ฟู่เจิงพาเวินเหลียงไปตรวจที่โรงพยาบาลระหว่างทางไป เวินเหลียงส่งไลน์หาถังซือซือข้อความหนึ่ง “ถังถัง เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันถูกเหยียบจนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้กำลังไปโรงพยาบาล เธอกลับไปรอฉันที่โรงแรมก็แล้วกัน”ถังซือซือส่งอิโมจิผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติมาตัวหนึ่งถัง “ฉันไม่เป็นอะไร”ถัง “แม่มันเถอะ ซาแซงพวกนี้อย่างกับพวกนอกรีต!”ถัง “เธอบาดเจ็บหนักหรือเปล่า?”ฮอตแอนด์คูล “ไม่หนัก ไม่ต้องเป็นห่วง”ถัง “เธอไปโรงพยาบาลเองคนเดียวเหรอ? ตอนนี้เธออยู่ไหน? เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนเธอเอง”เวินเหลียงมองฟู่เจิงที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับข้าง ๆ ทีหนึ่ง “ตอนนี้ฉันออกมาจากสนามบินแล้ว เธอกลับไปโรงแรมก่อนได้เลย”ผ่านไปสองสามวินาที ทันใดนั้นถังซือซือก็ตอบกลับมาว่า “อาเหลียง เมื่อกี้เหมือนฉันเห็นเงาของอีตามืดบอดฟู่ด้วย!”หัวใจของเวินเหลียงเต้นผิดจังหวะ เธอชำเลืองมองฟู่เจิงด้วยความกระวนกระวายใจ รู้สึกอย่างกับลอบเจอสามีคนเก่าแล้วถูกสามีคนปัจจุบันจับได้ว่าคบชู้อย่างนั้น “เธอคงมองผิดไปแล้วละมั้ง? เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”หลังส่งข้อความไป เวินเหลียงก็จ้องหน้าจอโทรศัพท์ อกสั่นขวัญแขวนสุด ๆ“ฉันอาจมองผิด
ฟู่เจิงหยิบยาทามาจากมือเธอด้วยใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟา เปิดกระปุกยาทา “ฉันช่วยใส่ยาให้เธอเอง เดี๋ยวใส่ยาเสร็จฉันก็ไป”เวินเหลียงยื่นมือไปลูบหน้าผาก “...”“ถ้าเธออยากจู๋จี๋กับฉันมากขึ้นอีกหน่อย จะนวดต่อก็ได้นะ” ฟู่เจิงพูดขึ้นมาแบบนี้เวินเหลียงจ้องฟู่เจิงเขม็งสองที นัยน์ตาคมราวกับมีดเธอจนปัญญา ได้แต่หยิบคัตตอนบัตออกมาวางบนโต๊ะกล่องหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ที่ฟู่เจิงนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอเลิกกระโปรงขึ้นจนถึงเข่าบนขาเล็ก ๆ ที่เดิมทีขาวผ่องไร้รอยขีดข่วนตอนนี้เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว และยังมีบางที่ที่ราวกับถูกรองเท้าส้นสูงเหยียบ ทิ้งรอยบุ๋มลึกเอาไว้ ตรงขอบเป็นแผลถลอกภายในดวงตาลึกซึ้งของฟู่เจิงมีอารมณ์อย่างหนึ่งกลอกไปกลอกมาอยู่ในนั้น มือใหญ่ ๆ ลูบไปบนขาเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียวของเวินเหลียงเบา ๆ “เจ็บไหม?”พูดตามตรงขอแค่ไม่กดก็ไม่เจ็บเพียงแต่มือของฟู่เจิงเบามาก เบาถึงขั้นที่ว่าอย่างกับขนนกพาดผ่านไป ทำเอารู้สึกคันยุบยิบ พาเวินเหลียงขนลุกซู่ไปทั้งตัว“รีบทายาให้มันเร็วหน่อยได้ไหม!”ฟู่เจิงหน้าคลำดำเขียว เขาบีบยาทาลงไปบนคัตตอนบัต แล้วแตะไปตรงที่มีรอยฟกช้ำ
“ฉันช่วยเธอ แต่เธอพูดขอบคุณแค่ประโยคเดียว จากนั้นก็ผลักไสไล่ส่งฉันเนี่ยนะ อาเหลียง เธอแน่ใจนะว่าจะถีบหัวส่งหลังเสร็จเรื่องกันแบบนี้?”เวินเหลียงหมดคำพูดไปสองสามวินาที “ก็คิดซะว่าฉันถีบหัวส่งหลังเสร็จเรื่องก็แล้วกัน คุณเองก็ไม่รักษาคำพูดเหมือนกันนี่ เคยบอกเอาไว้ดิบดีว่าจะไม่มาตามติดฉันต้อย ๆ อีก คุณอย่าบอกฉันว่าคุณมาทำงานนอกสถานที่ แล้วมาเจอที่สนามบินโดยบังเอิญนะ?”“ถ้าฉันไม่ตามเธอ ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเธอจะบาดเจ็บจนถึงขั้นไหน! เดี๋ยวก็กระเป๋าสตางค์หายบ้าง เดี๋ยวก็ได้รับบาดเจ็บบ้าง เธอจะให้ฉันวางใจได้ยังไง?”“พวกเราหย่ากันแล้วนะ เรื่องของฉันมันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณไม่ต้องมาสนใจก็ได้”“เธอ...”สีหน้าของฟู่เจิงพลันเคร่งขรึมลงทันที นัยน์ตาหมองคล้ำสีหน้าของเวินเหลียงซีดเผือด เธอถอยหลังก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณฟู่เจิงขยับเข้าไปใกล้ก้าวหนึ่ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย “เธอพูดประโยคเมื่อกี้อีกรอบสิ!”เวินเหลียงถอยหลังก้าวหนึ่งพร้อมทั้งนัยน์ตาเปล่งประกาย “พวกเราหย่ากันแล้ว เรื่องของฉันมันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณไม่ต้องมาสนใจก็ได้”น้ำเสียงสั่นเครือ ทำท่าอย่างไม่มั่นใจมากพอสีหน้าของฟู่เ
เมื่อเห็นเวินเหลียงและถังซือซือขึ้นมาบนรถบัส ภายในรถก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วก็ดังขึ้นต่อเวินเหลียงและถังซือซือเลือกที่นั่งแล้วนั่งลงข้างกันชายหนุ่มตรงที่นั่งด้านหน้ายิ้มแย้มพร้อมทั้งทักทายพวกเธอ “พี่สาวทั้งสองคน พวกพี่เป็นคนที่ไหนเหรอ? มาออสเตรเลียนี่มาทำงานหรือมาเที่ยวเหรอครับ?”เพื่อนที่นั่งข้างชายหนุ่มมองเวินเหลียงสองสามที ทว่าไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็หันหน้าไปคุณลุงที่อยู่หน้าชายหนุ่มเองก็เป็นมิตรเช่นเดียวกัน “ดูจากอายุของพวกเธอสองคนแล้ว ไม่เหมือนนักเรียน”ถังซือซือยิ้มพลางเอ่ยว่า “พวกเรามาที่นี่เพื่อมาเที่ยวค่ะ บ้านเดิมอยู่ที่เมืองเจียงเฉิง พวกนายล่ะ”เมื่อพูดถึงบ้านเดิม นักท่องเที่ยวที่อยู่ในรถก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที พร้อมทั้งรายงานมณฑลของตัวเอง ยอมรับว่าเป็นคนบ้านเดียวกันบ้าง หากไม่ใช่คนบ้านเดียวกันก็ตีสนิท อย่างเช่น “ผมมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนบ้านเดียวกับพวกคุณเลย...”หลังจากนั้นก็มีคนขึ้นมาบนรถอีกเจ็ดแปดคน ไกด์นำเที่ยวเช็กชื่อ ก่อนจะปิดประตูและออกเดินทางหลังรถเริ่มขับเคลื่อน ภายในห้องโดยสารเงียบลงไปมาก ที่ควรทำอะไรก็ทำอย่างนั้นไปบางคนก็พูดคุยกับเ
“นี่จะได้ยังไง? ถึงยังไงก็มาทำด้วยกันเถอะ” เวินเหลียงเอ่ยเธอถอดรองเท้าแตะออก จากนั้นก็นั่งลงไปบนชายหาด ปัด ๆ มือ ก่อนจะเริ่มเสียบชิ้นเนื้อและอาหารทะเลไกด์นำเที่ยวเตรียมแผ่นขนมปัง ผักกาดหอม หมูสามชั้นและไส้กรอกเป็นต้น ส่วนอาหารทะเลนั้นเพิ่งซื้อมาจากตำบลเล็ก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ สิ่งที่นำมาปิ้งย่างส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปลา กุ้งและหอยเชลล์หมูสามชั้นถูกตัดออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ต้องลงมือเสียบไม้ด้วยตนเอง อาหารทะเลก็เช่นกันได้ลงมือทำเองแถมมีอาหารหลากหลาย รับลมทะเลไปพลางพูดคุยกับนักท่องเที่ยวแปลกหน้าและเตรียมปิ้งย่างไปพลางบนชายหาด ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากจะลืมได้ลงเรื่องหนึ่งเช่นกันขณะที่กำลังพูดคุยกัน ชายหนุ่มก็บอกว่าเขาชื่อเฮ่อหมิง ส่วนเพื่อนของเขาชื่อว่าจางชวนเดิมทีกว่าจะรอเสียบหมูสามชั้นและอาหารทะเลเสร็จนั้นไม่ทันใจอยู่แล้ว เฮ่อหมิงจึงเสนอแนะขึ้นว่า “พี่ครับ ผมว่าแบบนี้มันค่อนข้างช้า ไม่งั้นเสียบไม้ไปปิ้งไปดีไหมครับ?”“ได้สิ”“งั้นพวกพี่เสียบไม้ไป เดี๋ยวผมย่างเอง พวกพี่ชอบกินอะไร ก็เสียบมาให้เยอะหน่อย เดี๋ยวผมย่างให้พวกพี่กินเอง” เฮ่อหมิงฉีกยิ้มพลางพูด จนเผยฟันขาวเร
“ไม่ใช่ ก็ฉันเห็นว่าเจ้าเฮ่อหมิงนี่ก็ดูจะมีใจให้เธอ อาเหลียง เธอดูสิ หลังจากหย่า ดวงเรื่องความรักของเธอก็รุ่งพุ่งแรงสุด ๆ!”เวินเหลียงลูบหว่างคิ้ว “ไม่ว่าจะเป็นใคร ตอนนี้ฉันก็ไม่มีกะจิตกะใจมาคิดพรรค์นี้”“เอาเถอะ” ถังซือซือถอนหายใจ “สลัดทิ้งไปตามอำเภอใจไม่รู้จักหวงแหนบ้างเลย”“ถ้าเธอรู้สึกเสียดาย ไม่งั้นเธอก็ลุยเอง?”“ฉันก็อยากลุยอยู่หรอก แต่คนที่พวกเขาชอบดันไม่ใช่ฉันน่ะสิ”“ถ้าเธอคิดผิดล่ะ?”“ไม่มีทาง เขาดูปฏิบัติกับเราเหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่พูดคุยจะเอาแต่มองเธอ”เวินเหลียง “...”“จริงสิ ตอนนี้เธอได้ติดต่อกับเมิ่งเซ่อบ้างหรือเปล่า?”“ไมค่อยเท่าไร”เมิ่งเซ่อมักจะทักมาชวนเธอคุย แต่เธอตอบกลับน้อยมาก หากไม่ใช่เพราะเมิ่งเซ่อเป็นคนเมืองเจียงเฉินเหมือนกัน และต่อไปอาจได้เจอกันอีก ไม่แน่ว่าเธออาจลบคอนแท็กต์ของเมิ่งเซ่อทิ้งไปแล้ว“ดูสิ บนท้องฟ้ามีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่ง!” จู่ ๆ นักท่องเที่ยวคนหนึ่งก็ชี้ไปบนท้องฟ้าพลางเอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึงฉะนั้นนักท่องเที่ยวทุกคนจึงพากันมองขึ้นไปจากนอกหน้าต่าง เห็นว่าบนท้องฟ้าไม่ไกลมีเฮลิคอปเตอร์อยู่ลำหนึ่งจริง ๆ กำลังบินอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลไกด์นำเที่
เมื่อกลับจากประภาคารไปถึงยังพื้นที่ตั้งแคมป์ในป่า ไกด์นำเที่ยวได้เคลียร์พื้นที่หนึ่งกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมก่อกองไฟเวินเหลียงและถังซือซือพกข้าวกล่องอุ่นร้อนด้วยตัวเองมาด้วย เครื่องเคียงเป็นเนื้อแดดเดียว กินคู่กับของย่างเสียบไม้ อยู่กลางแจ้งแต่มีของเหล่านี้ได้ ก็เป็นที่น่าพอใจมากแล้วเฮ่อหมิงช่วยไกด์นำเที่ยวจัดสรรอาหาร“พี่สาวทั้งสอง นี่กาแฟของพวกพี่ครับ” เฮ่อหมิงยกแก้วกระดาษมาสองใบ ให้เวินเหลียงและถังซือซือคนละใบ “ถ้าดื่มไม่พอไปเอาทางนั้นได้นะครับ”“โอเค ขอบคุณนะ” เวินเหลียงรับมาแล้วจิบอึกหนึ่ง ก่อนจะวางไว้ข้าง ๆนัยน์ตาของเฮ่อหมิงประกายแสงดำมืดสายหนึ่งจางชวนมีอาการปวดประสาทเล็กน้อย ออกจากบ้านต้องพกยานอนหลับมาด้วย ไม่นึกเลยว่าหลังออกมาท่องเที่ยวแล้วอาการนอนไม่หลับจะดีวันดีคืน เขายังพูดว่าพกยานอนหลับมาเสียเปล่าแล้วนี่ก็ได้ใช้แล้วไม่ใช่เหรอ?หลังกินข้าวมื้อค่ำเสร็จ มือของเวินเหลียงก็ถือกาแฟพลางจิบไปด้วยไกด์นำเที่ยวหิ้วเบียร์ลงมาจากรถสองสามกระป๋อง จากนั้นก็ถามเหล่านักท่องเที่ยวที่อยู่ข้างกองไฟว่า “ตรงนี้มีเบียร์ มีใครอยากได้เบียร์ไหมครับ?”คนที่อยา
เมื่อเห็นเวินเหลียงหลับสนิท เฮ่อหมิงก็ยื่นมือไปถอดเสื้อผ้าของเวินเหลียงออกอย่างระมัดระวังเขาเองก็เพิ่งจะเคยทำเรื่องพรรค์นี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน สองมือสั่นเทาไม่หยุด“ร้อนจัง...”เวินเหลียงส่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา เธอยกมือขึ้นไปเช็ดตรงหน้าผาก ทว่าบนหน้าผากไม่มีเหงื่อเลยสักหยดครั้นไม่สามารถขจัดความรุ่มร้อนภายในร่างกายออกไปได้ จึงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมากเฮ่อหมิงสั่นไปทั้งเนื้อตัว กลัวว่าจะทำให้เวินเหลียงตกใจจนสะดุ้งตื่น เขาจึงไม่กล้ากระดุกกระดิกยาออกฤทธิ์แล้วเหรอ?ที่อ่าวอะพอลโลมีตำบลเล็ก ๆ อยู่ตำบลหนึ่ง มีคนที่มาท่องเที่ยวที่นี่มากมาย ในตำบลเล็ก ๆ เองก็เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก บางทีอาจเป็นเพราะมีคู่รักมาท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ และอาจเป็นเพราะในต่างประเทศแนวคิดค่อนข้างเปิดกว้าง กระทั่งยังมีร้านขายของเล่นผู้ใหญ่ร้านหนึ่ง หลังเขากลับมาจากประภาคาร ก็ไปมาเที่ยวหนึ่ง...ขณะเวินเหลียงชักมือกลับ ดันไปแตะแขนของเฮ่อหมิงโดยไม่ได้ตั้งใจเข้า ความเย็นสายหนึ่งวาบขึ้นมาในหัวของเธอมึนงงไม่สามารถแบ่งได้อย่างชัดเจน เบลอไปหมด เธออดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปควานหาแหล่งที่มาของความเย็น