“อาเจิง คุณอย่าออกแรงที่มือคุณขนาดนั้นสิ” ฉู่ซืออี๋เอ่ยฟู่เจิงไม่ได้ตอบอะไร ทว่าสายตากลับมองไปที่มุมโถงทุกคนทำเป็นว่าการพูดคุยโต้ตอบของพวกเขาเป็นการหยอกล้อกันการหยอกล้อระหว่างเต้นรำ ก็ไม่ได้มีอารมณ์อีกอย่างหนึ่งจริง ๆเวินเหลียงยังจำวันนั้นที่เธอเต้นรำกับฟู่เจิงได้ เขายั่วจนแก้มของเธอแดงแจ๋ ราวกับกระชับความเหินห่างเข้ามาในชั่วพริบตาเดียว เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจถ้าไม่ใช่เพราะสายของฉู่ซืออี๋ คืนนั้นพวกเขาก็คงเข้าได้เข้าเข็มกันแล้วแต่น่าเสียดายที่มันไม่มีคำว่าถ้าฉู่ซืออี๋ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างพวกเขาไม่ได้เพลงแรกจบลง แขกในงานเองก็ทยอยจับคู่เต้นรำเช่นกันฟู่เจิงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาปล่อยมือของฉู่ซืออี๋ ฉู่ซืออี๋พลิกมือมารั้งเขาเอาไว้“อาเจิง ไม่เต้นต่อแล้วเหรอ?”ฟู่เจิงตอบ “สิ่งที่ผมรับปากคุณเอาไว้ ทำไปหมดแล้ว”ฉู่ซืออี๋แค้นใจจนกัดริมฝีปาก คว้าแขนเสื้อของฟู่เจิงเอาไว้ไม่ยอมปล่อยฟู่เจิงมองมือของเธอทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นชืด ๆ ว่า “ที่นี่คนเยอะ ผมไว้หน้าคุณแล้ว คุณอย่าฉีกหน้าตัวเองสิ”ฉู่ซืออี๋ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงปล่อยแขนเสื้อของฟู่เจิง“ซืออี๋ คุณคงเคยได้ย
เวินเหลียงยืนอยู่นอกวง เธอไม่ได้มีทีท่ารีบร้อนจะเบียดเข้าไปข้างในโจวอวี่ถาม “เธออยากกินเค้กไหม? ไม่งั้นฉันช่วยไปเอาให้เธอชิ้นหนึ่งก็ได้”“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันไปเอาเอง จะได้ถือโอกาสอวยพรวันเกิดให้คุณฉู่ด้วย”โจอวี่รู้สึกว่าที่เวินเหลียงพูดมีเหตุผลเป็นอย่างมาก เขาพยักหน้า “ก็ดี”หารู้ไม่ความคิดของเวินเหลียงนั้นตรงกันข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิงงานเลี้ยงวันเกิดของฉู่ซืออี๋ เดี๋ยวก็จะสิ้นสุดลงอย่างราบรื่นแล้ว หากเธอปรากฏตัวต่อหน้าฉู่ซืออี๋ในนาทีสุดท้าย ยิ้มพลางเอ่ยสุขสันต์วันเกิดกับเธอ ไม่รู้ว่าสีหน้าของฉู่ซืออี๋จะปั้นยากขนาดไหนเริ่มมีคนออกจากงานไปแล้วคนที่ล้อมรอบรถเข็นเค้กเองก็บางตาลงแล้วประจวบเหมาะกับในตอนนี้ฉู่ซืออี๋กำลังตะโกนถามว่าใครยังไม่ได้เค้กบ้างพอดี?เวินเหลียงยิ้มพลางตอบรับเสียงหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไป “ฉัน”“เดี๋ยวก่อน...” สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของฉู่ซืออี๋ พลันแข็งทื่อไปในทันทีเมื่อเห็นเวินเหลียง มีความแตกสลายไปในชั่วพริบตารอยยิ้มของเวินเหลียงค่อย ๆ เจิดจรัสมากยิ่งขึ้น “คุณฉู่ สุขสันต์วันเกิดนะคะ”พูดจบเธอก็ชำเลืองมองนิ้วของฉู่ซืออี๋ทีหนึ่ง เพื่อมองแบบของแหวนให้ชัด เป็
เธอจงใจพูดจาคลุมเครือฟู่เจิงต้องสัญญาว่าจะไม่หย่ากับเธอแน่!ฉะนั้นวันนี้เวินเหลียงก็เลยมางานเลี้ยงวันเกิดโอ้อวดของเธอ!ฉู่ซืออี๋โกรธจนหน้านิ่วคิ้วขมวด “เวินเหลียง ทำไมเธอถึงได้ต่ำตมขนาดนี้ฮะ? อาเจิงเขาไม่ได้ชอบเธอเลย ทางที่ดีเธอหย่ากับเขาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวไปซะ!”“ฉันไม่หย่า ร้อนใจเหรอ? แล้วคุณจะทำอะไรฉันได้?”“เธอ...”“ถ้าตอนนี้คุณอยากพูดเรื่องพวกนี้กับฉัน งั้นฉันก็ต้องขอตัวก่อนนะคะ”“เธอกล้าพนันกับฉันไหมล่ะ พนันว่าท้ายที่สุดแล้วอาเจิงจะเลือกใครกันแน่?”“คุณก็ได้แต่ใช้เรื่องพวกนี้มาพิสูจน์ความรู้สึกมีตัวตนของคุณ ฉันไม่สนใจอยากจะเล่นเป็นเพื่อนคุณหรอกนะ”เวินเหลียงหมุนตัวแล้วจากไปทันใดนั้นฉู่ซืออี๋ก็กระโจนเข้ามาจากด้านหลังเวินเหลียงประคองตัวเอาไว้อย่างสงบสติอารมณ์ ก่อนจะหลบฉู่ซืออี๋ฉู่ซืออี๋กระโจนใส่อากาศ ล้มหกคะเมนลงบันไดไป!“อ๊า...”เสียงกรีดร้องจนแทบจะขาดใจเสียงหนึ่งดังขึ้นฉู่ซืออี๋กลิ้งตกจากบนบันไดไปด้านล่าง“ซืออี๋!” ฟู่เจิงเข้ามาจากประตูหนีไฟ ครั้นเห็นภาพตรงหน้า ก็รีบรุดหน้าเข้ามาประคองฉู่ซืออี๋ที่นอนกองอยู่บนพื้นเข้ามาในอ้อมอก “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ฉู่ซือ
“เวินเหลียง”เวินเหลียงไม่ได้หันกลับมาแค่ได้ยินก็รู้ในทันทีว่าเสียงนั้นคือเสียงของฟู่เจิงโจวอวี่หยุดก้าวขาขึ้นรถ พร้อมทั้งหมุนตัวไปมองผู้มาเยือน ก่อนจะยิ้มพลางทักทาย “ประธานฟู่ คุณไปส่งคุณฉู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอครับ?”“คนขับรถไปส่งแล้วน่ะ” ฟู่เจิงมองไปที่เวินเหลียง “เวินเหลียง ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับเธอ”“แต่ฉันไม่มีอะไรอยากจะพูดกับคุณ” เวินเหลียงตอกกลับเสียงเย็นโดยไม่แม้แต่จะหันมองเขาโจวอวี่มองเวินเหลียงด้วยความประหลาดใจทีหนึ่ง ก่อนจะดึงแขนเสื้อของเวินเหลียง ส่งสัญญาณบอกเธอว่าอย่าใช้น้ำเสียงกระทบกระทั่งอย่างนั้นฟู่เจิงพูดกับโจวอวี่ว่า “คุณโจว คุณกลับไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่งเวินเหลียงเอง”ในนามฟู่เจิงเป็นพี่รองของเวินเหลียง และเป็นผู้ลงทุนกองถ่ายของโจวอวี่ เมื่อเขาออกปากมาแบบนี้แล้ว โจวอวี่จะปฏิเสธได้ที่ไหนเพียงแต่มองท่าทีของเวินเหลียง ราวกับทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันนิดหน่อยโจวอวี่มองไปที่เวินเหลียง ก่อนจะถามลองใจขึ้นว่า “แล้วเวินเหลียง อยากให้ฉันไปส่งเธอไหม?”เวินเหลียง “นายกลับไปก่อนก็แล้วกัน”ขืนเธอไม่พูดกับฟู่เจิงให้รู้เรื่อง ฟู่เจิงต้องก่อกวนจนถึงที่สุดแน่
อันที่จริงเธอพยายามยื้อยุดแล้ว ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับฉู่ซืออี๋ การจัดงานวันเกิดให้ฉู่ซืออี๋ไม่นับว่าเป็นอะไรหากเป็นในวันปกติ ฟู่เจิงไปฉลองวันเกิดให้ฉู่ซืออี๋ บางทีเธออาจจะไม่ได้มีการตอบสนองมากมายขนาดนั้น ความรู้สึกและการไปมาหาสู่ของเขากับฉู่ซืออี๋นั้นใช่ว่าบอกจะตัดก็ตัด แถมยังไม่เคยเกิดขึ้นจริงด้วยเพียงแต่วันครบรอบของพวกเขาตรงกับวันเกิดของเธอ คงไม่มีใครยอมให้สามีของตัวเองยืนกรานจะไปฉลองงานวันเกิดของผู้หญิงคนอื่นในวันนี้หรอกตั้งแต่แรก เธอก็สู้ฉู่ซืออี๋ไม่ได้อยู่แล้ว จะตอนนี้หรือวันข้างหน้าก็ยังเป็นเช่นนี้อย่างเดิม“วันนั้นฉันก็แค่คิดว่าจะเอาของขวัญไปให้แล้วก็กลับมา...”“เอาของขวัญไปให้แล้วก็กลับมา?” เวินเหลียงหัวเราะเสียงเย็นยะเยียบ “แล้วคุณได้กลับมาไหม? คืนนั้นคุณออกไปกลางดึกกลางดื่น กลับมาอีกทีก็เช้า คุณคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ? ฉันตื่นตั้งแต่ตอนที่คุณรับโทรศัพท์แล้ว!”สีหน้าของฟู่เจิงซีดเผือดเรื่องที่เขาลงแรงออกความคิดปิดบังเอาไว้ ที่แท้เธอก็รู้อยู่ตั้งนานแล้ว แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้มาตลอด...และใช่เธอตื่นง่าย ไม่ได้มีอะไรน่าประหลาดใจเวินหลียงก้มหน้า “ฟู่เจิง คุณยอมรับมาเถอะ
เวินเหลียงเงียบไปเธอมีความขัดแย้งกับฟู่เจิงแล้ว ไม่เชื่อใจอีกต่อไปเมื่อเห็นเวินเหลียงเงียบไป ฟู่เจิงก็พูดต่อว่า “ต่อไปฉันจะไม่ออกไปเจอซืออี๋ตามลำพังอีก ถ้ายินยอมละก็ ตอนที่ไปเจอซืออี๋ฉันจะพาเธอไปด้วย ไม่มีเธอฉันก็จะพาคนอื่นไปแทน หรือเธอจะเลือกใครสักคนมาเป็นเลขาของฉันคอยควบคุมดูแลฉันก็ได้”“เรื่องกำกับดูแลคุณไม่จำเป็นหรอก ขอแค่คุณตอบฉันมา ถ้าครั้งหน้าฉู่ซืออี๋โทรมาบอกคุณว่า อาการป่วยของเธอกำเริบอีกหรือเกิดเรื่องขึ้น คุณจะจัดการยังไง?”“ฉันจะไม่ไปอีก ถ้าถึงขั้นที่ฉันไม่ไปไม่ได้ ฉันจะพาเธอไปด้วย”“หวังว่าคุณพูดแล้วทำจริงนะ” เวินเหลียงเอ่ยขึ้นชืด ๆเธอรู้ดีว่าฉู่ซืออี๋คงไม่สบอารมณ์มากแน่ ๆต่อไปเวลาที่ฉู่ซืออี๋มาตามตอแย ฟู่เจิงจะจัดการยังไง นี่ต่างหากที่เป็นจุดสำคัญและเธอเองก็ไม่คาดหวังอะไรกับฟู่เจิงแล้วเธอเพียงแค่อยากให้คุณปู่ใช้ชีวิตอย่างสงบและมีความสุขในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตฟู่เจิงไม่รู้ความคิดของเวินเหลียง เขาคิดว่าเวินเหลียงยกโทษให้เขาแล้ว จึงถอนหายใจเบา ๆ หว่างคิ้วคลายออก โอบกอดเวินเหลียงเอาไว้ “อาเหลียง ขอบคุณเธอนะ”สองมือของเขาโอบเอวของเวินเหลียงเอาไว้ คางวางอยู่บ
เวินเหลียงฟังออก เธอที่ฟู่เจิงพูดถึงคงจะเป็นฉู่ซืออี๋เมื่อฟู่เจิงหันหน้าไป ก็เห็นเวินเหลียงเดินลงมาจากบันได แถมในมือยังมีเสื้อผ้าที่ต้องซักอยู่ด้วย ก่อนจะพูดว่า “วางไว้ในห้อง แล้วปล่อยให้ป้าหวังจัดการไปก็สิ้นเรื่องแล้ว”“ติดมือมาน่ะ” เวินเหลียงเอาผ้าสกปรกไปไว้ที่ห้องซักรีดชั้นแรกป้าหวังซื้อวัตถุดิบในการทำพาสตากลับมา“ผมเองครับ” ฟู่เจิงรับของมาป้าหวังเดาออก ฟู่เจิงเข้าครัวเตรียมอาหารด้วยตัวเอง คงเพราะอยากเอาใจเวินเหลียง จึงไม่ได้แย่งเอามาจากฟู่เจิง จากนั้นก็ยกห้องครัวให้เขา ให้เขาได้แสดงฝีมือฟู่เจิงเข้าไปในห้องครัวรอบหนึ่ง ขณะออกมา จู่ ๆ บนตัวก็มีผ้ากันเปื้อนเพิ่มขึ้นมาผืนหนึ่งเวินเหลียงนั่งอยู่บนโซฟา อดมองอีกหน่อยไม่ได้หลังกลับมาจากข้างนอก เขาเพียงแค่ถอดเสื้อโค้ตออก ด้านในสวมเสื้อเชิ้ตสีเทา ตรงคอเสื้อปลดกระดุมสองเม็ด ดูสบาย ๆ เล็กน้อย พับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นแขนเล็ก ๆ ที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงบึกบึน ท่อนล่างเป็นกางเกงสูทการแต่งตัวที่ดูดีมากเช่นนี้ ด้านนอกกลับสวมผ้ากันเปื้อนเอาไว้ผืนหนึ่ง มากน้อยก็ขัดกันอยู่นิดหน่อยฟู่เจิงจับสายตาของเวินเหลียงได้ เขายิ้ม “มีอะไรเหรอ?”
“งานเลี้ยงวันเกิดของซืออี๋วันนี้ ติดธุระไม่ได้ไป เธอว่ายังไงบ้าง?” ในสายลู่ฉางคงถามขึ้นพลางยิ้มฟู่เจิงขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเวินเหลียงที่อยู่ข้าง ๆ ทีหนึ่ง รู้สึกเพียงว่าลู่ฉางคงช่างถามในสิ่งที่ไม่ควรถามเลยจริง ๆ“โทรไปถามเธอเองสิ”เวินเหลียงเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นไม่รู้ว่าเธอได้ยินเสียงจากปลายสายหรือไม่“ให้ตายเถอะ โอกาสที่ดีขนาดนี้ นายไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอเหรอ? ฉันได้ยินว่างานเลี้ยงในวันนี้ไม่ธรรมดา จ่ายเงินไปเยอะมาก เวินเหลียงรู้ไหม? ถ้าเธอรู้ ได้ทะเลาะกับนายตายแน่”ฟู่เจิงไม่ตอบแถมถามกลับว่า “มีเรื่องอะไรอีกไหม?”เงียบไปครู่หนึ่ง ลู่ฉางคงก็ถามขึ้นว่า “อาเจิง หลังจากนี้นายคิดจะทำแบบนี้ไปตลอดเลยเหรอ?”ทำแบบนี้หมายถึงรักษาความสัมพันธ์สมรสกับเวินเหลียงเอาไว้ และรักษาความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับฉู่ซืออี๋เอาไว้ด้วยไม่ได้ยินคำตอบของฟู่เจิง ลู่ฉางคงก็พูดต่อว่า “ก่อนหน้านี้ ฉันคิดมาตลอดว่าคนอย่างนายอาจจะครองโสดไปตลอดชีวิต ต่อมาพอเจอซืออี๋ ฉันถึงได้รู้ว่า ที่แท้นายเองก็มีด้านที่ต่างออกไปเหมือนกัน ซืออี๋เป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง อ่อนโยนเอาใจใส่ ตอนนั้นเพื่อน ๆ รอบตัวก็พากันอิจฉาที่