หญิงสาวก้มหน้าเล็กน้อย ก่อนจะยกนิ้วเรียวดุจหยกถอดแว่นกันแดดออกมาครึ่งหนึ่ง ริมฝีปากแดงเผยอ แล้วพูดออกมาโดยใช้ภาษาอังกฤษว่า “ฉันรู้ ที่นั่งของฉันอยู่ริมทางเดิน แต่ฉันไม่อยากนั่ง พวกเรามาแลกกัน คุณอยากได้เท่าไร?”เวินเหลียงเลิกคิ้ว “ขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่อยากแลกกับคุณ”หญิงสาวชำเลืองมองเธอทีหนึ่ง นัยน์ตาตกไปที่กระเป๋าในมือของเวินเหลียง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยการเย้ยหยันรอยยิ้มหนึ่ง “กระเป๋าใบนี้ของเธออย่างมากก็ไม่เกินสองหมื่นห้า ฉันชดใช้ให้คุณสองหมื่นห้าเป็นยังไง? อย่าลืมสิ ราคาตั๋วที่นั่งพวกนี้ก็เท่ากันหมด สองหมื่นห้านี่ก็เท่ากับคุณได้ไปฟรี ๆ เลยนะ”เวินเหลียงมองตามสายตาของเธอ ก่อนจะเขย่ากระเป๋าตัวเอง “แค่สามพันห้าเอง แต่ฉันบอกไปแล้วไง ว่าฉันไม่แลกกับคุณหรอก”นัยน์ตาของหญิงสาวประกายการเหยียดหยามออกมาคนแบบนี้เธอเคยเห็นมาเยอะ ได้เงินเดือนน้อยนิด เก็บอยู่สองสามปี ใช้เงินอย่างตระหนี่ถี่เหนียว ท้ายที่สุดก็เอาเงินเก็บออกมาใช้ไปเที่ยวก้อนหนึ่ง ถ่ายรูปสวย ๆ แสร้งทำเป็นสวยเพอร์เฟกต์“งั้นคุณอยากได้เท่าไร ห้าหมื่น?”“เท่าไรก็ไม่แลกทั้งนั้น!”เห็นเวินเหลียงยังไม่ยอมแลกอีก สีหน้าของหญ
สีหน้าของเธอราบเรียบ ทว่าในใจตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ขนาดมือยังดูดีขนาดนั้น!เธอไม่ได้เจอผู้ชายที่โดนใจขนาดนี้มานานมากแล้ว!!ถ้าพลาดไป ไม่รู้จะไปหาได้จากที่ไหนอีก!เครื่องบินเทคออฟ กระทั่งลอยอยู่กลางอากาศในระดับความสูง เครื่องบินก็นิ่งลงหญิงสาวควบคุมไม่อยู่ ข้อศอกซึ่งพาดอยู่บนที่เท้าแขนไปถูกตัวชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ เธอรีบพูดสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษว่า “ขอโทษนะคะ”“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มเองก็ใช้ภาษาอังกฤษตอบกลับเช่นกัน น้ำเสียงเคร่งขรึมเป็นอย่างมากในใจของหญิงสาวลิงโลด แม้แต่น้ำเสียงยังไพเราะเสนาะหูขนาดนั้นเธอรีบตีสนิทต่อ “คุณจะไปไหนเหรอคะ?”“ซิดนีย์” ฟู่เจิงเปิดหน้านิตยสารเขารู้ว่าเวินเหลียงอยู่บนเที่ยวบินนี้ ทว่าเวินเหลียงไม่รู้ว่าเขาอยู่ด้วยอันที่จริงหลังเวินเหลียงออกไปวันนั้น เดิมทีเขาไม่ได้ขึ้นเครื่องบินออกไปยัยเด็กโง่นี่ ก็ยังใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนอย่างเคย ไม่นึกเลยว่าจะไม่ยอมดูเขาขึ้นเครื่องบินไปกับตาตัวเองก่อน!ลู่เย่ากลับประเทศไปแล้ว เขาอยู่ข้างกายเวินเหลียงเพียงลำพัง ปิดบังสถานที่พักระหว่างเดินเดินทางนั้นเป็นเรื่องง่ายดายหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง
เวินเหลียงตื่นมาตอนเย็น อาการเจ็ตแล็กดีขึ้นมากแล้ว จึงเรียกถังซือซือไปกินข้าวที่ร้านอาหารด้วยกันหลังกินข้าวมื้อค่ำเสร็จ ถังซือซือก็เสนอให้ไปเดินเล่นข้างนอกรอบข้างมีผู้คนพลุกพล่าน ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยว ถ่ายรูปกันอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเวินเหลียงและถังซือซือยืนอยู่ข้างท่าเรือ ลมทะเลเย็นสดชื่นพัดเข้ามาปะทะหน้า เย็นสบายเป็นอย่างมากแสงไฟสว่างไสว สะท้อนไปบนผิวน้ำทะเล เปล่งประกายระยิบระยับ แสงจันทร์สีทองกระเพื่อมไปมา งดงามเป็นอย่างยิ่งเวินเหลียงและถังซือซือถ่ายรูปกันอยู่ที่นี่สองสามรูป ทว่าเวินเหลียงมักรู้สึกเหมือนเบื้องหลังมีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองพวกเธออยู่แต่เมื่อเธอมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นมีใครจากนั้นพวกเธอทั้งสองคนก็เดินวนรอบโรงละครโอเปร่าซิดนีย์รอบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปยังโรงแรมอีกสองวันโจวอวี่ถึงจะมาสมทบ สองวันก่อนหน้ามีเพียงเวินเหลียงและถังซือซือเข้าวันที่สามเวินเหลียงและถังซือซือไปยังควีนวิกทอเรียบิลดิงควีนวิกทอเรียบิลดิงเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดของซิดนีย์ตัวอาคารมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นรูปทรงโดมแก้ว มีบันไดแบบวน ทุกที่ล้วนมีกลิ่นอายของความค
ตอนเที่ยงของวันต่อมา เวินเหลียงและถังซือซือเดินช็อปปิงกันจนเหนื่อย จึงไปกินข้าวในร้านอาหารแห่งหนึ่งระหว่างรอร้านอาหารเสิร์ฟอาหาร เวินเหลียงก็ไถโทรศัพท์ แล้วพูดขึ้นด้วยความสงสัยว่า “โจวอวี่ยังไม่ถึงอีกเหรอ? ทำไมไม่เห็นมีข้อความอะไรเลย?”ตามข้อมูลเที่ยวบินที่โจวอวี่ส่งให้ เช้าวันนี้ควรมาถึงซิดนีย์แล้วถังซือซือชำเลืองมองด้านหลังเวินเหลียงทีหนึ่ง นัยน์ตาประกายรอยยิ้มออกมาแวบหนึ่ง “อาจจะดีเลย์ละมั้ง รออีกสักเดี๋ยวก็แล้วกัน”“งั้นก็รออีกสักเดี๋ยวก็แล้วกัน”และในจังหวะนี้เอง จู่ ๆ ตรงหน้าเวินเหลียงก็มืดไปมีมือใหญ่ ๆ คู่หนึ่งมาปิดอยู่ที่ตาทั้งสองข้างของเธอ!เวินเหลียงจับมือทั้งสองตรงหน้าเอาไว้ตามสัญชาตญาณเจ้าของมือใหญ่คู่นั้นกดเสียงต่ำ “ทายสิว่าฉันคือใคร?! ถ้าทายถูกมีของขวัญให้ด้วยนะ!”เมื่อได้ยินเสียงนี้ เวินเหลียงก็รู้ในทันที ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “โจวอวี่ นายยังเป็นเด็กอยู่เหรอ?!”โจวอวี่ปล่อยเวินเหลียง พลางหัวเสียเล็กน้อย “มันชัดขนาดนี้เลยเหรอ?”“แน่นอนว่าชัดสุด ๆ! นายอยากนั่งฝั่งไหน?” เวินเหลียงถามข้างเธอและถังซือซือล้วนมีเก้าอี้ว่างอยู่หนึ่งตัว“นั่งตรงนี้ก็แล้วกัน”
เนื่องด้วยเหตุนี้ เธอถึงไม่เคยใส่เครื่องประดับพวกนั้นเลย“พวกเธอชอบก็ดี”“ได้เป็นของใช้คู่กับเพื่อนสนิทพอดีเลย พรุ่งนี้เอามาใส่กันนะ” ถังซือซือรับกล่องมา จากนั้นก็พูดเตือนขึ้นว่า “คุณยังไม่รีบดูของขวัญที่อาเหลียงให้คุณอีกเหรอ? เมื่อวานตอนซื้อของเจอคนประสาทด้วย โชคดีที่ร้านรู้เหตุรู้ผล”โจวอวี่หยิบกล่องบนโต๊ะขึ้นมา พร้อมทั้งมองประเมินรูปร่างหน้าตา “นี่น่าจะเป็นนาฬิกาข้อมือใช่ไหม ช่วงนี้ฉันกำลังขาดนาฬิกาข้อมือพอดีเลย”พูดไปโจวอวี่ก็พลางเปิดกล่องออก นาฬิกาไขลานด้านในดูประณีตทว่าไม่ได้หรูหราจนเกินไป มีความรู้สึกเรียบโก้อย่างหนึ่ง“ว้าว อาเหลียง สายตาเธอไม่เลวเลยจริง ๆ! นาฬิกาข้อมือเรือนนี้ฉันชอบมาก รีบใส่ให้ฉันเร็วเข้าสิ”โจวอวี่ยัดนาฬิกาข้อมือไปในมือของเวินเหลียง จากนั้นก็วางข้อมือของตนไว้บนโต๊ะเวินเหลียงหยิบนาฬิกาข้อมือขึ้นมา ก่อนจะใส่ไปบนข้อมือของโจวอวี่เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย ที่จอนหูมีผมร่วงหล่นลงมามองไปจากมุมของโจวอวี่ ขนตาของเธอทั้งดำขลับและทั้งยาว ราวกับพัดอันน้อย ๆ สองเล่ม เปล่งแสงแวววับ ผิวบนหน้าของเธอทั้งขาวและทั้งละเอียด ราวกับไข่ที่ปอกเปลือกแล้ว กระทั่งเขามองเห็นรูขุม
“ถ้าฉันไม่ได้มาด้วย วันนี้พวกเธอแพลนจะไปไหนกันเหรอ?” โจวอวี่รับเครื่องเคียงที่พนักงานนำมาเสิร์ฟไปวางไว้ตรงขอบโต๊ะ“ไปนั่งเรือข้ามฟากน่ะ ได้ยินมาว่าถ่ายรูปโรงละครโอเปร่ากับสะพานฮาร์เบอร์บนเรือจะยิ่งสวยขึ้นไปอีก” เวินเหลียงคีบปลาย่างมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะเอาก้างออกแล้วใส่เข้าไปในปาก สัมผัสกรอบนอกนุ่มใน“งั้นก็ไปนั่งเรือข้ามฟากกันเถอะ ฉันแล้วแต่พวกเธอเลย” โจวอวี่เห็นว่าในแก้วของเวินเหลียงน้ำหมดเกลี้ยงจนมองเห็นก้นแล้ว จึงถามขึ้นว่า “เธออยากได้สไปรท์ไหม? เดี๋ยวฉันไปเอาให้เธอแก้วหนึ่งเอง”“อืม” เวินเหลียงใส่เห็ดเข็มทองสองชิ้นลงไปในซุปที่เดือดปุด ๆ“เรียบร้อยแล้ว” โจวอวี่วางแก้วกลับไปตรงหน้าเวินเหลียง แล้วนั่งลง“ขอบคุณนะ”“สองสามวันมานี้พวกเธอคงเที่ยวในซิดนีย์กันเกือบครบแล้วใช่ไหม? ต่อไปแพลนจะไปไหนล่ะ?”“อันที่จริงตอนแรกพรุ่งนี้พวกเราจะไปเมลเบิร์นกัน แต่วันนี้นายเพิ่งมาถึง นายยังไม่ได้เที่ยวในซิดนีย์เลย...”“ไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้ตอนฉันมาประชาสัมพันธ์ที่ซิดนีย์ เคยเที่ยวเล่นที่นี่แล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเมลเบิร์นเลยก็แล้วกัน” โจวอวี่เอ่ย“งั้นก็ได้”ฟู่เจิงที่อยู่ร้านกาแฟฝ่ายตรงข้ามเห็นโจวอวี่
โจวอวี่คนนี้มันช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆ!“อาเหลียง เธอยิ้มหน่อย โพสต์ท่าหน่อย”การโพสต์ท่าของเวินเหลียงค่อนข้างกร่อย เธอทำแต่ท่าฉีกยิ้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วก็ชูสองนิ้วไว้ข้างแก้ม“โอเค! ถ่ายเสร็จแล้ว พวกเธอดูเอาละกันว่าเป็นไงบ้าง?”ถังซือซือเขย่าโทรศัพท์ เวินเหลียงและโจวอวี่วิ่งล้อมเข้ามาดูผู้หญิงที่อยู่ในรูปภาพมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก รอยยิ้มสดใสสวยงาม จิตใจสงบผู้ชายในรูปหน้าตาหล่อเหลา ยิ้มจนราวกับพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง เผยฟันขาวที่เรียงตัวสวยออกมาทั้งปากเบื้องหลังของพวกเขาเป็นน้ำทะเลสีครามเข้ม สิ่งที่อยู่ไกล ๆ ทางซ้ายคือโรงละครโอเปร่าซิดนีย์อันงดงาม ส่วนทางขวาเป็นสะพานฮาร์เบอร์อันยิ่งใหญ่คนและวิวขับกันให้เด่นยิ่งขึ้นไปอีก ดีเลิศสมบูรณ์แบบ ทำเอาไม่รู้จะมองไปทางไหนดีโจวอวี่พยักหน้าอย่างพอใจ “ขอบคุณมากนะครับ ถ่ายได้สวยมาก พวกคุณอยากถ่ายรูปไหม? ผมช่วยถ่ายให้พวกคุณได้นะ”“เยี่ยมเลยค่ะ!” ถังซือซือลากเวินเหลียงไปข้างราวบันได พร้อมโพสต์ท่าเมื่อเทียบการโพสต์ท่าระหว่างเวินเหลียงกับโจวอวี่และถังซือซือกับเวินเหลียง สองคนหลังเปลี่ยนท่าโพสต์มากกว่า และคนที่เปลี่ยนท่าโพสต์มากที่สุดก็คือถังซื
วันต่อมา พวกเวินเหลียงทั้งสามคนก็นั่งเครื่องบินไปยังเมลเบิร์นเที่ยวเล่นกันจนดึกถึงได้หาร้านอาหารกินข้าวในขณะที่กำลังกินข้าวกันอยู่นี้เอง โจวอวี่ก็ได้รับข้อความจากผู้จัดการส่วนตัว“โจวอวี่ แพลนเที่ยวของนายคงล่มแล้ว อีกสองวันซีรีส์เรื่องความรักในฤดูร้อนจะเปิดกล้องแล้ว นายรีบกลับประเทศด่วน”ขณะที่เห็นข้อความนี้ ในหัวของโจวอวี่ก็เต็มไปด้วยความฉงนเขาขยี้ตาตัวเอง เช็กให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มองผิด “พี่หู่ พี่ไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหม? ความรักในฤดูร้อนเปิดกล้องหลังปีใหม่ไม่ใช่เหรอ?”“เมื่อกี้เพิ่งจะแจ้งลงในกลุ่ม ว่าขยับเวลามาถ่ายก่อนกำหนดน่ะ”เดิมทีแล้วโจวอวี่รับไม่ได้เลย “ทำไมถึงได้กะทันหันแบบนี้?”“เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวเลย พรุ่งนี้นายกลับประเทศมาเลยก็แล้วกัน ฉันจะให้ผู้ช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้นาย ถ้ากลับมาไม่ทันพิธีบวงสรวงเปิดกล้อง สื่อพวกนั้นได้เริ่มเดานั่นเดานี่ไปเรื่อยแน่”เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้ตนต้องกลับไปแล้ว หัวใจของโจวอวี่ก็แหลกสลายไปทั้งดวง เขาถามขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “ลาหยุดได้ไหม?”“นายคิดว่าไงล่ะ?”บทบาทสมทบอื่น ๆ ยังพอเข้ากองถ่ายช้าไ