก็พลักพาทิศอย่างแรง แต่กลับเป็นเธอที่หงายหลังลงน้ำทะเลไปอีก“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ” พาทิศหัวเราะลั่นอรอินยืนตั้งหลักในน้ำได้อีกครั้ง จ้องมองชายหนุ่มหาวิธีเอาคืนหญิงสาวแกล้งเดินหนีสวนเขา ได้จังหวะก็กระโดดขี่หลังพา
เธอแหวกม่านผ้า แทรกตัวจนมายืนอยู่ไม่ไกลด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาจ้องมองมัดกล้ามนั่นอย่างลืมตัว“จะมองอีกนานไหมครับ”พรึ่บ! เสียงสะบัดผ้า พร้อมกับละอองน้ำที่กระเด็นไปโดนตัวหญิงสาว ทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ ดวงตาโตหวัดมองใบหน้าชายเจ้าของหุ่นล่ำนั้น“คุณพาทิศ…” เมื่อรู้ว่าเผลอมองชายหนุ่ม หญิงสาวก็เขินอาย เธอรีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นทันที“ผมถามว่าจะมองอีกนานไหม จะได้ไปยืนใกล้ ๆ ให้มอง” พาทิศก้าวขาเข้ามาประชิดตัวหญิงสาว เธอตกใจสะดุ้งจึงรีบหันกลับมา มือเล็กยกขึ้นดันหน้าท้องที่เป็นรอนกล้ามนั้นไว้“ปะ..เปล่าอินไม่ได้มอง” เธอตอบน้ำเสียงสั่น มือยังคงดันหน้าท้องของพาทิศไว้ หัวใจดวงเล็ก ๆ เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาพาทิศยิ้มขำเบา ๆ กับท่าทางเขินอายของเธอ“ขำอะไร ถอยออกไปก่อนสิคะ”“ก็นึกว่าอยากมองใกล้ ๆ” ชายหนุ่มเย้าแหย่“ไม่ใช้สักหน่อยอินแค่จะมาถาม..”“เรื่องอะไรครับ”“พี่น้ำค่ะ พี่น้ำอยู่ที่นี่ใช่ไหม”พาทิศกล่าวถอยหลังหนึ่งก้าว“ถามหาน้องสาวผมทำไม คุณหนูอินกับนายชาวินเป็นคู่หมั้นก็กำลังจะแต่งงานกันแล้วไม่ใช่หรือครับ”“ไม่ใช่ค่ะ อิน…อินกับพี่วินเราถอนหมั้นกันแล้ว พี่วินเสียใจมากและรู้สึกผิด
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป พัชชาพาและดนตรีมาอยู่ที่กระบี่กับพาทิศ และเธอก็พึงจะรู้ว่าพี่ชายของเธอนั้นเป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้ มีทั้งรีสอร์ตและฟาร์มหอยมุก เป็นเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำเงินได้มหาศาลพาทิศจึงได้เล่าให้เธอฟังว่า เจ้าของเกาะคนก่อนเป็นผู้มีพระคุณของเขา เมื่อหลายปีก่อน หลังจากแยกทางกับแม่ของดนตรี พาทิศเอาดนตรีมาฝากไว้ที่หญิงพาทิศระหกระเหิน หนีกลุ่มคนที่มีปัญหากันในครั้งนั้น จนมาถึงกระบี่และได้เจอกับเจ้าของเกาะที่ชรามากแล้ว เขาได้ช่วยเหลือพาทิศไว้และดูแลเหมือนเป็นลูกชายพาทิศยังเล่าว่าชายชราคนนี้เสียลูกชายเพียงคนเดียวด้วยโรคประจำตัว เขาเลยใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด และเมื่อพาทิศได้มาอยู่กับชายเจ้าของเกาะ ชายชราคนนั้นได้สั่งสอนทุกเรื่องให้พาทิศพาทิศจึงได้เริ่มช่วยเขาดูแลกิจการของเกาะ และได้ริเริ่มพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของเกาะนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย ต่อมาชายชราคนนี้ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัวของเขา ก่อนจากไปชายชรา ยังได้ยกเกาะและกิจการทั้งหมดให้พาทิศ…“คนเราไม่สายที่จะเปลี่ยนแปลง น้ำดีใจนะที่พี่เปลี่ยนเป็นคนที่ดีขึ้น”“พี่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าชีวิตนี้จะได้รับอะไรดี ๆ แบบนี้ แล
“น้องดนตรีก็กลับไปแล้วค่ะ คุณพ่อน้องขอพาน้องกลับเลย คุณหมอดูอาการแล้วจึงให้กลับได้ค่ะ พึ่งจะออกไปเมื่อครู่นี้เองนะคะ”ชาวินได้ฟังดังนั้นจึงได้รีบวิ่งออกมาหน้าโรงพยาบาล สวนกับแม่ของเขาและอรอินพาดีชาวินวิ่งแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้นจนถึงลานจอดรถ ชายหนุ่มหยุดวิ่งพักหายใจหอบเขาหมุนไปรอบ ๆ เพื่อมองหา ในที่สุดเห็นร่างบางที่คุ้นเคยเธอกำลังขึ้นรถโดยมีพาทิศปิดประตูให้ พอเห็นดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งตามไปทันที อีกไม่ถึงสิบเมตรก็จะถึงแล้ว แต่พาทิศก็ขับรถออกไปก่อนเสียก่อนชาวินทรุดเข่าลงนั่งหายใจหอบอีกแค่เอื้อมมือเท่านั้น…. เท่านั้นเอง …คิดได้ดังนั้นพาทิศจึงรีบกลับมาที่รถ เจอแม่ของเขากับอรอินอยู่พอดี จึงได้พากันกลับไปที่รีสอร์ท เพื่อหวังว่าจะเจอพัชชาภาอยู่ที่นั่นก่อนหน้านั้น หลังจากชาวินไปคุยกับคุณหญิงนิภา พาทิศจึงขอเข้าไปดูลูกชายตนพยาบาลได้นำทางเขาเข้าไป จึงพบกับพัชชาภาเธออยู่ที่นี่ก่อนแล้วเมื่อเห็นสภาพน้องสาว หน้าตาดูอิดโรยที่ยังมี หน้าผากมีผ้าแปะแผล คราบเลือดแห้งกรังยังติดอยู่ที่เสื้ออยู่เลย พาทิศใจไหววูบไหนจะลูกไหนจะน้องสาว ชายหนุ่มเดินไปลูบหัวลูกชาย เด็กน้อยก็ส่งยิ้มให้อย่างร่าเริงตามประสา“ดนตรี
“คุณน้ำค่ะ เธอไม่มาด้วยเหรอคะ”“น้ำเธอมาด้วยครับ แต่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินเหมือนกัน” ปกรณ์หันมาตอบแทนชาวิน“ใช่ค่ะ เคสที่เข็นเข้าไปเมื่อครู่ คุณน้ำเธอเป็นลมแล้วหัวไปกระแทกกับก่อนหิน” พยาบาลที่ขอข้อมูลกับปกรณ์ หันไปบอกพี่พยาบาลอีกคน“ฝากดูน้ำหน่อยนะครับ พักนี้เธอเป็นลมบ่อย ๆ” ชาวินเอ่ยบอกพยาบาลไป“ได้ค่ะ รบกวนทุกคนรออยู่ด้านนอกนะคะตอนนี้ถึงมือหมอแล้วคนไข้ต้องปลอดภัยแน่นอนค่ะ”ทั้งสามคนจึงมานั่งรออยู่ด้านนอก เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วประตูห้องฉุกเฉินก็ยังไม่ถูกเปิดออกมาเสียที่ชาวินใจจดจ่ออยู่ที่ประตูไม่วางตา อรอินก็เดินไปเดินมาด้วยความเป็นห่วง ต่อมาปกรณ์จำต้องกลับไปก่อนเพราะมีงานที่ต้องทำต่อผ่านมาพักใหญ่ ๆ เสียงประตูห้องฉุกเฉินเปิด และมีพยาบาลเดินออกมา ชาวินกับอรอิน จึงรีบเดินไปหาทันที ทั้งสองตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบ“เคสแพ้อาหารของน้องดนตรี ตอนนี้ปลอดภัยแล้วนะคะ เดี๋ยวให้ยาหมดขวดแล้ว พักฟื้นดูอาการสักหน่อยถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็กลับบ้านได้ค่ะ”“ครับ” “ค่ะ” ชาวินกับอรอินถึงกับโล่งอก“คุณหมอเคยกำชับกับคุณอาของน้องไปแล้วนะคะ ว่ามีอาหารอะไรบ้างที่น้องห้ามทาน” พยาบาลเอ่ยทวงติ่ง“ผมขอโทษคร
หลายวันมานี้พัชชาภาทำงานอยู่ที่ท้ายไร่ จะมีแค่ปกรณ์กับมีนที่ค่อยแวะมาหาเธอบ้าง และอาการเวียนหัวคลื่นไส้อาเจียนพักนี้เธอก็เป็นบ่อยมาก ๆ อย่างเช่นตอนนี้หญิงสาวกำลังใช้สายยางฉีดน้ำล้างขี้วัวในคอก กับคนงานผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง อาการคลื่นไส้อยากจะอาเจียนก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เธอปล่อยสายยางแล้ววิ่งไปอ้วกที่ห้องน้ำ เธอโก่งคออาเจียนจนแทบไม่มีอะไรจะออกมาแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยและหมดแรง ยังดีที่มีพี่คนงานคนหนึ่งตามมาดูอาการเธอ แล้วยังหยิบยาดม ติดมือมาด้วย“ขอบคุณนะพี่ใจ” พัชชาภารับยาดมมาดม มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น“แรก ๆ ก็ยังนี้แหละ ขี้วัวมันเหม็นเดี๋ยวก็ชิน ใครไม่รู้ก็คิดว่าแพ้ท้องนะเนี่ย” สมใจบอกกับเธอ“แพ้ท้องเหรอพี่” น้ำเสียงเหนื่อยหอบเอ่ยถามกลับ“ใช่อาการแบบนี้แหละ เวียนหัวอาเจียนเหมือนเลย” สมใจพูดอย่างไม่คิดอะไร แต่คนที่คิดหนักคือพัชชาภา เธอกลัวว่าเธอจะท้องจริง ๆ ถ้าถามถึงเรื่องประจำเดือนขาดไหม ก็ขาดแต่ปกติแล้วประจำเดือนเธอมาไม่สม่ำเสมออยู่และ บ้างที่มาเดือนหยุดเดือน หรือหายไปเลยสองเดือนก็มีหญิงสาวมานั่งพักใต้ร่มไม้ ยังคงคิดวนเวียนถึงเรื่องที่สมใจพูดอยู่แต่เมื่อก่อนที่ประจำเดือนขาดเธอไม่
“อินไม่สะดวกใจที่จะให้พี่น้ำพักอยู่ที่นี้ค่ะ อินไม่ได้รังเกียจอะไรนะคะ แต่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม คนอื่นจะเอาไปนินทาเอาได้” เธอกล่าวกับพัชชาภาอย่างตรงไปตรงมา ชาวินเลือกที่จะยืนนิ่ง เขาอยากรู้ว่าหญิงสาวจะรู้สึกเจ็บปวดบ้างไหม เหมือนกับที่เขาเจ็บปวด“ค่ะ น้ำจะย้ายออกไปเดี๋ยวนี้” พัชชาภาไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เธอหน้าชากลืนก้อนสะอึ้กลงคอ ปวดหัวใจราวกับถูกใครบีบไว้ นึกไว้แล้วว่าวันนี้มันต้องมาถึง เธอหันหลังเธอกลับไปพยายามฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้อรอินมองตามแผ่นหลังพัชชาภาไปอย่างนึกสงสาร ที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากจะร้ายกาจแบบนี้ แต่เพราะอยากจะลองใจชาวินเท่านั้นถ้าพี่วินชอบกับพี่น้ำทำไมต้องปิดบังเธอด้วย อาจจะเป็นเพราะเรายังหมั้นกันอยู่ ถ้าไม่มีใจฝืนแต่งไปมันจะเสียเวลาและเจ็บทั้งสองฝ่าย เอาตามจริงตัวอรอินเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วเธอชอบชาวินไหมเพราะแม่ของเธอกับแม่ของชาวินเป็นคนจัดแจงงานหมั้นนี้ให้ทั้งหมด และทุกครั้งที่เจอชาวินเขาก็ดีกับเธอ…อรอินแสร้งทำเป็นโมโหอีกครั้งหันกลับมามองชาวิน สายตาชายหนุ่มยังมองตามทางที่พัชชาภาเดินไปอยู่เลยพัชชาภากลับเขามาในห้อง เธอพยายามเข้มแข็งจนถึงที่สุด หญิงสาวเก็บแค่
“นายจะเดินลงเขาไปแล้วขึ้นมาใหม่อีกรอบหรือ” เธอเอ่ยถามแค่คิดก็เหนื่อยแทนแล้ว“เปล่า….รถผมจอดอยู่ทางนู้นเดินไปนิดเดียว” หญิงสาวหันตามไปที่ชายหนุ่มพูด“ค่ะ” นิดเดียวแต่ฉันเดินขึ้นมาแทบตาย ทำไมมีทางขับรถขึ้นมาก็ไปบอกนะเธอได้แต่คิดในใจ ก่อนไปพาทิศยังช่วยพยุงเธอขึ้นมานั่งยังม้านั่งใกล้อีกด้วย อรอินมองตามแผ่นหลังชายหนุ่มที่เดินไป และคิดในใจ“เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ” เธอได้แต่คิด และกดโทรศัพท์มือถือหาชาวินไปหลายสายเขาก็ไม่รับสักที จดพาทิศเดินกลับมาพร้อมกับยาทาหลอดหนึ่งและรองเท้าแตะคู่ใหญ่ชายหนุ่มคลุกเขาลง จับข้อเท้าหญิงสาวมาทายาและค่อย ๆ นวดให้เธอเบา ระหว่างนั่นอรอินได้ลอบสังเกตุรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่ม เขารูปร่างกำยำหน้าตาจัดว่าหล่อเหล่า แต่ดูหน้าเกรงขามแปลก ๆ จนเวลาผ่านไปสักพัก“ดีขึ้นไหม” พาทิศเงยหน้าขึ้นมามอง สบตาเข้ากับดวงตาโต ๆ ของอรอินพอดี เธอตกใจจนเล้กลั่กดวงตาเฉไฉไปมา“เอาแต่จ้องหน้าหล่อ แบบนี้จะหายไหม”“ใคร ๆ ไหนใครจ้องหน้า ไม่มี๊” อรอินปฏิเสธลั่น พาทิศรู้สึกขำกลับท่าทีไร้เดียงสาของเธอ“ผมถามว่าดีขึ้นไหม”อรอินค่อย ๆ ขยับข้อเท้าเบา ๆ มันก็ไม่ค่อยเจ็บเท่าไรแล้ว“ก็ดีขึ้นแล้วนะ” เธอบอ