พูดไปพลางเธอก็กระดกดื่มอึกเดียวหมด เกลี้ยงจนเห็นก้นแก้วแวววับเด็กใหม่อีกคนกลัวว่าจะสู้ไม่ได้ จึงเริ่มดื่มเหล้าคารวะเช่นกัน และเวินเหลียงก็ดื่มเหล้าแทนฉู่ซืออี๋อย่างเดิมหลังดื่มแก้วนี้หมด ต่อมานักแสดงคนอื่น ๆ ก็เริ่มมาดื่มเหล้าคารวะด้วยเช่นกัน ต่างพูดคุยกับฉู่ซืออี๋ ทว่าชนแก้วเหล้ากับเวินเหลียงหลังหญิงสามชายสองดื่มเหล้าคารวะกันเสร็จ ฉู๋ซืออี๋กับเวินเหลียงก็อื่มคารวะให้กับทุกคนที่อยู่บนโต๊ะหลังคารวะผู้กำกับเจิ้งเสร็จ ฉู่ซืออี๋ก็รินเหล้าให้เวินเหลียง พร้อมพยักหน้าให้รองผู้กำกับหม่า “รองผู้กำกับหม่าคะ ต่อไปตอนทำงานร่วมกันฝากเนื้อปากตัวด้วยนะคะ”“ฉันขอดื่มเหล้าคารวะคุณแทนคุณฉู่ค่ะ” เวินเหลียงยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับแก้วของรองผู้กำกับหม่ารองผู้กำกับหม่ายิ้มตาหยี “เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว เราร่วมแรงร่วมใจกัน ปีหน้าต้องดังระเบิดระเบ้อแน่นอน”ไม่รู้ว่าเวินเหลียงรู้สึกไปเองหรือเปล่า เธอมักรู้สึกว่าสายตาที่รองผู้กำกับหม่ามองเธอมันดูแปลก ๆดื่มลงคอไปแก้วแล้วแก้วเล่า เวินเหลียงรู้สึกได้ว่าในท้องมีเปลวเพลิงกำลังแผดเผาอยู่ก้อนหนึ่ง หลังดื่มเหล้าไปแก้มก็แดงระเรื่อไปหมด ดวงตาทั้งสองชุ่มน้ำ ค่อ
เธอเมาหมดสติไปแล้วไม่ใช่เหรอ?ความคิดเพิ่งผุดวาบขึ้นมาในหัว รองผู้กำกับหม่ายังไม่ทันได้ตอบสนองใด ๆ เลยด้วยซ้ำ ก็เห็นเวินเหลียงยกมือขึ้นมาแล้ว...เสียง ‘ซี๊ด’ ดังขึ้นเสียงหนึ่ง“อ๊า...”รองผู้กำกับหม่าเอามือปิดตาทั้งสองข้างเอาไว้ พร้อมเปล่งเสียงโอดครวญแสนเจ็บปวดออกมาอาการแสบร้อนที่มาพร้อมกับสเปรย์พริกไทยทำเอาเขาอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมาโดยอัตโนมัติ เบื้องหน้ากลายเป็นสีดำสนิท“นังคนชั้นต่ำ!”เขาหลับตาลง มือทั้งสองคว้านไปที่คอของเวินเหลียงโดยอาศัยภาพในความทรงจำ ทว่าคลำเจอเพียงไหล่ของเวินเหลียงเท่านั้นเวินเหลียงดิ้นออกไป ขวดเหล้าขวดหนึ่งถูกแกว่งไปบนศีรษะของรองผู้กำกับหม่า‘เพล้ง...’ขวดแก้วแตกกระจัดกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ของเหลวกระเด็นไปทั่วบนศีรษะของรองผู้กำกับหม่ามีเลือดสีแดงสดสายหนึ่งไหลออกมา เขาใช้มือปิดศีรษะเอาไว้ก่อนจะสลบไปเห็นเขานอนแน่นิ่งไม่กระดุกกระดิกอยู่บนเตียง เวินเหลียงก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะใช้เท้าเตะเขา เมื่อเห็นว่าเขาไร้ซึ่งการตอบสนองใด ๆ เธอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งฉู่ซืออี๋ให้เธอมาเป็นผู้ช่วย ก็เพื่อทำให้เธอลำบากไม่ใช่เหรอ?ตอนที่ฉู่ซืออี๋ให้เธอมาร่วมกินข้าวด้
คนที่โทรเข้ามาก็คือคนที่เธอส่งไปคอยจับตาดูหน้าห้องนั่นแหละเมื่อเห็นว่าเป็นเขา ฉู่ซืออี๋ก็ประหลาดใจ หลังกดรับสายเธอก็ถามขึ้นว่า “มีอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”คนที่อยู่ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง “เมื่อกี้มีรถพยาบาลมารับตัวรองผู้กำกับหม่าไปแล้วครับ”ฉู๋ซืออี๋ “?”หรือว่ารองผู้กำกับหม่าทำกิจหลังดื่มเหล้า แล้วไม่ได้ระวังน้องชายติดอยู่ข้างใน?ฮึ ตาแก่วัยสี่สิบกว่าปี ไขมันเต็มตัว เกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นฉู่ซืออี๋ไม่แปลกใจเลยสักนิด!ทุกครั้งที่อยู่กับรองผู้กำกับหม่า สำหรับเธอแล้วราวกับถูกทรมานด้วยการเลาะกระดูกเมื่อนึกถึงว่าเวินเหลียงเองก็ต้องมาประสบพบเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกัน อารมณ์ของฉู่ซืออี๋ก็ดีขึ้นไม่น้อย“เมื่อกี้ผมเข้าไปดูใกล้ ๆ เสื้อผ้าของรองผู้กำกับหม่ายังอยู่ครบครับ เหมือนว่าบนหัวจะถูกคนทุบจนแตกด้วย...”ฉู่ซืออี๋เอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “นายว่าอะไรนะ? นายแน่ใจนะว่ามองไม่ผิด?!”“ไม่ผิดแน่ครับ”ฉู่ซืออี๋ “...”เธอไม่รู้ว่าควรอธิบายอารมณ์ในตอนนี้ยังไงดีเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ หัวใจของฉู่ซืออี๋ก็เต้นตึกตักขึ้นมาเสียงหนึ่ง ก่อนจะถามออกไปว่า “นายเข้าไปด
หลังวางสายนี้เสร็จ ฉู่ซืออี๋ก็ต่อสายโทรออกไปยังอีกเบอร์หนึ่ง“เป็นยังไงบ้าง? คนของคุณไปชายแดนหรือยัง? ถ้าจางกั๋วอันตกไปอยู่ในมือของเวินเหลียง พวกเรา...”ชายหนุ่มที่อยู่ปลายสายเอ่ยขึ้นว่า “ไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้ที่อยู่ของจางกั๋วอันแน่ชัด”ฉู่ซืออี๋ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาประกายความอำมหิตออกมา “รู้อยู่แล้วเชียวว่าเวินเหลียงจะพลิกคดีในสิบปีก่อนออกมาได้ ตอนแรกควรจะ...”จัดการเธอให้สิ้นซากไปด้วยชายหนุ่มที่อยู่ปลายสายเงียบไปไม่พูดต่อฉู่ซืออี๋เย้ยเยาะเสียงหนึ่ง “ตอนแรกที่ตระกูลฟู่ของพวกคุณเก็บเธอมาเลี้ยง คุณคงไม่ได้คิดถึงวันนี้ใช่ไหม?”ฟู่เยว่เอ่ย “ฉันเป็นคนเสนอให้คุณปู่เก็บเธอมาเลี้ยงเอง”ตอนแรกคุณท่านฟู่แค่อยากออกทุนช่วยให้เวินเหลียงได้เรียนหนังสือต่อแต่เขาเป็นคนเสนอให้รับเวินเหลียงมาที่ตระกูลฟู่ รับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม คุณท่านฟู่ชื่นชมเวินหย่งคังมาก เมื่อรู้ข่าวการตายของเขา ก็ทอดถอนใจอย่างหนัก ตอนนั้นถึงขั้นตั้งใจพาหลานชายคนโตที่ทำงานแล้วไปร่วมงานศพของเวินหย่งคังด้วยตอนนั้นฟู่เยว่รู้แค่ว่าเพื่อนคนหนึ่งของคุณท่านฟู่จากไป จึงไปร่วมงานเป็นเพื่อนจนกระทั่งเขาไปถึงโถงพิธีจัดง
