ถังซือซือไม่รู้ว่าฟู่เจิงอยู่ข้าง ๆ จงใจสั่งเหล้าสองสามขวด เหล้าขาว“พูดตามตรงนะ สองสามวันก่อนถึงตัวอาเหลียงจะอยู่กับเรา แต่ก็เอาแต่กลุ้มใจไม่มีความสุขอยู่ตลอด ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ในที่สุดก็ปล่อยวางได้แล้ว มา วันนี้พวกเรามาดื่มให้เต็มที่กันสักหน่อย ฉลองที่อาเหลียงหย่าได้สำเร็จ กลายเป็นคนโสดแล้ว!” “มา ๆ ๆ ไม่เมาไม่เลิก!”เวินเหลียงยิ้มพลางรินเหล้าให้ตัวเองแก้วหนึ่ง “งั้นฉันจะสละชีพเพื่อดื่มเป็นเพื่อนพวกเธอ!”ทั้งสามคนพูดคุยกันไปด้วย พลางดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าถังซือซือดื่มไปจนกรึ่ม ๆ แล้ว ในปากเริ่มพูดอะไรแบบไม่ยั้งคิด “…อาเหลียงเอ่อ…ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าฟู่เจิงไม่ใช่คนเด่อะไร…ไม่นึกเลยว่าเธอจะทนเขามาได้นานขนาดนี้? ถ้าเป็นฉันนะ ถีบหัวส่งเขาไปตั้งนานแล้ว ตัวเองเอาเงินค่าหย่าไปเลี้ยงนายแบบสักสองคนไม่ดีกว่าเหรอ?”“มา ๆ ๆ ฉันจะให้พวกเธอดูน้อง ๆ สุดที่รักของฉัน ชู่ว์…อย่าไปพูดที่อื่นนะ ฉันไม่…ไม่เคยให้คนอื่นดูมาก่อน…”ถังซือซือเปิดอัลบั้มภาพเข้ารหัสในโทรศัพท์ทั้งเมาแอ๋ “ดูสิ ผู้ชายแต่ละคนเป็นไอดอลเน็ตใจดีทั้งนั้น ไม่ง่ายเลยกว่าฉันจะรวบรวมมาได้ เธอดูรูปนี้สิ กล้ามเนื้อหน้าอกของเ
ภายในห้องเข้าสู่ความเงียบสงัด ทั้งห้องมืดสลัวไปหมด ไร้ซึ่งเสียงใด ๆในฉับพลันเสียงเปิดประตู ‘เอี๊ยด’ ดังขึ้นทำลายความเงียบสงัดภายในห้อง ประตูห้องถูกเปิดและปิดลง ฟู่เจิงมายังข้างเตียงของเวินเหลียง ก่อนจะนั่งลงเบา ๆเขาอาศัยแสงจันทร์ มองใบหน้าที่หลับใหลของเวินเหลียงด้วยความโลภในวินาทีนี้เอง ในที่สุดเขาก็มองเธอได้อย่างกำเริบเสิบสานและเปิดเผยโจ่งแจ้งได้แล้ว เขามองหน้าเธอตรง ๆเขาคิดถึงเธอมากจริงๆฟู่เจิงค่อย ๆ ยื่นมือออกไปลูบแก้มของเธออย่างเบามือ ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบบนหน้าผากของเธอ ดมกลิ่นกายของเธออย่างกำเริบเสิบสาน…ทันใดนั้น กลับได้กลิ่นเหล้าตีขึ้นจมูกเต็มไปหมดยัยขี้เหล้าคนนี้!ฟู่เจิงบีบจมูกของเวินเหลียงโชคดีที่เธอไม่ได้ตอบตกลงจะไปบาร์ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองจะทำอะไรออกมา!ภายในห้องเปิดฮิตเตอร์เอาไว้ บนตัวของเวินเหลียงยังสวมเสื้อนวมปุยฝ้ายหนา ๆ เอาไว้ เธอเริ่มร้อนจนเหงื่อออก รู้สึกไม่สบายตัวจนแค่นเสียงฮึออกมาเสียงหนึ่ง แล้วดึงเสื้อผ้าออกอย่างไม่รู้สึกตัวฟู่เจิงรูดซิปออก แล้วเอาตัวเธอออกมาจากเสื้อขนสัตว์ จากนั้นก็ช่วยเธอถอดสเวตเตอร์ที่อยู่ข้างในและเลกกิงเพิ่
หนิงหนิง แค่ได้ยินก็รู้ในทันทีว่าเป็นชื่อของผู้หญิงฟู่เจิงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าเวินเหลียงไม่มีเพื่อนที่ชื่อหนิงหนิงเมื่อนึกเชื่อมโยงไปถึงฉากเมื่อครู่ ฟู่เจิงก็สงสัย หนิงหนิงก็คือลูกที่เวินเหลียงคลอดออกมาเวินเหลียงหลับเป็นตาย เธอเบะปาก แต่ไม่ได้ตอบอะไรฟู่เจิงไม่สบอารมณ์ ก้มตัวไปข้างหูเวินเหลียง แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อาเหลียง หนิงหนิงคือใครเหรอ?”“…หนิงหนิงคือใคร…” เวินเหลียงพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ใช่ หนิงหนิงเป็นใคร?”“หนิงหนิงคือ…”เวินเหลียงพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็เอามือไปกุมศีรษะ พร้อมทั้งขดตัวขึ้นมา บนหน้าเผยสีหน้าของความเจ็บปวดออกมา และร้องโอดครวญอย่างยากจะอดกลั้นเอาไว้ “ปวดหัวชะมัด! ปวดไม่ไหวแล้ว!”เมื่อฟู่เจิงเห็นดังนั้น ก็รีบยื่นมือไปช่วยเวินเหลียงถูขมับ พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “นึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึกแล้ว นอนหลับให้เต็มที่เถอะ”ผ่านไปนานสองนาน เวินเหลียงถึงได้สงบลงมา และหลับเป็นตายไม่รู้เรื่องฟู่เจิงมองใบหน้าที่หลับสนิทของเวินเหลียง นัยน์ตาลึกซึ้งเป็นอย่างมากเขาช่วยจัดการใส่เสื้อผ้าให้เวินเหลียง จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้ เขานั่งอยู
ตอนที่ตอบสนองกลับมา ก็เป็นเวลาบ่ายสองกว่าแล้วพวกนางเอกกลับไปกินข้าวเที่ยงที่โรงแรมเมื่อมาถึงยังร้านอาหารของโรงแรม ขณะเวินเหลียงไปรับอาหาร ทันใดนั้นก็เห็นเงาร่างคุ้นตาเงาร่างหนึ่งเธอมองประเมินอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “ลู่เย่า?”เมื่อได้ยินเสียง ลู่เย่าก็หันหน้าไป พร้อมทั้งเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “บังเอิญจังเลยนะครับ”ถึงจะพูดแบบนี้ ทว่าบนใบหน้าเขากลับไร้ซึ่งความรู้สึกประหลาดใจใด ๆ“บังเอิญมากจริง ๆ ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอพวกคุณที่นี่”“ที่นี่ค่อนข้างมีชื่อเสียงทีเดียว เพื่อนผมอยากมาดูหน่อยน่ะ”เวินเหลียงมองไปที่เบื้องหลังของลู่เย่า แต่ไม่เห็นเพื่อนคนหล่อรูปร่างดีที่ร่ำลือกันคนนั้นเลยลู่เย่ามองเจตนาของเธอออก จึงอธิบายพร้อมครุ่นคิดว่า “เขาอยากผ่อนคลายอารมณ์ ก็เลยออกไปเดินเล่นแล้ว”“อ๋อ แล้วพวกคุณแพลนว่าจะไปเมื่อไรเหรอ?”“ยังไม่แน่ใจเลย ต้องดูเพื่อนผมน่ะ”“แล้วหลังออกไปจากที่นี่ พวกคุณจะกลับประเทศเลย หรือว่ามีแพลนเที่ยวอื่นอีก?”“ต้องดูเพื่อนผมน่ะ” ลู่เย่ายังพูดประโยคเดิม“หลังจากนี้พวกเราจะไปเกาะลิงกาส พวกคุณจะไปด้วยไหม?”ลู่เย่านึกไม่ถึงว่าเวินเหลียงจะเชิญพวกเขา
หลังลงมาจากเนินหิมะ เวินหลียงก็ได้รับไลน์ของลู่เย่าเป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ เพื่อนเขาปฏิเสธเวินเหลียงตอบกลับ “น่าเสียดายจัง ต่อไปถ้ามีโอกาสไว้ไปด้วยกันนะ”ลู่เย่าตอบกลับด้วยมีมภาพหนึ่งเห็นคำว่า ‘ถ้ามีโอกาสไว้ไปด้วยกันนะ’ เก้าพยางค์ สีหน้าของฟู่เจิงก็เคร่งขรึมลงพวกเวินเหลียงเธอไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ในร้านอาหารมีหน้าต่างยาวขอบจรดพื้นบานใหญ่บานหนึ่ง สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้ทั้งหมดเนื่องจากไม่มีเวลาให้ครุ่นคิด เวลากินข้าวของเหล่านักท่องเที่ยวเองก็ไม่แน่นอน ตอนนี้ภายในร้านอาหารคนไม่เยอะกินไปได้พักหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นมาด้วยความตกตะลึง “ดูสิ! นั่นแสงเหนือใช่ไหม?”ในท้องฟ้าสีน้ำเงิน ปรากฏแสงสีเขียวจาง ๆ เส้นหนึ่ง หากไม่สังเกตดูดี ๆ เดิมทีนั้นมองไม่ออกเลยก็ยังคงดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเช่นเคยผ่านไปไม่นาน จู่ ๆ ก็มีแสงเหนือเส้นใหญ่เกิดขึ้นมาสายหนึ่ง สีเขียวเป็นสายใหญ่ปรากฏขึ้นเคียงคู่กับแสงเหนือที่มีสีขาวสีม่วงและสีแดงนิดหน่อยบนท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลนักท่องเที่ยวที่พักผ่อนอยู่ภายในห้องของโรงแรมบางส่วนรีบวิ่งออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็วพวกเวินเหลียงท
ชายหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าเขาเดาออกได้ในทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่นึกเลยว่าเวินเหลียงจะระแวดระวังตัวขนาดนั้น!เขายิ้มพลางรับถาดมาและพูดขอบคุณพนักงาน ก่อนจะปิดประตูห้องไปเวินเหลียงหดหัวกลับมา ยืนชิดผนังเธอรู้จักชายหนุ่มคนนั้น คือลู่เย่า!เธอก็รู้สึกอยู่แล้วว่าลู่เย่าดูแปลก ๆ!เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ ด้วย!คนที่จ้องเธอในคืนนั้นก็คงเป็นเขาเหมือนกัน!เขาคงไม่ได้รู้จักเธอจากในข่าวธรรมดา ๆ แค่นั้นแน่ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเวินเหลียงก็มีข้อความไลน์เข้ามาข้อความหนึ่งลู่เย่าเป็นฝ่ายส่งข้อความมาหาเธอก่อน “ผมปวดท้อง?”เห็นเขาถามออกมาอย่างเปิดเผย ในใจของเวินเหลียงก็เต้นผิดจังหวะไปเลย เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “เห็นคุณเอาแต่อยู่ในห้องไม่ยอมออกมา เลยเป็นห่วงกลัวว่าคุณจะไม่สบาย ทำไมคุณถึงรู้ว่าเป็นฉันล่ะ?”“เพราะเมื่อกี้ผมเห็นคุณ แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ห้องนี้?”เวินเหลียงไม่นึกว่าลู่เย่าจะยอมรับตรง ๆ “เมื่อเช้าเห็นคุณเข้าไปน่ะ”เมื่อเห็นข้อความนี้ ลู่เย่าก็ยิ้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฟู่เจิงทีหนึ่ง ทว่าไม่ได้ปฏิเสธ “งั้นผมก็ต้องขอบคุณคุณมาก ๆ นะครับที่เป็นห่วงผม
ฟู่เจิงแข็งทื่อไปทั้งตัว นิ้วมือชะงัก อึ้งไปอยู่นานสองนานถึงได้ตอบกลับไปสองพยางค์ว่า “ไม่ใช่”ฟู่เจิงจ้องหน้าจอโทรศัพท์ ผ่านไปนานแล้วก็ไม่เห็นเวินเหลียงตอบกลับมา ในใจตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกนั่งไม่ติดขึ้นมาเล็กน้อยเขากลัวว่าเวินเหลียงจะมองเขาออก แต่อีกใจก็กลัวว่าเวินเหลียงจะมองเขาไม่ออกเวินเหลียงมองหน้าจอทั้งอึ้งทึ่งไป เธอยิ่งรู้สึกแปลกเพิ่มมากขึ้น‘ไม่ใช่’ สองคำนี้ ยิ่งไปเพิ่มความสงสัยของเธอหนักเข้าไปอีกหรือว่าจะเป็นเพื่อนของลู่เย่าจริง ๆ?ทำไมเพื่อนลู่เย่าตอบข้อความแทนลู่เย่าล่ะ?เพื่อนของลู่เย่าที่ไม่เคยเผยโฉมหน้า...ในหัวของเวินเหลียงวาบเงาร่างคนหนึ่งขึ้นมาเธอเยาะเย้ยตัวเองเสียงหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า ทำไมคิดถึงเขาอีกแล้วนะ?“อาเหลียง เธอเหนื่อยแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังไม่กลับไปพักผ่อนอีก?” ถังซือซือและจูฝานขึ้นมาชั้นบน ก็เห็นเวินเหลียงยืนถือโทรศัพท์อยู่ปากบันได“อ๋อ ฉันไม่ชอบที่ในห้องมันอุดอู้เกินไปน่ะ ก็เลยออกมาสูดอากาศ”ถ้าในห้องอุดอู้ ก็เปิดหน้าต่างได้ไม่ใช่เหรอ? แถมยังมองเห็นแสงเหนือได้อีกด้วยถังซือซือมองเวินเหลียงด้วยความสงสัยทีหนึ่ง ก่อนจะ
“ได้สิ!” ถังซือซือรีบพยักหน้า แล้วมองนางเอกอย่างหยอกล้อ “ไอ้หยา เสี่ยวอาเหลียงของเราพอหย่าปุ๊บ ก็มีคนมาจีบปั๊บเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย? แถมมารวดเดียวสามคนเลยด้วย!”“อย่าพูดซี้ซั้วสิ”“เอาละ ๆ ๆ ฉันไม่พูดแล้ว ถึงยังไงเธอเป็นคนเลือกเองก็สิ้นเรื่องแล้ว ฉันว่าลู่เย่ากับโจวอวี่ก็ไม่เลวเลยนะ!”เวินเหลียง “...”โจวอวี่ส่งข้อมูลเที่ยวบินของตัวเองให้จูฝานจูฝานเห็นว่ายังพอมีเวลานิดหน่อย พวกเธอจึงอยู่ในโรงแรม พักผ่อนตามอัธยาศัยกันสองสามชั่วโมง จากนั้นค่อยเดินทางออกจากเกาะซัมเมอร์ไอซ์แลนด์พวกเธอเอากระเป๋าสัมภาระวางไว้ที่โรงแรม จากนั้นก็ขับรถไปยังสนามบิน รออยู่ประมาณยี่สิบนาที ก็เห็นโจวอวี่เดินออกมาจากอาคารผู้โดยสารเขาสวมหมวกแก๊ปและหน้ากากอนามัยสีดำ ไม่มีกระเป๋าสัมภาระอะไรทั้งสิ้น อยู่ในชุดเสื้อขนสัตว์แบบยาว ทว่าไม่ได้ดูตัวอ้วนอย่างเห็นได้ชัดขนาดนั้นจูฝานโบกมือไปทางเขาโจวอวี่มาตรงหน้ารถ เขามองเวินเหลียงที่อยู่ด้านหลังผ่านกระจกหน้ารถก่อนทีหนึ่ง จากนั้นก็ดึงหน้ากากอนามัยลงมาครึ่งหนึ่ง “ไม่ได้ถ่วงการท่องเที่ยวของพวกคุณใช่ไหม?”น้ำเสียงแสนเสนาะหูถูกเปล่งออกมา ข้างปากมีควันขาวพวยพุ่ง“เปล่าเลย