……เลขาหยางเข้ามาสำรองประวัติการโทรกับคลิปเสียงของฟู่เจิงตามปกติและเพราะอย่างนี้ เลขาหยางจึงรู้ความลับของฟู่เจิงหลายเรื่องฟู่เจิงมอบโทรศัพท์มือถือให้เลขาหยาง“งั้นฉันจะเอาไปก๊อบปี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเอามือถือมาคืนคุณ”เลขาหยางถือโทรศัพท์มือถือออกจากห้องทำงานและไปสำรองข้อมูลที่โต๊ะของตัวเองฟู่เจิงตอบรับเรียบ ๆ ดวงตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่กะพริบ มือเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วแต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงจากลำโพงบลูทูธเริ่มดังขึ้น“ฮัลโหล ประธานฟู่ ผมอู๋เจิ้นจากหงเหว่ยเทคโนโลยี แผนพลังงานรูปแบบใหม่ที่คุณเสนอเมื่อก่อนหน้านี้...”ฟู่เจิงขมวดคิ้ว มองลำโพงบลูทูธเนื้อหาที่ดังมาก็คือคลิปเสียงสนทนาของเขากับอู๋เจิ้นเมื่อก่อนหน้านี้น่าจะเป็นเพราะโทรศัพท์มือถือของเขาเชื่อมต่อกับลำโพงบลูทูธในห้องทำงาน และเลขาหยางไม่ทันระวังกดถูกตอนสำรองข้อมูลฟู่เจิงอิงพนักเก้าอี้ นวดระหว่างคิ้วในห้องมีแต่เสียงหัวเราะฮ่า ๆ ๆ ๆ ของอู๋เจิ้นฟู่เจิงลุกขึ้นยืน ขณะกำลังจะปิดสวิตช์ลำโพงบลูทูธ ใครจะรู้ว่าคลิปเสียงหนึ่งเล่นเสร็จจะเล่นคลิปต่อไปอัตโนมัติ“ฮัลโหล” นี่คือเสียงของฉู่ซืออี๋“ฉันเอง ฟู่เจิงล่ะ?” นี่คือ
ฟู่เจิงนวดหว่างคิ้ว ชั่วสะเก็ดไฟ ในหัวนึกถึงเมื่อก่อนตอนที่เขามีปากเสียงกับเวินเหลียงเพราะเรื่องฉู่ซืออี๋พาช่างแต่งหน้ามาด้วยเวินเหลียงบอกว่าการแต่งหน้าของฉู่ซืออี๋ไม่สอดคล้องกับที่ต้องการมาก และยืนยันที่จะไม่เปลี่ยน แถมสุดท้ายยังข่มขู่ว่าจะยุติความร่วมมือขณะนั้นเขาไม่เชื่อว่าฉู่ซืออี๋จะพูดว่ายุติความร่วมมือง่าย ๆแต่ตอนหลังการแต่งหน้าเกิดปัญหาจริง ๆดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างร่วมงาน จู่ ๆ ฟู่เจิงก็รู้สึกว่าเวินเหลียงพูดความจริง และฉู่ซืออี๋ก็เคยพูดยั่วยุบอกว่าจะยุติความร่วมมือจริง ๆหลังจากสำรองข้อมูลเสร็จ เลขาหยางนำโทรศัพท์มือถือมาคืนโทรศัพท์แสดงบอกว่ามีข้อความเสียงฟู่เจิงดูหน้าจอและกดเปิด เป็นข้อความที่ฉู่ซืออี๋ส่งมา“อาเจิง ขอโทษค่ะ ฉันไม่ควรหลอกคุณ คุณยกโทษให้ฉันได้ไหมคะ?”ฉู่ซืออี๋รู้ว่าตอนนี้ฟู่เจิงจะไม่รับสายโทรศัพท์ของเธอ หลายวันนี้จึงส่งข้อความมาเป็นระยะ ขอให้เขาอภัยให้ฟู่เจิงกำลังจะวางโทรศัพท์ลงแต่มีข้อความส่งมาอีก “อาเจิง พรุ่งนี้เป็นงานวันเกิดของฉัน คุณจะมาไหมคะ? นี่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดครั้งแรกของฉันหลังจากกลับประเทศเลยนะ ฉันหวังว่าคุณจะมาได้นะคะ”ในข้อค
เธอดูราวกับจะชนะเวินเหลียงแล้ว แต่ในความเป็นจริงกลับแพ้ราบคาบ!ฟู่เจิงไม่ได้ตอบ “ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะ”เขากดปุ่มวางสายสีแดง จากนั้นวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆมีสายโทรเข้ามาอีกครั้งฟู่เจิงกดปิดเสียง ก่อนจะคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงไปบนโต๊ะเลยเขาพิงพนักพิงเก้าอี้พลางปลดคอเสื้อออก ในใจผ่อนคลายเป็นพิเศษบางทีอาจเป็นเพราะสภาพจิตใจไม่เหมือนเดิมแล้วฉู่ซืออี๋ที่อยู่ปลายสาย มองหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับไป เจ็บปวดใจจนไม่สามารถหายใจได้!ทำไม?ทำไมถึงกลายเป็นอย่างตอนนี้ไปได้?ทั้ง ๆ ที่เดี๋ยวเขาก็จะหย่ากับเวินเหลียงแล้วทั้ง ๆ ที่เดี๋ยวเธอก็จะได้กลายเป็นคุณนายฟู่แล้วทั้ง ๆ ที่เดี๋ยวเธอก็จะได้กลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้วแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นฟองสบู่ เป็นเพียงภาพลวงตานัยน์ตาของฉู่ซืออี๋เต็มไปด้วยความเคียดแค้น เข้มค้นจนแทบจะทะลักออกมาเวินเหลียง!ทั้งหมดเป็นเพราะเวินเหลียง!ถ้าไม่ใช่เพราะเวินเหลียง เธอกับอาเจิงคงแต่งงานกันไปตั้งนานแล้ว!เธอไม่สบอารมณ์สุด ๆ!...กำหนดการเดินทางไปทำงานต่างถิ่นคราวนี้กินเวลาสี่วันทว่าตัวเนื้อหางานตอนบ่ายของวันที่สามก็เสร็
“ฉู่ซืออี๋บาดเจ็บเพราะถูกไฟครอกอยู่ไม่ใช่เหรอ?”“วันนั้นตอนที่เกิดเรื่องขึ้นฉันก็ไปเยี่ยมมา ไม่รุนแรงมาก”“อ๋อ”แล้วทำไมตอนนั้นลู่ฉางคงทำท่าอย่างกับฉู่ซืออี๋จะตายเลยล่ะ?“ฉันว่าตอนนี้เธอก็ไม่ได้ติดธุระอะไร ไม่งั้นไปกับฉันไหม?”“แบบนี้จะไม่ค่อยดีหรือเปล่า”งานเลี้ยงวันเกิดของฉู่ซืออี๋ ฟู่เจิงต้องไปด้วยแน่นอนตอนนี้เวินเหลียงไม่อยากเจอหน้าเขา“มีอะไรไม่ดีกัน? ในการ์ดเชิญเขียนไว้ว่าสามารถพาคู่ควงไปได้ ประธานฟู่เป็นพี่รองของเธอ ต่อไปฉู่ซืออี๋ก็อาจกลายเป็นพี่สะใภ้รองของเธอ เธอไปมันเป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ? ก็เหมือนกับที่งานแถลงข่าวคราวก่อน ยิ่งเธอหลบซ่อนพวกสื่อเขาก็ยิ่งเขียนข่าวมั่วซั่ว ถ้าเธอกล้าขึ้นอีกนิด พวกเขาก็ไม่กล้าจัดเรียงส่งเดชแล้ว”เวินเหลียงก้มหน้าพลางเม้มปากโจวอวี่มองเธอทีหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันได้ยินมาว่า งานเลี้ยงวันเกิดของฉู่ซืออี๋ครั้งนี้ ประธานฟู่จ่ายเงินไปไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงขั้นจ้างนักออกแบบชื่อดังระดับนานาชาติมาตกแต่งสถานที่โดยเฉพาะ ชุดราตรีเป็นรุ่นลิมิติดอิดิชัน ขนส่งมาทางอากาศเป็นพิเศษ แล้วก็เค้กวันเกิด นี่จ้างเชฟขนมหวานระดับนานาชาติมาเลย ยากจะได
เวินเหลียงพลันอึ้งไปมิน่าล่ะเธอถึงรู้สึกคุ้นหูเพลงนี้บัลลาด ปูร์ อาเดอแลง ฟู่เจิงเป็นคนบอกชื่อเพลงกับเธอที่แท้ตัวเขาก็เล่นเปียโนเป็นที่แท้ก็เป็นเพลงแทนใจมิน่าล่ะที่ร้านอาหารวันนั้น แค่แป๊บเดียวเขาก็ฟังออกเลยเวินเหลียงหัวเราะเยาะตัวเองทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างแวบเข้าตา พอจ้องมองไป ฉู่ซืออี๋สวมแหวนวงหนึ่งอยู่บนนิ้ว อยู่ไกลจึงมองเห็นไม่ชัด ทว่าในใจเธอมีลางสังหรณ์ว่า แหวนวงนั้นคือแหวนที่อยู่บนรถฟู่เจิงในวันนั้นเสียงปรบมือเบาบางแว่วดังขึ้นมางานเลี้ยงเล็ก ๆ ค่อนข้างเป็นกันเอง ฉู่ซืออี๋เองก็พูดจาไม่ได้เป็นทางการมากนัก เป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทุกคนเมื่อสิ้นเสียงของเธอ เพลงจากเปียโนของฟู่เจิงเองก็ค่อย ๆ จบลงเขาลุกขึ้นยืนตรงหน้าเปียโน จากนั้นก็เยื้องย่างเดินมาตรงหน้าฉู่ซืออี๋อย่างสบาย ๆ ทั้งสองคนจับมือกันพลางเดินไปกลางโถงงานเลี้ยงมือของเขาวางลงบนเอวของเธอ มือของเธอพาดไปบนไหล่ของเขา ใช้การเต้นลีลาศตามแบบฉบับเต้นเปิดฟลอร์ในโถงงานเลี้ยงมีเสียงดนตรีแว่วดังขึ้นมาไปตามจังหวะของเสียงดนตรี ทั้งสองคนเคลื่อนไหวก้าวเท้าไปตามจังหวะ ร่วมมือกัน แล้วค่อย ๆ เข้าสู่ท่า
“อาเจิง คุณอย่าออกแรงที่มือคุณขนาดนั้นสิ” ฉู่ซืออี๋เอ่ยฟู่เจิงไม่ได้ตอบอะไร ทว่าสายตากลับมองไปที่มุมโถงทุกคนทำเป็นว่าการพูดคุยโต้ตอบของพวกเขาเป็นการหยอกล้อกันการหยอกล้อระหว่างเต้นรำ ก็ไม่ได้มีอารมณ์อีกอย่างหนึ่งจริง ๆเวินเหลียงยังจำวันนั้นที่เธอเต้นรำกับฟู่เจิงได้ เขายั่วจนแก้มของเธอแดงแจ๋ ราวกับกระชับความเหินห่างเข้ามาในชั่วพริบตาเดียว เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจถ้าไม่ใช่เพราะสายของฉู่ซืออี๋ คืนนั้นพวกเขาก็คงเข้าได้เข้าเข็มกันแล้วแต่น่าเสียดายที่มันไม่มีคำว่าถ้าฉู่ซืออี๋ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างพวกเขาไม่ได้เพลงแรกจบลง แขกในงานเองก็ทยอยจับคู่เต้นรำเช่นกันฟู่เจิงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาปล่อยมือของฉู่ซืออี๋ ฉู่ซืออี๋พลิกมือมารั้งเขาเอาไว้“อาเจิง ไม่เต้นต่อแล้วเหรอ?”ฟู่เจิงตอบ “สิ่งที่ผมรับปากคุณเอาไว้ ทำไปหมดแล้ว”ฉู่ซืออี๋แค้นใจจนกัดริมฝีปาก คว้าแขนเสื้อของฟู่เจิงเอาไว้ไม่ยอมปล่อยฟู่เจิงมองมือของเธอทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นชืด ๆ ว่า “ที่นี่คนเยอะ ผมไว้หน้าคุณแล้ว คุณอย่าฉีกหน้าตัวเองสิ”ฉู่ซืออี๋ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงปล่อยแขนเสื้อของฟู่เจิง“ซืออี๋ คุณคงเคยได้ย
เวินเหลียงยืนอยู่นอกวง เธอไม่ได้มีทีท่ารีบร้อนจะเบียดเข้าไปข้างในโจวอวี่ถาม “เธออยากกินเค้กไหม? ไม่งั้นฉันช่วยไปเอาให้เธอชิ้นหนึ่งก็ได้”“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันไปเอาเอง จะได้ถือโอกาสอวยพรวันเกิดให้คุณฉู่ด้วย”โจอวี่รู้สึกว่าที่เวินเหลียงพูดมีเหตุผลเป็นอย่างมาก เขาพยักหน้า “ก็ดี”หารู้ไม่ความคิดของเวินเหลียงนั้นตรงกันข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิงงานเลี้ยงวันเกิดของฉู่ซืออี๋ เดี๋ยวก็จะสิ้นสุดลงอย่างราบรื่นแล้ว หากเธอปรากฏตัวต่อหน้าฉู่ซืออี๋ในนาทีสุดท้าย ยิ้มพลางเอ่ยสุขสันต์วันเกิดกับเธอ ไม่รู้ว่าสีหน้าของฉู่ซืออี๋จะปั้นยากขนาดไหนเริ่มมีคนออกจากงานไปแล้วคนที่ล้อมรอบรถเข็นเค้กเองก็บางตาลงแล้วประจวบเหมาะกับในตอนนี้ฉู่ซืออี๋กำลังตะโกนถามว่าใครยังไม่ได้เค้กบ้างพอดี?เวินเหลียงยิ้มพลางตอบรับเสียงหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไป “ฉัน”“เดี๋ยวก่อน...” สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของฉู่ซืออี๋ พลันแข็งทื่อไปในทันทีเมื่อเห็นเวินเหลียง มีความแตกสลายไปในชั่วพริบตารอยยิ้มของเวินเหลียงค่อย ๆ เจิดจรัสมากยิ่งขึ้น “คุณฉู่ สุขสันต์วันเกิดนะคะ”พูดจบเธอก็ชำเลืองมองนิ้วของฉู่ซืออี๋ทีหนึ่ง เพื่อมองแบบของแหวนให้ชัด เป็
เธอจงใจพูดจาคลุมเครือฟู่เจิงต้องสัญญาว่าจะไม่หย่ากับเธอแน่!ฉะนั้นวันนี้เวินเหลียงก็เลยมางานเลี้ยงวันเกิดโอ้อวดของเธอ!ฉู่ซืออี๋โกรธจนหน้านิ่วคิ้วขมวด “เวินเหลียง ทำไมเธอถึงได้ต่ำตมขนาดนี้ฮะ? อาเจิงเขาไม่ได้ชอบเธอเลย ทางที่ดีเธอหย่ากับเขาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวไปซะ!”“ฉันไม่หย่า ร้อนใจเหรอ? แล้วคุณจะทำอะไรฉันได้?”“เธอ...”“ถ้าตอนนี้คุณอยากพูดเรื่องพวกนี้กับฉัน งั้นฉันก็ต้องขอตัวก่อนนะคะ”“เธอกล้าพนันกับฉันไหมล่ะ พนันว่าท้ายที่สุดแล้วอาเจิงจะเลือกใครกันแน่?”“คุณก็ได้แต่ใช้เรื่องพวกนี้มาพิสูจน์ความรู้สึกมีตัวตนของคุณ ฉันไม่สนใจอยากจะเล่นเป็นเพื่อนคุณหรอกนะ”เวินเหลียงหมุนตัวแล้วจากไปทันใดนั้นฉู่ซืออี๋ก็กระโจนเข้ามาจากด้านหลังเวินเหลียงประคองตัวเอาไว้อย่างสงบสติอารมณ์ ก่อนจะหลบฉู่ซืออี๋ฉู่ซืออี๋กระโจนใส่อากาศ ล้มหกคะเมนลงบันไดไป!“อ๊า...”เสียงกรีดร้องจนแทบจะขาดใจเสียงหนึ่งดังขึ้นฉู่ซืออี๋กลิ้งตกจากบนบันไดไปด้านล่าง“ซืออี๋!” ฟู่เจิงเข้ามาจากประตูหนีไฟ ครั้นเห็นภาพตรงหน้า ก็รีบรุดหน้าเข้ามาประคองฉู่ซืออี๋ที่นอนกองอยู่บนพื้นเข้ามาในอ้อมอก “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ฉู่ซือ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง