เวินเหลียงอึ้งไป ก่อนจะมองฟู่เจิงทีหนึ่งเมื่อครู่เธอยังคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ที่แท้เขาก็จงใจงั้นเหรอ?“มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน” ฟู่เจิงปฏิเสธหานเฟิงไม่ฟัง ยื่นมือไปแผ่ไพ่ของฟู่เจิงฟู่เจิงเร็วกว่าก้าวหนึ่ง เขาดันไพ่เข้าไปในกองปฏิกิริยานี้ของเขา ใครมองไม่ออกบ้าง?หานเฟิงตะโกนโวยวาย “ไม่ได้สิ ตานี้ไม่นับ นี่พวกนายเล่นตุกติกกัน!”ฟู่เจิงหัวเราะ ไม่ได้สนใจเขา ก่อนจะมองไปที่เวินเหลียง “ดึกมากแล้ว กลับไปกันไหม?”“โอเคค่ะ”“ไม่เล่นอีกสักสองตาเหรอ?” หานเฟิงเอ่ย“วันหลังค่อยรวมตัวกันใหม่ พวกนายเล่นกันไปเถอะ วันนี้ฉันเลี้ยง”หลังฟู่เจิงทักทายกับคนอื่นเสร็จ ก็จูงมือเวินเหลียงออกไปทั้งสองคนกำลังรอลิฟต์กันอยู่ ในจังหวะนี้เอง ก็มีสองสามคนเข้ามาจากที่ไม่ไกลมาก คนที่เดินนำมาตัวไม่สูง และมีพุงพลุ้ย เมื่อเห็นฟู่เจิง ก็เดินเข้ามาพร้อมทั้งใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะตะโกนเรียกขึ้นว่า “ประธานฟู่”ฟู่เจิงเห็นผู้มาเยือน บนใบหน้าไร้ความรู้สึก “คุณฉู่”ฉู่เจี้ยนกั๋ว “ไม่นึกเลยว่าจะเจอประธานฟู่ที่นี่ บังเอิญจริง ๆ”หลังทั้งสองคนทักทายกันสองสามประโยค ฉู่เจี้ยนกั๋วก็หัวเราะพลางเอ่ยว่า “ซื
หากวันนี้คนที่อยู่ข้างฟู่เจิงเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาก็จะไม่เป็นกังวล แต่ดันเป็นเวินเหลียงฐานะของเวินเหลียงพิเศษ ชาติกำเนิดของเธอทั่ว ๆ ไป ภูมิหลังธรรมดา สู้ลูกสาวตระกูลไฮโซคนอื่นไม่ได้ แต่ว่าเธอได้รับความชื่นชอบของคุณท่านฟู่เป็นอย่างมากส่วนฟู่เจิงเองก็ถูกคุณท่านฟู่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ รักและผูกพันธ์กับคุณท่านเป็นอย่างมากหากคุณท่านฟู่คลุมถุงชนฟู่เจิงกับเวินเหลียง ภายใต้ความกตัญญูของฟู่เจิง เขาไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอนซึ่งก็หมายความว่าเวินเหลียงเป็นภัยคุกคามใหญ่ต่อซืออี๋ผู้ช่วย “ประธานฉู่ครับ ให้สะกดรอยตามไหมครับ?”ฉู่เจี้ยนกั๋ว “ไม่ต้อง ในเมื่อประธานฟู่ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงทางธุรกิจอะไร งั้นก็คงเป็นเรื่องส่วนตัว พวกเราอย่าไปรบกวนเขาเลย”เขารู้สึกอายุยืนเกินไปแล้วสินะถึงได้กล้าสะกดรอยตามฟู่เจิงผู้ช่วย “ครับ ประธานฉู่”กลับมาถึงบ้าน คนรับใช้ก็เอาน้ำมาให้แก้วหนึ่ง พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นว่า “คุณท่านคะ คุณท่านรองมาได้สักพักหนึ่งแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังรอคุณอยู่ในห้องทำงานค่ะ”คุณท่านรองที่เธอเอ่ยถึงคือพ่อของฉู่ซืออี๋ ฉู่เจี้ยนจวินครั้นฉู่เจี้ยนกั๋วได้ยินชื่อนี้ ก็ขมวดคิ้วมุ่นพร้อม “อืม
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมแค่อยากจะพูดว่า ซืออี๋ทำความดีความชอบให้กับบริษัทมากมาย พี่ใหญ่พี่เป็นลุงของซืออี๋ คงไม่ปฏิบัติต่อเธออย่างขาดความยุติธรรมหรอกใช่ไหม? ซืออี๋เป็นบุคคลที่ทำผลงานยิ่งใหญ่ให้บริษัท แต่ว่าตอนนี้เธอกลับไม่มีหุ้นในบริษัทเลยสักนิด แบบนี้เหมาะสมเหรอครับ?”ฉู่เจี้ยนกั๋วรู้ดี ที่ฉู่เจี้ยนจวินอ้างฉู่ซืออี๋ขึ้นมา จุดประสงค์ในท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นอยากได้หุ้นก็เท่านั้นเขาไม่ได้โต้แย้งกับฉู่เจี้ยนจวิน ทว่ากลับพูดว่า “พูดถึงซืออี๋ งั้นฉันขอถามหน่อย ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับฟู่เจิงเป็นยังไงบ้าง?”“แน่นอนว่าต้องดีอยู่แล้ว สองสามวันก่อนยังจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ซืออี๋อยู่เลย พี่ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ?” บนใบหน้าของฉู่เจี้ยนจวินเผยสีหน้าของความภาคภูมิใจออกมาในชีวิตนี้เขาคิดจะทำอะไรก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าไปหมด ทว่ากลับมีลูกสาวดี ตอนนี้เดินออกไปทางไหน ใครไม่ประจบแจงเขาด้วยคำพูดดี ๆ บ้าง?“แน่ใจเหรอ?”“ผมจะโกหกพี่ไปทำไม?” ฉู่เจี้ยนจวินมองเขาอย่างเหยียดหยาม “ตอนนี้ซืออี๋เป็นคุณนายน้อยในอนาคตของตระกูลฟู่ นี่เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”“ฉันว่าไม่นะ”“พี่ใหญ่ นี่พี่หมา
“วันนี้ถ่ายละครเสร็จหรือยัง?”“เพิ่งถ่ายเสร็จ กลับโรงแรมแล้ว”“ซืออี๋ พ่อมีอะไรอยากจะถามลูกหน่อย ตอนนี้ฟู่เจิงปฏิบัติกับลูกยังไงบ้าง? ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกลูกเป็นยังไงบ้าง? เขาพูดถึงเรื่องแต่งงานกับลูกบ้างหรือเปล่า?”ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นฉู่ซืออี๋ตอบสนองเช่นนี้ สีหน้าของฉู่เจี้ยนจวินก็เคร่งขรึมขึ้นมาดูท่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซืออี๋กับฟู่เจิงจะอยู่ในช่วงวิกฤติจริง ๆบนใบหน้าของฉู่เจี้ยนกั๋วเต็มไปด้วยความกังวล ทว่าในใจกลับลอบถอนหายใจ ระหว่างซืออี๋กับฟู่เจิงเกิดปัญหาขึ้น ต่อไปฉู่เจี้ยนจวินคงไม่มีกะจิตกะใจมาขอแบ่งหุ้นกับเขาแล้วเขารู้ว่ายิ่งฉู่ซืออี๋กับฟู่เจิงสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉู่เจี้ยนจวินก็ยิ่งพอใจ หากพวกเขาแต่งงานกันจริง ๆ สองพ่อลูกฉู่เจี้ยนจวินก็จะมีฟู่เจิงคอยหนุนหลัง ไม่แน่ว่าบริษัทจะตกไปอยู่ในกรรมสิทธิ์ของพวกเขาทว่าฉูเจี้ยนกั๋วไม่อยากเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หุ้นเหล่านั้นเดิมทีก็ควรเป็นของเขาอยู่แล้ว“พ่อ ทำไมจู่ ๆ ถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?” ฉู่ซืออี๋เอ่ย“ลูกตอบพ่อมาตามความจริง ตกลงพวกลูกมันยังไงกันแน่? จะบอกลูกให้นะ วันนี้ลุงใหญ่ของลูกเจอฟู่เจ
และคะแนนก็ยอดเยี่ยมสุด ๆครั้งนี้เธอรับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเธอกับฟู่เจิงอีกแล้วตอนแรกเพื่อเดินตามรอยเขา เธอจึงเลือกเรียนสาขาการตลาดของคณะการบริหารและเศรษฐศาสตร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงิน เธอขยันเป็นอย่างมาก ถึงรักษาคะแนนให้อยู่ในลำดับต้น ๆ ได้ส่วนเขากลับเรียนอย่างสบาย ๆ ตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย เขาก็เรียนจบไปแล้ว ทว่าในมหาวิทยาลัยยังคงล่ำลือตำนานของเขาอยู่ ในหอรำลึกพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ในศิษย์เก่ากิตติมศักดิ์ เขาติดในยี่สิบอันดับ ทั้งที่ลำดับด้านหน้าล้วนเป็นศาสตราจารย์และนักวิชาการที่อายุเกินครึ่งร้อย ในขอบเขตของแต่ละสาขาวิชาต่างคนต่างก็มีชื่อเสียงบารมีและคุณูปการอันสูงส่ง“กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่น่ะ?” ฟู่เจิงถามขึ้น“เปล่า...” เวินเหลียงส่ายหน้าฟู่เจิงไม่ได้พูดคุยต่อในหัวข้อบทสนทนานี้ ทว่าเปลี่ยนเป็นหัวข้อสนทนาอื่น“คืนพรุ่งนี้มีค็อกเทลปาร์ตี้ จะไปกับฉันไหม?” ฟู่เจิงถามเวินเหลียงเงียบไป หลายปีมานี้เธอเข้าร่วมปาร์ตี้ประเภทนี้น้อยมาก ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะงานยุ่งเกินไป อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะไม่ชอบ คนในแวดวงไม่ค่อยเห็นเธอในสายตาเท่าไร เธอเองก็ไม่ชอบ
เช้าวันต่อมาขณะที่เวินเหลียงเพิ่งตื่น ฟู่เจิงตื่นแล้วเขาแต่งกายเรียบร้อย นั่งรอเธอมาทานข้าวเช้าด้วยกันอยู่ข้างโต๊ะ หลังทานอาหารเช้าเสร็จก็ไปบริษัทด้วยกันประตูห้องทำงานถูกเคาะดังขึ้น เวินเหลียงเงยหน้าขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ “เข้ามา”ผู้อำนวยการเวิน เลขาหยางบิดมือจับประตูเดินเข้ามาจากด้านนอก “ประธานฟู่ให้ฉันเอาเอกสารมาให้คุณค่ะ”“วางไว้ตรงนี้เลยค่ะ” เวินเหลียงชี้โต๊ะทำงานด้านหน้า“ค่ะ”หลังเลขาหยางออกไป เวินเหลียงก็ก้มหน้า แล้วหยิบแฟ้มเอกสารที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่านสิ่งที่ใส่เอาไว้ในแฟ้มเอกสาร ไม่ใช่เอกสารสำคัญอะไร แต่เป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง เนื้อหาเป็นกำหนดการเดินทางในช่วงหนึ่งอาทิตย์นี้ของฟู่เจิง รายละเอียดทุกอย่าง รวมไปถึงงานเลี้ยงทางธุรกิจในตอนกลางวันและกลางคืนของทุกวันก่อนหน้านี้เขาเองก็จะรายงานกำหนดการเดินทางกับเธอเช่นกัน แต่ไม่ได้ละเอียดขนาดนั้นก็เหมือนกับเที่ยงวันนี้ ฟู่เจิงมีนัดทานข้าวในจังหวะนี้เองข้อความของเขาก็ถูกส่งเข้ามา “ตอนเที่ยงฉันไม่อยู่บริษัท สั่งให้คนสั่งอาหารเที่ยงมาให้เธอแล้ว หลังกินข้าวเสร็จ ไปพักที่ห้องพักของฉันสักเดี๋ยวก็ได้”“โอเค”พักงานตอนเที่ยง
โต๊ะกลมยากจะจัดลำดับอาวุโส ที่ที่ฟู่เจิงนั่งเป็นที่นั่งหลัก ซ้ายขวาเป็นอู๋หลิงและรองหัวหน้าอีกคนสั่งอาหารเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว หลังทุกคนนั่งลงไม่นานก็มาเสิร์ฟครบอู๋หลิงถามฟู่เจิงแยกในไลน์ว่าชอบกินอะไร ฟู่เจิงตอบกลับมาเพียงแค่ประโยคหนึ่ง “แล้วแต่คุณเลย ถามความคิดเห็นของทุกคนดู”อู๋หลิงเองก็ไม่ดีที่จะถามอะไรมากมายอีกทำงานร่วมกันมาหลายปีขนาดนี้ เธอกับฟู่เจิงร่วมทานอาหารโต๊ะเดียวกันมาหลายครั้ง ทว่าไม่เคยเห็นฟู่เจิงชอบอาหารจานไหนเป็นพิเศษเลยมีความเป็นผู้ใหญ่และมีจิตใจมั่งคงหนักแน่น ไม่แสดงอารมณ์ว่าโกรธหรือดีใจ ฟู่เจิงขยับตะเกียบ พนักงานคนอื่นเองก็ถึงได้ค่อย ๆ เริ่มกินกันทุกแผนกล้วนมีคนที่สดใสมีชีวิตชีวาคนถึงสองคน แผนกประชาสัมพันธ์เองก็ไม่มีข้อยกเว้น ไม่นานบนโต๊ะก็ครึกครื้นขึ้นมาฟู่เจิงพิงพนักพิงเก้าอี้ บีบแก้วเหล้า ตอบโต้คนอื่น ๆ อยู่เป็นครั้งคราวบางคนก็เป็นแบบนั้น นั่งอยู่ตรงนั้น ก็สามารถทำให้คนอื่นสัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามที่สั่งสมมาเป็นเวลานานได้อู๋หลิงหยิบตะเกียบกลางขึ้นมา ก่อนจะคีบผักกวางตุ้งไปใส่ในจานที่อยู่ตรงหน้าฟู่เจิงคำหนึ่ง “ไม่รู้ว่าประธานฟู่ชอบกินอันนี้หรือเปล่
หลังกินมื้อค่ำเสร็จ ทุกคนต่างก็เดินไปที่คาราโอเกะเหล่าพนักงานขยับเขยื้อนกันแล้ว ทว่าฟู่เจิงยังนั่งอยู่กับที่ไม่กระดุกกระดิกอู๋หลิงยิ้มพลางเอ่ย “ทำไมประธานฟู่ไม่ไปล่ะคะ?”เห็นฟู่เจิงไม่ตอบ อู่หลิงก็ถามต่อว่า “เค้กที่ฉันสั่งเอาไว้อยู่ที่คาราโอเกะ ไม่ว่ายังไงประธานฟู่ก็ต้องกินเค้กนะคะถึงจะได้”รองหัวหน้าเองก็พูดโน้มน้าวว่า “ประธานฟู่ คาราโอเกะอยู่ข้าง ๆ นี่เอง คุณไปนั่งเฉย ๆ คงไม่เสียเวลาเท่าไรหรอก”“ได้ครับ ไปกันเถอะ” ฟู่เจิงหยิบเสื้อโค้ตที่อยู่บนพนักพิงเก้าอี้ขึ้นมารองหัวหน้ารีบประจบประแจงรับมามาถึงยังห้องวีไอพีร้านคาราโอเกะ มีคนกำลังตัดเพลงและเลือกเพลงแล้วฟู่เจิงหาตำแหน่งที่อยู่ตรงมุมนั่งลง ก่อนจะยกมือขึ้นคลายคอเสื้อแขนซ้ายของเขาพาดอยู่บนที่พักแขนบนโซฟา เขาขมวดคิ้วเบา ๆไม่รู้ทำไม รู้สึกว่าปวดหัวหน้ามืดอยู่นิดหน่อย“ประธานฟู่คะ ไม่สบายหรือเปล่าคะ? ดื่มน้ำหน่อยสิคะ” อู๋หลิงเห็นท่าทางของฟู่เจิง เธอรินน้ำเปล่าใส่แก้วใช้แล้วทิ้งไปวางไว้ตรงหน้าฟู่เจิง“ขอบคุณครับ” ฟู่เจิงเงยหน้าขึ้นมองอู๋หลิงทีหนึ่งอู๋หลิงยิ้มให้ฟู่เจิงฟู่เจิงยกแก้วน้ำขึ้นมา ก่อนจะจิบน้ำอู๋หลิงชอบเขา
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง