เวินเหลียงก็ยังรู้สึกว่าพวกเธอคิดมากไปแล้ว “ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? เขาแค่อยากชดใช้ค่าซักแห้งให้ฉันแค่นั้น”ถังซือซือเลิกคิ้ว แล้วตอบกลับเมิ่งเซ่อ “นายจะเอาไลน์ของเธอไปทำอะไร?”อีกฝ่ายที่อยู่บนหน้าแชตขึ้นว่ากำลังพิมพ์อยู่นานสองนาน จากนั้นเมิ่งเซ่อก็ส่งข้อความมาข้อความหนึ่ง “ผมทำเสื้อผ้าของพี่เขาสกปรก ควรชดใช้ค่าซักให้พี่เขา”เมื่อเวินเหลียงเห็นก็แบมือ “ดูสิ ฉันบอกแล้ว...” ยังพูดไม่ทันจบ เมิ่งเซ่อก็ส่งมาอีกข้อความหนึ่ง “แล้วก็ พี่สาวคนนั้นสวยเป็นพิเศษด้วย”ถังซือซือแอบขำขึ้นมา ก่อนจะพูดอย่างหยอกล้อ “อาเหลียง เธอยังมีอะไรอยากจะพูดอีกไหม?”เวินเหลียงเบือนหน้าหนี ก่อนจะชำเลืองมองไปทางพวกเมิ่งเซ่ออย่างลวก ๆ ทีหนึ่ง ทว่าดันไปสบตากับเมิ่งเซ่ออย่างไม่ตั้งใจเข้าเธอรีบชักสายตากลับ รู้สึกเพียงอิหลักอิเหลื่อเป็นอย่างมากตอนนี้เธอยังไม่มีความคิดจะเริ่มต้นความรักครั้งใหม่ถึงมีเธอก็คงไม่เลือกคนที่เด็กกว่าตัวเองคงเป็นเพราะเธอเป็นคนที่ค่อนข้างขาดความรักคนหนึ่ง มีแนวโน้มว่าจะมองหาผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่และมีจิตใจมั่งคงหนักแน่นมากกว่า คนที่รับในตัวเธอได้ ทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นของคำว่า
ฟู่เจิงหยิบแหวนขึ้นมามองอยู่นานสองนาน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความยากจะเข้าใจเขาใส่แหวนลงไปในกล่องอีกครั้ง จากนั้นก็ปิดลังแล้วเอามันขึ้นไปชั้นบน…ตอนสองทุ่ม ภายในห้องวีไอพีของคลับแสงไฟสลัวกระหึ่มไปด้วยเสียงดังเจี๊ยวจ้าว เจียงมู่เปิดประตูห้องวีไอพีเข้ามา ทักทายกับพวกหานเฟิง ก่อนจะมองไปรอบ ๆ แล้วเดินไปที่มุมโซฟาเขานั่งลงข้างฟู่เจิง แล้วเปรยถามขึ้นประโยคหนึ่งว่า “ทำไมถึงมานั่งตรงนี้ล่ะ?”“เงียบสงบดี” ฟู่เจิงตอบ น้ำเสียงฟังดูราบเรียบไร้คลื่นใด ๆ“หย่าแล้ว?” เจียงมู่ล้วงห่อบุหรี่ออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ“อืม”เจียงมู่มองเขาทีหนึ่ง จากนั้นก็โยนบุหรี่ไปหนึ่งตัวฟู่เจิงใช้ไฟแช็กของเจียงมู่จุดบุหรี่ จากนั้นก็สูบและพ่นควันออกมา“ตอนนี้เธออยู่ไหน?” เจียงมู่พ่นควันออกมาสายหนึ่ง“ไปเที่ยวนอร์เวย์กับเพื่อน”เห็นฟู่เจิงสงบถึงขนาดนั้น เจียงมู่ก็มองเขาด้วยความสงสัยทีหนึ่ง “ปล่อยไปทั้งอย่างนี้? ถ้าเป็นผู้หญิงที่ฉันชอบนะ ฉันไม่มีทางให้เขาจากไปง่าย ๆ อย่างนี้หรอก!”ฟู่เจิงเงียบไป นิ้วชี้พลางเขี่ยขี้บุหรี่ จากนั้นก็ใส่เข้าไประหว่างฟันใหม่อีกครั้งปล่อยไปทั้งอย่างนี้ เขาจะยอมได้ยังไง?ถ้าปล่อยไ
คนที่ไม่รู้สถานการณ์พูดสมทบว่าใช่โดยเฉพาะบางคนที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะสอบถามข่าวคราวของฟู่เจิง เพิ่งมาปรากฏตัวที่นี่เป็นครั้งแรกเพราะอยากจะหาโอกาสสร้างความสัมพันธ์ลู่ฉางคงคิดว่าฟู่เจิงจะโกรธ ใครจะไปรู้ฟู่เจิงกลับเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจู่ ๆ ก็เอ่ยปากถามว่า “งั้นนายคิดว่า ใครคู่ควรกับฉันล่ะ?”คนคนนั้นนึกไม่ถึงว่าฟู่เจิงจะสนใจเขา ความปลื้มล้นออกจากคำพูด โพล่งปากออกมาว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นคุณฉู่อยู่แล้ว!”สีหน้าของฟู่เจิงไร้อารมณ์ ก่อนจะกวาดตามองไปที่พวกคนที่อยู่ข้างเขา แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า “พวกนายคิดกันแบบนี้เหรอ?”ทั้งสองสามคนมองหน้ากันทีหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่องฟู่เจิงนั่งอยู่ในเงามืด สีหน้าอึมครึมมองไม่ชัดเจน เขาเขย่าแก้วเหล้าเบา ๆ เงียบไปอยู่นานสองนานคนคนนั้นยังไม่สัมผัสถึงอะไรบางอย่าง เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “คิดว่าคุณฟู่กับคุณฉู่คงมีข่าวดีด้วยกันเร็ว ๆ นี้ใช่ไหมครับ?”“ปัง...”เสียงดังสนั่นสะเทือนรุนแรงดังขึ้นเสียงหนึ่งจู่ ๆ ฟู่เจิงก็ถีบโต๊ะตรงหน้าล้มลงไปเหล้าที่วางอยู่ด้านบนตกลงบนพื้นกระจายดังเพล้ง ๆ ๆ ๆ เหล้าสาดกระจัดกระจายสีหน้าของเขาข
เมื่อฟู่เจิงนึกถึงเรื่องที่ทำให้เขาหัวหมุน ก็ยิ่งดื่มถี่ขึ้นแก้วแล้วแก้วเล่าเจียงมู่ “…”พูดไปพูดมาเขาก็พูดกับฟู่เจิงว่าจะดื่มเป็นเพื่อน!เจียงมู่โน้มน้าวไม่ได้ผล เห็นฟู่เจิงดื่มไปไม่น้อยแล้ว เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะต่อสายโทรออกไปยังเบอร์ของเวินเหลียงเวินเหลียงในตอนนี้ อยู่ในอาคารผู้โดยสารขาออกที่สนามบินออสโล กำลังรอขึ้นเครื่องบินไปยังทรอมโซเธอเห็นสายโทรเข้าของเจียงมู่ ก็มองถังซือซือและจูฝานทีหนึ่ง ก่อนจะลุกไปรับสายที่ข้างหน้าต่าง“ฮัลโหล เจียงมู่? มีเรื่องอะไรเหรอ?”“อาเจิงกำลังดื่มเหล้าอยู่”เมื่อได้ยินชื่อของคนคนนั้น หัวใจของเวินเหลียงก็เต้นผิดจังหวะ “หมายความว่าอะไรยังไง?”เขาดื่มเหล้าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอไม่ทราบ?“เขาเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ยังต้องกินยาต่อ จะดื่มเหล้าไม่ได้ ฉันโน้มน้าวเขาไม่ได้ผล”“คุณจะให้ฉันไปโน้มน้าวเขางั้นเหรอ? แม้แต่คุณยังโน้มน้าวเขาไม่ได้ ฉันคิดว่าฉันยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เขาคงไม่ฟังฉันหรอก”“อย่าเพิ่งพูดเรื่องจะได้ผลหรือเปล่า อย่างน้อยก็ลองดูก่อน ที่เขาต้องได้รับบาดเจ็บร้ายแรงขนาดนั้นก็เพื่อช่วยเธอ เธอคงไม่อยากเห็นอาการเสียใจของเขากำเริบ
