ถ้าเธอเปลี่ยนจากเรียก ‘ฟู่เจง’ มาเป็น ‘อาเจิง’ ก็สิ้นเรื่องแล้ว“ฉันได้ยินมาว่าคุณไปเจรจาเงื่อนไขกับเธอ?”จู่ ๆ ฟู่เจิงก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมดทั้งเนื้อตัว “เธอรู้ได้ยังไง?”“เลขาหยางเป็นคนบอกฉัน คุณเองก็ไม่ต้องโทษเขาหรอก ฉันแค่รู้สึกสงสัยเลยบังคับให้เขาพูด รวมถึงความลำบากใจที่คุณบอกคราวก่อนด้วย”ในใจของฟู่เจิงเต้นตึกตัก ๆ ขึ้นมาเสียงหนึ่ง พร้อมอดไม่ได้ที่จะกำนิ้วขึ้น “เธอรู้เรื่องหมดแล้ว?”ความลำบากใจที่เขาบอกคราวก่อน...“อืม” เวินเหลียงพูดต่ออีกว่า “หลังจากรู้เรื่องทั้งหมด ฉันถึงได้รู้ว่าฉันเข้าใจคุณผิดไป ที่คุณปล่อยฉู่ซืออี๋ออกมา ล้วนเป็นเพราะฉัน อาเจิงขอโทษนะ”ฟู่เจิงชะงักไป พร้อมกลั้นหายใจเอาไว้ เงียบไม่พูดไม่จาเป็นอย่างที่เธอพูดจริง ๆแต่เขารู้สึกเหมือนว่าตรงไหนมันไม่ถูกต้องสักอย่าง...“แต่ว่าฟู่เจิง ฉันเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งเหมือนกันนะ ฉันไม่ต้องการให้คุณทำให้ฉันกลายเป็นคนที่กำลังงมโข่ง ภายใต้ชื่อว่าทำเพราะหวังดีกับฉัน เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมคุณถึงปิดบังฉัน?”ฟู่เจิงเม้มริมฝีปาก ก่อนจะย้อนถามว่า “เรื่องสำคัญขนาดนี้ เรื่องอะไร?”เวินเหลียงชะงักไปครู่หนึ่ง “คุณคิดว
“เธอมาที่บ้านฉันสิ ฉันจะกระหืดกระหอบให้เธอฟังเป็นยังไง?” ฟู่เจิงเอ่ย“หึ ฝันหวานเชียวนะ”หัวข้อบทสนทนานี้ทำเอาเวินเหลียงอายม้วน เธอไม่อยากพูดอะไรมากมาย จึงทำได้เพียงพูดหาข้ออ้าง “ดึกแล้ว ฉันจะนอนแล้ว แค่นี้นะ”“ฝันดี” ฟู่เจิงพูดขึ้นโดยไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์“เดี๋ยวก่อน ฉันนึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่ง”“เธอว่ามาสิ”“วันนี้ฉันเจอพี่สะใภ้ใหญ่ที่บ้านใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ตั้งท้องแล้ว แต่เธอบอกกับฉันว่า พี่ใหญ่ยังติดต่อกับผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกคนนั้นอยู่ ไม่งั้นคุณให้คนไปสืบดูหน่อยสิว่าตกลงผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นใครกันแน่” เวินเหลียงเอ่ยฟู่เจิงพลันประหลาดใจ “แน่ใจนะว่าพี่ใหญ่ยังติดต่อกับเขาอยู่?”“พี่สะใภ้ใหญ่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับมากับหู”“โอเค ฉันรู้แล้ว ฉันจะให้คนไปสืบหาหลักฐานดู”หลังวางสาย เวินเหลียงก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะหัวเตียง แล้วปิดไฟนอนส่วนฟู่เจิง พอเขามองบันทึกการโทรที่แสดงอยู่บนหน้าจอ มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกรอยยิ้มออกมา เหมือนยิ้มทว่าก็ไม่ได้ยิ้มนึกถึงคำพูดของเวินเหลียงเมื่อครู่แล้ว นัยน์ตาของฟู่เจิงก็ลึกซึ้ง จมดิ่งไปในความคิดหลังจากรู้ว่าคนขับรถของฟู่เยว่น่าส
เวินเหลียงไม่ได้อยากมากินข้าวมื้อนี้อะไรเลย เพียงแค่อยากมาดูระดับที่แท้จริงของตัวเองเท่านั้น ก่อนอัปโหลดรูปภาพเธอไม่ได้ให้ฮั่วตงเฉิงดู แน่นอนว่าเธอเชื่อว่าพอฮั่วตงเฉิงได้เห็นแล้ว ก็จะให้คะแนนอย่างยุติธรรมฮั่วตงเฉิงพิงพนักพิงเก้าอี้ พร้อมทั้งส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่ใช่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”เวินเหลียงประหลาดใจ “เรื่องอะไรเหรอคะ?”ฮั่วตงเฉิงล้วงโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋าเสื้ออย่างเอื่อยเฉื่อย ก่อนจะสไลด์หน้าจอสองสามที แล้วนำไปวางตรงหน้าเวินเหลียง “เธอรู้จักคนคนนี้ไหม?”เวินเหลียงก้มหน้าดู เห็นเพียงในหน้าจอเป็นรูปภาพที่ไม่ได้มีความคมชัดมากภาพหนึ่ง ผู้ชายที่อยู่ในภาพถูกผู้ชายอีกสองสามคนกดตัวไว้บนพื้นเธอเพ่งสายตามองไปทีหนึ่ง ทันใดนั้นนัยน์ตาก็เป็นอันต้องหดตัว หัวใจเต้นตึกตัก ๆ ขึ้นมาในทันที พร้อมมองฮั่วตงเฉิงอย่างด้วยความตื่นเต้น “จางกั๋วอัน?!!”ฮั่วตงเฉิงยิ้ม “ลูกค้าคนหนึ่งของฉันบังเอิญเจอที่ชายแดนเข้า กำลังถูกกำลังคนสองกลุ่มไล่ล่า ฉันเลยไปสอบถามดู เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับเธอ”เวินเหลียงไม่กล้าเชื่อหลังจากที่เมิ่งจินถังหนีไป จางกั๋วอันถูกคนอื่นจับตัวไป เธอก็แทบจะสิ้นหวังแล้วไม่นึกเลยว่
เวินเหลียงไม่ได้สนใจฟู่ชิงเยว่ เธอมุ่งหน้าตรงไปยังสถานีตำรวจเลยตอนนี้ฉู่ซืออี๋ยังคงถูกคุมขังอยู่ในห้องขังเจ้าหน้าที่พาเวินเหลียงไปห้องสอบสวนห้องหนึ่ง ฉู่ซืออี๋กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะ ถูกใส่กุญแจมือไว้บนโต๊ะเมื่อเห็นเวินเหลียงเข้ามา เธอก็จ้องเวินเหลียงด้วยสายตาเปล่งประกาย ราวกับมีอะไรอยากจะโพล่งพูดออกมา ทว่าเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดกลั้นเอาไว้อีกครั้ง“พวกคุณสองคนพูดคุยกันเลยครับ ผมขอตัวออกไปก่อน อย่าให้นานเกินไปล่ะ” เจ้าหน้าที่พูดจบก็ผลักเปิดประตูออกไปภายในห้องสอบสอน ฉู่ซืออี๋จ้องเวินเหลียงเขม็ง นัยน์ตาประกายความอำมหิตออกมาสายหนึ่ง แฝงความกระหืดกระหอบอยู่หน่อย ๆ “เวินเหลียง ตกลงกันเรียบร้อยแล้วไงว่าวันรุ่งขึ้นฉันจะไประบุตัวคนร้ายให้ ไม่นึกเลยว่าเธอจะกล้าผิดสัญญา แล้วแจ้งตำรวจจริง ๆ?!”เวินเหลียงยิ้มเยาะเสียงหนึ่ง ก่อนจะจับพนักพิงเก้าอี้ลากไปข้างหลัง แล้วนั่งลงตรงหน้าฉู่ซืออี๋ “คนที่ผิดสัญญาไม่ใช่เธอหรือไง? เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ เธอเตะถ่วงเวลาระบุตัวคนร้ายแล้วลอบส่งข่าวให้เมิ่งจินถัง เธอไม่เคยคิดจะออกหน้ามาระบุตัวคนร้ายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!”ฉู่ซืออี๋ “น่าขำจริง
มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉู่ซืออี๋สลัดข้อตกลงที่ทำไว้กับฟู่เจิงทิ้งไปตั้งนานแล้วเธอรู้แค่ว่าตัวเองจะถูกตัดสินจำคุกไม่ได้!เวินเหลียงเผยสีหน้าฉงนออกมา เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เพราะงั้นในมือของเธอมีจุดอ่อนของฉันอยู่สองจุดอ่อน?”ในใจเธอสงสัยเป็นอย่างมากเธอคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าตัวเธอจะมีจุดอ่อนอะไรให้ตกไปอยู่ในมือของฉู่ซืออี๋ได้ กระทั่งยังมีตั้งสองจุดอ่อนแน่ะ!“จะว่าแบบนี้ก็ได้” ฉู่ซืออี๋พิงพนักที่นั่งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีหน้าว่ามีแผนอยู่ในใจเวินเหลียงเงียบไปสองสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “โอเค ฉันรับปากเธอ เธอบอกฉันมาก่อนเรื่องหนึ่ง หลังฉันไปสืบหาหลักฐานมาแล้ว ถ้าหากมันเป็นเรื่องจริง ฉันจะมาหาเธออีกครั้งแน่นอน”ฉู่ซืออี๋เลิกคิ้ว “งั้นฉันจะบอกเธอก่อนเรื่องหนึ่ง อันที่จริงเดิมทีเธอไม่ใช่...”พูดไปได้แค่ครึ่งเดียว จู่ ๆ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ผลักประตูเข้ามา “หมดเวลาแล้วครับ คุณเวินออกมาเถอะครับ”เวินเหลียง “...”เธอเบือนศีรษะไปมองเจ้าหน้าที่ทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นทั้งยิ้มแย้มว่า “อนุโลมให้อีกหน่อยได้ไหมคะ ขอเวลาให้ฉันอีกห้านาที?”เจ้าหน้าที่ส่ายหน้า “ขอโทษครับ นี่เป็นคำสั่ง”เวินเหลี
ฟู่เจิงมองใบหน้าของเวินเหลียงอย่างมีความรู้สึกลึกซึ้ง มุมปากเผยรอยยิ้มที่ยิ้มแต่เหมือนไม่ยิ้ม “ไหน ๆ เธอก็อยากรู้แล้ว ไปทำข้อตกลงกับเขาไม่สู้มาทำข้อตกลงกับฉันดีกว่าไหม เทียบกับเขาแล้วฉันไม่มีทางทำร้ายเธอแน่”ไอ้โรคปากไม่ตรงกับใจของเธอ ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยโชคดีที่ไม่เปลี่ยนเขาชอบโดยเฉพาะตอนที่เธอตะโกนว่า ‘อย่านะ’ บนเตียงเวินเหลียงเงยหน้าถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งเขานี่ช่างเสนอเก่งจริง ๆแต่จะว่าไปแล้วทำข้อตกลงกับฟู่เจิง ก็คุ้มค่ากว่าทำข้อตกลงกับฉู่ซืออี๋จริง ๆถึงยังไงความเกลียดแค้นที่ฉู่ซืออี๋มีแต่เธอก็มาก่อนหน้าโจรเรียกค่าไถ่ ถ้าให้อภัยฉู่ซืออี๋ไป ใครจะรู้ได้ว่าฉู่ซืออี๋จะทำเรื่องที่ทำร้ายเธอออกมาหรือเปล่าส่วนฟู่เจิง เขาอยากแลกเปลี่ยนอะไร ก็พอจะเดาออกได้ไม่ยาก ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องเล็กน้อยระหว่างชายหญิงนั่นเห็นเวินเหลียงเงียบไป ฟู่เจิงก็หุบรอยยิ้มบนหน้าไปในทันใด “เธอคงไม่ได้คิดจะเขียนหนังสือยอมความให้ฉู่ซืออี๋จริง ๆ ใช่ไหม?”เวินเหลียงรีบพูดขึ้นว่า “แน่นอนว่าไม่มีทางอยู่แล้ว ฉันไม่ใช่คนโง่ซะหน่อย”พูดจบดวงตากลมโตของเธอก็หันไปมองฟู่เจิง “ฟู่เจิง ถึงยังไงเขาก็เป็นแฟนเก่าของ
เวินเหลียงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ได้”เดิมทีเธอไม่อยากไปบริษัทสักเท่าไรที่นั่นมีคนรู้จักมักคุ้นเยอะ เวินเหลียงไม่อยากให้พวกเขาเห็นเธอเดินอยู่กับฟู่เจิงหลังจากนั้นพอมาคิดไปคิดมา เธอหย่ากับฟู่เจิงแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ติดต่อกันไปทั้งชีวิตสักหน่อย ทั้งสองคนถูกผูกมัดกันด้วยตระกูลฟู่ ปรากฏตัวพร้อมกันคงไม่มีอะไรเธอรู้สึกอ่อนไหวง่ายเล็กน้อยคนขับรถขับรถแล่นเข้าไปในลานจอดรถใต้ดินเลยเวินเหลียงและฟู่เจิงขึ้นลิฟต์วีไอพีตรงไปยังชั้นห้องทำงานประธานกรรมการใหญ่ห้องทำงานประธานกรรมการใหญ่อยู่สูงกว่าห้องทำงานประธานกรรมการหนึ่งชั้น และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงเพื่อนร่วมงานเก่าของเวินเหลียงด้วยเลขาของฟู่เจิงส่วนใหญ่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง แต่ละคนจัดการสีหน้าได้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากเมื่อเห็นฟู่เจิงเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับเวินเหลียง บรรดาเลขาที่กำลังทำงานอยู่ก็พร้อมใจกันเงยหน้าขึ้นมา แล้วทักทายอย่างมีมารยาท ไม่ได้มองเพิ่มกันอีกทีสองทีเลยนอกจากเลขาหยางเธอเดาไม่ผิดเลยประธานฟู่รีบร้อนออกไปจากบริษัท เพราะจะไปเจอเวินเหลียงอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆฟู่เจิงพยักหน้าให้บรรดาเลขา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ชงกา
ในช่วงเวลาที่แต่งงานกัน พวกเขาไม่เคยเปิดตัวต่อสาธารณะ นอกจากสายของเลขาหยางแล้ว เวินเหลียงจะไม่มีทางรับสายคนอื่นเป็นอันขาด แต่เธอเองก็จะไม่ละเลยโทรศัพท์ของเขาเช่นกันเพียงแต่นับตั้งแต่วันครบรอบแต่งงานในวันนั้น เธอก็ไม่ดูโทรศัพท์ของเขาอีกเลยราวกับว่าไม่รู้เริ่มตั้งแต่ตอนไหน เธอไม่เคยเปิดไฟรอเขาตอนเขากลับดึกอีกเลย ไม่จัดเตรียมของที่ต้องสวมใส่ต้องพกติดตัวไปในวันต่อมาอีกเลย ไม่สนใจว่าเขาจะกินข้าวตรงเวลาหรือเปล่าอีกเลย และไม่เรียกเขาว่า ‘อาเจิง’ อีกเลย...เธอค่อย ๆ ตีตัวออกห่างจากเขาทว่าเขากลับไม่เคยสังเกตเห็นอะไรเลย แถมยังเพ้อฝันว่าจะรั้งให้เธออยู่ได้เวินเหลียงเห็นสีหน้าของฟู่เจิงแปลก ๆ ไป จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “เป็นอะไรเหรอ? ผลการประชุมไม่เป็นอย่างที่คิด?”“เปล่า” ฟู่เจิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบเมื่อเขาปัดหน้าจอขึ้นเพื่อปลดล็อก ก็เห็นสายไม่ได้รับของลู่เย่าสายหนึ่ง เขากดโทรกลับไปเวินเหลียงปิดนิตยสารที่อยู่ในมือลง ก่อนจะลวดวางไว้บนโต๊ะ “ตอนนี้คุณว่างแล้วเหรอ?”“เดี๋ยวก่อน”หลังปลายสายรับโทรศัพท์ ฟู่เจิงก็ส่งสัญญาณมือ พร้อมแนบโทรศัพท์ไปข้างหู “ฮัลโหล มีเรื่องอะไรเหรอ?
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง