ฉู่ซืออี๋มองฟู่เจิงแบบไม่อยากจะเชื่อ ทันใดนั้นก็พูดไม่ออกปัจจุบันสภาพแวดล้อมของวงการบันเทิงในประเทศไม่ได้ใช้ความสามารถ แต่ต้องมีเส้นสายไม่รู้ว่ามีนักแสดงที่มีฝีมือตั้งเท่าไรถูกกดขี่ให้ต้องเล่นบทเล็ก ๆ ไม่ได้ลืมตาอ้าปากเพราะไม่มีเส้น และนักแสดงนำที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมไม่มีทักษะการแสดงสักนิดกลับผุดขึ้นมาคนแล้วคนเล่าในเจียงเฉิง ตระกูลฉู่นับว่าพอมีชื่อแต่ฉู่ซืออี๋รู้ พ่อของเธอก็คนคือไม่เอาถ่านคนหนึ่ง ไม่มีประโยชน์สักนิด รู้จักแต่กินดื่มเที่ยวเล่น กลับชอบคุยโตโอ้อวดหยิ่งผยอง ส่วนลุงที่ดูเป็นมิตร ความจริงกลับเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนถ้าเธอไม่มีฟู่เจิงหนุนหลัง ลุงคงไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจต่อหน้าแล้วเธอจะเสียทุกอย่างในตอนนี้ไปไม่ได้!ฉู่ซืออี๋มองฟู่เจิง ปั้นหน้าเป็นทุกข์บางส่วน ความริษยาแวบผ่านดวงตา หมัดที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่น เล็บทิ้งรอยจันทร์เสี้ยวตรงฝ่ามือหลายรอย“อาเจิง คุณต้องทำอย่างนี้ให้ได้ใช่ไหมคะ? คุณแค้นฉันขนาดนั้นเลยเหรอ? คุณรู้หรือเปล่าว่าพอคลิปให้สัมภาษณ์ของคุณแพร่ออกไป พวกเขาพากันด่าว่าฉันเป็นมือที่สามที่แทรกแซงชีวิตคู่ของพวกคุณ...”“หรือว่าคุณไม่เคยมีความคิดน
สามวันต่อมา แฮชแท็กหนึ่งในอันดับค้นหายอดฮิตทำให้อินเทอร์เน็ตเดือดเมืองอวิ๋นสุ่ยเปลี่ยนตัวนางเอกไป๋เหมี่ยว กองถ่ายคัดเลือกคนใหม่พอเชื่อมโยงกับคลิปสัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ ชาวเน็ตต่างสันนิษฐานว่าฟู่เจิงแตกหักกับฉู่ซืออี๋แล้วชาวเน็ตที่เซนซิทีฟประหนึ่งเชอร์ล็อกโฮล์มส์ พบว่าหน้าเพจทางการของฟู่ซื่อถอดแอมบาสเดอร์ของฉู่ซืออี๋แล้วเหมือนกันดูท่าฟู่เจิงคิดจะเป็นชายประเสริฐสักครั้ง หวนคืนสู่ครอบครัว?พอได้รับการแจ้งนี้ ผู้กำกับเฉินทั้งตกใจทั้งดีใจแต่โดยรวมแล้ว ดีใจมากกว่าตกใจที่ตกใจคือ ตามความคืบหน้าการถ่ายทำในตอนนี้ ถ้าเปลี่ยนตัวนางเอก จะต้องถ่ายบางฉากใหม่ เสียเวลา เสียกำลัง เสียเงินทองที่ดีใจคือ ถึงยังไงผู้ลงทุนก็เป็นคนควักเงินถ่ายซ่อม ทางผู้ลงทุนเป็นคนกำหนดตัวฉู่ซืออี๋แต่ต้น เขาไม่มีทางเลือก ตอนนี้สามารถเลือกนางเอกตามเงื่อนไขของตัวเองได้แล้ว เปลืองเวลาเปลืองแรงหน่อยจะเป็นอะไรไปเหตุจากเรื่องนี้ ผู้รับผิดชอบการลงทุนของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์จึงจัดเลี้ยงอาหารในห้องอาหารส่วนตัวแห่ง เชิญผู้กำกับเฉินและฟู่เจิงมาที่ตั้งของห้องอาหารส่วนตัวแห่งนี้อยู่ในหลืบ อยู่ในส่วนลึกของซอย ต้องจอด
ฟู่เจิงเปล่งเสียงด้วยความโกรธทีหนึ่ง ใช้เท้าข้างหนึ่งถีบคนกระเด็น อีกฝ่ายกุมท้องหมอบอยู่กับพื้น กระอักเลือดปนน้ำย่อยคำหนึ่ง“พอ อย่า...” หนึ่งในนั้นคิดจะถอยตกลงกันไว้แล้วว่าให้คนแซ่ฟู่โดนสั่งสอนหน่อยเท่านั้นแต่เวลานี้คนที่เหลือต่อสู้กันจนเลือดขึ้นหน้า แต่ละกระบวนท่าดุดันรุนแรง ไม่รู้จักหยุดมือ ลืมการนัดแนะในตอนแรกไปหมดฟู่เจิงตั้งการ์ดป้องกันในตอนนี้เอง จู่ ๆ ก็มีคนถือมีดเข้ามาหาจากข้างหลัง คมมีดตรงมายังตำแหน่งหัวใจด้านหลังของฟู่เจิง“อาเจิง! ระวัง!”‘ฉึก’ เสียงหนึ่ง คมมีดแทงเข้าเนื้อกาย“อ๊า...” ผู้หญิงร้องเสียงหลง ปอดฉีกหัวใจแหลกลาญ……วันที่ยี่สิบสี่เดือนตุลาคมเวลาบ่ายสองโมงสิบแปดนาที เกิดเหตุแทงกันที่ถนนกว่างโจวเมืองเจียงเฉิง มีผู้ได้รับบาดเจ็บสองคน เวลานี้กำลังเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว คดีนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการข้อความข่าวเด้งขึ้นมาเวินเหลียงกำลังตั้งใจทำงานจึงไม่ได้ใส่ใจกระทั่งผ่านไปสิบนาที ถังซือซือผู้เกาะติดกระแสข่าวแชร์ลิงก์มาให้ “อาเหลียง เธอดูผู้ชายในคลิปวินาทีที่ห้าสิบเจ็ดสิ เหมือนอีตามืดบอดนั่นหรือเปล่า?”นิ้วมือของเวินเหลียงชะงัก ใช้เม
เวินเหลียงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ นึกถึงข่าวที่ดูเมื่อกี้แล้วถาม “ไม่ใช่ว่าคุณไปโรงพยาบาลแล้วเหรอ? ทำไมไม่ทำแผลเสียทีเดียวเลยล่ะ?”“ใครบอกว่าฉันไปโรงพยาบาล?”“ข่าวว่างั้น บอกว่าผู้บาดเจ็บสองคนถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว”“ฉันไม่ได้ไปโรงพยาบาล”ฟู่เจิงเห็นเวินเหลียงยืนนิ่งไม่ขยับจึงพูดอีกรอบ “อาเหลียง เธอช่วยฉันหน่อย”เวินเหลียงเห็นแผลคมมีดตรงบ่ากับแขนของเขา นอกจากนั้นยังมีรอยฟกช้ำดำเขียวอีกบางแห่งนัยน์ตาเธอแวบเสงหนึ่ง ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่ในใจกลับสนในบางส่วน“คุณไปทำแผลที่โรงพยาบาลเถอะ?” นิ่งเงียบพักหนึ่ง แต่แล้วก็ยังตัดใจพูด“ไม่ไป โรงพยาบาลคนเยอะ ไม่รู้ว่าจะเจอกับนักข่าวหรือเปล่า”เขาไม่ชอบเปิดเรื่องส่วนตัวของตัวเองต่อสาธารณชนและไม่อยากให้เวินเหลียงรู้ว่าฉู่ซืออี๋บาดเจ็บเพราะเขา“งั้นฉันเรียกเลขาหยางเข้ามา?”“เขาไม่อยู่ ไปทำงานอื่นแล้ว”“งั้นเลขาคนอื่นของคุณ...”“เธอไม่สมัครใจก็ช่างเถอะ ฉันทำเอง”ฟู่เจิงหลุบตาลง หัวเราะเยาะเย้ยตัวเองทีหนึ่ง ก่อนจะเปิดกล่องยาตรงหน้าแล้วรื้อหายากับผ้าพันแผลเขาถูยาบนแผลสะเปะสะปะ แล้วพันผ้าเป็นเงอะ ๆ งะ ๆ บูด ๆ เบี้ยว ๆกว่าจะพันได้ส
ฟู่เจิงขมวดคิ้วเป็นปมมุ่น ดวงตามืดสนิท “เธอไม่เชื่อคำพูดของฉันเหรอ?”เวินเหลียงหลุบตาลง นิ่งไปพักหนึ่ง “ฉันเคยเชื่อคุณมาก แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว”เขาใช้ความจริงเป็นบทเรียนแก่เธอ ให้เธอเข้าใจว่าที่แท้ก็เชื่อถือคนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนทั้งหมดไม่ได้เพราะอีกฝ่ายคือคนที่หลอกเธอได้ง่ายที่สุด เป็นคนที่หลอกใช้ความเชื่อถือเธอของเธอปั่นหัวเธอง่ายที่สุดเขาทำลายความเชื่อมั่นที่เธอมีต่อเขาเองฟู่เจิงนิ่งไป ความขื่นขมส่งมาถึงลำคอ “อาเหลียง ฉัน...”เวินเหลียงขัดคำพูดของเขา “ไม่ว่ายังไงฉู่ซืออี๋ก็บาดเจ็บเพราะคุณ คุณจะทิ้งเขาอยู่โรงพยาบาลไม่สนใจไม่ได้ ไปเยี่ยมเขาเถอะ ฉันจะกลับไปทำงานแล้ว”เธอหมุนตัวจากไปฟู่เจิงยื่นมืออยากคว้าอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายแขนเสื้อของเธอก็เคลื่อนออกจากมือของเขาไป ไม่หลงเหลืออะไรทั้งนั้นฟู่เจิงหดหู่ยืนอยู่กับที่ รับกรรมที่ก่อ……ฉู่ซืออี๋ฟื้นจากการหมดสติ โพรงจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อข้างตัวมีแต่หวังเหยียน“อาเจิงล่ะ?” ฉู่ซืออี๋ถามอย่างอ่อนแอหวังเหยียนส่ายหน้าแล้วชี้ไปนอกประตู “เขาไม่ได้มาโรงพยาบาล แต่ส่งเลขาคนสนิทมาแทน”ความผิดหวังแล่นผ่านดวงหน้าฉู่
หวังเหยียนและเลขาหยางนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในมุมร้านกาแฟร้านแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาล สั่งกาแฟคนละแก้ว“เลขาหยางมีอะไรก็เชิญพูดได้เลยค่ะ”เลขาหยางยิ้ม “ประธานฟู่ให้ฉันบอกกับคุณหวัง ใฝ่สูงไม่ผิด แต่ต้องมีความสามารถที่คู่ควรกับการใฝ่สูงด้วย ไม่อย่างนั้นก็คือรนหาที่ตาย”หวังเหยียนหน้าเครียด “ฉันไม่เข้าใจค่ะ ประธานฟู่หมายความว่ายังไงคะ?”“ครั้งนั้นที่ประธานฟู่กับผู้อำนวยการเวินถูกถ่ายที่หน้าโรงละคร คุณเป็นคนให้คนเผยแพร่ใช่ไหมคะ?”“อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ที่ฉันกล้าพูดอย่างนี้ แน่นอนว่าเพราะประธานฟู่ให้คนสืบชัดเจนแล้ว”หวังเหยียนหน้าถอดสี“อีกอย่าง คุณเคยติดต่อกับหม่าเหอและจางเฉียง”หวังเหยียนลมหายใจติดขัด “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร!”คิดไม่ถึง แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ฟู่เจิงจะให้คนสืบสาวราวเรื่องทั้งหมดชัดเจนแล้ว!เลขาหยางยิ้มอย่างมั่นใจ น้ำเสียงราบเรียบ “หม่าเหอ จางเฉียงกับผู้ถือหุ้นสี่คนถูกตำรวจจับดำเนินคดีแล้วค่ะ”หวังเหยียนยังคงฝืน “แล้วยังไงคะ?”“คุณทำได้มิดชิดมาก แต่ถ้าไม่อยากให้คนรู้ นอกเสียจากไม่ทำ! คิดว่าคนของประธานฟู่หน่อมแน้มจริง ๆ เหรอคะ?”เลขาหยางรู้ คนที่ขึ้นมาถึงตำ
แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว คิดจะเป็นคนที่อยู่เหนือคน ที่แท้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณนายฟู่ แต่ขึ้นอยู่กับฟู่เจิงต่อให้ฉู่ซืออี๋ได้เป็นคุณนายฟู่ แต่ถ้าฟู่เจิงไม่ชอบเธอ เธอยังต้องเกลือกกลั้วอยู่ข้างล่างอยู่ดีก็เหมือนกับที่ฟู่เจิงถอดนางเอกเมืองอวิ๋นสุ่ยของฉู่ซืออี๋ ถอดแอมบาสเดอร์ของฉู่ซืออี๋ งานอื่น ๆ ในมือทั้งหมดก็พลอยยกเลิกสัญญาไปด้วย เธอทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งเอาไว้ กลับทำอะไรไม่ได้เลย คำพูดของหวังเหยียนราวกับการตีแสกหน้า ทำจนฉู่ซืออี๋มึนงงอยู่กับที่ “หวังเหยียน เธอจะทิ้งฉันเหรอ? เธออย่าเพิ่งไปจากฉันสิ ฉันยังไม่ยอมแพ้นะ!”ฉู่ซืออี๋น้ำเสียงร้อนรน พยายามลุกขึ้นนั่ง กลับกระชากถูกแผล เจ็บจนเธอจำต้องนอนลง“หัวใจของฟู่เจิงไม่ได้อยู่กับเธอ ทำอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ความจริงเธอไปเมืองนอกก็ดี ไม่แน่ว่าจะเป็นโอกาสได้ลุกขึ้นยืนใหม่ แต่ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอไม่ได้ เธอดูแลตัวเองดี ๆ เถอะ”พูดจบ หวังเหยียนก็ออกจากห้องพักผู้ป่วยเธอไม่อยากติดคุก ต่อไปต้องใช้ชีวิตแบบเจียมเนื้อเจียมตัว“หวังเหยียน! หวังเหยียน...” ฉู่ซืออี๋ร้อนรน ตะโกนเรียกชื่อของหวังเหยียนฉู่ซืออี๋เห็นหวังเหยียนออกไปพลันตาโต ดวงตาแดงก่ำ
“อ้อ” เสิ่นฮุ่ยขานรับไปอย่างนั้นเลขาของฉู่เจี้ยนจวินเดินขึ้นชั้นสอง“เอกสารอะไรน่ะ?” เสิ่นฮุ่ยถามคนอย่างฉู่เจี้ยนจวิน ก้าวก่ายงานในบริษัทไม่ได้ ยังจะมีเอกสารสำคัญอะไรส่งมาที่บ้านอีก?เลขาของฉู่เจี้ยนจวินชะงัก ซ่อนเอกสารไว้ข้างหลัง “ไม่มีอะไรครับ เป็นแค่เอกสารทั่วไปเฉย ๆ”เสิ่นฮุ่ยมองเลขานิดหน่อย ไม่ได้พูดอะไรแล้วจึงปัดมือเลขาโล่งอก วางเอกสารไว้ในห้องทำงานและออกจากบ้านตระกูลฉู่เสิ่นฮุ่ยมองเงาหลังของเลขา รู้สึกอยู่ตลอดว่ามีลับลมคมใน อย่างกับกำลังปิดบังอะไรเธออยู่เธอหยิบบัวรดน้ำไปรดน้ำกระถางต้นไม้ในห้องทำงานแล้วเหล่มองบนโต๊ะทำงานทีหนึ่ง ไม่เห็นเอกสารในมือของเลขานี่ทำให้เสิ่นฮุ่ยยิ่งอยากรู้เธอวางบัวรดน้ำไว้ข้าง ๆ แล้วรื้อโต๊ะรอบหนึ่งสุดท้ายจึงเจอซองเอกสารที่เลขาเพิ่งเอามาอยู่ข้างใต้สุดของลิ้นชักที่สามพอแกะออกดู เสิ่นฮุ่ยพลันตาโต สีหน้าตกตะลึงในซองเอกสารเป็นใบรับรองการตรวจดีเอ็นเอฉบับหนึ่งผลลัพธ์ชี้ว่าตัวอย่างเอและตัวอย่างบีมีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกันตามชีววิทยาคงจะเป็นที่ตรวจดีเอ็นเอเอกชน ผลการตรวจฉบับนี้ไม่ได้ระบุตัวตนของตัวอย่างเอและตัวอย่างบีแต่ใบรับรองการตร
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง