เมื่อฟู่เจิงนึกถึงเรื่องที่ทำให้เขาหัวหมุน ก็ยิ่งดื่มถี่ขึ้นแก้วแล้วแก้วเล่าเจียงมู่ “…”พูดไปพูดมาเขาก็พูดกับฟู่เจิงว่าจะดื่มเป็นเพื่อน!เจียงมู่โน้มน้าวไม่ได้ผล เห็นฟู่เจิงดื่มไปไม่น้อยแล้ว เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะต่อสายโทรออกไปยังเบอร์ของเวินเหลียงเวินเหลียงในตอนนี้ อยู่ในอาคารผู้โดยสารขาออกที่สนามบินออสโล กำลังรอขึ้นเครื่องบินไปยังทรอมโซเธอเห็นสายโทรเข้าของเจียงมู่ ก็มองถังซือซือและจูฝานทีหนึ่ง ก่อนจะลุกไปรับสายที่ข้างหน้าต่าง“ฮัลโหล เจียงมู่? มีเรื่องอะไรเหรอ?”“อาเจิงกำลังดื่มเหล้าอยู่”เมื่อได้ยินชื่อของคนคนนั้น หัวใจของเวินเหลียงก็เต้นผิดจังหวะ “หมายความว่าอะไรยังไง?”เขาดื่มเหล้าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอไม่ทราบ?“เขาเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ยังต้องกินยาต่อ จะดื่มเหล้าไม่ได้ ฉันโน้มน้าวเขาไม่ได้ผล”“คุณจะให้ฉันไปโน้มน้าวเขางั้นเหรอ? แม้แต่คุณยังโน้มน้าวเขาไม่ได้ ฉันคิดว่าฉันยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เขาคงไม่ฟังฉันหรอก”“อย่าเพิ่งพูดเรื่องจะได้ผลหรือเปล่า อย่างน้อยก็ลองดูก่อน ที่เขาต้องได้รับบาดเจ็บร้ายแรงขนาดนั้นก็เพื่อช่วยเธอ เธอคงไม่อยากเห็นอาการเสียใจของเขากำเริบ
เวินเหลียงวางสายแล้วกลับไปยังที่นั่งถังซือซือเห็นเวินเหลียงดูหดหู่เล็กน้อย จึงถามเปรยขึ้นว่า “เมื่อกี้สายของใครเหรอ?”“เพื่อนคนหนึ่งน่ะ” เวินเหลียงกัดริมฝีปากล่าง“หึ เธอมีเพื่อนกี่คนฉันไม่รู้หรือไง เพื่อนที่เธอพูดถึงคงไม่ใช่อีตามืดบอดฟู่หรอกนะ?”เวินเหลียง “...”ถังซือซือเห็นว่าตัวเองทายถูก ก็พูดแซะขึ้นมาทันที “เขายังจะโทรมาทำไมอีก? ตอแยเธอ? อาเหลียง เธออย่าใจอ่อนยกโทษให้เขาเชียวนะ!”“ไม่มีทาง” เวินเหลียงเอ่ยขึ้นอย่างแน่วแน่ “เมื่อกี้เพื่อนของเขาโทรมา บอกว่าเขากำลังดื่มเหล้าอยู่ ให้ฉันไปโน้มน้าวหน่อย เขาได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยฉัน ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้”จูฝานพูดขึ้น “ฉันเชื่อว่าอาเหลียงคงไม่เลอะเลือนขนาดนั้นหรอก แต่แค่ตอนนี้ต้องให้เวลาเธอเดินออกมาหน่อย”ผ่านไปสองชั่วโมง พวกเวินเหลียงทั้งสามคนก็มาถึงทรอมโซออกมาจากสนามบิน พวกเธอก็นั่งรถเมล์ไปโรงแรมมองไปนอกรถเมล์ สองข้างถนนยังถูกปกคลุมไปด้วยรอยหิมะชั้นหนึ่งโรงแรมที่ถังซือซือจองเอาไว้คือออโรร่าครีโอล“ฉันเห็นในคำแนะนำบอกว่าโรงแรมนี้อยู่ติดกับท่าเรือ วิวดีมาก ๆ แถมชั้นดาดฟ้ายังมีออนเซ็นกลางแจ้งด้วย ถึงเวลานั้นจะได้ไป
พูดจบ เขาก็ออกไปอย่างดีอกดีใจมองเงาเบื้องหลังของเขา ถังซือซือก็ฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา แล้วพูดกับเวินเหลียงว่า “ดูท่าพวกเราจะมีวาสนาต่อกันจริง ๆ แบบนี้พบเจอกันได้ทั้งนั้น”เวินเหลียงยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรเธอรู้ว่าถังซือซือหมายความว่าอะไร แต่เธอไม่ได้คิดอะไรกับเมิ่งเซ่อจริง ๆกินข้าวเสร็จ พวกเขาก็กลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัยที่ห้อง จากนั้นก็ไปรวมตัวกับพวกเมิ่งเซ่อเขาที่โถงด้านล่างของโรงแรม และไปลานสกีด้วยกันคฤหาสน์ย่านซิงเหอวานฟู่เจิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา หลังเกิดอาการเมาค้างหัวเหมือนจะระเบิดออกมาอย่างนั้นเขาหลับตาลงอย่างสุดจะทนพลางยื่นมือออกไปลูบขมับข้างหูมีเสียงกรนครอก ๆ แว่วดังขึ้นมากระทั่งอาการปวดที่หัวเริ่มทุเลาลงมาบ้างแล้ว ฟู่เจิงถึงได้ลืมตาขึ้นมา ในมือลูบปุ๊กลุกที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ พร้อมทั้งมองเพดานอย่างเหม่อลอยเขาฝันว่าเวินเหลียงโทรมาหาเขา เป็นห่วงเขานัยน์ตาของฟู่เจิงประกายความขมขื่นออกมาสายหนึ่งก็มีแต่ในความฝันเท่านั้น ที่เธอจะทำกับเขาแบบนี้มีแต่ในความฝันเท่านั้น เขาถึงคลายความตรอมใจได้เขาคิดถึงเธอมากเหลือเกินคิดถึงจนจะเป็นบ้า คิดถึงจนกระทั่งหลับตาในหัว
“เรื่องนี้มีหลายจุดที่น่าสงสัย จุดแรกคือ คุณผู้หญิงมีเพื่อนสนิทอยู่ทางนั้นคนหนึ่ง ต่อมาหลังจากคุณผู้หญิงกลับประเทศ เพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงคนนี้ติดต่อคุณผู้หญิงมา แต่คุณผู้หญิงทำเหมือนไม่รู้จักเธอ เย็นชาใส่เธอมาก ๆ”“จุดที่สอง คนของฉันหาประวัติการคลอดของคุณผู้หญิงตามโรงพยาบาล ตามคลินิกทุกแห่งทางนั้น รวมถึงเมืองใกล้เคียงไม่เจอเลย ถ้าไม่ไปเมืองที่ไกลกว่านี้ ก็ถูกคนจงใจลบไปแล้ว”“อีกจุดหนึ่งคือ คุณผู้หญิงลาป่วยเป็นเวลานานขนาดนี้ต้องมีลงในใบทรานสคริปแล้ว แต่หลังจากคุณผู้หญิงกลับประเทศก็จัดการโอนหน่วยกิต และกลับกันแต่ละวิชาก็คะแนนยอดเยี่ยมมาก ไม่มีอะไรน่าแปลกเลย”สิ้นเสียงเลขาหยาง ฟู่เจิงก็ไม่ได้โต้ตอบกลับอยู่นานสองนานกระทั่งเลขาหยางเริ่มรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย ก่อนจะเรียกเตือนสติว่า “ประธานฟู่?”“สืบต่อไป นอกจากนี้ผมไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้”“เข้าใจแล้วค่ะ”พอฟู่เจิงวางสาย เขาก็โยนโทรศัพท์ไปบนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะยื่นมือไปเล่นปุ๊กลุกสองทีปุ๊กลุกยังไม่รู้ประสีประสาเท่าไร มันกอดนิ้วของฟู่เจิงเอาไว้ จากนั้นก็ใช้ฟันน้ำนมน้อย ๆ แทะสุดแรง สำหรับฟู่เจิงแล้วกลับไม่ต่างอะไรกับอาการจั๊กจี้เลย
ลู่เย่าพูดอีกว่า “ได้ยินว่าวิธีที่ดีที่สุดในการเดินออกจากความสัมพันธ์หนึ่งก็คือเข้าสู่ความสัมพันธ์ใหม่ ผมว่าคุณเวินคงตัดสินใจแล้ว!”ฟู่เจิงกัดฟันดังกรอด ๆ ในใจก็เดือดปุด ๆ ไปในขณะเดียวกัน พร้อมทั้งมีความปวดจี๊ดใจพองขึ้นมาอีกเล็กน้อยความเปรี้ยวและฝืดประเภทนั้นเอ่อขึ้นมาตรงคอเขา ทำให้ในปากของเขาผุดความขมและความเปรี้ยวขึ้นมาเธอเริ่มก้าวไปข้างหน้าแล้วมีแต่เขาที่ยังติดอยู่ที่เดิม คอยมองเงาเบื้องหลังเธอตาไม่กะพริบ หวังว่าเธอจะหันหลังกลับมาเพียงแต่เธอผิดหวังกับเขาเหลือเกิน คงไม่หันกลับมาแล้วทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอคงไม่มีวันอภัยให้เขา แต่ฟู่เจิงก็ยังไม่ยอมละเลิกเขาตอบกลับลู่เย่าไปว่า “พยายามคิดหาวิธีขวางพวกเขาเอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม! ฉันจะไปนอเวย์เดี๋ยวนี้!”ไอ้เด็กคนนั้นกล้ามาแตะต้องเวินเหลียง เขาจะต้องให้ไอ้เด็กคนนั้นชดใช้!ลู่เย่าตอบมาอย่างรวดเร็ว “โอเค”ลู่เย่า “ผมจะให้คนช่วยคุณถ่วงเวลาเอาไว้ คุณก็รีบมาเร็วเข้าล่ะ”ทันใดนั้นฟู่เจิงก็ต่อสายไปหาเลขาหยางทันที “ช่วยจองตั๋วไปทรอมโซให้ผมหนึ่งใบ ขอเร็วที่สุด!”“ได้ค่ะ”สำหรับผลลัพธ์แบบนี้นั้น เลขาหยางไม่แปลกใจเลยเที
เพียงแต่เวินเหลียงยังไม่ค่อยชำนาญมากนัก ขณะที่สไลด์ลงมาจากเนินหิมะเธอล้มคะมำไปทีหนึ่ง ผ่านไปนานสองนานก็ยังตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาไม่ได้ดีที่เมิ่งเซ่ออยู่ใกล้ ๆ พอดี เขาสไลด์มาประคองเวินเหลียงให้ลุกขึ้นเวินเหลียงยันตัวขึ้นจากไม้ค้ำเล่นสกี ก่อนจะปัดเกล็ดหิมะที่อยู่บนดวงตาออก แล้วพูดกับเมิ่งเซ่อว่า “ขอบคุณมาก ๆ นะ”เมิ่งเซ่อยิ้มอย่างเขินอาย “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ คือว่า...พี่ครับ ผมขอแอดไลน์พี่ได้ไหมครับ?”กลัวว่าเวินเหลียงจะไม่ยอมให้ เขาจึงรีบอธิบายขึ้นอีกว่า “ผมอยากโอนค่าซักแห้งให้พี่น่ะครับ”เวินเหลียงตอบ “ได้สิ กลับไปฉันให้ถังถังส่งนามบัตรไปให้นายนะ”เมิ่งเซ่อยิ้มอย่างปลื้มปีติ เผยให้เห็นฟันเขี้ยวคม ๆ ออกมา “โอเคครับ! ขอบคุณครับพี่!”นอร์เวย์ในตอนนี้กลางคืนยาวนานกว่ากวางวัน พอถึงเวลาบ่ายสามฟ้าก็มืดแล้วลานสกีเปิดไฟตั้งนานแล้ว พื้นหิมะสว่างไสวไปหมดพวกเขาอยู่ที่ลานสกีจนถึงห้าโมงกว่า ตอนออกไปอ่อนระโหยโรยแรงสุด ๆ ทว่าในใจไม่มีความรู้สึกเหนื่อยเลย กลับกันนั้นมีความสุขเป็นอย่างมากบนรถเมล์ระหว่างทางกลับไป ถังซือซือเห็นสีหน้าของเวินเหลียงดูเหนื่อยล้า แต่อารมณ์ผ่อนคลาย จึงตบไหล่ของ
เวินเหลียง “...ค่อยว่ากันก็แล้วกัน”อันที่จริงเธอไม่ได้คิดอะไรกับเมิ่งเซ่อเลยกลับมาถึงห้อง ถึงซือซือก็นอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง ไม่คิดอยากจะขยับตัวทั้งสามคนพักอยู่ในห้องราวครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหาร หลังกินข้าวเสร็จก็ไปแช่น้ำที่ออนเซ็นบนชั้นดาดฟ้าร่างกายที่อ่อนระโหยโรยแรงถูกกระแสน้ำที่แสนนุ่มนวลของน้ำอุ่นห้อมล้อมเอาไว้ รู้สึกสบายไปทั้งตัว ราวกับรูขุมขนทุกรูเปิดออก ความเหนื่อยล้าทั้งหมดมลายหายไปออนเซ็นอยู่กลางแจ้ง ลมเย็นพัดโชยมา เวินเหลียงอดไม่ได้ที่จะมุดตัวตั้งแต่ช่วงคอลงมาลงไปในน้ำ ชื่นชมวิวอันสวยงามของท่าเรืออย่างผ่อนคลายหลังแช่น้ำร้อนเสร็จ พวกเธอก็ไปอบซาวน่ากัน เจอเพื่อนต่างชาติสองสามคน พูดคุยกันอย่างมีความสุข หัวข้อบทสนทนาวกไปวนมาหลังอบซาวน่าเสร็จ ถังซือซือก็กลับไปแต่งรูปบนเตียงในห้องเธอแต่งรูปไปพลางถามขึ้นว่า “จริงสิ มีเรื่องหนึ่งอยากได้ความเห็นจากพวกเธอหน่อย”“ว่ามาสิ” เวินเหลียงกำลังมาส์กหน้าอยู่ จึงถามขึ้นอย่างรวบรัดและสั้น“พรุ่งนี้พวกเราจะไปเช่ารถแล้วไปล่าแสงเหนือกันเอง หรือว่าจองทัวร์เล็ก ๆ?”“ตกลงกันว่าจะขับรถไปเองไม่ใช่เหรอ?” จู่ ๆ จูฝานก็
เธอสวมเสื้อขนสัตว์ที่ทั้งยาวและทั้งหนา ห่อหุ้มตัวเองจนเหมือนกับนกเพนกวินแสนน่ารัก สวมถุงมือมีสาย อ้าแขนตบร่างกายท่อนล่างอยู่เป็นระยะเมื่อเห็นเวินเหลียงที่มีชีวิตชีวาตรงหน้า ฟู่เจิงก็อยากเดินเข้าไปสวมกอดเธอเข้ามาในอ้อมอกอย่างเปิดเผยสุด ๆแต่เขารู้ดีว่าเขาทำแบบนั้นไม่ได้ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะมีความสุขขึ้นมาได้บ้าง หากเขาไปปรากฏตัวตรงหน้าเธอ เธอคงหดหู่ลงอีกครั้งแน่รถบัสแล่นเข้ามา บดบังเส้นสายตาของฟู่เจิงหลังไกด์นำเที่ยวยืนยันตัวตนของพวกเวินเหลียงทั้งสามคนเสร็จ ก็ให้พวกเธอขึ้นรถไปบนรถมีคนนั่งอยู่สิบกว่าคนแล้ว แต่ละคนล้วนมีใบหน้าแบบคนเอเชีย คงจะเป็นคนจีนทั้งหมดถังซือซือเดินไปด้านหน้าสุด เลือกนั่งแถวหน้าสุดที่ไม่มีคน เวินเหลียงนั่งด้านนอก จูฝานและเวินเหลียงถูกกั้นกันด้วยทางเดินถังซือซือมองประเมินสิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถ แล้วพูดกับเวินเหลียงว่า “รถบัสคันนี้หรูหราทีเดียว มีแอร์ด้วย ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันวางแผนเห็นคนอื่นไปกับทัวร์ รถตู้คันนั้นทั้งเล็กแล้วก็ทั้งซอมซ่อ ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ของกินก็มีแค่บิสกิต”“งั้นราคาของทัวร์นี้น่าจะค่อนข้างแพงใช่ไหม?” เวินเหลียงคาดการณ์ไม่รู้ว่าเ