บทที่ 14สองสามวันมานี้พัชชาภารู้สึกกินอะไรไม่ค่อยลง เธอรู้ตัวเองว่าคงจะคิดมาก เรื่องที่ชาวินบอกว่าจะแต่งงาน แต่หญิงสาวก็ยังฝืนพยายามที่จะทำตัวให้ปกติที่สุด“คุณน้ำครับ คุณชาวินเรียกให้ไปพบในห้อง” ศุภกฤตเอ่ยบอกเธอแล้วเดินจากไป พัชชาภาจึงได้เดินเข้าไปหาชายหนุ่มในห้องทำงานก๊อก ๆ เธอเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะเปิดมันเข้าไป“คุณชาวินมีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอเอ่ยออกไปตามหน้าที่“เดี๋ยวจะมีคนมาหา ผมจะให้คุณไปรับคนที่หน้ารีสอร์ทน่ะ” เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นดวงตาจ้องมองไปที่ใบหน้าสวย“ได้ค่ะ” เธอก้มหน้ารับคำแล้วเตรียมจะหันออกไป“คุณจะไม่ถามเหรอว่าผมให้ไปรับใคร”“คะ..” ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับเขาพอดี“คู่หมั้นผมน่ะ ที่เคยบอก เธอชื่อ อรอิน”คู่หมั้น คำนี้ก้องอยู่ในหู แววตาหญิงสาวไหววูบเล็กน้อย มือเรียวบีบเข้าหากันจนแน่น เธอพยายามเก็บอาการถึงที่สุด ถึงแม้ว่าตอนนี้หัวใจมันจะสั่นไหวแค่ไหนก็ตาม“ได้ค่ะ น้ำจะรีบไปนะคะ เดี๋ยวคุณอรอินเธอจะรอนาน” กล่าวจบพัชชาภารีบออกมาจากห้องทำงานชายหนุ่มทันที ทิ้งให้คนด้านในโมโหกับท่าทีที่เย็นชานิ่งเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ จนต้องกำมือทุบโต๊ะทำงานเพื่อระบายโทสะหญิงสาวเดินออก
บทที่ 15พัชชาภามองมือถือที่ยังคงร้องดังอยู่นั้น ด้วยความลังเลว่าจะรับดีไหม เธอกลัวว่าพี่ชายของเธอที่โทรมาครั้งนี้หลังจากที่ทิ้งดนตรีไว้ให้เธอเลี้ยง จะหาเรื่องอะไรมาให้เธอเดือนร้อนอีกกันแน่ปกรณ์เห็นพัชชาภามีสีหน้าตึงเครียด ลังเลไม่กล้าที่จะรับสายเขาจึงถือวิสาสะหยิบมือถือเธอขึ้นมา“พ่อของดนตรีแล้วไง ไม่มีความรับผิดชอบก็ไม่สมควรเป็นพ่อ เดี๋ยวพี่รับสายให้เอง”พัชชาภาพยายามจะห้ามแต่ก็ไม่ทันปกรณ์หยิบมือถือของเธอไปแล้วกดรับสายอย่างรวดเร็ว“สวัสดีครับ” ปกรณ์เริ่มบทสนทนา“มึงเป็นใคร นี้เบอร์น้ำไม่ใช่เหรอ” พาทิศแปลกใจที่อยู่ ๆ เบอร์ของน้องสาวตนก็มีผู้ชายมารับสาย“ใช่ครับนี้เบอร์น้ำ คุณมีอะไรก็พูดได้เลยผมจะบอกน้ำให้”“กูถามว่ามึงเป็นใคร แล้วมึงรู้ไหมกูเป็นใคร”“ผมเป็นเพื่อนของน้ำ คุณก็เป็นพ่อที่ไม่มีความรับผิดชอบทิ้งลูกทิ้งภรรยาให้อยู่ลำพังได้ยังไง”หญิงสาวฟังจากคำพูดก็พอจะเดาได้ว่า ทั้งสองกำลังจะทะเลาะกันใหญ่โตแล้ว เธอพยายามจะขอโทรศัพท์คืนจากปกรณ์แต่เขาก็ไม่ยอม“มึงนี่วอนหาเรื่อง ไปตามน้องสาวกูมากูจะคุยกับน้องสาวกู” พาทิศโมโหตะคอกเสียงดังลั่น จนพัชชาภาที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ยังได้ยิน“น้องสาวเหรอ..
