“...”“ถ้าพูดจบแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”มองเงาเบื้องหลังของฟู่เจิงที่เดินออกไป หลินอี้หน่วนก็พลางเดือดดาลจนหน้าแดงก่ำเธอไม่เชื่อว่าเธอจะคว้าฟู่เจิงมาครองไม่ได้!อย่างเวินเหลียงยังเป็นเมียของเขาได้ แล้วทำไมเธอหลินอี้หน่วนจะเป็นไม่ได้ล่ะ?เธอด้อยกว่าเวินเหลียงตรงไหน?หลินอี้หน่วนกำลังคิดจะตามไป ทว่าจู่ ๆ เบื้องหลังก็มีคนมาเรียกให้เธอหยุด “คุณหลินครับ”เธอหันหน้ากลับไปมอง เป็นเลขาของฮั่วตงเฉิง “เลขาหลิว? มีเรื่องอะไรเหรอคะ? พี่ใช้ให้คุณมาเรียกฉันเหรอคะ?”“คุณฮั่วบอกว่าตอนนี้คุณอย่าเพิ่งตามไป ให้อดใจรอไว้ก่อน ถึงเวลาเขาจะส่งข่าวให้คุณเอง ให้คุณขึ้นไปที่ห้องของโรงแรมชั้นบนได้เลย”หัวใจของหลินอี้หน่วนพลันเต้นรัวขึ้น ส่วนลึกในใจผุดความปลื้มปีติออกมาสายหนึ่ง ลูกพี่ลูกน้องของเธอออกมือช่วยเธอเหรอ?เธอพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “โอเค ฉันรู้แล้ว ฉันจะรอข่าวจากพี่นะ”ผู้นำของเจียงเฉิงออกไปกันหมดแล้ว ฟู่เจิงกำลังทักทายกับคนของทางผู้จัดงาน ฮั่วตงเฉิงเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าทางผู้จัดการรีบทักทายพร้อมฉีกยิ้ม “คุณฮั่ว เป็นครั้งแรกที่ได้มาร่วมงานที่เจียงเฉิง ไม่ได้ต้อนรับคุณไม่ดีใช่ไหมครับ?”“เปล
ขณะเดินเฉียดไป เลขาหลิวก็ยัดคีย์การ์ดห้องให้หลินอี้หน่วนเมื่อมาถึงยังโถงลิฟต์ ลิฟต์ทางซ้ายก็ขึ้นไปข้างบนแล้วเธอรีบกดปุ่มลิฟต์ขึ้นทันที ลิฟต์ทางขวาเปิดประตูออกเมื่อมาถึงยังชั้นสามสิบสอง ตอนหลินอี้หน่วนออกมาจากลิฟต์ ก็เจอกับเสี่ยวหวังที่กำลังรอลิฟต์อยู่พอดีดูท่าฟู่เจิงต้องอยู่ในห้องแล้วแน่ ๆหลินอี้หน่วนตามหาหมายเลขห้องอย่างไม่ว่อกแว่กจนเจอเห็นบานประตูปิดสนิท เมื่อนึกภาพว่าฟู่เจิงกำลังรอเธออยู่บนเตียง ในใจของหลินอี้หน่วนก็ทั้งเป็นกังวลและทั้งกระตือรือร้นรูปร่างเขาดีขนาดนั้น คงจะ...เก่งเรื่องนั้นมากใช่ไหม...คนที่ดีเลิศขนาดนี้ ต่อให้มีวาสนาได้ผูกพันกันเพียงชั่วข้ามคืน เธอก็ยอมแม้จะแค่คืนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นเธออยากแต่งงานกับฟู่เจิง!เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะรูดบัตรเปิดประตู หลังเข้าไปแล้วก็รีบปิดประตูและทำการล็อกอย่างรวดเร็วภายในห้องเปิดไฟทิ้งเอาไว้หลินอี้หน่วนมองไปรอบ ๆ ทีหนึ่ง พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยภายในห้องรับแขกสะอาดเรียบร้อย ว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ ราวกับเป็นห้องใหม่ยังไม่มีใครเข้าพักห้องหนึ่งสายตาของหลินอี้หน่วนทอดไปยังประตูของห้องชุดตอนนี้ฟู่เจิงน
เวินเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย ยังทำเป็นปากแข็งทั้งที่จริงในใจยอมแล้ว เธอฝืนตอบรับ “ก็ได้ คุณรอฉันแป๊บนะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” น่าหงุดหงิดจริง ๆเธอวางงานที่อยู่ในมือลง หยิบเสื้อโค้ตแล้วออกไปจากห้อง“อาเหลียง ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว เธอจะไปไหนอีก?” ถังซือซือนั่งอยู่ในโซฟา พลันเอ่ยถามขึ้นมาเวินเหลียงชะงักฝีเท้า พร้อมกระตุกยิ้มมุมปาก “คืนนี้มีซีนถ่ายทำตอนกลางคืนน่ะ...”“อ้อ...” ถังซือซือมองเธออย่างมีความหมายลึกซึ้งทีหนึ่ง “งั้นเธอไปเถอะ”เวินเหลียงเปลี่ยนรองเท้าตรงที่เปลี่ยนรองเท้าเงียบ ๆถังซือซือถามขึ้นอีกว่า “แล้วคืนนี้เธอจะกลับมาอีกไหม?”“ดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน”“โอเค”ยังอีกแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น เวินเหลียงก็จะถึงโรงแรมแล้วเธอใส่หูฟังบลูทูทแล้วต่อสายหาฟู่เจิว “ฮัลโหล ฉันใกล้จะถึงแล้ว ให้ไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินหรือว่ารอคุณอยู่ข้างนอก?”“ข้างนอก เธอขับรถมาจนถึงถนนฉงชิ่ง จอดตรงข้ามร้านสะดวกซื้อเหม่ยอี๋เจีย รอฉันอยู่บนรถ”เวินเหลียงไม่เข้าใจเล็กน้อย ทว่าก็ยังตอบตกลง “โอเค”หลังวางสาย ในช่วงที่เธอไม่ทันรู้ตัว ทำไมโทรศัพท์ของฟู่เจิงยังมีแบตอยู่?หรือว่าเขาไปยืมพาวเวอร์แบงค์มา?เวินเหล
หูเวินเหลียงแดงเล็กน้อย เธอมองเขาอย่างเหลือจะเชื่อทีหนึ่ง ก่อนจะพูดปฏิเสธ “คุณพูดจาเพ้อเจ้ออะไรอยู่? ฉันจะขับเร็วหน่อย คุณกลับไปจัดการตัวเองที่บ้านแล้วกัน!”ทำไมเขาถึงได้...เอ่ยปากขอร้องให้เธอช่วยขึ้นมาโต้ง ๆ แบบนี้ได้เนี่ย?!นี่มันเหตุการณ์แบบไหนกัน?จะช่วยตามอำเภอใจได้ยังไง?ลูกกระเดือกของฟู่เจิงขยับขึ้นลง ลมหายใจหนักอึ้ง เขาเอ่ยขึ้นอย่างอดกลั้นว่า “ฉันทนรอให้ถึงบ้านไม่ไหวแล้ว...เลี้ยวขวาตรงทางแยกข้างหน้า ไปสวนสาธารณะศูนย์กลาง”เวินเหลียงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหักพวงมาลัยเข้าไปในเลนส์ของรถที่จะเลี้ยวขวาผ่านไปสามนาที รถยนต์ก็แล่นเข้าไปในสวนสาธารณะตอนนี้สวนสาธารณะศูนย์กลางเปิดให้เข้าฟรี สภาพอากาศยังเย็นอยู่ แถมยังเป็นตอนกลางคืน ภายในสวนสาธารณะไม่มีเงาคนแม้แต่คนเดียวเวินเหลียงสุ่มจอดรถข้างถนน เธอรีบกุลีกุจอปลดเข็มขัดนิรภัยออก “ฉันจะออกไปข้างนอก คุณจัดการตัวเองก็แล้วกัน”เธอกำลังจะเปิดประตูรถลงไปจริง ๆ แล้ว ทว่าฟู่เจิงกลับคว้าข้อมือของเธอเอาไว้จากเบาะที่นั่งด้านหลัง มองเธอด้วยสายตาเว้าวอน พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “อาเหลียง ฉันขอร้องเธอละ ช่วยฉันหน่อยโอเคไหม? ฉันทรมานม
ฟู่เจิงมองเงาร่างของเธอ พลางฉีกรอยยิ้มอันงดงามออกมา แล้วกลับไปยังที่นั่งด้านหลังภายในรถคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเวินเหลียงสตาร์ตรถ พร้อมเปิดกระจก พลางลอบตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะเอารถไปล้างให้ได้“ฟู่เจิง คืนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”เมื่อครู่ตอนที่อยู่เบาะที่นั่งด้านหลัง เธอเห็นร่องรอยการเสียดสีบนผนังบนเสื้อเสื้อโค้ตของเขา“มีคนคิดเล่นงานฉัน หลังจากที่จับได้ว่าฉันหนีออกจากห้องของโรงแรม ก็ให้คนมาเฝ้าทางออกของโรงแรมเอาไว้ ตรวจสอบจากบันไดหนีไฟทุกชั้น ฉันก็เลยต้องปีนกำแพงออกมา”หลังเข้าไปในห้อง เมื่อเสี่ยวหวังออกมา ฟู่เจิงก็ไปที่ระเบียงทันทีเขาปีนลงมาที่ชั้นสามสิบเอ็ดจากทางระเบียงห้องนั้นเป็นห้องว่างเขารู้ว่าฮั่วตงเฉิงไม่มีทางปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่ ออกไปทางประตูปกติไม่มีทางหนีพ้น จึงจงใจอาศัยความต่างของเวลา ขึ้นลิฟต์จากชั้นสามสิบเอ็ดลงมายังชั้นสอง แล้วเข้าไปแอบอยู่ในห้องน้ำตอนที่คนของฮั่วตงเฉิงมาตรวจสอบห้องน้ำ เขาก็ปีนออกจากห้องน้ำทางหน้าต่างไปยังระเบียงของห้องที่ใกล้ที่สุดคนเหล่านั้นคิดแค่ว่าเขาจะต้องลงบันไดแน่ และไม่มีทางลงมาจากตึกได้เร็วขนาดนั้น พวกเขาตรวจสอบชั้นล่างไม่ค่อ
ภายในห้องของโรงแรม หลินอี้หน่วนเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องรับแขกอย่างหงุดหงิดคิดไม่ถึงเลยว่าเป็ดที่กำลังจะต้มสุกแล้ว ยังบินหนีไปได้อีก!หึ ดูสิว่าเขาจะบินไปได้ถึงไหน!ทว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ ลูกพี่ลูกน้องของตนจัดแจงคนไว้ทั่วทั้งตึกแล้ว ไม่ช้าก็เร็วฟู่เจิงต้องตกมาอยู่ในมือของเธอหลินอี้หน่วนเดินไปที่ทางหนีไฟอย่างลุกลี้ลุกลนภายในมีแต่ความมืด คละคลุ้งไปด้วยความเย็นยะเยียบน่าขนลุกเธอเกิดความลังเลขึ้นมานี่คือชั้นที่สามสิบกว่า ฟู่เจิงจะเดินลงไปจากตรงนี้จริง ๆ เหรอ?“คุณผู้หญิง”ทันใดนั้นก็มีเสียงเสียงหนึ่งแว่วดังมาจากด้านในหัวใจของหลินอี้หน่วนแทบหลุดออกมา เธอเอามือทาบอกพลางถอยหลังสองก้าวเธอชะโงกคอไปดู ในตอนนี้เองถึงได้พบเงาดำสายหนึ่งยืนอยู่ในซอกมุมบันไดเธอออกแรงกระทืบเท้า ไฟควบคุมด้วยเสียงสว่างขึ้นในตอนนี้เองหลินอี้หน่วนถึงได้เห็นว่า เงาดำสายนั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง สีหน้าซีดขาว เบ้าตาแดงเถือก ราวกับอารมณ์ไม่ค่อยดีนักถึงได้มาหลบอยู่ตรงนี้“ฉันตกใจหมดเลย” หลินอี้หน่วนถอนหายใจเฮือกหนึ่งหญิงสาวเอ่ยขึ้นว่า “ฉันเห็นคุณเอาแต่มองมาในนี้ตลอด”“คุณอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้
“คุณป้าคะ หนูอยากไปสวนสนุกค่ะ”แม้เจ้าตัวน้อยจะแก่แดดกว่าเด็กที่อายุเท่ากันไปมาก แต่ถึงยังไงก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง โดยเฉพาะหลังจากไปเรียนได้ห้าวัน ก็เอาแต่อยากเล่นอย่างเดียวเวินเหลียงมองท้องฟ้า ดูมืดครึ้มช่วงนี้อากาศไม่ค่อยดีนัก มีฝนตกปรอย บางทีก็ถึงขั้นเทกระหน่ำลงมาวันนี้เช้าก็ตกลงมาปรอย ๆ ตอนนี้หยุดแล้ว เพียงแต่อากาศยังคงมืดครึ้มดังเดิม ไม่มีพระอาทิตย์ เป็นไปได้มากว่าฝนจะเทลงมาอีก“งั้นป้าพาเธอไปกินของอร่อยดีไหม?”“ตอนเช้าไปสวนสนุก ตอนเที่ยงไปกินของอร่อย”เด็กน้อยต่างหากที่ต้องเลือก ฟู่ซือฝานจะเอาหมดทุกอย่าง!เวินเหลียง: “...”“เอาละ งั้นป้าจะพาเธอไปสวนสนุก แต่เป็นไปได้ว่าฝนจะตกลงมา ถ้าตกลงมาพวกเราก็กลับ?”“อืม ๆ” ฟู่ซือฝานพยักใบหน้าน้อย ๆบนรถ ปากน้อย ๆ ของฟู่ซือฝานเล่าชีวิตในโรงเรียนอนุบาลในช่วงนี้ให้เธอฟังบลา ๆ ๆพูดไปได้ครึ่งทางท้ายที่สุดก็พูดจนเหนื่อยพอเธอหยุดพูด เวินเหลียงก็ยิ้มแย้ม พร้อมเปลี่ยนเพลงหลังมาถึงยังสวนสนุก ฟู่ซือฝานหาวทีหนึ่ง ไม่นานก็กลับมาจมดิ่งสู่ความร่าเริงสนุกสนานแล้วลงมาจากม้าหมุน ฟู่ซือฝานก็เงยหน้ามองไปยังรถไฟเหาะ ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งไปทางน
เวินเหลียงอึ้งกิมกี่ไปเลย ก่อนจะมองประเมินผู้หญิงคนนั้นสองที “คุณคือผู้ปกครองของเขาเหรอคะ? มาได้ทันเวลาพอดีเลย ลูกของคุณเพิ่งชนเด็กของฉันจนตกลงมาจากสไลเดอร์ รีบให้เขาขอโทษเด็กของฉันเดี๋ยวนี้!”เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินดังนั้นเธอก็มองเวินเหลียงสองที ก่อนจะแสยะยิ้ม “คุณบอกว่าเขาเป็นคนชนเขาก็เป็นคนชน? ข้างบนไม่ได้มีแค่ลูกฉันคนเดียวซะหน่อย!”“เมื่อกี้เขาเพิ่งเป็นคนยอมรับเอง”ผู้หญิงคนนั้นหันหน้าไปมองเด็กผู้ชายทีหนึ่ง “หึ ผู้ใหญ่อย่างคุณมายืนตะคอกบีบเขาอยู่อย่างนี้ เขาก็คงกลัวถึงได้ยอมรับออกมา”“ในเมื่อคุณพูดออกมาแบบนี้ งั้นพวกเราไปดูกล้องวงจรปิดที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดกัน!”“ให้ตายเถอะ ช่างสรรหาเหตุผลแต่ไม่ยอมถอยจริง ๆ ต่อให้ลูกฉันเป็นคนชนแล้วจะทำไม เขาไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย อีกอย่าง ฉันดูแล้วลูกสาวคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คงไม่ได้คิดจะกล่าวหาเอาไปแบล็กเมล์ใช่ไหม?” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเด็กผู้ชายใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัวจริง ๆ แต่เสื้อผ้าของเธอกับฟู่ซือฝานเองก็ไม่ด้อยไปกว่าเลย ไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอไปขุดหาข้อสรุปมาจากไหนกัน!ณ ที่นี้ ต่อให้พวกเธอเป็นครอบครัวธรรมดา ๆ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะ