“อาเจิง คุณอย่าออกแรงที่มือคุณขนาดนั้นสิ” ฉู่ซืออี๋เอ่ยฟู่เจิงไม่ได้ตอบอะไร ทว่าสายตากลับมองไปที่มุมโถงทุกคนทำเป็นว่าการพูดคุยโต้ตอบของพวกเขาเป็นการหยอกล้อกันการหยอกล้อระหว่างเต้นรำ ก็ไม่ได้มีอารมณ์อีกอย่างหนึ่งจริง ๆเวินเหลียงยังจำวันนั้นที่เธอเต้นรำกับฟู่เจิงได้ เขายั่วจนแก้มของเธอแดงแจ๋ ราวกับกระชับความเหินห่างเข้ามาในชั่วพริบตาเดียว เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจถ้าไม่ใช่เพราะสายของฉู่ซืออี๋ คืนนั้นพวกเขาก็คงเข้าได้เข้าเข็มกันแล้วแต่น่าเสียดายที่มันไม่มีคำว่าถ้าฉู่ซืออี๋ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างพวกเขาไม่ได้เพลงแรกจบลง แขกในงานเองก็ทยอยจับคู่เต้นรำเช่นกันฟู่เจิงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาปล่อยมือของฉู่ซืออี๋ ฉู่ซืออี๋พลิกมือมารั้งเขาเอาไว้“อาเจิง ไม่เต้นต่อแล้วเหรอ?”ฟู่เจิงตอบ “สิ่งที่ผมรับปากคุณเอาไว้ ทำไปหมดแล้ว”ฉู่ซืออี๋แค้นใจจนกัดริมฝีปาก คว้าแขนเสื้อของฟู่เจิงเอาไว้ไม่ยอมปล่อยฟู่เจิงมองมือของเธอทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นชืด ๆ ว่า “ที่นี่คนเยอะ ผมไว้หน้าคุณแล้ว คุณอย่าฉีกหน้าตัวเองสิ”ฉู่ซืออี๋ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงปล่อยแขนเสื้อของฟู่เจิง“ซืออี๋ คุณคงเคยได้ย
เวินเหลียงยืนอยู่นอกวง เธอไม่ได้มีทีท่ารีบร้อนจะเบียดเข้าไปข้างในโจวอวี่ถาม “เธออยากกินเค้กไหม? ไม่งั้นฉันช่วยไปเอาให้เธอชิ้นหนึ่งก็ได้”“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันไปเอาเอง จะได้ถือโอกาสอวยพรวันเกิดให้คุณฉู่ด้วย”โจอวี่รู้สึกว่าที่เวินเหลียงพูดมีเหตุผลเป็นอย่างมาก เขาพยักหน้า “ก็ดี”หารู้ไม่ความคิดของเวินเหลียงนั้นตรงกันข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิงงานเลี้ยงวันเกิดของฉู่ซืออี๋ เดี๋ยวก็จะสิ้นสุดลงอย่างราบรื่นแล้ว หากเธอปรากฏตัวต่อหน้าฉู่ซืออี๋ในนาทีสุดท้าย ยิ้มพลางเอ่ยสุขสันต์วันเกิดกับเธอ ไม่รู้ว่าสีหน้าของฉู่ซืออี๋จะปั้นยากขนาดไหนเริ่มมีคนออกจากงานไปแล้วคนที่ล้อมรอบรถเข็นเค้กเองก็บางตาลงแล้วประจวบเหมาะกับในตอนนี้ฉู่ซืออี๋กำลังตะโกนถามว่าใครยังไม่ได้เค้กบ้างพอดี?เวินเหลียงยิ้มพลางตอบรับเสียงหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไป “ฉัน”“เดี๋ยวก่อน...” สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของฉู่ซืออี๋ พลันแข็งทื่อไปในทันทีเมื่อเห็นเวินเหลียง มีความแตกสลายไปในชั่วพริบตารอยยิ้มของเวินเหลียงค่อย ๆ เจิดจรัสมากยิ่งขึ้น “คุณฉู่ สุขสันต์วันเกิดนะคะ”พูดจบเธอก็ชำเลืองมองนิ้วของฉู่ซืออี๋ทีหนึ่ง เพื่อมองแบบของแหวนให้ชัด เป็
