แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว คิดจะเป็นคนที่อยู่เหนือคน ที่แท้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณนายฟู่ แต่ขึ้นอยู่กับฟู่เจิงต่อให้ฉู่ซืออี๋ได้เป็นคุณนายฟู่ แต่ถ้าฟู่เจิงไม่ชอบเธอ เธอยังต้องเกลือกกลั้วอยู่ข้างล่างอยู่ดีก็เหมือนกับที่ฟู่เจิงถอดนางเอกเมืองอวิ๋นสุ่ยของฉู่ซืออี๋ ถอดแอมบาสเดอร์ของฉู่ซืออี๋ งานอื่น ๆ ในมือทั้งหมดก็พลอยยกเลิกสัญญาไปด้วย เธอทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งเอาไว้ กลับทำอะไรไม่ได้เลย คำพูดของหวังเหยียนราวกับการตีแสกหน้า ทำจนฉู่ซืออี๋มึนงงอยู่กับที่ “หวังเหยียน เธอจะทิ้งฉันเหรอ? เธออย่าเพิ่งไปจากฉันสิ ฉันยังไม่ยอมแพ้นะ!”ฉู่ซืออี๋น้ำเสียงร้อนรน พยายามลุกขึ้นนั่ง กลับกระชากถูกแผล เจ็บจนเธอจำต้องนอนลง“หัวใจของฟู่เจิงไม่ได้อยู่กับเธอ ทำอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ความจริงเธอไปเมืองนอกก็ดี ไม่แน่ว่าจะเป็นโอกาสได้ลุกขึ้นยืนใหม่ แต่ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอไม่ได้ เธอดูแลตัวเองดี ๆ เถอะ”พูดจบ หวังเหยียนก็ออกจากห้องพักผู้ป่วยเธอไม่อยากติดคุก ต่อไปต้องใช้ชีวิตแบบเจียมเนื้อเจียมตัว“หวังเหยียน! หวังเหยียน...” ฉู่ซืออี๋ร้อนรน ตะโกนเรียกชื่อของหวังเหยียนฉู่ซืออี๋เห็นหวังเหยียนออกไปพลันตาโต ดวงตาแดงก่ำ
“อ้อ” เสิ่นฮุ่ยขานรับไปอย่างนั้นเลขาของฉู่เจี้ยนจวินเดินขึ้นชั้นสอง“เอกสารอะไรน่ะ?” เสิ่นฮุ่ยถามคนอย่างฉู่เจี้ยนจวิน ก้าวก่ายงานในบริษัทไม่ได้ ยังจะมีเอกสารสำคัญอะไรส่งมาที่บ้านอีก?เลขาของฉู่เจี้ยนจวินชะงัก ซ่อนเอกสารไว้ข้างหลัง “ไม่มีอะไรครับ เป็นแค่เอกสารทั่วไปเฉย ๆ”เสิ่นฮุ่ยมองเลขานิดหน่อย ไม่ได้พูดอะไรแล้วจึงปัดมือเลขาโล่งอก วางเอกสารไว้ในห้องทำงานและออกจากบ้านตระกูลฉู่เสิ่นฮุ่ยมองเงาหลังของเลขา รู้สึกอยู่ตลอดว่ามีลับลมคมใน อย่างกับกำลังปิดบังอะไรเธออยู่เธอหยิบบัวรดน้ำไปรดน้ำกระถางต้นไม้ในห้องทำงานแล้วเหล่มองบนโต๊ะทำงานทีหนึ่ง ไม่เห็นเอกสารในมือของเลขานี่ทำให้เสิ่นฮุ่ยยิ่งอยากรู้เธอวางบัวรดน้ำไว้ข้าง ๆ แล้วรื้อโต๊ะรอบหนึ่งสุดท้ายจึงเจอซองเอกสารที่เลขาเพิ่งเอามาอยู่ข้างใต้สุดของลิ้นชักที่สามพอแกะออกดู เสิ่นฮุ่ยพลันตาโต สีหน้าตกตะลึงในซองเอกสารเป็นใบรับรองการตรวจดีเอ็นเอฉบับหนึ่งผลลัพธ์ชี้ว่าตัวอย่างเอและตัวอย่างบีมีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกันตามชีววิทยาคงจะเป็นที่ตรวจดีเอ็นเอเอกชน ผลการตรวจฉบับนี้ไม่ได้ระบุตัวตนของตัวอย่างเอและตัวอย่างบีแต่ใบรับรองการตร
“เดี๋ยวค่ะ ฉันแค่เตือนคุณเฉย ๆ อาจเข้าใจผิดกันก็ได้! คุณอย่าบอกเขานะคะว่าฉันบอกคุณ”อีกฝ่ายรีบตอบ “ทราบแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่เตือน ฉันจะไม่บอกว่าเป็นคุณแน่ค่ะ!”หลังจากจบการสนทนากับฉู่ซืออี๋ เธอก็โทรไปหาเลขาอู๋ทันที “คนแซ่อู๋ นายสารภาพกับฉันมาซะดี ๆ นะว่ามีกิ๊กอยู่ข้างนอกใช่ไหม?”“ที่รัก เธออย่าใส่ความฉันนะ ฉันไปมีข้างนอกตั้งแต่เมื่อไร?”“ฉันใส่ความนายยังไง? เพื่อนฉันบอกว่าวันที่สิบเจ็ดเห็นนายอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง โอบ ๆ กอด ๆ กัน กลัวว่านายจะทำผิดต่อฉันก็เลยตามไปดู ใครจะรู้ว่านายไปแผนกสูตินรีเวช ถึงกับท้องแล้ว! นายอธิบายมาให้ชัดเลยนะ!!”“อยู่กับผู้หญิงอะไร? ท้องอะไร? ไม่มีเรื่องอย่างนี้สักหน่อย!”“นายแน่ใจนะ เพื่อนฉันไม่จำเป็นต้องโกหกฉันหรอก ฉันจะไปสืบที่โรงพยาบาลฮาร์โมนี่เดี๋ยวนี้แหละ...”“เดี๋ยว! ยาหยี ฉันนึกออกแล้ว!”พอได้ยินว่าโรงพยาบาลฮาร์โมนี่ เลขาอู๋ก็สะดุ้ง จะให้เธอไปสืบไม่ได้นะ“งั้นนายยังไม่รีบพูดมาอีก?”“วันที่สิบเจ็ด...ความจริงมันเป็นความเข้าใจผิดทั้งเพ! ครั้งนั้นฉันผ่านแยกเฉียนเจียง ใจลอยกำลังคิดอะไรอยู่ ลืมมองถนนเกือบถูกรถชน ตอนที่หลบไปชนกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้า แต่
“ต้องเป็นมันแน่! ตึกฟู่ซื่ออยู่ที่ถนนเฉียนเจียง!” เสิ่นฮุ่ยร้องเสียงแหลม สองตาจ้องเวินเหลียงในภาพ ในดวงตามีความแค้นแฝงอยู่เสี้ยวหนึ่งจู่ ๆ เธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ด่าขึ้นมาด้วยความโกรธ “หลินเจียหมิ่น! ต้องเป็นนังแพศยาหลินเจียหมิ่นแน่ ๆ! มิน่าตอนที่ฉันเห็นเวินเหลียงแวบแรกถึงรู้สึกคุ้น ๆ!”ก่อนฉู่เจี้ยนจวินจะแต่งงานมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับหลินเจียหมิ่น ไม่นึกว่าแต่งงานแล้วยังติดต่อกัน!ยี่สิบกว่าปีต่อมา นังแพศยาเวินเหลียงยังแย่งผู้ชายของลูกสาวเธออีก!คนประเภทเดียวกันก็ต้องอยู่ด้วยกันจริง ๆ สองแม่ลูกต่ำตมเหมือนกัน!ของเล่นที่มีคู่นอนมากหน้าหลายตา ไม่มีผู้ชายแล้วจะตาย!ฉู่ซืออี๋ยังคงไม่ค่อยอยากเชื่อ จะมีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เลยเหรอ เวินเหลียงเป็นลูกสาวนอกสมรสของพ่อเธอเธอใช้เส้นสายขอคลิปที่อยู่ริมถนนมาอีกในคลิป เวินเหลียงนั่งอยู่รถยนต์สีดำคนหนึ่งจนถึงช่วงที่ไม่ไกลจากตึกฟู่ซื่อ จากนั้นรถก็เหมือนขัดข้องจึงจอดเรียบข้างถนน เวินเหลียงลงจากรถ เดินเท้าไปถึงแยกเฉียนเจียงและเข้าตึกฟู่ซื่อไปในที่สุดพอขยายดูป้ายทะเบียนรถคันสีดำ ฉู่ซืออี๋พลันรูม่านตาหดเล็ก สายตามืดมน นิ่งไปสองสามวินาทีก่อน
ตอนนี้เขายังอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ?ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร รถตู้จึงจอดเวินเหลียงถูกผู้ชายสองคนลากตัวออกมาจากรถตู้ แล้วโยนลงบนพื้นเหมือนขยะสองมือของเวินเหลียงถูกมัดจึงยันตัวไม่ได้ ใบหน้ากระแทกกับพื้นจนเจ็บแสบไปหมด เธอนอนอยู่บนพื้น ลุกขึ้นมาไม่ได้เธอพยายามเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองดูรอบ ๆฟ้ามืดแล้ว ภายใต้แสงจันทร์สลัว พอเห็นเค้าโครงทิวทัศน์โดยรอบได้ราง ๆที่นี่คือสุสาน“อื้อ!”จู่ ๆ ความเจ็บรุนแรงก็ส่งมาจากแผ่นหลังรองเท้าส้นสูงกำลังเหยียบหลังของเวินเหลียงอยู่ ย่ำแรง ๆ ส้นเท้าแหลมกระตุ้นผิวเนื้อตรงหลังของเวินเหลียง กดจนเธอหายใจไม่ออก“นังชั้นต่ำ! แกก็มีวันนี้เหมือนกัน!”เจ้าของรองเท้าส้นสูงมาถึงตรงหน้าเวินเหลียง เธอก้มตัวลงแล้วบีบคางของเวินเหลียง สำรวจใบหน้าที่คุ้นเคยเมื่อก่อนหลินเจียหมิ่นก็ใช้หน้าอย่างนี้แหละ ล่อลวงจนฉู่เจี้ยนจวินหลงหัวปักหัวปำ!เวินเหลียงมองดูหญิงแปลกหน้าตรงหน้า กำลังสับสนอยู่ในใจจู่ ๆ อีกฝ่ายก็ตบหน้าเธอแรง ๆ‘เพียะ’ ทีหนึ่ง เสียงดังเต็มส่วน ท่ามกลางสุสานที่เงียบสงัด เสียงนี้ดังชัดเจนที่สุด ตบจนเวินเหลียงล้มลงกับพื้น ใบหน้าครึ่งดวงเจ็บแสบก่อน จาก
“เพล้ง...”โถอัฐิแตกเถ้ากระดูกฝุ่นผงปนกระดูกที่ไหม้ไม่หมดสีขาวเทากระจายเต็มพื้น“ไม่!”เวินเหลียงมองทุกอย่างนี้นิ่ง ๆ สายหมอกบดบังตรงหน้า หยาดน้ำตาเอ่อล้นออกมาจากกรอบดวงตาอย่างควบคุมไม่อยู่ ไหลอาบแก้ม ระคนความเจ็บแสบยุบยิบก่อนจะไหลลงไปกับเลือดพ่อ!ขอโทษค่ะ!เป็นความผิดของหนูเอง!เพราะหนูถึงทำให้พ่อตายแล้วยังต้องถูกคนลบหลู่!เวินเหลียงทุรนทุรายอยู่บนพื้นอย่างหนัก อยากลุกขึ้นยืนแต่ผู้ชายข้างหลังเหยียบหลังของเธอ เธอก็เลยขยับไม่ได้เสิ่นฮุ่ยเห็นท่าทางสิ้นหวังของเวินเหลียงพลันอารมณ์ดีมาก แค่นเสียงเย็นดังหึ “ยกให้พวกแกแล้วนะ! ทางที่ดีก็เอาให้เละไปเลย นังร่านชั้นต่ำ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าถึงตอนนั้นฟู่เจิงยังจะเอามัน!”พูดจบเธอก็หมุนตัวจากไปผู้ชายสามคนใช้สายตากะลิ้มกะเหลี่ยกวาดมองทั่วเรือนร่างของเวินเหลียง พลิกตัวเธอแล้วลูบไล้ตัวเธอพลางฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเธออย่างป่าเถื่อน“นังนี่หุ่นใช้ได้เลยแฮะ! สะบึ้มจริง ๆ!” ผู้ชายลูบพลางหัวเราะหยาบโลน“นี่ผู้หญิงของฟู่เจิงเชียวนะ ได้นอนสักครั้งก็คุ้มแล้ว!”“...”แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีแสงไฟส่องมาจากที่ไกล ๆใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ตามด้วยเสียงเครื่อง
“นัง...นังแพศยา!”ฉู่เจี้ยนจวินอารมณ์โกรธจู่โจมหัวใจ ตะคอกแล้วฟาดฝ่ามือลงไปนังชั่วนี่!มันทำลายอนาคตของตระกูลฉู่หมดแล้ว!เสิ่นฮุ่ยถูกตบหน้าหัน มองฉู่เจี้ยนจวินแบบไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาอำมหิต “คุณกล้าตบฉันเหรอ?! ฉู่เจี้ยนจวิน ฉันขอสู้ตายกับคุณแล้ว!”เสิ่นฮุ่ยเอื้อมมือไปข่วนหน้าของฉู่เจี้ยนจวินจนเป็นรอยเลือดหลายรอยฉู่เจี้ยนจวินไม่ยอมแพ้เหมือนกัน กระชากผมของเสิ่นฮุ่ยทั้งสองลงไม้ลงมือกันในช่วงกำลังชุลมุน ฉู่เจี้ยนจวินเหยียบพลาดกำลังจะดึงเสิ่นฮุ่ยเอาไว้ แต่เสิ่นฮุ่ยลับผลักเขาออกไปตามสัญชาตญาณ!ฉู่เจี้ยนจวินร้องเสียงหลง กลิ้งตกบันไดลงไป พอถึงพื้นเสียงก็เงียบเสิ่นฮุ่ยยืนอยู่บนบันได มองฉู่เจี้ยนจวินที่อยู่ข้างล่าง สมองพลันว่างเปล่าไม่กี่วินาทีให้หลังเธอจึงได้สติ รีบลงบันไดแล้วนั่งยองลงข้างตัวฉู่เจี้ยนจวิน ผลักเขาสองที “ฉู่เจี้ยนจวิน? คุณเป็นไงบ้าง? อย่ามาแกล้งกันนะ!”ฉู่เจี้ยนจวินนิ่งเสิ่นฮุ่ยกำลังคิดว่าจะผลักต่อ แต่จู่ ๆ ก็เห็นกองเลือดบนพื้นที่หลังศีรษะของเขาสัมผัสอยู่ หน้าถอดสีทันที!เธอยื่นมือออกไปทดสอบลมหายใจของฉู่เจี้ยนจวินช้า ๆ หัวใจหยุดนิ่ง ทรุดตัวนั่งอยู่บนพื้นฉู่ซ
โรงพยาบาลพอไฟสีแดงของห้องฉุกเฉินเปลี่ยนเป็นสีเขียว หมอและพยาบาลก็เดินออกมาจากข้างในฟู่เจิงรีบลุกขึ้นยืน “หมอครับ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ?”หมอถอดหน้ากากอนามัยออกและถอนหายใจ “คนไข้ตั้งครรภ์มีภาวะแท้งคุกคาม ต่อไปต้องนอนรักษาครรภ์อยู่บนเตียง แผลที่หน้าเป็นแผลภายนอก กลับเป็นเรื่องรอง หายแล้วก็ใช้พวกยาลบรอยแผลเป็นเป็นประจำร่วมกับการใช้เครื่องมือ น่าจะไม่เหลือรอยแผลเป็นชัดนัก”คนไข้ตั้งครรภ์?ภาวะแท้งคุกคาม?ฟู่เจิงยืนอึ้งอยู่กับที่ ครู่หนึ่งแล้วจึงถามเสียงหนัก “หมอ คุณว่าอะไรนะครับ? ภรรยาผมท้องเหรอ?”หมอมองฟู่เจิงด้วยความประหลาดใจทีหนึ่ง รู้สึกอีกฝ่ายดูคุ้นหน้า แต่กลับคิดไม่ออกว่าเป็นใครแค่ย้อนถามเสียงเข้ม “คุณเป็นสามีประสาอะไร? ภรรยาคุณท้องสี่เดือนแล้วคุณเพิ่งจะรู้เหรอ??”ฟู่เจิงหน้าแข็งทื่อ ถามแบบเหลือเชื่อเล็กน้อย “สี่เดือน?”สี่เดือนก่อนฉู่ซืออี๋ยังไม่กลับมา ความรักของพวกเขายังมั่นคงมากนานขนาดนี้แล้วเหรอ?เวินเหลียงรู้หรือเปล่าว่าตัวเองท้อง?ครั้งนั้นเขาถามเธอ ถ้าพวกเรามีลูก เธอยังจะเลือกหย่าไหม?เธอตอบว่าถึงมีลูก เธอก็ไม่ให้เกิดออกมาดังนั้นเธอไม่รู้ว่าตัวเองท้องเหร