เวินเหลียงวางสายแล้วกลับไปยังที่นั่งถังซือซือเห็นเวินเหลียงดูหดหู่เล็กน้อย จึงถามเปรยขึ้นว่า “เมื่อกี้สายของใครเหรอ?”“เพื่อนคนหนึ่งน่ะ” เวินเหลียงกัดริมฝีปากล่าง“หึ เธอมีเพื่อนกี่คนฉันไม่รู้หรือไง เพื่อนที่เธอพูดถึงคงไม่ใช่อีตามืดบอดฟู่หรอกนะ?”เวินเหลียง “...”ถังซือซือเห็นว่าตัวเองทายถูก ก็พูดแซะขึ้นมาทันที “เขายังจะโทรมาทำไมอีก? ตอแยเธอ? อาเหลียง เธออย่าใจอ่อนยกโทษให้เขาเชียวนะ!”“ไม่มีทาง” เวินเหลียงเอ่ยขึ้นอย่างแน่วแน่ “เมื่อกี้เพื่อนของเขาโทรมา บอกว่าเขากำลังดื่มเหล้าอยู่ ให้ฉันไปโน้มน้าวหน่อย เขาได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยฉัน ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้”จูฝานพูดขึ้น “ฉันเชื่อว่าอาเหลียงคงไม่เลอะเลือนขนาดนั้นหรอก แต่แค่ตอนนี้ต้องให้เวลาเธอเดินออกมาหน่อย”ผ่านไปสองชั่วโมง พวกเวินเหลียงทั้งสามคนก็มาถึงทรอมโซออกมาจากสนามบิน พวกเธอก็นั่งรถเมล์ไปโรงแรมมองไปนอกรถเมล์ สองข้างถนนยังถูกปกคลุมไปด้วยรอยหิมะชั้นหนึ่งโรงแรมที่ถังซือซือจองเอาไว้คือออโรร่าครีโอล“ฉันเห็นในคำแนะนำบอกว่าโรงแรมนี้อยู่ติดกับท่าเรือ วิวดีมาก ๆ แถมชั้นดาดฟ้ายังมีออนเซ็นกลางแจ้งด้วย ถึงเวลานั้นจะได้ไป
พูดจบ เขาก็ออกไปอย่างดีอกดีใจมองเงาเบื้องหลังของเขา ถังซือซือก็ฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา แล้วพูดกับเวินเหลียงว่า “ดูท่าพวกเราจะมีวาสนาต่อกันจริง ๆ แบบนี้พบเจอกันได้ทั้งนั้น”เวินเหลียงยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรเธอรู้ว่าถังซือซือหมายความว่าอะไร แต่เธอไม่ได้คิดอะไรกับเมิ่งเซ่อจริง ๆกินข้าวเสร็จ พวกเขาก็กลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัยที่ห้อง จากนั้นก็ไปรวมตัวกับพวกเมิ่งเซ่อเขาที่โถงด้านล่างของโรงแรม และไปลานสกีด้วยกันคฤหาสน์ย่านซิงเหอวานฟู่เจิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา หลังเกิดอาการเมาค้างหัวเหมือนจะระเบิดออกมาอย่างนั้นเขาหลับตาลงอย่างสุดจะทนพลางยื่นมือออกไปลูบขมับข้างหูมีเสียงกรนครอก ๆ แว่วดังขึ้นมากระทั่งอาการปวดที่หัวเริ่มทุเลาลงมาบ้างแล้ว ฟู่เจิงถึงได้ลืมตาขึ้นมา ในมือลูบปุ๊กลุกที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ พร้อมทั้งมองเพดานอย่างเหม่อลอยเขาฝันว่าเวินเหลียงโทรมาหาเขา เป็นห่วงเขานัยน์ตาของฟู่เจิงประกายความขมขื่นออกมาสายหนึ่งก็มีแต่ในความฝันเท่านั้น ที่เธอจะทำกับเขาแบบนี้มีแต่ในความฝันเท่านั้น เขาถึงคลายความตรอมใจได้เขาคิดถึงเธอมากเหลือเกินคิดถึงจนจะเป็นบ้า คิดถึงจนกระทั่งหลับตาในหัว
“เรื่องนี้มีหลายจุดที่น่าสงสัย จุดแรกคือ คุณผู้หญิงมีเพื่อนสนิทอยู่ทางนั้นคนหนึ่ง ต่อมาหลังจากคุณผู้หญิงกลับประเทศ เพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงคนนี้ติดต่อคุณผู้หญิงมา แต่คุณผู้หญิงทำเหมือนไม่รู้จักเธอ เย็นชาใส่เธอมาก ๆ”“จุดที่สอง คนของฉันหาประวัติการคลอดของคุณผู้หญิงตามโรงพยาบาล ตามคลินิกทุกแห่งทางนั้น รวมถึงเมืองใกล้เคียงไม่เจอเลย ถ้าไม่ไปเมืองที่ไกลกว่านี้ ก็ถูกคนจงใจลบไปแล้ว”“อีกจุดหนึ่งคือ คุณผู้หญิงลาป่วยเป็นเวลานานขนาดนี้ต้องมีลงในใบทรานสคริปแล้ว แต่หลังจากคุณผู้หญิงกลับประเทศก็จัดการโอนหน่วยกิต และกลับกันแต่ละวิชาก็คะแนนยอดเยี่ยมมาก ไม่มีอะไรน่าแปลกเลย”สิ้นเสียงเลขาหยาง ฟู่เจิงก็ไม่ได้โต้ตอบกลับอยู่นานสองนานกระทั่งเลขาหยางเริ่มรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย ก่อนจะเรียกเตือนสติว่า “ประธานฟู่?”“สืบต่อไป นอกจากนี้ผมไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้”“เข้าใจแล้วค่ะ”พอฟู่เจิงวางสาย เขาก็โยนโทรศัพท์ไปบนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะยื่นมือไปเล่นปุ๊กลุกสองทีปุ๊กลุกยังไม่รู้ประสีประสาเท่าไร มันกอดนิ้วของฟู่เจิงเอาไว้ จากนั้นก็ใช้ฟันน้ำนมน้อย ๆ แทะสุดแรง สำหรับฟู่เจิงแล้วกลับไม่ต่างอะไรกับอาการจั๊กจี้เลย
ลู่เย่าพูดอีกว่า “ได้ยินว่าวิธีที่ดีที่สุดในการเดินออกจากความสัมพันธ์หนึ่งก็คือเข้าสู่ความสัมพันธ์ใหม่ ผมว่าคุณเวินคงตัดสินใจแล้ว!”ฟู่เจิงกัดฟันดังกรอด ๆ ในใจก็เดือดปุด ๆ ไปในขณะเดียวกัน พร้อมทั้งมีความปวดจี๊ดใจพองขึ้นมาอีกเล็กน้อยความเปรี้ยวและฝืดประเภทนั้นเอ่อขึ้นมาตรงคอเขา ทำให้ในปากของเขาผุดความขมและความเปรี้ยวขึ้นมาเธอเริ่มก้าวไปข้างหน้าแล้วมีแต่เขาที่ยังติดอยู่ที่เดิม คอยมองเงาเบื้องหลังเธอตาไม่กะพริบ หวังว่าเธอจะหันหลังกลับมาเพียงแต่เธอผิดหวังกับเขาเหลือเกิน คงไม่หันกลับมาแล้วทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอคงไม่มีวันอภัยให้เขา แต่ฟู่เจิงก็ยังไม่ยอมละเลิกเขาตอบกลับลู่เย่าไปว่า “พยายามคิดหาวิธีขวางพวกเขาเอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม! ฉันจะไปนอเวย์เดี๋ยวนี้!”ไอ้เด็กคนนั้นกล้ามาแตะต้องเวินเหลียง เขาจะต้องให้ไอ้เด็กคนนั้นชดใช้!ลู่เย่าตอบมาอย่างรวดเร็ว “โอเค”ลู่เย่า “ผมจะให้คนช่วยคุณถ่วงเวลาเอาไว้ คุณก็รีบมาเร็วเข้าล่ะ”ทันใดนั้นฟู่เจิงก็ต่อสายไปหาเลขาหยางทันที “ช่วยจองตั๋วไปทรอมโซให้ผมหนึ่งใบ ขอเร็วที่สุด!”“ได้ค่ะ”สำหรับผลลัพธ์แบบนี้นั้น เลขาหยางไม่แปลกใจเลยเที