บทที่ 16“แม่น้ำมารับแล้ว….เย้” เด็กชายตัวน้อยวิ่งแจ้นมา ทิ้งตัวเข้ากอดเมื่อเห็นผู้เป็นแม่มารับที่โรงเรียน ดนตรีปะแป้งที่แก้มทั้งสองข้างจนขาวผ่องน่าเอ็นดู พาทิศยืนมองภาพนี้อยู่เบื้องหลังทำเอาน้ำตาซึม เด็กชายหลังจากกอดแม่จนพอใจแล้ว จึงมองมายังด้านหลังเห็นชายแปลกหน้ายืนอยู่ “แม่น้ำครับ มีคนแปลกหน้ายืนอยู่ด้านหลัง” เด็กน้อยกระซิบกระซาบที่ข้างหูหญิงสาว ดวงตาใสยังจ้องไปที่ชายคนนั้นพัชชาภาจึงยืนขึ้นหันหน้ากลับมาหาพี่ชาย พาทิศเอื้อมมือมาช้า ๆ ทางทั้งสอง เด็กชายตัวน้อยจึงเข้ามาขวางด้านหน้าพัชชาภาไว้ “คุณลุงจะทำอะไรครับ” เสียงเด็กชายเอ่ยถาม ขณะที่เขากำลังทำท่ากางแขนปกป้องแม่เอาไว้คนเป็นพ่อชะงักมือกลับทำตัวไม่ถูก เขาจึงย่อตัวคุกเข่า มองหน้าเด็กชายแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา ดนตรีเงยหน้าขึ้นมองแม่ ทำหน้าสงสัย เธอจึงย่อตัวลงอีกครั้ง “พี่ดูสิ ดนตรีหน้าเหมือนพี่ตอนเด็ก ๆ มากเลย” พาทิศพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ดนตรีหน้าเหมือนเขามาก ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดเข้าไปอีก “คุณลุงเขาร้องไห้ทำไมครับแม่น้ำ” “เขาคิดถึงดนตรีมากไงครับ ดนตรีโอ๋เขาหน่อยสิลูก” “โอ๋ ๆ ไม่ร้องไห้นะครับ โอ๋ ๆ…”“แม่น้ำทำไมดนตรีโอ๋ คุณลุงยิ่
“เขาเป็นพ่อของดนตรี…. งั่นคนที่เป็นชู้คงเป็นผมสินะ!!”สองมือใหญ่บีบต้นแขนเธอแน่น“ใช่ คุณนั้นแหละที่เป็นชู้ เลิกทำตัวงี่เง่าแบบนี้ได้แล้ว ยังไงคุณก็จะต้องแต่งงานกับคู่หมั้น สัญญาของเราเหลืออีกหกเดือน น้ำจะอยู่ทำงานต้องที่คุณต้องการเมื่อครบสิบเดือนน้ำขอลาออก แล้วน้ำจะพาดนตรีไปจากที่นี้ทันที” พัชชาภากล่าวออกมาอย่างสุดกลั่น เธอจะไม่ดึงรั้งเขาไว้ เขาจะต้องได้แต่งงานกับคนที่เหมาะสมคู่ควร ซึ่งมันไม่ใช่เธอ…“ได้…ชู้ใช่ไหม ก็ต้องแสดงให้สมบทชู้หน่อยแล้วกัน” น้ำเสียงเค้นรอดไรฟัน แววตาเดือดดาดจ้องไปที่ใบหน้าสาวราวกับจะกลืนกินชาวินออกแรงกระชากเธอจนร่างบางเข้าแนบชิด โน้มตัวลงมากดไปจมูกลงไปที่ซอกคอของหญิงสาวเธอพยายามดิ้นขัดขืน แต่ด้วยแรงอันน้อยนิด พัชชาภารับรู้ได้ถึงอาการเวียนหัว เธอเริ่มหมดแรงที่จะดิ้น ชายหนุ่มยังไม่หยุดยิ่งเธอดิ้นเขาก็ซุกไซร์ไปที่คอเธออย่างดุดัน จนรู้สึกว่าเธอนิ่งไป ร่างเล็กตัวอ่อนปวกเปียกชาวินจับเธอออกจากอกจึงเห็นว่าเธอเป็นลมคอพับไป“น้ำ..น้ำเป็นอะไร น้ำ”ชายหนุ่มประคองร่างของเธอไว้แนบอก เอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวอย่างตื่นตระหนกชาวินรีบช้อนร่างบางขึ้น ตัดสินใจจะพาเธอไปหาหมอ ระหว่า
ก่อนหน้านั้น หลังจากที่ปกรณ์ออกมาจากออฟฟิศ ได้โทรศัพท์ไปหาพัชชาภาจึงได้รู้ว่าเธอบาดเจ็บที่หลังมือ เพราะโดนตะหลิวร้อนกระดกมานาบที่หลังมือจนพอง พัชชาภาพยายามจะห้ามแล้ว แต่ปกรณ์ก็ยังดึงดัน ตอนแรกเขาอยากจะพาเธอไปหาหมอด้วยซ้ำ แต่เธอไม่ยอมไป เขาจึงได้ซื้อยาทั้งยาทาเเละยากินเพื่อลดอาการอักเสบมาให้เธอ“พี่กรไม่ต้องลำบากก็ได้ น้ำกำลังจะออกไปซื้อเองอยู่พอดี”“พี่ไม่ลำบากอะไรเลย น้ำนั้นแหละเจ็บมากไหม ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่บอกให้ไปหาหมอก็ไม่ไป ไหนส่งมือมาดูแผลหน่อย”หญิงสาวจึงว่างมือลงบนโต๊ะ ปกรณ์รีบจับมือเธอถึงมาดู ลงมือจะทายาให้“ไม่เป็นไรพี่ น้ำทาเอง” เธอพยายามจะดึงมือกลับ แต่ปกรณ์ก็จับไว้แน่นและทายาให้เธอ หญิงสาวจึงต้องปล่อยให้ปกรณ์ทายาให้อีกมุมหนึ่งด้านนอกรั้ว ชาวินกำลังมือแน่นเห็นภาพบาดตา สาวเท้าตรงเข้ามาด้วยความโกรธจวนจะถึงประตูรั้ว แต่เขาก็ชะงักเท้าไว้ ถอยหลังออกไปยืนดูทั้งคู่อยู่อีกมุมหนึ่งเงียบ ๆ ไม่นานปกรณ์ก็กลับออกไป เธอจึงเดินเข้ามาในตัวบ้านพัชชาภารู้สึกว่ามีบ้างอย่างเดินตามเธอเข้ามาจึงได้หันกลับไปมอง“คุณชาวิน” น้ำเสียงแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นชายหนุ่มกลับมา เพราะนี้มันเป็นเวลาทำงานของเข
พาทิศเขามานั่งรอน้องสาวที่คาแฟ่แห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากรีสอร์ทของชาวิน เขานั่งรออยู่นานน้องสาวก็ไม่มาตามนัด จึงได้โทรไปหา แต่สายกลับถูกตัด“หรือจะยุ่งอยู่ แทนที่จะรับสายพี่แล้วบอกมา ยังจะตัดสายทิ้งอีกยายน้ำ” เขาบ่นเบา ๆ คนเดียว แต่ยังมีคนได้ยินและจำเสียงของพาทิศได้อรอินเธอมาที่คาแฟ่แห่งนี้ตามที่มีนแนะนำ เธอกำลังนั่งรอกาแฟที่สั่งอยู่ ระหว่างนั้นก็มองดูบรรยากาศทิวเขาและวัดที่อยู่บนเขาลูกนั้นซึ่งดูงดงามเขากับธรรมชาติสุด ๆ เธอตั้งใจว่าเดี๋ยวออกจากคาแฟ่นี้ต้องไปไหว้พระที่วัดนี้สักหน่อยแล้วขณะที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศกาศอยู่นั้น ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งบ่นเบา ๆ ขึ้นมาแต่เธอจำเสียงนี้ได้ดีคิ้วบางสวยขมวดเขาหากัน หญิงสาวเอียงคอฟังอย่างใคร่รู้ แล้วค่อย ๆ หันหลังกลับมาดู“นาย…นี้ทำไมถึงเจออีกแล้วนะ” อรอินเอ่ยอย่างอารมณ์เสียพาทิศได้ยินเสียงอยู่ด้านหลังจึงได้หันหลังมา“ยายลูกคุณหนูลูกผู้ดีอีกแล้ว…แล้วใครอยากเจอคุณ ที่นี้ของคุณหรือไงทำไมผมจะมาไม่ได้” ทั้งสองประจันหน้ากัน“นาย..นี้..” ปากคอเลาะร้าย อรอินคิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไป เธอเองก็ยังมีความกลัวอยู่บ้าง ผู้ชายตัวใหญ่โตขนาด“เรื่องที่นายชนท้ายรถ ฉ
“นายจะเดินลงเขาไปแล้วขึ้นมาใหม่อีกรอบหรือ” เธอเอ่ยถามแค่คิดก็เหนื่อยแทนแล้ว“เปล่า….รถผมจอดอยู่ทางนู้นเดินไปนิดเดียว” หญิงสาวหันตามไปที่ชายหนุ่มพูด“ค่ะ” นิดเดียวแต่ฉันเดินขึ้นมาแทบตาย ทำไมมีทางขับรถขึ้นมาก็ไปบอกนะเธอได้แต่คิดในใจ ก่อนไปพาทิศยังช่วยพยุงเธอขึ้นมานั่งยังม้านั่งใกล้อีกด้วย อรอินมองตามแผ่นหลังชายหนุ่มที่เดินไป และคิดในใจ“เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ” เธอได้แต่คิด และกดโทรศัพท์มือถือหาชาวินไปหลายสายเขาก็ไม่รับสักที จดพาทิศเดินกลับมาพร้อมกับยาทาหลอดหนึ่งและรองเท้าแตะคู่ใหญ่ชายหนุ่มคลุกเขาลง จับข้อเท้าหญิงสาวมาทายาและค่อย ๆ นวดให้เธอเบา ระหว่างนั่นอรอินได้ลอบสังเกตุรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่ม เขารูปร่างกำยำหน้าตาจัดว่าหล่อเหล่า แต่ดูหน้าเกรงขามแปลก ๆ จนเวลาผ่านไปสักพัก“ดีขึ้นไหม” พาทิศเงยหน้าขึ้นมามอง สบตาเข้ากับดวงตาโต ๆ ของอรอินพอดี เธอตกใจจนเล้กลั่กดวงตาเฉไฉไปมา“เอาแต่จ้องหน้าหล่อ แบบนี้จะหายไหม”“ใคร ๆ ไหนใครจ้องหน้า ไม่มี๊” อรอินปฏิเสธลั่น พาทิศรู้สึกขำกลับท่าทีไร้เดียงสาของเธอ“ผมถามว่าดีขึ้นไหม”อรอินค่อย ๆ ขยับข้อเท้าเบา ๆ มันก็ไม่ค่อยเจ็บเท่าไรแล้ว“ก็ดีขึ้นแล้วนะ” เธอบอ
“อินไม่สะดวกใจที่จะให้พี่น้ำพักอยู่ที่นี้ค่ะ อินไม่ได้รังเกียจอะไรนะคะ แต่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม คนอื่นจะเอาไปนินทาเอาได้” เธอกล่าวกับพัชชาภาอย่างตรงไปตรงมา ชาวินเลือกที่จะยืนนิ่ง เขาอยากรู้ว่าหญิงสาวจะรู้สึกเจ็บปวดบ้างไหม เหมือนกับที่เขาเจ็บปวด“ค่ะ น้ำจะย้ายออกไปเดี๋ยวนี้” พัชชาภาไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เธอหน้าชากลืนก้อนสะอึ้กลงคอ ปวดหัวใจราวกับถูกใครบีบไว้ นึกไว้แล้วว่าวันนี้มันต้องมาถึง เธอหันหลังเธอกลับไปพยายามฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้อรอินมองตามแผ่นหลังพัชชาภาไปอย่างนึกสงสาร ที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากจะร้ายกาจแบบนี้ แต่เพราะอยากจะลองใจชาวินเท่านั้นถ้าพี่วินชอบกับพี่น้ำทำไมต้องปิดบังเธอด้วย อาจจะเป็นเพราะเรายังหมั้นกันอยู่ ถ้าไม่มีใจฝืนแต่งไปมันจะเสียเวลาและเจ็บทั้งสองฝ่าย เอาตามจริงตัวอรอินเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วเธอชอบชาวินไหมเพราะแม่ของเธอกับแม่ของชาวินเป็นคนจัดแจงงานหมั้นนี้ให้ทั้งหมด และทุกครั้งที่เจอชาวินเขาก็ดีกับเธอ…อรอินแสร้งทำเป็นโมโหอีกครั้งหันกลับมามองชาวิน สายตาชายหนุ่มยังมองตามทางที่พัชชาภาเดินไปอยู่เลยพัชชาภากลับเขามาในห้อง เธอพยายามเข้มแข็งจนถึงที่สุด หญิงสาวเก็บแค่
ในที่สุดวันแต่งงานก็มาถึง งานแต่งงานของชาวินและพัชชา จัดขึ้นที่รีสอร์ตแสนรักของเขา ชาวินสั่งให้ตกแต่งสถานที่เต็มไปด้วยมวลดอกไม้นานาชนิด แขกที่มาร่วมงานต่างชื่นชมกันไม่ขาดปาก ว่าที่นี่บรรยากาศดีและสวยมากจริง ๆ รูปพรีเวดดิ้งถูกตั้งประดับทั่วทุกมุม ผู้คนที่มาร่วมงานแค่ดูรูปก็แสนจะอิจฉาเพราะดูก็รู้ว่าเจ้าบ่าวคงจะคลั่งรักเจ้าสาวมากแน่ ๆ“พี่น้ำสวยมากเลยค่ะ” อรอินเข้ามาในห้องแต่งตัว มองเธออย่างชื่นชม“ขอบใจจ้ะหนูอิน” พัชชายิ้มแย้ม“ทำไมพี่น้ำชอบเรียกอินว่าหนูอินเหมือนคุณพาทิศ…” หญิงสาวน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อพูดถึงพาทิศ หลังจากที่กลับมาจากเกาะดอกไม้เธอมักจะนึกถึงเขาตลอด“ขอโทษที่จ๊ะ มันติดปาก”สองสาวพูดคุยกัน แต่พัชราภาสังเกตได้ว่าอรอินคอยชะเง้อมองประตูตลอด แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะรู้อยู่แก่ใจแล้วแค่รอให้อรอินเอ่ยมาเอง“ทำไมดนตรียังมาไม่ถึงอีกคะเนี้ย” พูดไปก็ชะเง้อไป“รอดนตรีหรือพ่อของดนตรีอยู่คะ” พัชชาภาแซวอย่างรู้ทัน“ไม่..ไม่ใช่สักหน่อยพี่น้ำ อินถามถึงดนตรีค่ะ” อรอินเขินจนมือไม้อยู่ไม่สุข หยิบกระโปรงมาบิดไปมาแก้เขิน“ใกล้ถึงเวลาแล้วค่ะ อรอินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย”อรอินช่วยพัชชาภาให้ยืนขึ้น
พาทิศพาอรอินเดินออกมา บริเวณริมชายหาด ทั้งสองเดินเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ ด้านนอกเกาะพอมองออกไปสุดขอบฟ้าเวลานี้มันช่างดูมืดมนไปหมด อรอินทรุดกายลงนั่งกับพื้นทรายมองเหม่อออกไปไกล“เป็นอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยถาม“อินเหนื่อย” เธอตอบเขาออกไป แต่พาทิศรู้ดีว่าเธอกำลังเศร้าอยู่ ถึงจะยินดีกับคู่ของชาวิน ลึก ๆ เธอก็คงเสียใจไม่น้อยที่ชาวินนั้นหมั้นกับเธอแต่ไม่เคยรักเธอเลย แต่ยังถือว่าเธอเป็นคนดีมีน้ำใจคนหนึ่ง ที่ยังรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนอื่น ยอมถอยตัวออกมา“มานี้” พาทิศก้มลงไปดึงแขนเธอ“โอ๊ย..ไม่เดินแล้วอินจะนั่งตรงนี้”เมื่อเห็นเธอดื้อดึงไม่ยอมลุก พาทิศจึงโน้มตัวไปช้อนร่างของเธอขึ้นมาอุ้มไว้ แล้วเดินลงน้ำทะเล“ว๊าย คุณ ๆ ๆ จะทำอะไรปล่อยฉันนะ หยุด ๆ ๆ อินไม่อยากโดนน้ำ”ตุ๊ม!! เสียงร่างเล็กตกน้ำ เพราะพาทิศโยนเธอลงไป อรอินรีบลุกขึ้นยืน สภาพเปี้ยกไปทั้งตัวผมเผ้ายุ่งเหยิง“นี้..เล่นอะไรเนี้ย” อรอินตั้งหลักได้ก็พลักพาทิศอย่างแรง แต่กลับเป็นเธอที่หงายหลังลงน้ำทะเลไปอีก“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ” พาทิศหัวเราะลั่นอรอินยืนตั้งหลักในน้ำได้อีกครั้ง จ้องมองชายหนุ่มหาวิธีเอาคืนหญิงสาวแกล้งเดินหนีสวนเขา ได้จังหวะก็กระโดดขี่หลังพา
เธอแหวกม่านผ้า แทรกตัวจนมายืนอยู่ไม่ไกลด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาจ้องมองมัดกล้ามนั่นอย่างลืมตัว“จะมองอีกนานไหมครับ”พรึ่บ! เสียงสะบัดผ้า พร้อมกับละอองน้ำที่กระเด็นไปโดนตัวหญิงสาว ทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ ดวงตาโตหวัดมองใบหน้าชายเจ้าของหุ่นล่ำนั้น“คุณพาทิศ…” เมื่อรู้ว่าเผลอมองชายหนุ่ม หญิงสาวก็เขินอาย เธอรีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นทันที“ผมถามว่าจะมองอีกนานไหม จะได้ไปยืนใกล้ ๆ ให้มอง” พาทิศก้าวขาเข้ามาประชิดตัวหญิงสาว เธอตกใจสะดุ้งจึงรีบหันกลับมา มือเล็กยกขึ้นดันหน้าท้องที่เป็นรอนกล้ามนั้นไว้“ปะ..เปล่าอินไม่ได้มอง” เธอตอบน้ำเสียงสั่น มือยังคงดันหน้าท้องของพาทิศไว้ หัวใจดวงเล็ก ๆ เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาพาทิศยิ้มขำเบา ๆ กับท่าทางเขินอายของเธอ“ขำอะไร ถอยออกไปก่อนสิคะ”“ก็นึกว่าอยากมองใกล้ ๆ” ชายหนุ่มเย้าแหย่“ไม่ใช้สักหน่อยอินแค่จะมาถาม..”“เรื่องอะไรครับ”“พี่น้ำค่ะ พี่น้ำอยู่ที่นี่ใช่ไหม”พาทิศกล่าวถอยหลังหนึ่งก้าว“ถามหาน้องสาวผมทำไม คุณหนูอินกับนายชาวินเป็นคู่หมั้นก็กำลังจะแต่งงานกันแล้วไม่ใช่หรือครับ”“ไม่ใช่ค่ะ อิน…อินกับพี่วินเราถอนหมั้นกันแล้ว พี่วินเสียใจมากและรู้สึกผิด
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป พัชชาพาและดนตรีมาอยู่ที่กระบี่กับพาทิศ และเธอก็พึงจะรู้ว่าพี่ชายของเธอนั้นเป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้ มีทั้งรีสอร์ตและฟาร์มหอยมุก เป็นเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำเงินได้มหาศาลพาทิศจึงได้เล่าให้เธอฟังว่า เจ้าของเกาะคนก่อนเป็นผู้มีพระคุณของเขา เมื่อหลายปีก่อน หลังจากแยกทางกับแม่ของดนตรี พาทิศเอาดนตรีมาฝากไว้ที่หญิงพาทิศระหกระเหิน หนีกลุ่มคนที่มีปัญหากันในครั้งนั้น จนมาถึงกระบี่และได้เจอกับเจ้าของเกาะที่ชรามากแล้ว เขาได้ช่วยเหลือพาทิศไว้และดูแลเหมือนเป็นลูกชายพาทิศยังเล่าว่าชายชราคนนี้เสียลูกชายเพียงคนเดียวด้วยโรคประจำตัว เขาเลยใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด และเมื่อพาทิศได้มาอยู่กับชายเจ้าของเกาะ ชายชราคนนั้นได้สั่งสอนทุกเรื่องให้พาทิศพาทิศจึงได้เริ่มช่วยเขาดูแลกิจการของเกาะ และได้ริเริ่มพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของเกาะนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย ต่อมาชายชราคนนี้ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัวของเขา ก่อนจากไปชายชรา ยังได้ยกเกาะและกิจการทั้งหมดให้พาทิศ…“คนเราไม่สายที่จะเปลี่ยนแปลง น้ำดีใจนะที่พี่เปลี่ยนเป็นคนที่ดีขึ้น”“พี่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าชีวิตนี้จะได้รับอะไรดี ๆ แบบนี้ แล
“น้องดนตรีก็กลับไปแล้วค่ะ คุณพ่อน้องขอพาน้องกลับเลย คุณหมอดูอาการแล้วจึงให้กลับได้ค่ะ พึ่งจะออกไปเมื่อครู่นี้เองนะคะ”ชาวินได้ฟังดังนั้นจึงได้รีบวิ่งออกมาหน้าโรงพยาบาล สวนกับแม่ของเขาและอรอินพาดีชาวินวิ่งแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้นจนถึงลานจอดรถ ชายหนุ่มหยุดวิ่งพักหายใจหอบเขาหมุนไปรอบ ๆ เพื่อมองหา ในที่สุดเห็นร่างบางที่คุ้นเคยเธอกำลังขึ้นรถโดยมีพาทิศปิดประตูให้ พอเห็นดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งตามไปทันที อีกไม่ถึงสิบเมตรก็จะถึงแล้ว แต่พาทิศก็ขับรถออกไปก่อนเสียก่อนชาวินทรุดเข่าลงนั่งหายใจหอบอีกแค่เอื้อมมือเท่านั้น…. เท่านั้นเอง …คิดได้ดังนั้นพาทิศจึงรีบกลับมาที่รถ เจอแม่ของเขากับอรอินอยู่พอดี จึงได้พากันกลับไปที่รีสอร์ท เพื่อหวังว่าจะเจอพัชชาภาอยู่ที่นั่นก่อนหน้านั้น หลังจากชาวินไปคุยกับคุณหญิงนิภา พาทิศจึงขอเข้าไปดูลูกชายตนพยาบาลได้นำทางเขาเข้าไป จึงพบกับพัชชาภาเธออยู่ที่นี่ก่อนแล้วเมื่อเห็นสภาพน้องสาว หน้าตาดูอิดโรยที่ยังมี หน้าผากมีผ้าแปะแผล คราบเลือดแห้งกรังยังติดอยู่ที่เสื้ออยู่เลย พาทิศใจไหววูบไหนจะลูกไหนจะน้องสาว ชายหนุ่มเดินไปลูบหัวลูกชาย เด็กน้อยก็ส่งยิ้มให้อย่างร่าเริงตามประสา“ดนตรี
“คุณน้ำค่ะ เธอไม่มาด้วยเหรอคะ”“น้ำเธอมาด้วยครับ แต่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินเหมือนกัน” ปกรณ์หันมาตอบแทนชาวิน“ใช่ค่ะ เคสที่เข็นเข้าไปเมื่อครู่ คุณน้ำเธอเป็นลมแล้วหัวไปกระแทกกับก่อนหิน” พยาบาลที่ขอข้อมูลกับปกรณ์ หันไปบอกพี่พยาบาลอีกคน“ฝากดูน้ำหน่อยนะครับ พักนี้เธอเป็นลมบ่อย ๆ” ชาวินเอ่ยบอกพยาบาลไป“ได้ค่ะ รบกวนทุกคนรออยู่ด้านนอกนะคะตอนนี้ถึงมือหมอแล้วคนไข้ต้องปลอดภัยแน่นอนค่ะ”ทั้งสามคนจึงมานั่งรออยู่ด้านนอก เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วประตูห้องฉุกเฉินก็ยังไม่ถูกเปิดออกมาเสียที่ชาวินใจจดจ่ออยู่ที่ประตูไม่วางตา อรอินก็เดินไปเดินมาด้วยความเป็นห่วง ต่อมาปกรณ์จำต้องกลับไปก่อนเพราะมีงานที่ต้องทำต่อผ่านมาพักใหญ่ ๆ เสียงประตูห้องฉุกเฉินเปิด และมีพยาบาลเดินออกมา ชาวินกับอรอิน จึงรีบเดินไปหาทันที ทั้งสองตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบ“เคสแพ้อาหารของน้องดนตรี ตอนนี้ปลอดภัยแล้วนะคะ เดี๋ยวให้ยาหมดขวดแล้ว พักฟื้นดูอาการสักหน่อยถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็กลับบ้านได้ค่ะ”“ครับ” “ค่ะ” ชาวินกับอรอินถึงกับโล่งอก“คุณหมอเคยกำชับกับคุณอาของน้องไปแล้วนะคะ ว่ามีอาหารอะไรบ้างที่น้องห้ามทาน” พยาบาลเอ่ยทวงติ่ง“ผมขอโทษคร
หลายวันมานี้พัชชาภาทำงานอยู่ที่ท้ายไร่ จะมีแค่ปกรณ์กับมีนที่ค่อยแวะมาหาเธอบ้าง และอาการเวียนหัวคลื่นไส้อาเจียนพักนี้เธอก็เป็นบ่อยมาก ๆ อย่างเช่นตอนนี้หญิงสาวกำลังใช้สายยางฉีดน้ำล้างขี้วัวในคอก กับคนงานผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง อาการคลื่นไส้อยากจะอาเจียนก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เธอปล่อยสายยางแล้ววิ่งไปอ้วกที่ห้องน้ำ เธอโก่งคออาเจียนจนแทบไม่มีอะไรจะออกมาแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยและหมดแรง ยังดีที่มีพี่คนงานคนหนึ่งตามมาดูอาการเธอ แล้วยังหยิบยาดม ติดมือมาด้วย“ขอบคุณนะพี่ใจ” พัชชาภารับยาดมมาดม มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น“แรก ๆ ก็ยังนี้แหละ ขี้วัวมันเหม็นเดี๋ยวก็ชิน ใครไม่รู้ก็คิดว่าแพ้ท้องนะเนี่ย” สมใจบอกกับเธอ“แพ้ท้องเหรอพี่” น้ำเสียงเหนื่อยหอบเอ่ยถามกลับ“ใช่อาการแบบนี้แหละ เวียนหัวอาเจียนเหมือนเลย” สมใจพูดอย่างไม่คิดอะไร แต่คนที่คิดหนักคือพัชชาภา เธอกลัวว่าเธอจะท้องจริง ๆ ถ้าถามถึงเรื่องประจำเดือนขาดไหม ก็ขาดแต่ปกติแล้วประจำเดือนเธอมาไม่สม่ำเสมออยู่และ บ้างที่มาเดือนหยุดเดือน หรือหายไปเลยสองเดือนก็มีหญิงสาวมานั่งพักใต้ร่มไม้ ยังคงคิดวนเวียนถึงเรื่องที่สมใจพูดอยู่แต่เมื่อก่อนที่ประจำเดือนขาดเธอไม่
“อินไม่สะดวกใจที่จะให้พี่น้ำพักอยู่ที่นี้ค่ะ อินไม่ได้รังเกียจอะไรนะคะ แต่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม คนอื่นจะเอาไปนินทาเอาได้” เธอกล่าวกับพัชชาภาอย่างตรงไปตรงมา ชาวินเลือกที่จะยืนนิ่ง เขาอยากรู้ว่าหญิงสาวจะรู้สึกเจ็บปวดบ้างไหม เหมือนกับที่เขาเจ็บปวด“ค่ะ น้ำจะย้ายออกไปเดี๋ยวนี้” พัชชาภาไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เธอหน้าชากลืนก้อนสะอึ้กลงคอ ปวดหัวใจราวกับถูกใครบีบไว้ นึกไว้แล้วว่าวันนี้มันต้องมาถึง เธอหันหลังเธอกลับไปพยายามฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้อรอินมองตามแผ่นหลังพัชชาภาไปอย่างนึกสงสาร ที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากจะร้ายกาจแบบนี้ แต่เพราะอยากจะลองใจชาวินเท่านั้นถ้าพี่วินชอบกับพี่น้ำทำไมต้องปิดบังเธอด้วย อาจจะเป็นเพราะเรายังหมั้นกันอยู่ ถ้าไม่มีใจฝืนแต่งไปมันจะเสียเวลาและเจ็บทั้งสองฝ่าย เอาตามจริงตัวอรอินเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วเธอชอบชาวินไหมเพราะแม่ของเธอกับแม่ของชาวินเป็นคนจัดแจงงานหมั้นนี้ให้ทั้งหมด และทุกครั้งที่เจอชาวินเขาก็ดีกับเธอ…อรอินแสร้งทำเป็นโมโหอีกครั้งหันกลับมามองชาวิน สายตาชายหนุ่มยังมองตามทางที่พัชชาภาเดินไปอยู่เลยพัชชาภากลับเขามาในห้อง เธอพยายามเข้มแข็งจนถึงที่สุด หญิงสาวเก็บแค่
“นายจะเดินลงเขาไปแล้วขึ้นมาใหม่อีกรอบหรือ” เธอเอ่ยถามแค่คิดก็เหนื่อยแทนแล้ว“เปล่า….รถผมจอดอยู่ทางนู้นเดินไปนิดเดียว” หญิงสาวหันตามไปที่ชายหนุ่มพูด“ค่ะ” นิดเดียวแต่ฉันเดินขึ้นมาแทบตาย ทำไมมีทางขับรถขึ้นมาก็ไปบอกนะเธอได้แต่คิดในใจ ก่อนไปพาทิศยังช่วยพยุงเธอขึ้นมานั่งยังม้านั่งใกล้อีกด้วย อรอินมองตามแผ่นหลังชายหนุ่มที่เดินไป และคิดในใจ“เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ” เธอได้แต่คิด และกดโทรศัพท์มือถือหาชาวินไปหลายสายเขาก็ไม่รับสักที จดพาทิศเดินกลับมาพร้อมกับยาทาหลอดหนึ่งและรองเท้าแตะคู่ใหญ่ชายหนุ่มคลุกเขาลง จับข้อเท้าหญิงสาวมาทายาและค่อย ๆ นวดให้เธอเบา ระหว่างนั่นอรอินได้ลอบสังเกตุรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่ม เขารูปร่างกำยำหน้าตาจัดว่าหล่อเหล่า แต่ดูหน้าเกรงขามแปลก ๆ จนเวลาผ่านไปสักพัก“ดีขึ้นไหม” พาทิศเงยหน้าขึ้นมามอง สบตาเข้ากับดวงตาโต ๆ ของอรอินพอดี เธอตกใจจนเล้กลั่กดวงตาเฉไฉไปมา“เอาแต่จ้องหน้าหล่อ แบบนี้จะหายไหม”“ใคร ๆ ไหนใครจ้องหน้า ไม่มี๊” อรอินปฏิเสธลั่น พาทิศรู้สึกขำกลับท่าทีไร้เดียงสาของเธอ“ผมถามว่าดีขึ้นไหม”อรอินค่อย ๆ ขยับข้อเท้าเบา ๆ มันก็ไม่ค่อยเจ็บเท่าไรแล้ว“ก็ดีขึ้นแล้วนะ” เธอบอ