“โอเค เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนเธอเอง”ตอนทุ่มครึ่ง เวินเหลียงและถังซือซือมาถึงยังสถานที่จัดงานเลี้ยงบอกว่าเป็นงานเลี้ยง แต่ดูเหมือนค็อกเทลปาร์ตี้เสียมากกว่า บุคคลที่ประสบความสำเร็จใส่สูทผูกไทสวมรองเท้าหนังมันวาวมากมายยืนจับกลุ่มพูดคุยกันกลุ่มละสองสามคนทั้งสองคนหยิบขนมหวานมานิดหน่อย ก่อนจะไปนั่งหลบอยู่ในมุมเวินแหลียงถามขึ้นว่า “คู่นัดบอดของเธอคนนั้นมาหรือยัง?”ถังซือซือมองโทรศัพท์ทีหนึ่ง พร้อมกินเค้กไปพลาง “ยังไม่มา”ทว่ามีลูกท่านหลานเธอหนุ่มคนหนึ่งเดินมาชวนพวกเธอทั้งสองคนคุย เมื่อเห็นพวกเธออย่างเย็นชา จึงเดินออกไปทั้งเบื่อหน่ายผ่านไปครู่หนึ่ง ถังซือซือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะตอบกลับข้อความไปด้วยพร้อมเอ่ยขึ้นไปด้วยว่า “เขามาแล้ว เดี๋ยวฉันไปพูดคุยกับเขาสองสามคำก็กลับมาแล้ว”“อืม”ถังซือซือเดินไปทางระเบียงแล้ว เวินเหลียงนั่งอยู่บนโซฟาต่อทันใดนั้นเธอก็ได้รับสายจากผู้กำกับการคดีนี้พิเศษเป็นอย่างมาก ผ่านไปหลายปีแล้วผู้ต้องสงสัยก็ยังไม่ถูกนำตัวมาดำเนินคดี และเกี่ยวข้องมาถึงคดีพ่อเวินเหลียงด้วยเมิ่งจินถังเป็นเพียงตัวกลางเชื่อมระหว่างคดีลักพาตัวและคดีอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเวินห
เวินเหลียงมองเงาร่างของทั้งสองคนด้วยความฉงน พลางแสยะยิ้มมุมปากมิน่าล่ะฉู่ซืออี่ถึงเลือกแหล่งเงินทุนได้ก่อน ที่แท้ฟู่เจิงก็อยู่เบื้องหลังนี่เอง!เธอรู้อยู่แล้วเชียว ฟู่เจิงรักฉู่ซืออี๋มานานขนาดนั้น ที่ตอนแรกเลิกกับฉู่ซืออี๋ไป แค่เป็นเพราะการตายของคุณปู่เวินเหลียงมองไปที่ฟู่เจิงอย่างเย้ยหยันทั้ง ๆ ที่คนที่เขาชอบคือฉู่ซืออี๋ชัด ๆ ทว่ากลับปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังเอาแต่บอกว่าชอบเธออีกต่างหาก หวังว่าเธอจะให้โอกาสเขาอีกครั้งได้ ช่างน่าขำชะมัด แกล้งเธอมันสนุกมากใช่ไหม? ตอนนี้คุณปู่เพิ่งจากไปไม่เท่าไร เขาก็ใจอ่อนกลับไปคืนดีกับฉู่ซืออี๋แล้ว?จากนั้นก็มองไปที่ฉู่ซืออี๋ที่อยู่ข้าง ๆ ฟู่เจิง เธอสวมชุดกี่เพ้าพอดีตัวสีเทาอ่อนปนแดง คล้องแขนของฟู่เจิงอย่างสง่าบุคลิกดี พูดคุยกับผู้คนทั้งยิ้มเล็กน้อยถ้าไม่รู้ว่าฉู่ซืออี๋เป็นคนยังไง บางทีเวินเหลียงอาจถูกเธอหลอกไปแล้วการหาเรื่องของฉู่ซืออี๋ในตอนแรกนั้น เวินเหลียงแค่คิดว่าเธออยากสานสัมพันธ์กับฟู่เจิงต่อแต่มาถูกเธอที่ครองตำแหน่งภรรยาในปัจจุบันขวางเอาไว้จึงไม่พอใจ จนกระทั่งฉู่ซืออี๋ทำให้คุณปู่เดือดแค้นจนตาย เวินเหลียงถึงได้รู้ความน่ากลัวแ
