หลังจากออกจากบ้านใหญ่ เวินเหลียงก็นำสัมภาระไปยังที่พักของถังซือซือถังซือซือไม่ได้พักอยู่ที่บ้าน แต่อยู่ในเพนท์เฮ้าส์ตามลำพัง มีพื้นที่กว้างขวาง ทัศนวิสัยสว่าง ผ่อนคลายมากเวินเหลียงคิด เอาไว้เธอกลับมาจากการท่องเที่ยวแล้วก็ซื้อเพนท์เฮ้าส์อยู่เองสักห้องได้แต่นั่นคือเรื่องในอนาคตถังซือซือแพลนเส้นทางการเที่ยวเรียบร้อยแล้วหลายวันก่อนตอนที่มาเยี่ยมเวินเหลียงก็เอาพาสปอร์ตของเวินเหลียงไปทำวีซ่า ซื้อตั๋วเครื่องบินและเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเวินเหลียงเก็บสัมภาระของตัวเองอยู่ในเพนท์เฮ้าส์ของถังซือซืออีกครั้งคืนวันนั้น เวินเหลียง ถังซือซือและจูฝานมุ่งหน้าไปยังสนามบิน เตรียมเริ่มออกเดินทางไปท่องเที่ยวสถานีแรกของพวกเขา นั่นก็คือนอร์เวย์นอร์เวย์หมายถึงถนนที่ทะลุทางเหนือ เป็นหนึ่งในห้าประเทศยุโรปเหนือ การท่องเที่ยวที่นอร์เวย์ในฤดูหนาวคือการเล่นสกีและดูแสงเหนือเป็นหลักและตามแผนการของถังซือซือ พวกเขาจะไปตามแสงเหนือเป็นหลัก สัมผัสกับคนและวัฒนธรรมของนอร์เวย์ เล่นสกีเป็นแค่ของแถมเท่านั้นแสงเหนือคือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง ท้องนภาซึ่งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ยามค่
หลังจากเกิดอุบัติเหตุ เธอไม่เคยได้รับคำขอโทษจากคนขับรถเลย มีแต่เงินชดเชยที่ศาลบังคับและเรื่องจากเวินเหลียงจะให้ลงโทษคนขับรถอย่างหนัก ดังนั้นเงินชดเชยจึงไม่มาก แต่เงินส่วนนี้แทบจะเป็นทรัพย์สินทั้งหมดของคนขับรถบรรทุกแล้วถ้าเธอเป็นแค่เด็กกำพร้าทั่วไป คิดจะเอาเงินส่วนนี้ยังไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไรขณะนั้นเรื่องจากฐานะของพ่อจึงมีคนให้ความสนใจกับอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก ด้วยความช่วยเหลือจากคุณปู่ฟู่และคนจากวงการต่าง ๆ รวมถึงสื่อ คนขับรถเรื่องจากดื่มสุราแล้วขับรถจนทำให้คนถึงแก่ความตายจากนั้นยังหลบหนีจึงถูกตัดสินจำคุกเจ็ดปี และนี่ก็เป็นบทลงโทษที่ค่อนข้างหนักแล้วและตอนนี้เจ็ดปีผ่านไป คนขับออกจากเรือนจำก็เป็นเรื่องปกติถึงไม่ว่าจะเป็นบทลงโทษหนักขนาดนี้ก็ชดเชยความสูญเสียจากการเสียพ่อของเวินเหลียงไม่ได้ แต่เวินเหลียงก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเห็นได้ชัดว่าคนขับรถบรรทุกจำเธอไม่ได้ เขาเดินผ่านหน้าเธอไปและเข้าห้องน้ำชาย“อาเหลียง เธอกำลังดูอะไรเหรอ?”ถังซือซือออกมาจากห้องน้ำ เห็นเวินเหลียงเหม่อลอยจึงมองไปตามสายตาของเธอ และมองเข้าไปในห้องน้ำชาย แต่ไม่พบอะไร“ไม่มีอะไร” เวินเหลียงส่ายหน้า “พวกเราไปกั
ตอนที่เขาติดจีพีเอส เวินเหลียงกำลังเหม่ออยู่ ยังนึกว่าตัวเองไม่ทันระวังชนเขา ไม่สงสัยสักนิดแสงมืดแวบเข้ามาในดวงตาของฟู่เจิง วางสายโทรศัพท์ทันที จากนั้นก็เปิดแอปพลิเคชันหนึ่งในโทรศัพท์มือถือพร้อมกลั้นลมหายใจเหมือนอย่างที่คิด ในแผนที่ปรากฏจุดสีฟ้า กำลังหยุดอยู่ที่สนามบินนานาชาติเจียงเฉิงฟู่เจิงอมยิ้มเล็กน้อยแล้วหลับตาเขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพูดกับเลขาหยางที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโซฟา “ไปทำเรื่องออกโรงพยาบาลให้ผมหน่อย”เลขาหยางอึ้ง “ประธานฟู่ คุณยังไม่หายดีเลยนะคะ”“ไม่เป็นไร”เห็นเลขาหยางยังยืนเฉย ฟู่เจิงจึงเงยหน้ามองไป “ยังไม่ไปอีก?”เลขาหยางยังลังเล “ประธานฟู่คะ มีเรื่องหนึ่งฉันไม่รู้ว่าคุณทราบหรือเปล่า สมควรบอกคุณหรือเปล่า”“เรื่องอะไร?”“เกี่ยวกับคุณผู้หญิงค่ะ”เธอรู้ว่าประธานฟู่รีบร้อนออกจากโรงพยาบาลก็เพราะอยากไปหาคุณผู้หญิงถึงคุณผู้หญิงจะเป็นคนดี แต่เจ้านายของเธอคือประธานฟู่ เธอไม่อยากเห็นประธานฟู่ถูกปิดหูปิดตาเกี่ยวกับเวินเหลียง?ฟู่เจิงเลิกคิ้ว “ว่ามา”แล้วพูดขึ้นอีก “ผมจะไม่โทษคุณ”เลขาหยางลังเลแล้วจึงเอ่ยปาก “ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณผู้หญิงแท้ง คุณเคยเห็นประวัต
หมอไม่เข้าใจข้อสงสัยของฟู่เจิง “ใช่สิคะ ผู้หญิงที่เคยมีลูกก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ คุณเวินถือว่าเป็นคุณแม่ที่ฟื้นฟูได้ดีแล้วนะ ดูไม่ออกเลยว่าเคยมีลูก! ลูกคนโตคุณคงสามสี่ขวบแล้วสิ?”เลขาหยางลมหายใจชะงัก ไม่กล้าผ่อนลมดัง เหล่ตามองฟู่เจิงแวบหนึ่งเห็นเพียงฟู่เจิงหน้าดำยิ่งว่าท่านเปาฟู่เจิงดวงตาลุ่มลึก มืดสนิทเหมือนบ่อลึก ถามเสียงหนัก “คุณแน่ใจนะครับว่าไม่ได้ตรวจผิด?”“ตรวจผิด?” หมองงฟู่เจิงไขความกระจ่าง “ตอนนี้ผมยังไม่มีลูกเลยนะครับ”อารมณ์บนใบหน้าของหมอมีรอยแตกทันทีฟู่เจิงไม่มีลูก?ดังนั้น?ดังนั้นเวินเหลียงหลอกให้แต่งงานด้วยเหรอ?ให้ตาย คนหนึ่งมีนอกใจ อีกคนหลอกให้แต่งงาน สุดท้ายไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอยู่ด้วยกันไม่ได้ เหมือน ๆ กันนั่นแหละ!หมอสบตากับสายตาคมกริบของฟู่เจิงและอธิบาย “ไม่ได้ตรวจผิดแน่นอนค่ะ ไม่มีทางที่ฉันจะมองผิด อีกอย่างประวัติการรักษานี่ก็มีหมอคนอื่นเซ็นด้วย ถ้าคุณไม่เชื่อจะเรียกเขามาถามก็ได้!”เห็นฟู่เจิงหน้าตาขมึงทึง หมอนึกอะไรขึ้นได้จึงพูด “ก่อนหน้านี้ไม่นานคุณกับคุณเวินครบรอบแต่งงานสามปี? ดูจากการฟื้นฟูของคุณเวิน ตอนที่คลอดน่าจะเป็นเรื่องเมื่อสามสี่ปีก่อ
พอนึกถึงว่าความเป็นไปได้นี้เป็นความจริง ฟู่เจิงก็ทั้งเปรี้ยว ทั้งขื่น ทั้งขม ทั้งเค็ม ทั้งโกรธ ทั้งโมโห! เอ็นเขียวบนหน้าผากเต้นตุบ ๆ กัดฟันกรามกรอด พยายามหักห้ามความหุนหันที่จะปะทุ!ลูกของเขากับเวินเหลียงไม่ได้เกิดออกมาแต่เธอกลับเคยมีลูกกับผู้ชายคนอื่น!!!ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?!!!ใช่ผู้ชายคนแรกของเธอหรือเปล่า?!!เขากลับให้เวินเหลียงคลอดลูกตามลำพัง และไม่รับผิดชอบต่อเธอ?!ถ้าให้เขารู้นี้ เขาต้องจับคนคนนั้นมาสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้นแน่!!!ก่อนหน้านี้เวินเหลียงอยากไปเมืองนอกกับโจวอวี่ตลอด หรือว่าผู้ชายคนนั้นก็คือโจวอวี่?!พวกเรามีรังรักอยู่เมืองนอก?!ตอนที่เวินเหลียงอยู่ปีสาม พวกเขาก็คบหากันแล้ว?!มุมมืดมิดหนึ่งในหัวใจดวงไฟลุกโชนโหมกระหน่ำฉับพลัน ไฟพุ่งสูงมาก ยิ่งไหม้ก็ยิ่งร้อนแรง แทบจะกลืนกันสติทั้งหมดของฟู่เจิง!เลขาหยางยืนพิงกำแพงเหมือนเสาต้นหนึ่งอยู่นอกห้องผู้ป่วย เงี่ยหูฟังเงียบ ๆในห้องไม่มีเสียงอะไรเลยเหมือนไม่มีคนอยู่เลขาหยางคิดในใจ ตอนนี้ประธานฟู่คงกำลังเสียใจมากแน่ กำลังนึกความทรงจำอยู่คนเดียวเงียบ ๆ เงียบบาดแผลในใจเงียบ ๆ ย่อยสลายความระทมทั้งหมดเงียบ ๆเพล้ง...ใ
“อือ”ฟู่เจิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแววตาอับไร้แสง ราบเรียบไร้คลื่น มืดลึกเหมือนหลุมดำ ในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยเนื่องจากไม่ได้หลับทั้งคืน รอยยับตรงหนังตาทั้งสองจึงลึกกว่าเดิม คิ้วกดลงต่ำมาก ท่าทางแข็งกร้าว เนื้อตัวแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายออกมา เขาลุกขึ้นยืนแล้วข้ามสิ่งของบนพื้นตรงไปยังห้องข้าง ๆเลขาหยางตามเขาอยู่ข้างหลัง เทน้ำวางให้เขาบนโต๊ะแล้วถาม “ประธานฟู่ มีอะไรให้ฉันไปจัดการไหมคะ?”เธอไม่เชื่อว่าพอรู้ข่าวแล้ว ฟู่เจิงจะไม่ทำอะไรเลยฟู่เจิงนั่งลงบนโซฟา สองขาวเรียวยาวทับซ้อนกัน นั่งพิงแบบขี้เกียจ นวดหว่างคิ้วด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ระหว่างที่ยกมือเผยให้เห็นนาฬิกาเหล็กตรงข้อมือเขายกแก้วขึ้นมาจิบคำหนึ่งช้า ๆ แล้วพูดเสียงขรึม “หาคนไปสืบดูว่าตอนคุณผู้หญิงเรียนปีสามที่เมืองนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น ละเอียดหน่อย”นั่งสลดอยู่ในห้องพักผู้ป่วยทั้งคืน สูบบุหรี่ทั้งคืน ในที่สุดเขาก็สงบสติอารมณ์ได้ นึกถึงความผิดปกติของเรื่องอันดับแรก เขามีเรื่องที่สับสนอยู่เรื่องหนึ่ง การท้องครั้งนี้เห็นชัดว่าเวินเหลียงเป็นมือใหม่ ไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าเวินเหลียงเคยมีลูกจริงก็น่าจะมีประสบการณ์บ้างอย่างที่สอง
อาคารเป็นสไตล์กอทิกคลาสสิก หอคอยสูงแหลม ลายเส้นชัดเจน รีบง่ายสว่าง ใหญ่โตอลังการ หน้าต่างหลังคาทรงกลม มีเสาต้นเล็กสูงเรียงราย และมีรูปแกะสลักคนตั้งอยู่สองฝั่งจูฝานรับถุงมาจากมือเธอแล้วชี้เวินเหลียง “ให้อาเหลียงถ่ายให้เธอแล้วกัน!”จูฝานคือตากล้องมืออาชีพ แต่เขามองออกว่าเวินเหลียงไม่ค่อยสนใจเท่าไร อยากให้เวินเหลียงมีความรู้สึกร่วม เบิกบานใจทีละน้อย“อาเหลียง เธอถ่ายให้ฉันหน่อยสิ!” ไม่รอให้เวินเหลียงปฏิเสธ ถังซือซือก็ยัดโทรศัพท์มือถือกับมือของเวินเหลียงด้วยความจนใจ เวินเหลียงจึงได้แต่หามุมหนึ่งถ่ายให้ถังซือซือสองสามรูปถังซือซือเอาโทรศัพท์มาดูแล้วพลันอุทาน “โห! ใช้ได้นี่ อาเหลียงถ่ายรูปให้ฉันซะสวยเลย!”จูฝานไปดูทีหนึ่งแล้วยิ้มพูด “อาเหลียงมีทักษะนะเนี่ย ฉันว่าต่อจากนี้เธอก็มาเป็นตากล้องของพวกเราเถอะ!”“หา?” เวินเหลียงขมวดคิ้วสวยถังซือซือสมทบ “นั่นสิ ๆ ๆ เธอมาเป็นตากล้องของเราเถอะ! ห้ามปฏิเสธนะ เธอมาเที่ยวทั้งที ถ่ายรูปก็ไม่ถ่าย งั้นก็มาเป็นตากล้องให้เราเถอะ!!”“ก็ได้” เวินเหลียงรับปากเธอคิดว่าตัวเองควรทำอะไรเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเหมือนกันมื้อค่ำเป็นร้านหม้อไฟ ร้านอาหารจีนท
ถังซือซือยิ้มพลางเอ่ยว่า “ดูก่อนก็แล้วกัน ไม่งั้นนายก็แอดไลน์ฉัน?”ชายหนุ่มมองเวินเหลียงทีหนึ่ง เห็นเธอไม่มีเจตนาอยากจะแอดไลน์ จึงทำได้เพียงแอดไลน์ของถังซือซือไปก่อน “เรียบร้อยครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ”เขามองเวินเหลียงอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า “พี่ครับ ถ้าเสื้อผ้าพี่ซักไม่สะอาดละก็ รีบมาหาผมเลยนะครับ”“ได้เลย” ถังซือซือตอบกลับแทนเวินเหลียงรอเมื่อชายหนุ่มจากไป ถังซือซือก็มองเวินเหลียง “ให้ตายเถอะ เสี่ยวอาเหลียง อย่าทำตัวเย็นชาขนาดนั้นจะได้ไหม!”เวินเหลียงเงยหน้าขึ้นมา “ฉันทำแบบนั้นเหรอ?”“เปล่างั้นเหรอ?” ถังซือซือถลึงตาโต “เขาอุตส่าห์แสดงความจริงใจ เธอก็เอาแต่ทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ได้ ยังเย็นชาไม่พอหรือไง?”เวินเหลียงสำลักไป “ฉันรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นก็แค่นั้นเอง”เวินเหลียงรู้ปัญหาของตัวเองข้อนี้นานแล้ว หรือว่าอาจเพราะไปไหนมาไหนคนเดียวจนชินแล้ว นอกจากลูกค้าที่ต้องรักษาเอาไว้ เมื่อเธออยู่กับเพื่อน เธอมักเป็นฝ่ายถูกเข้าหามากกว่าอธิบายในหนึ่งประโยคก็คือ ถ้าเธอมาฉันจะต้อนรับขับสู้ แต่ถ้าเธอไม่มาฉันก็สบาย ๆเธอไม่ได้หวังอยากจะมีเพื่อนเยอะ ๆ อย่างเมื่อครู่นี้หากไม่จำเป็นต้องไปมาหาสู่กัน เ