“ฉันเป็นแม่ของเขา เธอให้เขามารับสายซะ”ผู้ช่วยอึ้งไปครู่หนึ่งแม่ของคุณเวินเหลียง?แต่ว่าถ้าเป็นแม่ของคุณเวินเหลียง จะเป็นหมายเลขทั่วไปได้ยังไง?เห็นได้ชัดว่าคุณเวินเหลียงไม่รู้จักหมายเลขนี้ผู้ช่วยหันกลับไปมองทีหนึ่ง ทีมงานหน้าเซ็ตมาเรียกให้เวินเหลียงไปลองเข้าฉากแล้ว เธอจึงบอกกับคนที่อยู่ปลายสายไปว่า “ขอโทษนะคะ ตอนนี้คุณเวินเหลียงกำลังทำงานอยู่ ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรก็บอกฉันมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยเอาไปบอกให้คุณเอง ถ้าไม่มีเรื่องด่วนละก็ รบกวนคุณต่อสายมาใหม่หลังจากที่คุณเวินเหลียงเลิกงานแล้วนะคะ”“ฉันเป็นแม่ของเขา ไม่ใช่คนอื่นคนไกลอะไร เธอส่งโทรศัพท์ให้เขาซะ!” น้ำเสียงของหลินเจียหมิ่นเคร่งขรึม พร้อมกับเน้นย้ำอีกรอบผู้ช่วย: “ขอโทษนะคะ คุณเวินเหลียงกำลังทำงานอยู่ค่ะ ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไร ฉันวางสายแล้วนะคะ รอคุณเวินเหลียงเลิกงานคุณค่อยโทรมาใหม่นะคะ”หลังวางสายผู้ช่วยก็หยิบแก้วน้ำเดินเขาไปที่หน้าเซ็ตถ่ายทำเวินเหลียงกำลังถ่ายฉากต่อสู้กับนักแสดงอีกคนอยู่ ผู้ช่วยของนักแสดงคนนั้นเองก็รอสแตนด์บายอยู่รอบ ๆ หน้าเซ็ตเช่นกันทั้งสองคนพูดคุยกัน ไม่รู้คุยกันไปถึงเรื่องหลอกลวงในอินเทอร์เน
หลินเจียหมิ่นอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะต่อสายให้คนขับรถขับรถมา แต่น่าเสียดายที่รถของเวินเหลียงขับออกไปไกลแล้วเธอนั่งมองวิวถนนนอกหน้าต่างผ่านหน้าต่างอยู่บนเบาะที่นั่งด้านหลัง ในใจผุดความหงุดหงิดขึ้นมาสายหนึ่งไม่นึกเลยว่าคนตระกูลเวินจะหลอกเวินเหลียงว่าเธอตายไปแล้ว?ถ้าเป็นอย่างนี้ หากเธอต้องการบรรลุเป้าหมายก็ต้องทำให้เวินเหลียงเชื่อก่อนว่าเธอคือแม่ของเวินเหลียงถึงจะได้พอลองมาคิดดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว หลินเจียหมิ่นก็รู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลถ้าเวินเหลียงคิดว่าแม่ของตัวเองตายไปแล้วจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นแล้วจู่ ๆ คนที่เคยบาดหมางกับตนมาก่อนไปบอกว่าเป็นแม่ของเธอ เธอก็จะต้องโกรธ เธอจะคิดว่าคนคนนั้นเสียสติไปแล้ว แต่ไม่ใช่การพูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า ‘ฉันไม่มีแม่ แม่ฉันจากไปนานแล้ว’เวินเหลียงราวกับรู้อยู่นานแล้วว่าเธอจะพูดอะไรหรือบางทีเวินเหลียงอาจจะรู้ตัวตนของเธอตั้งนานแล้วก็ได้ ถึงได้สุขุมขนาดนั้น?หวนนึกไปถึงแววตาของเวินเหลียงเมื่อครู่นี้ คงจะเป็นอย่างนี้แล้วเวินเหลียงรู้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?หลินเจียหมิ่นหวนนึกไปเมื่อตอนเจอกันที่โรงพยาบาลครั้งก่อน การตอบสนองของเวินเหลียงไม่เหม
ทว่าหลังกดส่งไป ข้าง ๆ ข้อความกลับปรากฏเครื่องหมายอัศเจรีย์สีแดงแสนสะดุดตาขึ้นมาหมายเลขนี้ถูกเวินเหลียงบล็อกไปเช่นกันนัยน์ตาของหลินเจียหมิ่นประกายความดำมืดออกมาสายหนึ่งในเมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผล ก็มีแต่ต้องใช้ไม้แข็งแล้ววันต่อมา ขณะที่เวินเหลียงอยู่ในกองถ่าย เธอได้รับสายจากคุณครูโรงเรียนอนุบาลของฟู่ซือฝานผู้ช่วยถือโทรศัพท์ที่มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาให้ เธอมองหน้าจอก่อนจะกดรับสายคุณครูที่อยู่ปลายสายพูดขึ้นว่า “คุณแม่ซือฝานคะ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาที่โรงเรียนอนุบาล บอกว่าเป็นยายของซือฝาน จะพาตัวซือฝานไปค่ะ”หัวใจเวินเหลียงเต้นตึกตัก ๆ พร้อมรีบตอบกลับไปว่า “ห้ามให้เธอพาตัวฝานฝานไปเด็ดขาด”“เรื่องนี้เราทราบค่ะ แต่ตอนนี้เธอไม่ยอมออกไปจากโรงเรียนอนุบาล บอกจะเจอคุณให้ได้”เวินเหลียงขมวดคิ้วมุ่น เธอเงียบไปอยู่สองสามวินาที ก่อนจะตอบไปว่า “เอาโทรศัพท์ให้เธอหน่อยค่ะ”“ได้ค่ะ”เสียงกึก ๆ กัก ๆ ระลอกหนึ่งแว่วดังขึ้นมาเสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นมาจากปลายสาย “เสี่ยวเหลียง ในที่สุดเธอก็รับสายแม่ได้สักที”เวินเหลียงแสยะยิ้ม “คุณหลิน คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”“เธอคือลูกสาวของฉัน ฉันก็แค่อยาก
เธอรู้อยู่แล้วว่าที่หลินเจียหมิ่นมาครั้งนี้เพราะมีจุดประสงค์ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้นี่เองแค่เวินเหลียงครุ่นคิดเล็กน้อยก็รู้แล้วว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ในใจเธอแสยะยิ้มคนตระกูลอู๋ไปหาคำอธิบายกับตระกูลฮั่วตามที่ฟู่เจิงบอก ตระกูลฮั่วอยากปกป้องหลินอี้หน่วน จึงคิดหาวิธีช่วยอู๋ฮ่าวหรันออกมาฉะนั้นหลินเจียหมิ่นจึงมาที่นี่เขาทิ้งเธอไปยี่สิบกว่าปี วันนี้กลับมาเพื่อหลินอี้หน่วนอาหลานรักกันสุดหัวใจจริง ๆ!เมื่อเห็นสีหน้าเย้ยหยันของเวินเหลียง หลินเจียหมิ่นก็คีบอาหารให้เธออย่างไม่เร็วและไม่ช้าอีกคำหนึ่ง สีหน้าแฝงไปด้วยความอ่อนโยน “เสี่ยวเหลียง ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอค่อนข้างต่อต้านกับเรื่องนี้ แต่แม่ทำไปเพราะหวังดีกับเธอทั้งนั้น เธอลองคิดดูสิ เธอกับเพื่อนเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง ฮ่าวหรันเองก็เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น เขาไม่ได้มีเจตนาร้าย ปล่อยให้เขาติดคุกมันไม่น่าเสียดายเหรอ? ขอแค่เธอยอมให้อภัย ตระกูลอู๋ตระกูลฮั่วก็จะรู้สึกซาบซึ้งใจ นี่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตและอาชีพการงานของเธอมากทีเดียวนะ ทำไมต้องทำตัวสุดโต่ง ทำให้เสียหายไปด้วยกันทั้งสองฝ่ายด้วยล่ะ?”“อีกอย่างแค่คิดเธอก็รู้แล้ว
“คุณเวิน ผลการตรวจพบว่าคุณมีผนังมดลูกบางแต่กำเนิด ทารกในครรภ์ผิดปกติ ต้องระวังเรื่องการกินการออกกำลังในปกติมากหน่อยนะคะ”หมอกำชับพลางจ่ายยา ก่อนจะยื่นบัตรไป “นี่ค่ะ ไปรับยาได้เลย”“ค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณหมอ” เวินเหลียงรับบัตรมาแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนหมอกำชับเธออีกคำ “ต้องระวังนะคะ อย่าเห็นเป็นเรื่องไม่สำคัญล่ะ!”ผนังมดลูกบางทำให้แท้งง่าย ผู้หญิงตั้งครรภ์หลาย ๆ คนพอแท้งลูกแล้วก็ตั้งครรภ์ไม่ได้อีก“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ฉันจะระวังนะคะ” เวินเหลียงยิ้มน้อย ๆ พร้อมพยักหน้าแต่งงานมาสามปี ไม่มีใครรอคอยการมาของเด็กคนนี้มากไปกว่าเธออีกแล้ว เธอต้องปกป้องเขาอย่างดีแน่นอนหลังจากรับยา เวินเหลียงออกมาจากตึกแผนกผู้ป่วยนอกและกลับขึ้นรถคนขับรถสตาร์ตรถ มองเธอจากกระจกหลัง “คุณผู้หญิงครับ เที่ยวบินของคุณผู้ชายคือบ่ายสามโมง ยังมีเวลาอีกยี่สิบนาที จะไปสนามบินเลยไหมครับ?”“ไปสิ”พอนึกถึงว่าอีกยี่สิบนาทีก็จะได้เจอเขา ใบหน้าเวินเหลียงปรากฏรอยยิ้มหวานนิด ๆ ในใจเริ่มอดรนทนไม่ไหวแล้วฟู่เจิงไปดูงานเกือบเดือนแล้ว เธอคิดถึงเขามาก ๆระหว่างทางเธออดใจไม่ไหว หยิบผลตรวจครรภ์ออกมาจากกระเป๋าดูแล้วดูอีก วางมือบนท้องน้อ
“ฉันเอง”“คุณดื่มมาเหรอ...”“อืม ดื่มกับเพื่อนมานิดหน่อย”เสียงฝักบัวดังมาจากห้องน้ำ เวินเหลียงขมวดคิ้วพลิกตัว เพราะนอนหลับไม่สนิทฟูกข้างตัวยุบลงมือใหญ่ข้างหนึ่งตกลงบนตรงเอวของเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามโค้งเว้าอันสวยงามช้า ๆ“อื้อ...คืนนี้ไม่ได้...” เวินเหลียงหลับตาห้ามเขาทั้งสะลึมสะลือเพราะกลัวกระทบกระเทือนกับลูกตามสัญชาตญาณมือใหญ่หยุดชะงักอยู่บนหลังของเธอ “งั้นนอนเถอะ”เวินเหลียงเพลียจริง ๆ ไม่นานนักจึงหลับสนิทเช้าตรู่ ตอนที่เวินเหลียงตื่นขึ้นมา ข้างตัวปราศจากไออุ่นแล้ว มีเพียงผ้าปูเตียงที่ยับเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกว่าเมื่อคืนคนข้างตัวได้กลับมาเธอนึกเสียใจนิด ๆ ทำไมเมื่อคืนถึงหลับไปได้นะ?ไม่เป็นไร บอกวันนี้ก็เหมือนกันหลังจากเวินเหลียงอาบน้ำเสร็จก็เดินไปที่ห้องแต่งตัว เลือกสูทสีขาวให้ฟู่เจิง และเลือกเนกไทสีแดงเพราะคิดว่าเรื่องที่ตัวเองท้องถือเป็นเรื่องมงคลเรื่องหนึ่ง หลังจากนั้นก็นำไปวางบนเตียงนอนฟู่เจิงกลับจากการวิ่งยามเช้าแล้ว และกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในชุดลำลอง เมื่อเงยหน้าเห็นเวินเหลียงที่กำลังลงมาจากบันไดจึงวางเอกสารในมือลง “กินข้าวเถอะ”จบมื้ออาหารเช้า เวินเหล
สามปีมานี้ แม้พวกเขาจะไม่ได้ประกาศให้คนนอกรู้ แต่ก็ไม่ต่างจากสามีภรรยาทั่วไปทุกเช้าเธอจะเลือกสูทพร้อมเนกไทให้เขาแล้วไปบริษัทด้วยกันกลางคืนต่างคนต่างแยกย้ายไปรับรองลูกค้าออกกำลังกายก่อนนอนเป็นประจำ อาบน้ำด้วยกันในบางครั้ง รวมถึงจูบราตรีสวัสดิ์ของทุกคืนก็ไม่เคยขาดเขาไม่เคยพลาดของขวัญวันครบรอบวันแต่งงาน วันวาเลนไทน์และวันเกิด เธออยากได้อะไรเขาก็มอบให้ตามที่ปรารถนาทั้งหมดความโรแมนติก ความพิธีรีตอง เขาล้วนทำให้ครบหมดทุกอย่างเขาทำทุกเรื่องที่สามีสมบูรณ์แบบคนหนึ่งพึงกระทำแม้แต่ตัวเธอเองยังนึกว่าชีวิตจะมีความสุขแบบนี้ไปเรื่อย ๆแต่ฉู่ซืออี๋กลับมาแล้วดังนั้นทุกอย่างจึงต้องจบลงฉะนั้นเสียงผู้หญิงในสายเมื่อวานก็คงจะเป็นฉู่ซืออี๋พวกเขาติดต่อกันมานานแล้วเหรอ?ทริปดูงานหนึ่งเดือนนี้ พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดเหรอ?เมื่อวานพวกเขากลับมาด้วยกันเหรอ?เมื่อคืนเขาอยู่เป็นเพื่อนฉู่ซืออี๋เหรอ?พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ ก้นบึ้งหัวใจเวินเหลียงก็เย็นเยียบ คล้ายกับฟู่เจิงเฉือนเลือดเฉือนเนื้อเธอทีละนิดจนขาดแหว่งไม่มีชิ้นดี“เวินเหลียง เธอวางใจเถอะ ถึงเราจะหย่ากัน แต่เธอก็ยังเป็นคนตระกูลฟู่ เป็นน
เวินเหลียงกอดโทรศัพท์มือถือ ปวดใจจนหายใจไม่ออกที่แท้พอฟู่เจิงลงจากเครื่องบินก็พาฉู่ซืออี๋ไปเจอกับเพื่อนของเขานี่เองพวกเขารู้และอวยพรกันทุกคนมีแต่เธอที่ถูกครอบอยู่ในกะลาและสามปีมานี้ การแต่งงานของพวกเขา มีแต่คนตระกูลฟู่ที่รู้เขาไม่เคยพาเธอไปเจอเพื่อนของเขาเลย แม้ว่าจะเจอบ้าง แต่ทุกคนต่างก็คิดว่าเธอเป็นลูกบุญธรรมตระกูลฟู่โดยปริยาย“คุณผู้หญิงครับ?”คนขับรถมาถึงโรงจอดรถเพื่อมาเป็นสารถี เห็นรถของเวินเหลียงยังอยู่จึงเรียกด้วยความสงสัยเวินเหลียงปาดน้ำตาอย่างว่องไว ทำเป็นไม่ได้ยินและสตาร์ตรถออกไปทันทีเวินเหลียงจะไม่ใช้อารมณ์ส่วนตัวในการทำงานตอนนี้เธอจึงได้แต่ใช้การทำงานเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองเมื่อเวินเหลียงหาอีเมลของฟู่เจิงพบ จึงอัพโหลดแผนงานลงในอีเมลแล้วกดส่งแพล็บเดียวฟู่เจิงก็ตอบกลับสั้นกระชับเหมือนทุกที ‘ผ่าน หลังจากนี้เธอคอยจับตาดูให้มากหน่อยแล้วกัน’เวินเหลียงหยุดชะงักครู่หนึ่ง พิมพ์คำว่า ‘ได้’ ส่งไปแล้วมอบหมายงานอย่างรวดเร็วหลังจากเลิกงานตอนเย็น เวินเหลียงก็ได้รับข้อความจากฟู่เจิง ‘คืนนี้มีธุระ เธอกลับไปก่อน’เวินเหลียงเม้มริมฝีปาก ในใจเกิดความรู้สึกเจ็