เธอจงใจพูดจาคลุมเครือฟู่เจิงต้องสัญญาว่าจะไม่หย่ากับเธอแน่!ฉะนั้นวันนี้เวินเหลียงก็เลยมางานเลี้ยงวันเกิดโอ้อวดของเธอ!ฉู่ซืออี๋โกรธจนหน้านิ่วคิ้วขมวด “เวินเหลียง ทำไมเธอถึงได้ต่ำตมขนาดนี้ฮะ? อาเจิงเขาไม่ได้ชอบเธอเลย ทางที่ดีเธอหย่ากับเขาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวไปซะ!”“ฉันไม่หย่า ร้อนใจเหรอ? แล้วคุณจะทำอะไรฉันได้?”“เธอ...”“ถ้าตอนนี้คุณอยากพูดเรื่องพวกนี้กับฉัน งั้นฉันก็ต้องขอตัวก่อนนะคะ”“เธอกล้าพนันกับฉันไหมล่ะ พนันว่าท้ายที่สุดแล้วอาเจิงจะเลือกใครกันแน่?”“คุณก็ได้แต่ใช้เรื่องพวกนี้มาพิสูจน์ความรู้สึกมีตัวตนของคุณ ฉันไม่สนใจอยากจะเล่นเป็นเพื่อนคุณหรอกนะ”เวินเหลียงหมุนตัวแล้วจากไปทันใดนั้นฉู่ซืออี๋ก็กระโจนเข้ามาจากด้านหลังเวินเหลียงประคองตัวเอาไว้อย่างสงบสติอารมณ์ ก่อนจะหลบฉู่ซืออี๋ฉู่ซืออี๋กระโจนใส่อากาศ ล้มหกคะเมนลงบันไดไป!“อ๊า...”เสียงกรีดร้องจนแทบจะขาดใจเสียงหนึ่งดังขึ้นฉู่ซืออี๋กลิ้งตกจากบนบันไดไปด้านล่าง“ซืออี๋!” ฟู่เจิงเข้ามาจากประตูหนีไฟ ครั้นเห็นภาพตรงหน้า ก็รีบรุดหน้าเข้ามาประคองฉู่ซืออี๋ที่นอนกองอยู่บนพื้นเข้ามาในอ้อมอก “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ฉู่ซือ
“เวินเหลียง”เวินเหลียงไม่ได้หันกลับมาแค่ได้ยินก็รู้ในทันทีว่าเสียงนั้นคือเสียงของฟู่เจิงโจวอวี่หยุดก้าวขาขึ้นรถ พร้อมทั้งหมุนตัวไปมองผู้มาเยือน ก่อนจะยิ้มพลางทักทาย “ประธานฟู่ คุณไปส่งคุณฉู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอครับ?”“คนขับรถไปส่งแล้วน่ะ” ฟู่เจิงมองไปที่เวินเหลียง “เวินเหลียง ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับเธอ”“แต่ฉันไม่มีอะไรอยากจะพูดกับคุณ” เวินเหลียงตอกกลับเสียงเย็นโดยไม่แม้แต่จะหันมองเขาโจวอวี่มองเวินเหลียงด้วยความประหลาดใจทีหนึ่ง ก่อนจะดึงแขนเสื้อของเวินเหลียง ส่งสัญญาณบอกเธอว่าอย่าใช้น้ำเสียงกระทบกระทั่งอย่างนั้นฟู่เจิงพูดกับโจวอวี่ว่า “คุณโจว คุณกลับไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่งเวินเหลียงเอง”ในนามฟู่เจิงเป็นพี่รองของเวินเหลียง และเป็นผู้ลงทุนกองถ่ายของโจวอวี่ เมื่อเขาออกปากมาแบบนี้แล้ว โจวอวี่จะปฏิเสธได้ที่ไหนเพียงแต่มองท่าทีของเวินเหลียง ราวกับทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันนิดหน่อยโจวอวี่มองไปที่เวินเหลียง ก่อนจะถามลองใจขึ้นว่า “แล้วเวินเหลียง อยากให้ฉันไปส่งเธอไหม?”เวินเหลียง “นายกลับไปก่อนก็แล้วกัน”ขืนเธอไม่พูดกับฟู่เจิงให้รู้เรื่อง ฟู่เจิงต้องก่อกวนจนถึงที่สุดแน่