ถังซือซือกำลังลิ้มลองเค้กก้อนน้อย พร้อมทั้งชำเลืองมองเงาร่างของฟู่เจิง กะพริบตาปริบ ๆ “อาเหลียง ทำไมถึงยังไม่กลับอีกล่ะ? เธออย่าบอกฉันนะว่าเป็นเพราะอีตามืดบอดฟู่น่ะ?!”“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ?” เวินเหลียงเลิกคิ้ว “มีเรื่องอื่นจริง ๆ เธอคอยดูก็สิ้นเรื่องแล้ว”“โอเค” ถังซือซือฝืนเชื่อเธอเงยหน้ามองสีหน้าของเวินเหลียง ก่อนจะเม้มริมฝีปากล่าง “อาเหลียง...ฉันถามอะไรเธออย่างหนึ่งสิ...”คำถามนี้มันติดค้างอยู่ในใจเธอมานานแล้ว แต่เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของเวินเหลียง ก็เลยไม่เคยถามออกมา“อะไรเหรอ? เธอถามมาสิ”“ก่อนหน้านี้เธอ...ชอบอีตามืดบอดฟู่มากใช่ไหม?”ในตอนที่ถังซือซือรู้ว่าเวินเหลียงกับฟู่เจิงแต่งงานกัน การแต่งงานของพวกเขาก็เข้าสู่ภาวะวิกฤติแล้ว แต่คบหากันมานานขนาดนี้แล้ว เธอก็ยังสัมผัสร่องรอยอะไรออกนิดหน่อย...เวินเหลียงคงเคยชอบฟู่เจิงอย่างน้อยในช่วงที่อยู่กินกันฉันสามี เธอน่าจะชอบฟู่เจิงบางทีความรู้สึกยังลึกซึ้งอยู่ ไม่อย่างนั้นเพิ่งจะหย่ากันแท้ ๆ เวินเหลียงคงไม่ชินชาขนาดนั้น แม้ว่าความรู้สึกเจ็บปวดส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะลูก...เวินเหลียงชะงักไป พลางเม้มปากแล้วยิ้ม “ใช่”ใบหน้าของถังซ
พอฉู่ซืออี๋ถูกนำตัวไป เวินเหลียงเองก็ออกไปจากงานเช่นกันภายในห้องโถงต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา มีคนมองมาทางฟู่เจิงอย่างต่อเนื่องภายใต้การประคับประคองของประธานหลี่ ภายในงานกลับมาครึกครื้นเหมือนเดิมอีกครั้งฟู่เจิงพูดกับคนที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “ขอตัวก่อนนะครับ” แล้วออกมาจากงานเช่นกันหลังส่งมอบหลักฐานและให้การเสร็จ ขณะเวินเหลียงออกมาจากห้องสอบสวน ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้วเธอเดินไปหาถังซือซือที่รออยู่ในห้องโถง “ไปกันเถอะ”ถังซือซือเก็บโทรศัพท์ “เสร็จเรื่องแล้วเหรอ?”“เสร็จแล้ว หลังจากนี้ถ้ามีเรื่องอะไรจะออกหมายเรียก”ถังซือซือรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันแล้ว ในหัวเธอเต็มไปด้วยความแค้นเคือง “ฉู่ซืออี๋นี่มันโหดเหี้ยมจริง ๆ ฉันขอบอกกับเธอไว้เลยนะ เธอจะใจอ่อนไม่ได้เป็นอันขาด ใครมาขอให้เธอให้อภัย เธอก็ตอบตกลงไม่ได้เด็ดขาด ปล่อยให้ฉู่ซืออี๋ถูกขังจนลืมเดือนลืมตะวันไปเลย!”เธอพูดอย่างเป็นนัยเวินเหลียงยิ้ม “ฉันรู้ ไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด”แม้ตอนนี้ฉู่ซืออี๋จะเดินมาบอกเธอว่า จะไประบุตัวคนร้ายให้เดี๋ยวนี้เลย เธอก็ไม่ใจอ่อนออกมาจากสถานีตำรวจ ลมเย็น ๆ พลันเข้ามาปะทะหน้าบนถนนผู้ค
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง