กระทั่งนักท่องเที่ยวหลายคนยังใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเอาไว้ไม่ทันเพียงแค่ชั่วพริบตาสั้น ๆ ก็มอบความตกตะลึงให้กับเหล่าผู้โดยสารมากมายแล้วภายในเวลาเพียงชั่วครู่ผู้โดยสารภายในรถต่างก็พาดตัวกันอยู่บนกระจกหน้าต่างรถ มองไปที่นอกหน้าต่างตาไม่กะพริบ วิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานาเดินทางต่อมาอีกประมาณยี่สิบนาที แสงเหนือแสนลึกลับก็ปรากฏขึ้นบนผืนฟ้าแสนกว้างใหญ่ไพศาลไกล ๆ อีกครั้ง สีเขียวกึ่งหนึ่งสีม่วงกึ่งหนึ่ง ลำแสงชัดเป็นอย่างมาก สะท้อนจนท้องฟ้าซีกหนึ่งสว่างไสวขึ้นมา แม้แต่ภูเขาที่อยู่ด้านล่างก็ถูกย้อมไปด้วยสีม่วงสายหนึ่งนักท่องเที่ยวที่อยู่ภายในรถตื่นเต้นกันสุด ๆ พากันล้วงโทรศัพท์ออกมา ถ่ายรูปผ่านหน้าต่างรถแสงเหนือสายนี้ทอดอยู่บนท้องฟ้า ปรากฏอยู่นานสองนานก็ยังไม่จางหายไปรถบัสแล่นไปด้านหน้าต่อไป ราวกับเข้าใกล้แสงเหนือขึ้นเรื่อย ๆไม่นานรถบัสก็มาหยุดอยู่ที่ว่างของพื้นที่ราบแห่งหนึ่ง เหล่านักท่องเที่ยวลงจากรถมาด้วยความรวดเร็วเวินเหลียงมองท้องฟ้าตรงหน้า ในใจเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างไร้ที่เปรียบตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของที่นี่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ทอดสายตามองออกไป ท้องฟ้าไร้เส้นขอบ รา
ถังซือซือเอ่ย “อาเหลียง เธอกำลังเป็นกังวลว่าหางานอดิเรกไม่เจอไม่ใช่เหรอ? ช่างถ่ายรูปก็ไม่เลวทีเดียวนี่? ถึงยังไงเธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องอยู่แล้ว ต่อไปก็ซื้อกล้องถ่ายรูปสักตัว เดินทางไปถ่ายรูปทั่วทุกที่ หรือไม่ก็นัดถ่ายรูปกับหนุ่มหล่อสาวสวย เป็นเรื่องน่าอิจฉาแค่ไหน!”เวินเหลียงฉีกรอยยิ้มอันสวยงามทีหนึ่ง “ได้”ในชีวิตของเธอไม่ได้มีแค่ฟู่เจิง เธอต้องเก็บอดีตที่สลัดทิ้งไปกลับมาเวินเหลียงถือกล้องถ่ายรูป ช่วยถังซือซือและจูฝานถ่ายรูปไปเยอะมากสุดท้ายพวกเธอทั้งสามคนก็ถ่ายรูปรวมเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้านหนึ่งไกด์นำเที่ยวกับคนขับรถกำลังวุ่นอยู่กับการจุดกองไฟ ย้ายอาหารว่างและเครื่องดื่มออกมาเวินเหลียงถ่ายรูปจนเหนื่อยแล้ว เธอส่งกล้องถ่ายรูปให้จูฝาน แต่ไม่อยากเข้าไปรอในรถ เธอจึงหาที่นั่งลงผิงไฟข้างกองไฟได้ยินนักท่องเที่ยวชี้ไปที่ไกล ๆ แล้วพูดกันโดยไม่ได้ตั้งใจว่า “ทางนั้นมีรถคันหนึ่ง น่าจะขับมาดูแสงเหนือเองใช่ไหม?”เวินเหลียงชำเลืองมองตามไปทีหนึ่ง รู้สึกเพียงว่ารถคันนั้นดูคุ้นตาเล็กน้อยเพียงแต่นั่นเป็นป้ายทะเบียนรถในพื้นที่ เธอคงรู้สึกผิดไปเองผ่านไปนานพอสมควร ความรู้สึกตื่นเต้
ความหล่อของฟู่เจิง เป็นความหล่อที่น่าเกรงขามประเภทนั้น ทั้งตัวคละคลุ้งไปด้วยความรู้สึกอยู่ในตำแหน่งแสนเรืองอำนาจ และเคร่งขรึมดุเดือดรุนแรง ท่าทางบีบคั้นคนคนเป็นเพื่อนเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง “ให้ตายเถอะ? จริงเหรอ?? ไม่งั้นเราสองคนไปดูกันอีกรอบดีไหม ฉันเองก็อยากเห็นหนุ่มหล่อที่หล่อกว่านี้เหมือนกัน!”สาวน้อยมองไปทางรถสีดำที่อยู่ทางนั้นทีหนึ่ง “ฉันไม่กล้า มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาดูท่าทางอัธยาศัยไม่ค่อยดีเท่าไรนัก!”“เอาละ” คนเป็นเพื่อนเองก็มองไปที่รถสีดำทีหนึ่งเช่นกัน พร้อมทั้งสลัดความคิดนี้ออกไปภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย รูปลักษณ์ภายนอกถือเป็นความประทับใจแรกลู่เย่าหน้าตาหล่อเหลา แน่นอนว่าต้องได้รับการต้อนรับอยู่แล้วนักท่องเที่ยวในกรุ๊ปทัวร์ไม่น้อยเป็นฝ่ายเริ่มเปิดหัวข้อบทสนทนากับลู่เย่าก่อน ถามว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน อายุเท่าไรแล้วเป็นต้น ราวกับสอบปากคำอย่างนั้นที่ลู่เย่าตอบได้ก็ตอบ ที่ตอบไม่ได้ก็พูดเฉไฉไปสองประโยคแล้วปล่อยมันผ่านไปมีคนถามเขาอีกแล้ว ถามว่าที่มาที่นี่มาทำงานหรือว่ามาเที่ยวลู่เย่าตอบ “ทำงาน เที่ยว”“ตกลงมาทำงานหรือว่าเที่ยวกันแน่คะ?”ลู่เย่าเองก็ไม
ความครึกครื้นรอบกองไฟจบลงแล้ว บรรดานักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปหมู่กัน ก่อนจะกลับขึ้นไปบนรถ แล้วกลับเข้าเมืองโดยใช้ทางเดิมรถยนต์สีดำคันนั้น ระหว่างทางกลับไปก็ตามอยู่เบื้องหลังพวกเขาตลอดกลับมาถึงโรงแรมก็เป็นเวลาตีสี่แล้วทว่าทั้งสามคนไม่ง่วงเลยสักนิด หวนนึกถึงแสงเหนือในความทรงจำ พลางเปิดดูรูปที่ถ่ายเอาไว้ และพูดคุยกันอย่างมีความสุข ในใจเกิดความตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆถังซือซือเลือกสองสามรูปมาโพสต์ลงเฟซบุ๊กแรกเริ่มเดิมทีก่อนหน้าข่าวเปิดโปงของเวินเหลียงและฟู่เจิง ถังซือซือช่วยเวินเหลียงพูด ทะเลาะกับเพื่อนชาวเน็ต เธอถูกด่าเยอะมากเมื่อฟู่เจิงออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง หลังเรื่องราวกลับตาลปัตร เนื่องจากถังซือซือยอมทำทุกอย่างเพื่อเพื่อน ก็มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นมามากมายแน่นอนว่าก็มีคนที่ชอบพูดแดกดันบอกว่าเดิมทีถังซือซือกับเวินเหลียงไม่ใช่เพื่อนกัน ก็แค่เกาะกระแสเพื่อให้ตัวเองดัง คนประเภทนี้ถังซือซือไม่ให้ค่าไปสนใจอยู่แล้วขณะที่ตัดสินใจว่าจะไปเที่ยว เธอก็เคยโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก แฟนคลับมากมายคอมเมนต์ใต้เฟซบุ๊กว่าให้มาแบ่งปันเรื่องราวด้วยตอนที่ออกจากออสโล เธอก็แบ่งปันประสบการณ์ที่ไปเที่ยวเล่นที่ออสโ
เหล่าเพื่อนชาวเน็ตคาดเดากันเอาไว้อยู่แล้วว่าฟู่เจิงมีชู้ เฟซบุ๊กบัญชีนี้ราวกับเป็นคนที่กลับตัวเป็นคนดีแล้ว ช่องคอมเมนต์มีคนเห็นใจฝ่ายหญิง มีคนสนับสนุนฝ่ายหญิง มีคนด่าสาดเสียเทเสียว่าไอ้ผู้ชายสารเลว และมีคนโจมตีชู้ด้วยเพียงแต่สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีกแล้วในวินาทีที่โพสต์ไปบนเฟซบุ๊กนั้น ในใจของเธอรู้สึกสบายใจอย่างนั้น ถึงขั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกแรง ๆ เฮือกหนึ่ง ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะทำให้ฟู่เจิงไม่ชอบอีกต่อไป ไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อฟู่เจิงอีกต่อไปเธอปิดโทรศัพท์แล้วหลับตาลง ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงความฝัน...ทว่าเธอไม่รู้เลยว่าฟู่เจิงที่อยู่ห่างกับเธอแค่เพียงกำแพงกั้น กำลังนอนอยู่บนเตียงและนอนไม่หลับสุดท้ายเขาก็ล้วงเสื้อผ้าของเวินเหลียงตัวหนึ่งออกมาจากกล่อง กอดเอาไว้ในอ้อมอกหลังออกจากโรงพยาบาลสองสามวัน เขาก็ย้ายกลับไปห้องนอนหลัก นอนอยู่บนเตียงใหญ่ที่เธอเคยนอนหลังนั้น มีเพียงการดมกลิ่นกายที่หลงเหลืออยู่ของเธอเท่านั้น เขาถึงหลับฝันได้อย่างง่ายดายทว่าผ่านไปไม่นานเขาก็ถูกเสียงริงโทนโทรศัพท์ทำให้สะดุ้งตื่นเลขาหยางเตือนให้เขาดูการค้นหาร้อนแรงบนเฟซบุ๊กฟู่เจิงเปิด
ถังซือซือไม่รู้ว่าฟู่เจิงอยู่ข้าง ๆ จงใจสั่งเหล้าสองสามขวด เหล้าขาว“พูดตามตรงนะ สองสามวันก่อนถึงตัวอาเหลียงจะอยู่กับเรา แต่ก็เอาแต่กลุ้มใจไม่มีความสุขอยู่ตลอด ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ในที่สุดก็ปล่อยวางได้แล้ว มา วันนี้พวกเรามาดื่มให้เต็มที่กันสักหน่อย ฉลองที่อาเหลียงหย่าได้สำเร็จ กลายเป็นคนโสดแล้ว!” “มา ๆ ๆ ไม่เมาไม่เลิก!”เวินเหลียงยิ้มพลางรินเหล้าให้ตัวเองแก้วหนึ่ง “งั้นฉันจะสละชีพเพื่อดื่มเป็นเพื่อนพวกเธอ!”ทั้งสามคนพูดคุยกันไปด้วย พลางดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าถังซือซือดื่มไปจนกรึ่ม ๆ แล้ว ในปากเริ่มพูดอะไรแบบไม่ยั้งคิด “…อาเหลียงเอ่อ…ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าฟู่เจิงไม่ใช่คนเด่อะไร…ไม่นึกเลยว่าเธอจะทนเขามาได้นานขนาดนี้? ถ้าเป็นฉันนะ ถีบหัวส่งเขาไปตั้งนานแล้ว ตัวเองเอาเงินค่าหย่าไปเลี้ยงนายแบบสักสองคนไม่ดีกว่าเหรอ?”“มา ๆ ๆ ฉันจะให้พวกเธอดูน้อง ๆ สุดที่รักของฉัน ชู่ว์…อย่าไปพูดที่อื่นนะ ฉันไม่…ไม่เคยให้คนอื่นดูมาก่อน…”ถังซือซือเปิดอัลบั้มภาพเข้ารหัสในโทรศัพท์ทั้งเมาแอ๋ “ดูสิ ผู้ชายแต่ละคนเป็นไอดอลเน็ตใจดีทั้งนั้น ไม่ง่ายเลยกว่าฉันจะรวบรวมมาได้ เธอดูรูปนี้สิ กล้ามเนื้อหน้าอกของเ
ภายในห้องเข้าสู่ความเงียบสงัด ทั้งห้องมืดสลัวไปหมด ไร้ซึ่งเสียงใด ๆในฉับพลันเสียงเปิดประตู ‘เอี๊ยด’ ดังขึ้นทำลายความเงียบสงัดภายในห้อง ประตูห้องถูกเปิดและปิดลง ฟู่เจิงมายังข้างเตียงของเวินเหลียง ก่อนจะนั่งลงเบา ๆเขาอาศัยแสงจันทร์ มองใบหน้าที่หลับใหลของเวินเหลียงด้วยความโลภในวินาทีนี้เอง ในที่สุดเขาก็มองเธอได้อย่างกำเริบเสิบสานและเปิดเผยโจ่งแจ้งได้แล้ว เขามองหน้าเธอตรง ๆเขาคิดถึงเธอมากจริงๆฟู่เจิงค่อย ๆ ยื่นมือออกไปลูบแก้มของเธออย่างเบามือ ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบบนหน้าผากของเธอ ดมกลิ่นกายของเธออย่างกำเริบเสิบสาน…ทันใดนั้น กลับได้กลิ่นเหล้าตีขึ้นจมูกเต็มไปหมดยัยขี้เหล้าคนนี้!ฟู่เจิงบีบจมูกของเวินเหลียงโชคดีที่เธอไม่ได้ตอบตกลงจะไปบาร์ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองจะทำอะไรออกมา!ภายในห้องเปิดฮิตเตอร์เอาไว้ บนตัวของเวินเหลียงยังสวมเสื้อนวมปุยฝ้ายหนา ๆ เอาไว้ เธอเริ่มร้อนจนเหงื่อออก รู้สึกไม่สบายตัวจนแค่นเสียงฮึออกมาเสียงหนึ่ง แล้วดึงเสื้อผ้าออกอย่างไม่รู้สึกตัวฟู่เจิงรูดซิปออก แล้วเอาตัวเธอออกมาจากเสื้อขนสัตว์ จากนั้นก็ช่วยเธอถอดสเวตเตอร์ที่อยู่ข้างในและเลกกิงเพิ่
หนิงหนิง แค่ได้ยินก็รู้ในทันทีว่าเป็นชื่อของผู้หญิงฟู่เจิงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าเวินเหลียงไม่มีเพื่อนที่ชื่อหนิงหนิงเมื่อนึกเชื่อมโยงไปถึงฉากเมื่อครู่ ฟู่เจิงก็สงสัย หนิงหนิงก็คือลูกที่เวินเหลียงคลอดออกมาเวินเหลียงหลับเป็นตาย เธอเบะปาก แต่ไม่ได้ตอบอะไรฟู่เจิงไม่สบอารมณ์ ก้มตัวไปข้างหูเวินเหลียง แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อาเหลียง หนิงหนิงคือใครเหรอ?”“…หนิงหนิงคือใคร…” เวินเหลียงพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ใช่ หนิงหนิงเป็นใคร?”“หนิงหนิงคือ…”เวินเหลียงพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็เอามือไปกุมศีรษะ พร้อมทั้งขดตัวขึ้นมา บนหน้าเผยสีหน้าของความเจ็บปวดออกมา และร้องโอดครวญอย่างยากจะอดกลั้นเอาไว้ “ปวดหัวชะมัด! ปวดไม่ไหวแล้ว!”เมื่อฟู่เจิงเห็นดังนั้น ก็รีบยื่นมือไปช่วยเวินเหลียงถูขมับ พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “นึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึกแล้ว นอนหลับให้เต็มที่เถอะ”ผ่านไปนานสองนาน เวินเหลียงถึงได้สงบลงมา และหลับเป็นตายไม่รู้เรื่องฟู่เจิงมองใบหน้าที่หลับสนิทของเวินเหลียง นัยน์ตาลึกซึ้งเป็นอย่างมากเขาช่วยจัดการใส่เสื้อผ้าให้เวินเหลียง จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้ เขานั่งอยู