อันที่จริงเธอพยายามยื้อยุดแล้ว ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับฉู่ซืออี๋ การจัดงานวันเกิดให้ฉู่ซืออี๋ไม่นับว่าเป็นอะไรหากเป็นในวันปกติ ฟู่เจิงไปฉลองวันเกิดให้ฉู่ซืออี๋ บางทีเธออาจจะไม่ได้มีการตอบสนองมากมายขนาดนั้น ความรู้สึกและการไปมาหาสู่ของเขากับฉู่ซืออี๋นั้นใช่ว่าบอกจะตัดก็ตัด แถมยังไม่เคยเกิดขึ้นจริงด้วยเพียงแต่วันครบรอบของพวกเขาตรงกับวันเกิดของเธอ คงไม่มีใครยอมให้สามีของตัวเองยืนกรานจะไปฉลองงานวันเกิดของผู้หญิงคนอื่นในวันนี้หรอกตั้งแต่แรก เธอก็สู้ฉู่ซืออี๋ไม่ได้อยู่แล้ว จะตอนนี้หรือวันข้างหน้าก็ยังเป็นเช่นนี้อย่างเดิม“วันนั้นฉันก็แค่คิดว่าจะเอาของขวัญไปให้แล้วก็กลับมา...”“เอาของขวัญไปให้แล้วก็กลับมา?” เวินเหลียงหัวเราะเสียงเย็นยะเยียบ “แล้วคุณได้กลับมาไหม? คืนนั้นคุณออกไปกลางดึกกลางดื่น กลับมาอีกทีก็เช้า คุณคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ? ฉันตื่นตั้งแต่ตอนที่คุณรับโทรศัพท์แล้ว!”สีหน้าของฟู่เจิงซีดเผือดเรื่องที่เขาลงแรงออกความคิดปิดบังเอาไว้ ที่แท้เธอก็รู้อยู่ตั้งนานแล้ว แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้มาตลอด...และใช่เธอตื่นง่าย ไม่ได้มีอะไรน่าประหลาดใจเวินหลียงก้มหน้า “ฟู่เจิง คุณยอมรับมาเถอะ
เวินเหลียงเงียบไปเธอมีความขัดแย้งกับฟู่เจิงแล้ว ไม่เชื่อใจอีกต่อไปเมื่อเห็นเวินเหลียงเงียบไป ฟู่เจิงก็พูดต่อว่า “ต่อไปฉันจะไม่ออกไปเจอซืออี๋ตามลำพังอีก ถ้ายินยอมละก็ ตอนที่ไปเจอซืออี๋ฉันจะพาเธอไปด้วย ไม่มีเธอฉันก็จะพาคนอื่นไปแทน หรือเธอจะเลือกใครสักคนมาเป็นเลขาของฉันคอยควบคุมดูแลฉันก็ได้”“เรื่องกำกับดูแลคุณไม่จำเป็นหรอก ขอแค่คุณตอบฉันมา ถ้าครั้งหน้าฉู่ซืออี๋โทรมาบอกคุณว่า อาการป่วยของเธอกำเริบอีกหรือเกิดเรื่องขึ้น คุณจะจัดการยังไง?”“ฉันจะไม่ไปอีก ถ้าถึงขั้นที่ฉันไม่ไปไม่ได้ ฉันจะพาเธอไปด้วย”“หวังว่าคุณพูดแล้วทำจริงนะ” เวินเหลียงเอ่ยขึ้นชืด ๆเธอรู้ดีว่าฉู่ซืออี๋คงไม่สบอารมณ์มากแน่ ๆต่อไปเวลาที่ฉู่ซืออี๋มาตามตอแย ฟู่เจิงจะจัดการยังไง นี่ต่างหากที่เป็นจุดสำคัญและเธอเองก็ไม่คาดหวังอะไรกับฟู่เจิงแล้วเธอเพียงแค่อยากให้คุณปู่ใช้ชีวิตอย่างสงบและมีความสุขในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตฟู่เจิงไม่รู้ความคิดของเวินเหลียง เขาคิดว่าเวินเหลียงยกโทษให้เขาแล้ว จึงถอนหายใจเบา ๆ หว่างคิ้วคลายออก โอบกอดเวินเหลียงเอาไว้ “อาเหลียง ขอบคุณเธอนะ”สองมือของเขาโอบเอวของเวินเหลียงเอาไว้ คางวางอยู่บ
เวินเหลียงฟังออก เธอที่ฟู่เจิงพูดถึงคงจะเป็นฉู่ซืออี๋เมื่อฟู่เจิงหันหน้าไป ก็เห็นเวินเหลียงเดินลงมาจากบันได แถมในมือยังมีเสื้อผ้าที่ต้องซักอยู่ด้วย ก่อนจะพูดว่า “วางไว้ในห้อง แล้วปล่อยให้ป้าหวังจัดการไปก็สิ้นเรื่องแล้ว”“ติดมือมาน่ะ” เวินเหลียงเอาผ้าสกปรกไปไว้ที่ห้องซักรีดชั้นแรกป้าหวังซื้อวัตถุดิบในการทำพาสตากลับมา“ผมเองครับ” ฟู่เจิงรับของมาป้าหวังเดาออก ฟู่เจิงเข้าครัวเตรียมอาหารด้วยตัวเอง คงเพราะอยากเอาใจเวินเหลียง จึงไม่ได้แย่งเอามาจากฟู่เจิง จากนั้นก็ยกห้องครัวให้เขา ให้เขาได้แสดงฝีมือฟู่เจิงเข้าไปในห้องครัวรอบหนึ่ง ขณะออกมา จู่ ๆ บนตัวก็มีผ้ากันเปื้อนเพิ่มขึ้นมาผืนหนึ่งเวินเหลียงนั่งอยู่บนโซฟา อดมองอีกหน่อยไม่ได้หลังกลับมาจากข้างนอก เขาเพียงแค่ถอดเสื้อโค้ตออก ด้านในสวมเสื้อเชิ้ตสีเทา ตรงคอเสื้อปลดกระดุมสองเม็ด ดูสบาย ๆ เล็กน้อย พับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นแขนเล็ก ๆ ที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงบึกบึน ท่อนล่างเป็นกางเกงสูทการแต่งตัวที่ดูดีมากเช่นนี้ ด้านนอกกลับสวมผ้ากันเปื้อนเอาไว้ผืนหนึ่ง มากน้อยก็ขัดกันอยู่นิดหน่อยฟู่เจิงจับสายตาของเวินเหลียงได้ เขายิ้ม “มีอะไรเหรอ?”
“งานเลี้ยงวันเกิดของซืออี๋วันนี้ ติดธุระไม่ได้ไป เธอว่ายังไงบ้าง?” ในสายลู่ฉางคงถามขึ้นพลางยิ้มฟู่เจิงขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเวินเหลียงที่อยู่ข้าง ๆ ทีหนึ่ง รู้สึกเพียงว่าลู่ฉางคงช่างถามในสิ่งที่ไม่ควรถามเลยจริง ๆ“โทรไปถามเธอเองสิ”เวินเหลียงเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นไม่รู้ว่าเธอได้ยินเสียงจากปลายสายหรือไม่“ให้ตายเถอะ โอกาสที่ดีขนาดนี้ นายไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอเหรอ? ฉันได้ยินว่างานเลี้ยงในวันนี้ไม่ธรรมดา จ่ายเงินไปเยอะมาก เวินเหลียงรู้ไหม? ถ้าเธอรู้ ได้ทะเลาะกับนายตายแน่”ฟู่เจิงไม่ตอบแถมถามกลับว่า “มีเรื่องอะไรอีกไหม?”เงียบไปครู่หนึ่ง ลู่ฉางคงก็ถามขึ้นว่า “อาเจิง หลังจากนี้นายคิดจะทำแบบนี้ไปตลอดเลยเหรอ?”ทำแบบนี้หมายถึงรักษาความสัมพันธ์สมรสกับเวินเหลียงเอาไว้ และรักษาความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับฉู่ซืออี๋เอาไว้ด้วยไม่ได้ยินคำตอบของฟู่เจิง ลู่ฉางคงก็พูดต่อว่า “ก่อนหน้านี้ ฉันคิดมาตลอดว่าคนอย่างนายอาจจะครองโสดไปตลอดชีวิต ต่อมาพอเจอซืออี๋ ฉันถึงได้รู้ว่า ที่แท้นายเองก็มีด้านที่ต่างออกไปเหมือนกัน ซืออี๋เป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง อ่อนโยนเอาใจใส่ ตอนนั้นเพื่อน ๆ รอบตัวก็พากันอิจฉาที่
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง