“คุณลุง!”เสียงไร้เดียงสาทลายบรรยากาศแสนเงียบสงัดลงฟู่ซือฝานตอบสนองกลับมาก่อนก้าวหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งไปด้านหน้าด้วยความดีอกดีใจ “คุณลุงมาได้ยังไงคะ?”“มาทำธุระแถวนี้น่ะ ก็เลยมาหาพวกเธอด้วย”ฟู่เจิงพูดกับฟู่ซือฝาน ทว่าสายตากลับมองมาที่เวินเหลียง ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเป็นห่วงและการตำหนิ “เธอก็ด้วย แผลบนขมับยังไม่ทันหายดี เมื่อวานข้อเท้าก็เพิ่งจะดีขึ้น หมอบอกให้พักเยอะ ๆ หน่อย วันนี้เธอก็วิ่งแจ้นมาเที่ยวดูชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนซะแล้ว ไม่รู้จักดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองบ้างเลย”ซิกซ์เซนส์มันบอกเวินเหลียงว่า ฟู่เจิงไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แต่ตามเธอมาต่างหากแต่เวินเหลียงไม่ได้เปิดโปงอะไร เธอเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า “ร่างกายฉันไม่เป็นไร คุณไปทำงานเถอะ เราจะไปเที่ยวดูชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนกันแล้ว”สายตาของเธอเบือนไปทางฮั่วตงเฉิง “เราไปกันเถอะ ไกด์นำเที่ยวน่าจะมาถึงแล้ว”เห็นเวินเหลียงทำท่าทีเย็นชาใส่ฟู่เจิง บนใบหน้าของฮั่วตงเฉิงก็พลันแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่มีแต่ก็เหมือนไม่มี “โอเค”เวินเหลียงไม่ลืมที่จะถามฟู่ซือฝาน “ฝานฝาน เธอจะไปกับคุณลุงหรือว่า...”ไม่รอให้เธอพูดจบ ฟู่เจิงก็พูดตัดบท
ใบหน้าของลุงแก่ ๆ เต็มไปด้วยความฉงน อารมณ์เสียไม่ได้ดั่งใจ ทำไมถึงมีผู้ชายไร้อนาคตแบบนี้ได้เนี่ย?!ผู้ชายคนหนึ่งสูงหนึ่งร้อยแปดสิบหกยืนอยู่กลางรถ มันคับแคบเล็กน้อย ฟู่เจิงก้มหลังลงกึ่งหนึ่ง พลางมองไปรอบ ๆถังซือซือเล่นอุบาย เธอแยกกันนั่งกับจูฝาน พอเวินเหลียงขึ้นรถมา เธอก็โบกมือให้เวินเหลียงมานั่งข้างเธอ ห่างกับจูฝานด้วยทางเดินฟู่เจิงกับฟู่ซือฝานทำได้เพียงนั่งหน้าเวินเหลียงวันหยุดตรุษจีนผ่านไปแล้ว ทว่าคนที่มาท่องเที่ยวที่หนิงชิงกลับยังมีไม่น้อยมาถึงจุดชมวิวธรรมชาติแห่งหนึ่ง เวินเหลียงถือกล้องถ่ายรูปลงจากรถไปวิวที่ไม่เหมือนกันนั้น ก็มีวิธีแสดงออกที่ต่างกันออกไป ฮั่วตงเฉิงเดินไปด้วยพลางอธิบายความคุ้นชินของตัวเอง เวินเหลียงฟังอย่างตั้งใจ จูฝานเองก็แสดงความคิดเห็นของตัวเองด้วยถังซือซือไม่เข้าใจ จึงมาเดินถ่ายรูปเองอยู่ข้าง ๆ พร้อมเป็นนางแบบให้ของพวกเขาไปด้วยฟู่เจิงมองเวินเหลียงอย่างเดือดดาลสองที พลางไปดูวิวทิวทัศน์เป็นเพื่อนฟู่ซือฝานจุดชมวิวมีพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ที่อยู่ในกฎระเบียบกำลังขายขนมเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นเอย ของที่ระลึกเอย ฟู่ซือฝานสนใจเป็นอย่างมาก พอเห็นแผงลอยก็เป็นอัน
ห่างไปไม่ไกลนัก เวินเหลียงเอากล้องถ่ายรูปของเธอให้ฮั่วตงเฉิงดู ความรู้สึกสีและมุมของรูปในกล้องไม่เลวเลยทีเดียว ฮั่วตงเฉิงแสดงออกว่าชื่นชมในตัวเวินเหลียง แต่ก็เสนอความคิดเห็นของตัวเองไปด้วยเพียงแต่เวินเหลียงหามุมถ่ายอยู่หลายครั้งแล้ว ก็ยังถ่ายไม่ได้ผลลัพธ์ที่พอใจออกมาสักทีฉะนั้นฮั่วตงเฉิงจึงไปยืนข้างหลังเวินเหลียง แล้วใช้มือประคองมือเธอสอนหามุมที่ดีที่สุดมองไปจากมุมมองของฟู่เจิง ฮั่วตงเฉิงราวกับกำลังกอดเวินเหลียงไว้ในอ้อมอก ท่าทางสนิทสนมกันเป็นอย่างมากเขาหรี่ตาพลางเม้มริมฝีปากแน่น เส้นเลือดบนหน้าผากกระตุก ก่อนจะพาฟู่ซือฝานเดินสับเท้าไปทางทั้งสองคนขณะใกล้ถึงแล้ว ฮั่วตงเฉิงก็ปล่อยมือลง แล้วมายืนดูหน้าจอของกล้องถ่ายรูปด้านข้าง “เป็นยังไงบ้าง?”เวินเหลียงสังเกตและศึกษารูปภายในกล้องถ่ายรูปอย่างละเอียด พลางยิ้มแล้วมองฮั่วตงเฉิง ก่อนจะเอ่ยชื่นชมว่า “จริง ๆ ด้วย วิวเดียวกันแต่มุมนี้ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกับรูปเมื่อกี้นั่นเลย สมแล้วที่เป็นช่างถ่ายภาพชื่อดังระดับนานาชาติ!”ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ฮั่วตงเฉิงมองเห็นไปถึงผิวขาวผ่องเรียบเนียนละเอียดดุจแพรไหม แววตาดอกซิ่งกลมโตโค้งขึ้นด้านบ
เขารู้มาตลอดว่าเธอมีคนที่ชอบ จากปากของเธอ เขาถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเธอชอบคนคนนั้นมากแค่ไหน ถึงจงใจย้ำตั้งสองครั้งคนคนนั้นเป็นใครกันแน่!?เวินเหลียงจบปริญญาตรีด้วยการเป็นท็อปอันดับสอง หลังเรียนจบก็เข้าทำงานที่ฟู่ซื่อ กรุ๊ป ประวัติแบบนี้นับว่าดีสุด ๆ แล้ว ไหนจะบวกกับพื้นหลังของตระกูลฟู่ คบกับใครก็ไร้ซึ่งคำว่าไม่คู่ควร แต่ไม่คิดเลยว่าคนคนนั้นจะไม่ชอบเธอ?!ทว่าก็โชคดีที่คนคนนั้นตาบอด ไม่อยากนั้นเธอคงไม่ได้แต่งงานกับเขาฟู่เจิงราวกับกลืนเม็ดทรายลงไปในคอ เสียงเขาแหบพร่าไร้ที่เปรียบ “แล้วหลังจากนั้นล่ะ? เธอได้สารภาพรักกับเขาหรือเปล่า?”“เปล่า อันที่จริงตอนที่ฉันรู้จักเขา เขามีแฟนอยู่แล้วแถมยังรักกันมากด้วย...เพราะงั้นฉันเลยไม่เคยกล้าเปิดเผยอะไรต่อหน้าเขา...”ฟู่เจิงกำมือแน่น กำแน่นจนข้อกระดูกขาวซีดไปหมด ในใจราวกับถูกกระแสน้ำซัดเข้าใส่ ทั้งขมขื่นทั้งปวดใจและทั้งเจ็บช้ำ ขนาดโคนลิ้นยังรู้สึกเปรี้ยวฝาดไปหมดต้องทนเห็นคนคนนั้นกับแฟนของเขาพลอดรักกัน ในใจเวินเหลียงราวกับถูกมีดกรีด ทว่าทำได้เพียงเผยรอยยิ้มอย่างคล้อยตามไปด้วยออกมา ได้แต่ขดตัวเลียแผลของตัวเองอยู่ในมุมเงียบ ๆ คนเดียว ไม่แน่ว่า
ขณะที่เยี่ยนหวยส่งโทรศัพท์ของถังซือซือให้ถังซือซือ เธอไม่อยากรับด้วยซ้ำ ทว่าจนใจรอบข้างมีคนกำลังจับจ้องอยู่มากมาย เธอจึงทำเพียงยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์มา ก่อนจะเช็ดหน้าจอแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณ”“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย” ใบหน้าของเยี่ยนหวยแฝงรอยยิ้มชืด ๆ เอาไว้ ความแวววาวจากทองของแว่นกรอบทองสะดุดตาสุด ๆถังซือซือถามขึ้นอย่างเย็นชา “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”“ได้ยินว่าวิวของที่นี่ไม่เลวเลย ก็เลยมาผ่อนคลายอารมณ์ ไม่นึกว่าจะเจอเธอที่นี่พอดี”ถังซือซือมองเขาพร้อมความสงสัยทีหนึ่งเยี่ยนหวยหันหน้าไปมองขโมยที่ถูกคนผ่านไปผ่านมากดอยู่บนถนน ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรแจ้ง 191หลังวางสายเขาก็พูดว่า “อีกเดี๋ยวตำรวจจะมาถึงแล้ว รออยู่ที่นี่สักแป๊บก็แล้วกัน”เวินเหลียงรีบเดินมาหา “ถัง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ถังซือซือเอ่ย “ไม่เป็นไร พวกเธอไปเดินเล่นกันก่อนเถอะ เดี๋ยวตำรวจมาสอบปากคำเสร็จแล้ว ฉันค่อยไปหาพวกเธอ”“เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เวินเหลียงมองเยี่ยนหวยที่อยู่ข้างเธอทีหนึ่งถังซือซือกลอกตาขาว พร้อมชำเลืองมองฟู่เจิง “เขาบอกว่าจะมาผ่อนคลายอารมณ์ที่นี่ ใครจะไปรู้ได้ล่ะ!”ฟู่เจิงที่ถูกกระแนะกระแหน
ขณะที่ทั้งสองคนเดินผ่านไป เยี่ยนหวยแอบชำเลืองมองใบหน้าด้านข้างของฟู่เจิง จู่ ๆ ก็รู้สึกคุ้นหน้าอยู่หน่อย ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ความรู้สึกคุ้นหน้าประเภทนี้ ไม่ได้มาจากความคลับคล้ายคลับคลาของฟู่เจิงและฮั่วตงเฉิงแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนบางทีพวกเขาอาจมีวาสนาเคยได้พบกันครั้งหนึ่งตอนที่ฟู่เจิงไปทำงานที่ต่างประเทศก็ได้เยี่ยนหวยมองเงาเบื้องหลังของทั้งสองคนที่เดินจากไป ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจว่า “นั่นคือฟู่เจิงที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการใหญ่ของฟู่ซื่อ กรุ๊ปคนใหม่?”“อืม”“ฉันจำได้ว่าเหมือนพวกเขาจะหย่ากันแล้ว?”“หย่าแล้ว แต่จนใจฟู่เจิงดันเกาะติดหนึบ อย่างกับกอเอี๊ยะหนังหมาเหมือนคนบางคนไง” ถังซือซือเอ่ยขึ้นเบา ๆหลังจากนั้นเธอก็ไม่สนว่าสีหน้าของเยี่ยนหวยจะเป็นยังไง แต่เดินไปขอบคุณพี่ใหญ่ทั้งสองคนที่กำลังกดโจรเอาไว้เลย เสนอจะเลี้ยงข้าวพวกเขาหลังให้การเสร็จแล้วพี่ใหญ่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ต้องหรอกครับ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมว่านะ คุณควรเลี้ยงข้าวพ่อหนุ่มคนนั้นดีกว่า ถ้าไม่ได้เขาไม่แน่ว่าจะจับโจรได้จริง ๆ”ถังซือซือหันหน้าไปมองเยี่ยนหวยทีหนึ่ง ก่อนจะเ
เธอกัดฟัน “เลี้ยงก็เลี้ยง”หลังต่อสายติด ก็มีเสียงของเวินเหลียงแว่วดังมาจากปลายสาย “ถัง เธอเสร็จเรื่องหรือยัง? ตอนนี้เราอยู่ที่...”“อาเหลียง ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ ตอนนี้ฉันต้องเลี้ยงข้าวเจ้าคนแซ่เยี่ยน ไปกับเธอไม่ได้แล้ว เดี๋ยวกินข้าวเสร็จค่อยว่ากันนะ”เวินเหลียงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “สมควรแล้ว แต่ว่าเธอระวังตัวด้วยนะ มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉัน”“วางใจได้เลย”หลังวางสาย เวินเหลียงก็ยัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋ากางเกง และหยิบกล้องถ่ายรูปออกมา แล้วสั่งการฟู่เจิงกับฟู่ซือฝานที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร “ชิดกันอีกหน่อย...ใช่ แบบนี้แหละ ยิ้มหน่อย...เรียบร้อย!”ฟู่เจิงไม่ชอบถ่ายรูป แต่ฟู่ซือฝานอยากลากเขามาถ่ายรูปด้วยกันให้ได้เขาเดินมาตรวจดูรูปบนหน้าจอของกล้องกับเวินเหลียง ก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่คิดอะไรว่า “เมื่อกี้สายของคุณถังเหรอ?”“อืม เธอบอกว่าตอนนี้มาไม่ได้แล้ว” เวินเหลียงตั้งใจดูรูป แล้วตอบกลับไปลวก ๆ“แฟนเก่าเขาเป็นลูกครึ่งเหรอ?”เวินเหลียงประหลาดใจพลางเลิกคิ้วมองเขา “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ?”“ก็ไหนจะตาเอย โครงหน้าเอย”“ไม่เคยได้ยินถังพูดถึงนะ” เวินเหลียงเอ่ยฟู่เจิงอาจจะคาดเดาไปเองละมั้ง หน้
หลังสิ้นเสียง ทั้งสองคนก็มองหน้ากันทีหนึ่ง ถังซือซือเอ่ยปากก่อนว่า “ไม่ต้อง สั่งอาหารปกตินั่นแหละ ใช่ว่าฉันจะจ่ายไม่ไหวสักหน่อย”เยี่ยนหวยกระตุกยิ้มมุมปากทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเล็กน้อย “คุณถังใจกว้างจริง ๆ!”พูดจบเขาก็รับเมนูมาและเริ่มอ่านชื่ออาหารจานแล้วจานเล่าถังซือซือสัมผัสได้ นี่เยี่ยนหวยจงใจสั่งชุดใหญ่เพื่อแก้แค้นเธอ!เมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินออกไป เธอก็เอ่ยขึ้นอย่างทอดถอนใจว่า “เยี่ยนหวน นายเปลี่ยนไปแล้ว”เยี่ยนหวยเลิกคิ้ว “หืม?”“นายไม่ใช่แค่ขี้งก แต่ยังกินจุขึ้นด้วย ใช่ว่าตอนอยู่ต่างประเทศไม่มีปัญญากินข้าวหรอกนะ?”เยี่ยนหวยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย เข้าคู่กับแว่นตากรอบทอง ดูสุภาพเรียบร้อยสุด ๆ “สองสามวันก่อนเห็นเธอกินข้าวกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ที่ร้านอาหารฝรั่ง คู่นัดบอดของเธอเหรอ? หัวล้านสะท้อนแสงเชียว มองไปเหมือนอายุสี่ห้าสิบแล้ว หรือว่าเธอฝืนกินข้าวมื้อหนึ่งได้”พอพูดถึงนัดบอด ถังซือซือก็นึกถึงน้องชายเผียนอี[1]ที่วาบตัวออกมาคนนั้น ในใจเธอพลันหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบเธอตอบกลับทั้งเดือดดาลว่า “อย่างนาย เกรงว่าแม้แต่คู่นัดบอดก็ไม่มีละมั้ง?”เยี่ย
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง