เวินเหลียง “...ค่อยว่ากันก็แล้วกัน”อันที่จริงเธอไม่ได้คิดอะไรกับเมิ่งเซ่อเลยกลับมาถึงห้อง ถึงซือซือก็นอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง ไม่คิดอยากจะขยับตัวทั้งสามคนพักอยู่ในห้องราวครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหาร หลังกินข้าวเสร็จก็ไปแช่น้ำที่ออนเซ็นบนชั้นดาดฟ้าร่างกายที่อ่อนระโหยโรยแรงถูกกระแสน้ำที่แสนนุ่มนวลของน้ำอุ่นห้อมล้อมเอาไว้ รู้สึกสบายไปทั้งตัว ราวกับรูขุมขนทุกรูเปิดออก ความเหนื่อยล้าทั้งหมดมลายหายไปออนเซ็นอยู่กลางแจ้ง ลมเย็นพัดโชยมา เวินเหลียงอดไม่ได้ที่จะมุดตัวตั้งแต่ช่วงคอลงมาลงไปในน้ำ ชื่นชมวิวอันสวยงามของท่าเรืออย่างผ่อนคลายหลังแช่น้ำร้อนเสร็จ พวกเธอก็ไปอบซาวน่ากัน เจอเพื่อนต่างชาติสองสามคน พูดคุยกันอย่างมีความสุข หัวข้อบทสนทนาวกไปวนมาหลังอบซาวน่าเสร็จ ถังซือซือก็กลับไปแต่งรูปบนเตียงในห้องเธอแต่งรูปไปพลางถามขึ้นว่า “จริงสิ มีเรื่องหนึ่งอยากได้ความเห็นจากพวกเธอหน่อย”“ว่ามาสิ” เวินเหลียงกำลังมาส์กหน้าอยู่ จึงถามขึ้นอย่างรวบรัดและสั้น“พรุ่งนี้พวกเราจะไปเช่ารถแล้วไปล่าแสงเหนือกันเอง หรือว่าจองทัวร์เล็ก ๆ?”“ตกลงกันว่าจะขับรถไปเองไม่ใช่เหรอ?” จู่ ๆ จูฝานก็
เธอสวมเสื้อขนสัตว์ที่ทั้งยาวและทั้งหนา ห่อหุ้มตัวเองจนเหมือนกับนกเพนกวินแสนน่ารัก สวมถุงมือมีสาย อ้าแขนตบร่างกายท่อนล่างอยู่เป็นระยะเมื่อเห็นเวินเหลียงที่มีชีวิตชีวาตรงหน้า ฟู่เจิงก็อยากเดินเข้าไปสวมกอดเธอเข้ามาในอ้อมอกอย่างเปิดเผยสุด ๆแต่เขารู้ดีว่าเขาทำแบบนั้นไม่ได้ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะมีความสุขขึ้นมาได้บ้าง หากเขาไปปรากฏตัวตรงหน้าเธอ เธอคงหดหู่ลงอีกครั้งแน่รถบัสแล่นเข้ามา บดบังเส้นสายตาของฟู่เจิงหลังไกด์นำเที่ยวยืนยันตัวตนของพวกเวินเหลียงทั้งสามคนเสร็จ ก็ให้พวกเธอขึ้นรถไปบนรถมีคนนั่งอยู่สิบกว่าคนแล้ว แต่ละคนล้วนมีใบหน้าแบบคนเอเชีย คงจะเป็นคนจีนทั้งหมดถังซือซือเดินไปด้านหน้าสุด เลือกนั่งแถวหน้าสุดที่ไม่มีคน เวินเหลียงนั่งด้านนอก จูฝานและเวินเหลียงถูกกั้นกันด้วยทางเดินถังซือซือมองประเมินสิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถ แล้วพูดกับเวินเหลียงว่า “รถบัสคันนี้หรูหราทีเดียว มีแอร์ด้วย ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันวางแผนเห็นคนอื่นไปกับทัวร์ รถตู้คันนั้นทั้งเล็กแล้วก็ทั้งซอมซ่อ ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ของกินก็มีแค่บิสกิต”“งั้นราคาของทัวร์นี้น่าจะค่อนข้างแพงใช่ไหม?” เวินเหลียงคาดการณ์ไม่รู้ว่าเ
กระทั่งนักท่องเที่ยวหลายคนยังใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเอาไว้ไม่ทันเพียงแค่ชั่วพริบตาสั้น ๆ ก็มอบความตกตะลึงให้กับเหล่าผู้โดยสารมากมายแล้วภายในเวลาเพียงชั่วครู่ผู้โดยสารภายในรถต่างก็พาดตัวกันอยู่บนกระจกหน้าต่างรถ มองไปที่นอกหน้าต่างตาไม่กะพริบ วิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานาเดินทางต่อมาอีกประมาณยี่สิบนาที แสงเหนือแสนลึกลับก็ปรากฏขึ้นบนผืนฟ้าแสนกว้างใหญ่ไพศาลไกล ๆ อีกครั้ง สีเขียวกึ่งหนึ่งสีม่วงกึ่งหนึ่ง ลำแสงชัดเป็นอย่างมาก สะท้อนจนท้องฟ้าซีกหนึ่งสว่างไสวขึ้นมา แม้แต่ภูเขาที่อยู่ด้านล่างก็ถูกย้อมไปด้วยสีม่วงสายหนึ่งนักท่องเที่ยวที่อยู่ภายในรถตื่นเต้นกันสุด ๆ พากันล้วงโทรศัพท์ออกมา ถ่ายรูปผ่านหน้าต่างรถแสงเหนือสายนี้ทอดอยู่บนท้องฟ้า ปรากฏอยู่นานสองนานก็ยังไม่จางหายไปรถบัสแล่นไปด้านหน้าต่อไป ราวกับเข้าใกล้แสงเหนือขึ้นเรื่อย ๆไม่นานรถบัสก็มาหยุดอยู่ที่ว่างของพื้นที่ราบแห่งหนึ่ง เหล่านักท่องเที่ยวลงจากรถมาด้วยความรวดเร็วเวินเหลียงมองท้องฟ้าตรงหน้า ในใจเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างไร้ที่เปรียบตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของที่นี่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ทอดสายตามองออกไป ท้องฟ้าไร้เส้นขอบ รา
ถังซือซือเอ่ย “อาเหลียง เธอกำลังเป็นกังวลว่าหางานอดิเรกไม่เจอไม่ใช่เหรอ? ช่างถ่ายรูปก็ไม่เลวทีเดียวนี่? ถึงยังไงเธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องอยู่แล้ว ต่อไปก็ซื้อกล้องถ่ายรูปสักตัว เดินทางไปถ่ายรูปทั่วทุกที่ หรือไม่ก็นัดถ่ายรูปกับหนุ่มหล่อสาวสวย เป็นเรื่องน่าอิจฉาแค่ไหน!”เวินเหลียงฉีกรอยยิ้มอันสวยงามทีหนึ่ง “ได้”ในชีวิตของเธอไม่ได้มีแค่ฟู่เจิง เธอต้องเก็บอดีตที่สลัดทิ้งไปกลับมาเวินเหลียงถือกล้องถ่ายรูป ช่วยถังซือซือและจูฝานถ่ายรูปไปเยอะมากสุดท้ายพวกเธอทั้งสามคนก็ถ่ายรูปรวมเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้านหนึ่งไกด์นำเที่ยวกับคนขับรถกำลังวุ่นอยู่กับการจุดกองไฟ ย้ายอาหารว่างและเครื่องดื่มออกมาเวินเหลียงถ่ายรูปจนเหนื่อยแล้ว เธอส่งกล้องถ่ายรูปให้จูฝาน แต่ไม่อยากเข้าไปรอในรถ เธอจึงหาที่นั่งลงผิงไฟข้างกองไฟได้ยินนักท่องเที่ยวชี้ไปที่ไกล ๆ แล้วพูดกันโดยไม่ได้ตั้งใจว่า “ทางนั้นมีรถคันหนึ่ง น่าจะขับมาดูแสงเหนือเองใช่ไหม?”เวินเหลียงชำเลืองมองตามไปทีหนึ่ง รู้สึกเพียงว่ารถคันนั้นดูคุ้นตาเล็กน้อยเพียงแต่นั่นเป็นป้ายทะเบียนรถในพื้นที่ เธอคงรู้สึกผิดไปเองผ่านไปนานพอสมควร ความรู้สึกตื่นเต้
ความหล่อของฟู่เจิง เป็นความหล่อที่น่าเกรงขามประเภทนั้น ทั้งตัวคละคลุ้งไปด้วยความรู้สึกอยู่ในตำแหน่งแสนเรืองอำนาจ และเคร่งขรึมดุเดือดรุนแรง ท่าทางบีบคั้นคนคนเป็นเพื่อนเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง “ให้ตายเถอะ? จริงเหรอ?? ไม่งั้นเราสองคนไปดูกันอีกรอบดีไหม ฉันเองก็อยากเห็นหนุ่มหล่อที่หล่อกว่านี้เหมือนกัน!”สาวน้อยมองไปทางรถสีดำที่อยู่ทางนั้นทีหนึ่ง “ฉันไม่กล้า มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาดูท่าทางอัธยาศัยไม่ค่อยดีเท่าไรนัก!”“เอาละ” คนเป็นเพื่อนเองก็มองไปที่รถสีดำทีหนึ่งเช่นกัน พร้อมทั้งสลัดความคิดนี้ออกไปภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย รูปลักษณ์ภายนอกถือเป็นความประทับใจแรกลู่เย่าหน้าตาหล่อเหลา แน่นอนว่าต้องได้รับการต้อนรับอยู่แล้วนักท่องเที่ยวในกรุ๊ปทัวร์ไม่น้อยเป็นฝ่ายเริ่มเปิดหัวข้อบทสนทนากับลู่เย่าก่อน ถามว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน อายุเท่าไรแล้วเป็นต้น ราวกับสอบปากคำอย่างนั้นที่ลู่เย่าตอบได้ก็ตอบ ที่ตอบไม่ได้ก็พูดเฉไฉไปสองประโยคแล้วปล่อยมันผ่านไปมีคนถามเขาอีกแล้ว ถามว่าที่มาที่นี่มาทำงานหรือว่ามาเที่ยวลู่เย่าตอบ “ทำงาน เที่ยว”“ตกลงมาทำงานหรือว่าเที่ยวกันแน่คะ?”ลู่เย่าเองก็ไม
ความครึกครื้นรอบกองไฟจบลงแล้ว บรรดานักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปหมู่กัน ก่อนจะกลับขึ้นไปบนรถ แล้วกลับเข้าเมืองโดยใช้ทางเดิมรถยนต์สีดำคันนั้น ระหว่างทางกลับไปก็ตามอยู่เบื้องหลังพวกเขาตลอดกลับมาถึงโรงแรมก็เป็นเวลาตีสี่แล้วทว่าทั้งสามคนไม่ง่วงเลยสักนิด หวนนึกถึงแสงเหนือในความทรงจำ พลางเปิดดูรูปที่ถ่ายเอาไว้ และพูดคุยกันอย่างมีความสุข ในใจเกิดความตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆถังซือซือเลือกสองสามรูปมาโพสต์ลงเฟซบุ๊กแรกเริ่มเดิมทีก่อนหน้าข่าวเปิดโปงของเวินเหลียงและฟู่เจิง ถังซือซือช่วยเวินเหลียงพูด ทะเลาะกับเพื่อนชาวเน็ต เธอถูกด่าเยอะมากเมื่อฟู่เจิงออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง หลังเรื่องราวกลับตาลปัตร เนื่องจากถังซือซือยอมทำทุกอย่างเพื่อเพื่อน ก็มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นมามากมายแน่นอนว่าก็มีคนที่ชอบพูดแดกดันบอกว่าเดิมทีถังซือซือกับเวินเหลียงไม่ใช่เพื่อนกัน ก็แค่เกาะกระแสเพื่อให้ตัวเองดัง คนประเภทนี้ถังซือซือไม่ให้ค่าไปสนใจอยู่แล้วขณะที่ตัดสินใจว่าจะไปเที่ยว เธอก็เคยโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก แฟนคลับมากมายคอมเมนต์ใต้เฟซบุ๊กว่าให้มาแบ่งปันเรื่องราวด้วยตอนที่ออกจากออสโล เธอก็แบ่งปันประสบการณ์ที่ไปเที่ยวเล่นที่ออสโ
เหล่าเพื่อนชาวเน็ตคาดเดากันเอาไว้อยู่แล้วว่าฟู่เจิงมีชู้ เฟซบุ๊กบัญชีนี้ราวกับเป็นคนที่กลับตัวเป็นคนดีแล้ว ช่องคอมเมนต์มีคนเห็นใจฝ่ายหญิง มีคนสนับสนุนฝ่ายหญิง มีคนด่าสาดเสียเทเสียว่าไอ้ผู้ชายสารเลว และมีคนโจมตีชู้ด้วยเพียงแต่สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีกแล้วในวินาทีที่โพสต์ไปบนเฟซบุ๊กนั้น ในใจของเธอรู้สึกสบายใจอย่างนั้น ถึงขั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกแรง ๆ เฮือกหนึ่ง ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะทำให้ฟู่เจิงไม่ชอบอีกต่อไป ไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อฟู่เจิงอีกต่อไปเธอปิดโทรศัพท์แล้วหลับตาลง ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงความฝัน...ทว่าเธอไม่รู้เลยว่าฟู่เจิงที่อยู่ห่างกับเธอแค่เพียงกำแพงกั้น กำลังนอนอยู่บนเตียงและนอนไม่หลับสุดท้ายเขาก็ล้วงเสื้อผ้าของเวินเหลียงตัวหนึ่งออกมาจากกล่อง กอดเอาไว้ในอ้อมอกหลังออกจากโรงพยาบาลสองสามวัน เขาก็ย้ายกลับไปห้องนอนหลัก นอนอยู่บนเตียงใหญ่ที่เธอเคยนอนหลังนั้น มีเพียงการดมกลิ่นกายที่หลงเหลืออยู่ของเธอเท่านั้น เขาถึงหลับฝันได้อย่างง่ายดายทว่าผ่านไปไม่นานเขาก็ถูกเสียงริงโทนโทรศัพท์ทำให้สะดุ้งตื่นเลขาหยางเตือนให้เขาดูการค้นหาร้อนแรงบนเฟซบุ๊กฟู่เจิงเปิด
ถังซือซือไม่รู้ว่าฟู่เจิงอยู่ข้าง ๆ จงใจสั่งเหล้าสองสามขวด เหล้าขาว“พูดตามตรงนะ สองสามวันก่อนถึงตัวอาเหลียงจะอยู่กับเรา แต่ก็เอาแต่กลุ้มใจไม่มีความสุขอยู่ตลอด ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ในที่สุดก็ปล่อยวางได้แล้ว มา วันนี้พวกเรามาดื่มให้เต็มที่กันสักหน่อย ฉลองที่อาเหลียงหย่าได้สำเร็จ กลายเป็นคนโสดแล้ว!” “มา ๆ ๆ ไม่เมาไม่เลิก!”เวินเหลียงยิ้มพลางรินเหล้าให้ตัวเองแก้วหนึ่ง “งั้นฉันจะสละชีพเพื่อดื่มเป็นเพื่อนพวกเธอ!”ทั้งสามคนพูดคุยกันไปด้วย พลางดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าถังซือซือดื่มไปจนกรึ่ม ๆ แล้ว ในปากเริ่มพูดอะไรแบบไม่ยั้งคิด “…อาเหลียงเอ่อ…ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าฟู่เจิงไม่ใช่คนเด่อะไร…ไม่นึกเลยว่าเธอจะทนเขามาได้นานขนาดนี้? ถ้าเป็นฉันนะ ถีบหัวส่งเขาไปตั้งนานแล้ว ตัวเองเอาเงินค่าหย่าไปเลี้ยงนายแบบสักสองคนไม่ดีกว่าเหรอ?”“มา ๆ ๆ ฉันจะให้พวกเธอดูน้อง ๆ สุดที่รักของฉัน ชู่ว์…อย่าไปพูดที่อื่นนะ ฉันไม่…ไม่เคยให้คนอื่นดูมาก่อน…”ถังซือซือเปิดอัลบั้มภาพเข้ารหัสในโทรศัพท์ทั้งเมาแอ๋ “ดูสิ ผู้ชายแต่ละคนเป็นไอดอลเน็ตใจดีทั้งนั้น ไม่ง่ายเลยกว่าฉันจะรวบรวมมาได้ เธอดูรูปนี้สิ กล้ามเนื้อหน้าอกของเ