“ผมคิดว่าที่นี่อาจไม่เหมาะกับคุณ คุณเพิ่งกลับมาได้ไม่นานก็ป่วยหลายครั้ง ผมคิดว่าสภาพแวดล้อมของเมืองนอกน่าจะเหมาะกับคุณมากกว่า”“ไม่นะ...ที่ฉันกลับมาก็เพื่อคุณ อาเจิง ไม่เอาอย่างนี้”“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ในเมื่อคุณไม่ได้เป็นอะไรมาก งั้นผมขอตัวกลับก่อน”ฉู่ซืออี๋ยังกอดเขา ไม่ยอมให้เขาไปเธอเงยหน้า สบกับสายตาของฟู่เจิง ทันใดนั้นร่างกายสะท้าน ปล่อยมือออกแบบไม่รู้ตัวฟู่เจิงหมุนตัวออกจากห้องพักผู้ป่วยเขาขับรถกลับบริษัท ตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของเวินเหลียงห้องทำงานของเวินเหลียงไม่มีคน คอมพิวเตอร์ปิดอยู่เขาเรียกพนักงานของเอ็มคิวมาคนหนึ่งแล้วสอบถาม “ผู้อำนวยการเวินของพวกคุณล่ะ?”“ไม่ทราบค่ะ วันนี้ผู้อำนวยการเวินไม่ได้มาทำงาน เหมือนว่าจะขอลาแล้ว”“โอเค ผมรู้แล้ว”เขาขับรถกลับบ้านทันที“คุณผู้ชายกลับมาแล้วเหรอคะ” แม่บ้านทักเขาย่างเท้าขึ้นชั้นบนพร้อมถาม “คุณผู้หญิงล่ะ?”“คุณผู้หญิงไปดูงานแล้วค่ะ”ฟู่เจิงชะงักฝีเท้า “ไปดูงาน?”“ค่ะ ไปดูงาน ไปกับผู้ช่วย”ฟู่เจิงนิ่งเงียบ เดินไปนั่งตรงโซฟาและพิงพนักเก้าอี้ ยื่นมือนวดหว่างคิ้วเขารู้ว่าวันนี้เวินเหลียงไม่มีโปรแกรมดูงานแน่นอน
เธอไม่ได้ฝันไป ประธานฟู่โทรศัพท์หาเธอ ประธานฟู่ถามโรงแรมของพวกเธอกับห้องของผู้อำนวยการเวินผู้ช่วยนึกถึงครั้งหนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ที่โทรศัพท์หาผู้อำนวยการเวิน โทรศัพท์กี่ครั้ง ๆ ก็ไม่มีคนรับ สุดท้ายมีคนรับ แต่ประธานฟู่เป็นคนรับตอนนั้นเธอก็คิดแล้วว่าประธานฟู่อาจคบหากับผู้อำนวยการเวินกอปรกับข่าวลือในบริษัทระยะนี้และการกระทำของประธานฟู่ในวันนี้ผู้ช่วยคิดว่ามันเป็นไปได้มากเล่นโทรศัพท์มือถือพักหนึ่ง ขณะกำลังจะไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก เธอมองหน้าจอทีหนึ่ง ปรากฏว่าคนที่โทรคือประธานฟู่อีกแล้วเธอรับสายอย่างเร็วรี่ “ฮัลโหล ประธานฟู่”“ผมถึงโรงแรมของพวกคุณแล้ว คุณออกมาหน่อย”“หา? ค่ะ ๆ ประธานฟู่ คุณถึงหน้าโรงแรมแล้วเหรอ ฉันจะลงไปรับคุณเดี๋ยวนี้...” ว่าแล้วผู้ช่วยก็หยิบคีย์การ์ดและออกห้องไปทันทีใครจะรู้ พอเข้าออกมาก็เห็นฟู่เจิงยืนอยู่หน้าห้องของเวินเหลียงผู้ช่วยงงเป็นไก่ตาแตก ในเมื่อประธานฟู่มาถึงแล้ว ทำไมยังเรียกให้เธอออกมาล่ะ?“ประธานฟู่...”ในตอนที่ผู้ช่วยกำลังสับสน ฟู่เจิงชี้ที่ประตูห้องของเวินเหลียงแล้วพูดว่า “คุณเคาะประตู อย่าพูดถึงผม”ผู้ช่วยกระจ่าง
ฟู่เจิงหน้าหัน แววตาไม่แน่ชัด กุมใบหน้าด้านซ้ายที่ถูกตบ “ได้ ฉันไป...ฉันจะไป...”เวินเหลียงยืนอึ้งอยู่กับที่เหมือนกันเธอไม่คิดจะตบเขา แต่กำลังว้าวุ่นใจเลยตบใส่ผู้ชายสารเลวไปฉาดหนึ่งฟู่เจิงถอยหลังสองสามก้าว ก่อนจะออกจากประตูและหมุนตัวจากไปผู้ช่วยเพิ่งได้สติ ฟู่เจิงเดินไปถึงหน้าลิฟต์แล้วเธอยืนอยู่กับที่ มองเงาหลังของฟู่เจิง จากนั้นก็มองเวินเหลียงที่อยู่ในห้องอีกที่ ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเมื่อกี้ตอนประธานฟู่เดินออกมาดูเหมือนจะน้อยใจอยู่หน่อย ๆพอเห็นเวินเหลียงมองมา ผู้ช่วยจึงรีบอธิบาย “ผู้อำนวยการเวิน ประธานฟู่โทรมาถามที่อยู่โรงแรมเรา ให้ฉันเคาะประตู ฉันปฏิเสธไม่ได้ค่ะ” เวินเหลียงพยักหน้าเล็กน้อย ถอนหายใจยาว “ฉันรู้แล้ว คุณกลับไปพักเถอะ”“ค่ะ”หลังจากผู้ช่วยจากไป เวินเหลียงปิดประตู ไม่มีอารมณ์ดูละครน้ำเน่าอีกทั้งที่เธอไม่อยากนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแต่ฟู่เจิงต้องมาตอกย้ำเธอให้ได้ เมื่อวานตอนเธอที่ถูกเพื่อนของเขาเหยียดหยามเขาเพิกเฉย ทิ้งเธอเพื่อฉู่ซืออี๋ที่น่าหัวเราะคือ เขายังอยากอธิบาย กระทั่งว่าตามมาอธิบายถึงเมืองบีจะอธิบายอะไรได้? เขาก็แค่เป็นห่วงฉู่ซืออี๋ ต้องไปตรวจส
……เลขาหยางเข้ามาสำรองประวัติการโทรกับคลิปเสียงของฟู่เจิงตามปกติและเพราะอย่างนี้ เลขาหยางจึงรู้ความลับของฟู่เจิงหลายเรื่องฟู่เจิงมอบโทรศัพท์มือถือให้เลขาหยาง“งั้นฉันจะเอาไปก๊อบปี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเอามือถือมาคืนคุณ”เลขาหยางถือโทรศัพท์มือถือออกจากห้องทำงานและไปสำรองข้อมูลที่โต๊ะของตัวเองฟู่เจิงตอบรับเรียบ ๆ ดวงตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่กะพริบ มือเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วแต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงจากลำโพงบลูทูธเริ่มดังขึ้น“ฮัลโหล ประธานฟู่ ผมอู๋เจิ้นจากหงเหว่ยเทคโนโลยี แผนพลังงานรูปแบบใหม่ที่คุณเสนอเมื่อก่อนหน้านี้...”ฟู่เจิงขมวดคิ้ว มองลำโพงบลูทูธเนื้อหาที่ดังมาก็คือคลิปเสียงสนทนาของเขากับอู๋เจิ้นเมื่อก่อนหน้านี้น่าจะเป็นเพราะโทรศัพท์มือถือของเขาเชื่อมต่อกับลำโพงบลูทูธในห้องทำงาน และเลขาหยางไม่ทันระวังกดถูกตอนสำรองข้อมูลฟู่เจิงอิงพนักเก้าอี้ นวดระหว่างคิ้วในห้องมีแต่เสียงหัวเราะฮ่า ๆ ๆ ๆ ของอู๋เจิ้นฟู่เจิงลุกขึ้นยืน ขณะกำลังจะปิดสวิตช์ลำโพงบลูทูธ ใครจะรู้ว่าคลิปเสียงหนึ่งเล่นเสร็จจะเล่นคลิปต่อไปอัตโนมัติ“ฮัลโหล” นี่คือเสียงของฉู่ซืออี๋“ฉันเอง ฟู่เจิงล่ะ?” นี่คือ
ฟู่เจิงนวดหว่างคิ้ว ชั่วสะเก็ดไฟ ในหัวนึกถึงเมื่อก่อนตอนที่เขามีปากเสียงกับเวินเหลียงเพราะเรื่องฉู่ซืออี๋พาช่างแต่งหน้ามาด้วยเวินเหลียงบอกว่าการแต่งหน้าของฉู่ซืออี๋ไม่สอดคล้องกับที่ต้องการมาก และยืนยันที่จะไม่เปลี่ยน แถมสุดท้ายยังข่มขู่ว่าจะยุติความร่วมมือขณะนั้นเขาไม่เชื่อว่าฉู่ซืออี๋จะพูดว่ายุติความร่วมมือง่าย ๆแต่ตอนหลังการแต่งหน้าเกิดปัญหาจริง ๆดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างร่วมงาน จู่ ๆ ฟู่เจิงก็รู้สึกว่าเวินเหลียงพูดความจริง และฉู่ซืออี๋ก็เคยพูดยั่วยุบอกว่าจะยุติความร่วมมือจริง ๆหลังจากสำรองข้อมูลเสร็จ เลขาหยางนำโทรศัพท์มือถือมาคืนโทรศัพท์แสดงบอกว่ามีข้อความเสียงฟู่เจิงดูหน้าจอและกดเปิด เป็นข้อความที่ฉู่ซืออี๋ส่งมา“อาเจิง ขอโทษค่ะ ฉันไม่ควรหลอกคุณ คุณยกโทษให้ฉันได้ไหมคะ?”ฉู่ซืออี๋รู้ว่าตอนนี้ฟู่เจิงจะไม่รับสายโทรศัพท์ของเธอ หลายวันนี้จึงส่งข้อความมาเป็นระยะ ขอให้เขาอภัยให้ฟู่เจิงกำลังจะวางโทรศัพท์ลงแต่มีข้อความส่งมาอีก “อาเจิง พรุ่งนี้เป็นงานวันเกิดของฉัน คุณจะมาไหมคะ? นี่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดครั้งแรกของฉันหลังจากกลับประเทศเลยนะ ฉันหวังว่าคุณจะมาได้นะคะ”ในข้อค
เธอดูราวกับจะชนะเวินเหลียงแล้ว แต่ในความเป็นจริงกลับแพ้ราบคาบ!ฟู่เจิงไม่ได้ตอบ “ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะ”เขากดปุ่มวางสายสีแดง จากนั้นวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆมีสายโทรเข้ามาอีกครั้งฟู่เจิงกดปิดเสียง ก่อนจะคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงไปบนโต๊ะเลยเขาพิงพนักพิงเก้าอี้พลางปลดคอเสื้อออก ในใจผ่อนคลายเป็นพิเศษบางทีอาจเป็นเพราะสภาพจิตใจไม่เหมือนเดิมแล้วฉู่ซืออี๋ที่อยู่ปลายสาย มองหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับไป เจ็บปวดใจจนไม่สามารถหายใจได้!ทำไม?ทำไมถึงกลายเป็นอย่างตอนนี้ไปได้?ทั้ง ๆ ที่เดี๋ยวเขาก็จะหย่ากับเวินเหลียงแล้วทั้ง ๆ ที่เดี๋ยวเธอก็จะได้กลายเป็นคุณนายฟู่แล้วทั้ง ๆ ที่เดี๋ยวเธอก็จะได้กลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้วแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นฟองสบู่ เป็นเพียงภาพลวงตานัยน์ตาของฉู่ซืออี๋เต็มไปด้วยความเคียดแค้น เข้มค้นจนแทบจะทะลักออกมาเวินเหลียง!ทั้งหมดเป็นเพราะเวินเหลียง!ถ้าไม่ใช่เพราะเวินเหลียง เธอกับอาเจิงคงแต่งงานกันไปตั้งนานแล้ว!เธอไม่สบอารมณ์สุด ๆ!...กำหนดการเดินทางไปทำงานต่างถิ่นคราวนี้กินเวลาสี่วันทว่าตัวเนื้อหางานตอนบ่ายของวันที่สามก็เสร็
“ฉู่ซืออี๋บาดเจ็บเพราะถูกไฟครอกอยู่ไม่ใช่เหรอ?”“วันนั้นตอนที่เกิดเรื่องขึ้นฉันก็ไปเยี่ยมมา ไม่รุนแรงมาก”“อ๋อ”แล้วทำไมตอนนั้นลู่ฉางคงทำท่าอย่างกับฉู่ซืออี๋จะตายเลยล่ะ?“ฉันว่าตอนนี้เธอก็ไม่ได้ติดธุระอะไร ไม่งั้นไปกับฉันไหม?”“แบบนี้จะไม่ค่อยดีหรือเปล่า”งานเลี้ยงวันเกิดของฉู่ซืออี๋ ฟู่เจิงต้องไปด้วยแน่นอนตอนนี้เวินเหลียงไม่อยากเจอหน้าเขา“มีอะไรไม่ดีกัน? ในการ์ดเชิญเขียนไว้ว่าสามารถพาคู่ควงไปได้ ประธานฟู่เป็นพี่รองของเธอ ต่อไปฉู่ซืออี๋ก็อาจกลายเป็นพี่สะใภ้รองของเธอ เธอไปมันเป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ? ก็เหมือนกับที่งานแถลงข่าวคราวก่อน ยิ่งเธอหลบซ่อนพวกสื่อเขาก็ยิ่งเขียนข่าวมั่วซั่ว ถ้าเธอกล้าขึ้นอีกนิด พวกเขาก็ไม่กล้าจัดเรียงส่งเดชแล้ว”เวินเหลียงก้มหน้าพลางเม้มปากโจวอวี่มองเธอทีหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันได้ยินมาว่า งานเลี้ยงวันเกิดของฉู่ซืออี๋ครั้งนี้ ประธานฟู่จ่ายเงินไปไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงขั้นจ้างนักออกแบบชื่อดังระดับนานาชาติมาตกแต่งสถานที่โดยเฉพาะ ชุดราตรีเป็นรุ่นลิมิติดอิดิชัน ขนส่งมาทางอากาศเป็นพิเศษ แล้วก็เค้กวันเกิด นี่จ้างเชฟขนมหวานระดับนานาชาติมาเลย ยากจะได
เวินเหลียงพลันอึ้งไปมิน่าล่ะเธอถึงรู้สึกคุ้นหูเพลงนี้บัลลาด ปูร์ อาเดอแลง ฟู่เจิงเป็นคนบอกชื่อเพลงกับเธอที่แท้ตัวเขาก็เล่นเปียโนเป็นที่แท้ก็เป็นเพลงแทนใจมิน่าล่ะที่ร้านอาหารวันนั้น แค่แป๊บเดียวเขาก็ฟังออกเลยเวินเหลียงหัวเราะเยาะตัวเองทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างแวบเข้าตา พอจ้องมองไป ฉู่ซืออี๋สวมแหวนวงหนึ่งอยู่บนนิ้ว อยู่ไกลจึงมองเห็นไม่ชัด ทว่าในใจเธอมีลางสังหรณ์ว่า แหวนวงนั้นคือแหวนที่อยู่บนรถฟู่เจิงในวันนั้นเสียงปรบมือเบาบางแว่วดังขึ้นมางานเลี้ยงเล็ก ๆ ค่อนข้างเป็นกันเอง ฉู่ซืออี๋เองก็พูดจาไม่ได้เป็นทางการมากนัก เป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทุกคนเมื่อสิ้นเสียงของเธอ เพลงจากเปียโนของฟู่เจิงเองก็ค่อย ๆ จบลงเขาลุกขึ้นยืนตรงหน้าเปียโน จากนั้นก็เยื้องย่างเดินมาตรงหน้าฉู่ซืออี๋อย่างสบาย ๆ ทั้งสองคนจับมือกันพลางเดินไปกลางโถงงานเลี้ยงมือของเขาวางลงบนเอวของเธอ มือของเธอพาดไปบนไหล่ของเขา ใช้การเต้นลีลาศตามแบบฉบับเต้นเปิดฟลอร์ในโถงงานเลี้ยงมีเสียงดนตรีแว่วดังขึ้นมาไปตามจังหวะของเสียงดนตรี ทั้งสองคนเคลื่อนไหวก้าวเท้าไปตามจังหวะ ร่วมมือกัน แล้วค่อย ๆ เข้าสู่ท่า