“ค่ะ” หวังเหยียนรู้ เธอเกลี้ยกล่อมฟู่เจิงสำเร็จแล้วฟู่เจิงออกจากห้องพักผู้ป่วย ลมเย็นปะทะใบหน้าเขาเดินไปถึงหน้าบันไดพรูลมเฮือกหนึ่งช้า ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือโทรไปหาเวินเหลียงคืนนี้เขามีความจำเป็นต้องอยู่ซืออี๋โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเขาแต่ถูกเวินเหลียงตัดสาย เขาโทษเวินเหลียงได้เหรอ?ไม่ได้ความตั้งใจของเธอเรียบง่ายมาก แค่ไม่อยากให้เขาไปอยู่เป็นเพื่อนฉู่ซืออี๋ในคืนนี้เธอไม่รู้ว่าซืออี๋มีเรื่องด่วนแล้วเขาโทษซืออี๋ได้เหรอ?ไม่ได้การที่โทรศัพท์หาเขาในช่วงสำคัญ เป็นเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจของเธอที่มีต่อเขาได้แต่โทษตัวเองเขาไม่สามารถปัดความรับผิดชอบกับเรื่องนี้ได้โทรศัพท์ของเวินเหลียงไม่มีคนรับสาย โทรไปอีกก็ปิดเครื่องฟู่เจิงคิดว่าเวินเหลียงโกรธเขาแล้ว ไม่อยากรับสายของเขาคิดแล้วจึงส่งข้อความไปหาเวินเหลียง“ซืออี๋บาดเจ็บสาหัส ที่เขาโทรหาฉันเพราะต้องการความช่วยเหลือ ไม่ว่ายังไงฉันก็ปัดความรับผิดชอบไม่ได้ คืนนี้ฉันต้องอยู่ดูแลเขา เรื่องอื่นเอาไว้พรุ่งนี้ฉันกลับไปแล้วค่อยคุยกัน เธออยู่บ้านรอฉันนะ”ข้อความส่งไปแล้วฟู่เจิงยืนอยู่ข้างนอกพักหนึ่งก่อนจะกลับห้องพักผ
เขาเดินอยู่ข้างนอกผ่านไปพักหนึ่ง เขากะประมาณว่าคนของกองถ่ายน่าจะกลับไปแล้ว จึงหมุนตัวจะกลับไปขากลับ เขาผ่านมุมเลี้ยวหนึ่ง ได้ยินคนจากทางนักลงทุนคนนั้นกำลังคุยกับโจวอวี่คนจากทางนักลงทุนพูด “ตอนนั้นคุณก็อยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ? คงไม่หนักหนาขนาดนั้นมั้ง?”โจวอวี่นึกภาพเหตุการณ์ในตอนนั้น “ตอนนั้นทุกคนร้อนใจมาก แต่ก็ช่วยได้ทันเวลา ไฟไม่ได้ลุกลามใหญ่โต ผมจำได้ว่าตอนที่ช่วยออกมาได้มีแต่ขาซ้ายที่มีรอยถูกลวก ที่อื่นไม่เห็น แต่ผมอาจดูผิดไปก็ได้”“คุณไม่น่าจะดูผิด ผมได้ยินเหล่าเม่าก็พูดอย่างนี้เหมือนกัน เสื้อผ้าตรงขาซ้ายยังเรียบร้อยไม่เสียหาย จะหนักหนาขนาดไหนกันเชียว? วัยรุ่นสมัยนี้ชอบทำเรื่องแบบนี้ เวอร์ซะไม่มี ถ้าเอาประวัติผู้ป่วยของฉู่ซืออี๋เผยแพร่ออกไป แฟนคลับได้ถล่มกองถ่ายเละแน่ ส่วนเขาก็รับบทผู้เคราะห์ร้าย ตอนนั้นก็บอกเขาแล้วว่าให้ระวัง...”คนจากทางนักลงทุนคิดว่าที่ฉู่ซืออี๋กับหวังเหยียนพูดเกินเลยเรื่องอาการบาดเจ็บ เพราะอยากได้เงินสักก้อนอย่างเช่นในสงครามแย่งชิงความโดดเด่น มีแฟนคลับเรียกร้องในแอ็กเคานต์ทางการแล้วว่า ฉู่ซืออี๋บาดเจ็บจากการถ่ายทำ กองถ่ายต้องชดเชยให้เธอกองถ่ายจนปัญญามา
ลู่ฉางคงรีบพูด “อาเจิง พี่เจิง นายอย่าพูดแบบนี้สิ ฉันก็ต้องเป็นเพื่อนนายอยู่แล้ว!”“งั้นนายก็บอกความจริงฉันมา”“ก่อนจะบอก ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากถามนายหน่อย”“ว่ามา”“เมื่อวานหลังจากนายไปแล้ว เวินเหลียงบอกว่าเขาแต่งงานจดทะเบียนกับนายแล้ว พวกนายเป็นผัวเมียกัน จริงเหรอ?”“ใช่” ฟู่เจิงตอบเสียงหนักลู่ฉางคงอึ้ง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง “พี่ชาย นี่มันยังไงกัน? ตั้งแต่เมื่อไร? ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ?”“สามปีก่อน”“สะ..สามปี?” ลู่ฉางคงไม่อยากจะเชื่อ หรือก็หมายถึงพวกเขาแต่งงานกันสามปีแล้วนี่ นี่เป็นไปได้ยังไง?“งั้นก็หมายถึง อาเจิง ตอนนี้นาย...กำลังนอกใจ...”“ตอบคำถามฉันมาก่อน เมื่อวานใครให้นายมาหาฉัน ใครบอกนายว่าซืออี๋บาดเจ็บสาหัส?”“ฉันจะบอก นายอย่าเอาฉันไปขายนะ ซืออี๋ให้ฉันไปหานาย เขากลัวว่านายจะไม่มาก็เลยให้ฉันพูดเวอร์ ๆ หน่อย”“ซืออี๋?”“ใช่”“เมื่อวานนายเจอเขาหลังบาดเจ็บเหรอ?”“เปล่า เขาโทรหาฉัน บอกว่ามือถือนายปิดเครื่อง พี่ชาย เรื่องนี้นายจะโทษฉันไม่ได้นะ ซืออี๋บอกว่านายอยู่กับเวินเหลียง กลัวว่านายจะทิ้งเขา ร้องห่มร้องไห้ขอให้ฉันช่วย ฉันจะทำไงได้?”“นายรู้หรือเปล่าว่าเมื่อว
“หรือก็หมายถึง คุณฉู่ไม่ได้หมดสติ?”“ใช่ เมื่อวานตอนที่ส่งคุณฉู่มาถึงโรงพยาบาลยังมีสติดีอยู่”“โอเค ผมรู้แล้ว ขอบคุณครับ”ฟู่เจิงลุกขึ้นยืนแล้วออกจากห้องทำงานเขานึกถึงเมื่อวานตอนที่มาถึงโรงพยาบาลเป็นเวลาสามทุ่มกว่าจะสี่ทุ่มแล้ว เวลาที่ฉู่ซืออี๋ฟื้นคือตอนเช้า หนึ่งคืนพอดี ปกปิดมิดชิดฟู่เจิงยืนอยู่ตรงทางเดินนอกห้องพักผู้ป่วย ทอดสายตามองท้องฟ้าไกล ๆถ้าไม่ใช่ว่าเขาถามรู้มาเอง เขาจะไม่เชื่อเลยว่าฉู่ซืออี๋จะร่วมกับผู้จัดการส่วนตัวของเธอมาหลอกเขาทำไมพวกเธอต้องทำอย่างนี้?เขาพอเดาได้คร่าว ๆ แต่เขาอยากฟังฉู่ซืออี๋อธิบายฟู่เจิงเดินเข้าห้องพักผู้ป่วยฉู่ซืออี๋ยิ้มกับเขา “อาเจิง คุณกลับมาแล้วเหรอ ความจริงคุณไม่ต้องออกไปนานอย่างนั้นก็ได้ คนของกองถ่ายไม่ได้อยู่นานสักหน่อย”สีหน้าฟู่เจิงราบเรียบ “ออกไปเดินหน่อย เป็นยังไงบ้าง? ตอนนี้คุณยังเจ็บไหม?”“เจ็บ เจ็บมาก เพราะงั้นต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันนะ ถ้าคุณอยู่เป็นเพื่อนฉัน ฉันจะไม่เจ็บ”ถ้าเขาไม่รู้ความจริงต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอแน่ตอนนี้รู้ว่าเธอกำลังเล่นละครตบตา หากมองในมุมของคนนอกจะรู้ว่ามันจอมปลอมอยู่นิด ๆทักษะการแสดงยังไม่ดี ต้องฝึ
“ผมคิดว่าที่นี่อาจไม่เหมาะกับคุณ คุณเพิ่งกลับมาได้ไม่นานก็ป่วยหลายครั้ง ผมคิดว่าสภาพแวดล้อมของเมืองนอกน่าจะเหมาะกับคุณมากกว่า”“ไม่นะ...ที่ฉันกลับมาก็เพื่อคุณ อาเจิง ไม่เอาอย่างนี้”“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ในเมื่อคุณไม่ได้เป็นอะไรมาก งั้นผมขอตัวกลับก่อน”ฉู่ซืออี๋ยังกอดเขา ไม่ยอมให้เขาไปเธอเงยหน้า สบกับสายตาของฟู่เจิง ทันใดนั้นร่างกายสะท้าน ปล่อยมือออกแบบไม่รู้ตัวฟู่เจิงหมุนตัวออกจากห้องพักผู้ป่วยเขาขับรถกลับบริษัท ตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของเวินเหลียงห้องทำงานของเวินเหลียงไม่มีคน คอมพิวเตอร์ปิดอยู่เขาเรียกพนักงานของเอ็มคิวมาคนหนึ่งแล้วสอบถาม “ผู้อำนวยการเวินของพวกคุณล่ะ?”“ไม่ทราบค่ะ วันนี้ผู้อำนวยการเวินไม่ได้มาทำงาน เหมือนว่าจะขอลาแล้ว”“โอเค ผมรู้แล้ว”เขาขับรถกลับบ้านทันที“คุณผู้ชายกลับมาแล้วเหรอคะ” แม่บ้านทักเขาย่างเท้าขึ้นชั้นบนพร้อมถาม “คุณผู้หญิงล่ะ?”“คุณผู้หญิงไปดูงานแล้วค่ะ”ฟู่เจิงชะงักฝีเท้า “ไปดูงาน?”“ค่ะ ไปดูงาน ไปกับผู้ช่วย”ฟู่เจิงนิ่งเงียบ เดินไปนั่งตรงโซฟาและพิงพนักเก้าอี้ ยื่นมือนวดหว่างคิ้วเขารู้ว่าวันนี้เวินเหลียงไม่มีโปรแกรมดูงานแน่นอน
เธอไม่ได้ฝันไป ประธานฟู่โทรศัพท์หาเธอ ประธานฟู่ถามโรงแรมของพวกเธอกับห้องของผู้อำนวยการเวินผู้ช่วยนึกถึงครั้งหนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ที่โทรศัพท์หาผู้อำนวยการเวิน โทรศัพท์กี่ครั้ง ๆ ก็ไม่มีคนรับ สุดท้ายมีคนรับ แต่ประธานฟู่เป็นคนรับตอนนั้นเธอก็คิดแล้วว่าประธานฟู่อาจคบหากับผู้อำนวยการเวินกอปรกับข่าวลือในบริษัทระยะนี้และการกระทำของประธานฟู่ในวันนี้ผู้ช่วยคิดว่ามันเป็นไปได้มากเล่นโทรศัพท์มือถือพักหนึ่ง ขณะกำลังจะไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก เธอมองหน้าจอทีหนึ่ง ปรากฏว่าคนที่โทรคือประธานฟู่อีกแล้วเธอรับสายอย่างเร็วรี่ “ฮัลโหล ประธานฟู่”“ผมถึงโรงแรมของพวกคุณแล้ว คุณออกมาหน่อย”“หา? ค่ะ ๆ ประธานฟู่ คุณถึงหน้าโรงแรมแล้วเหรอ ฉันจะลงไปรับคุณเดี๋ยวนี้...” ว่าแล้วผู้ช่วยก็หยิบคีย์การ์ดและออกห้องไปทันทีใครจะรู้ พอเข้าออกมาก็เห็นฟู่เจิงยืนอยู่หน้าห้องของเวินเหลียงผู้ช่วยงงเป็นไก่ตาแตก ในเมื่อประธานฟู่มาถึงแล้ว ทำไมยังเรียกให้เธอออกมาล่ะ?“ประธานฟู่...”ในตอนที่ผู้ช่วยกำลังสับสน ฟู่เจิงชี้ที่ประตูห้องของเวินเหลียงแล้วพูดว่า “คุณเคาะประตู อย่าพูดถึงผม”ผู้ช่วยกระจ่าง
ฟู่เจิงหน้าหัน แววตาไม่แน่ชัด กุมใบหน้าด้านซ้ายที่ถูกตบ “ได้ ฉันไป...ฉันจะไป...”เวินเหลียงยืนอึ้งอยู่กับที่เหมือนกันเธอไม่คิดจะตบเขา แต่กำลังว้าวุ่นใจเลยตบใส่ผู้ชายสารเลวไปฉาดหนึ่งฟู่เจิงถอยหลังสองสามก้าว ก่อนจะออกจากประตูและหมุนตัวจากไปผู้ช่วยเพิ่งได้สติ ฟู่เจิงเดินไปถึงหน้าลิฟต์แล้วเธอยืนอยู่กับที่ มองเงาหลังของฟู่เจิง จากนั้นก็มองเวินเหลียงที่อยู่ในห้องอีกที่ ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเมื่อกี้ตอนประธานฟู่เดินออกมาดูเหมือนจะน้อยใจอยู่หน่อย ๆพอเห็นเวินเหลียงมองมา ผู้ช่วยจึงรีบอธิบาย “ผู้อำนวยการเวิน ประธานฟู่โทรมาถามที่อยู่โรงแรมเรา ให้ฉันเคาะประตู ฉันปฏิเสธไม่ได้ค่ะ” เวินเหลียงพยักหน้าเล็กน้อย ถอนหายใจยาว “ฉันรู้แล้ว คุณกลับไปพักเถอะ”“ค่ะ”หลังจากผู้ช่วยจากไป เวินเหลียงปิดประตู ไม่มีอารมณ์ดูละครน้ำเน่าอีกทั้งที่เธอไม่อยากนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแต่ฟู่เจิงต้องมาตอกย้ำเธอให้ได้ เมื่อวานตอนเธอที่ถูกเพื่อนของเขาเหยียดหยามเขาเพิกเฉย ทิ้งเธอเพื่อฉู่ซืออี๋ที่น่าหัวเราะคือ เขายังอยากอธิบาย กระทั่งว่าตามมาอธิบายถึงเมืองบีจะอธิบายอะไรได้? เขาก็แค่เป็นห่วงฉู่ซืออี๋ ต้องไปตรวจส
……เลขาหยางเข้ามาสำรองประวัติการโทรกับคลิปเสียงของฟู่เจิงตามปกติและเพราะอย่างนี้ เลขาหยางจึงรู้ความลับของฟู่เจิงหลายเรื่องฟู่เจิงมอบโทรศัพท์มือถือให้เลขาหยาง“งั้นฉันจะเอาไปก๊อบปี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเอามือถือมาคืนคุณ”เลขาหยางถือโทรศัพท์มือถือออกจากห้องทำงานและไปสำรองข้อมูลที่โต๊ะของตัวเองฟู่เจิงตอบรับเรียบ ๆ ดวงตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่กะพริบ มือเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วแต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงจากลำโพงบลูทูธเริ่มดังขึ้น“ฮัลโหล ประธานฟู่ ผมอู๋เจิ้นจากหงเหว่ยเทคโนโลยี แผนพลังงานรูปแบบใหม่ที่คุณเสนอเมื่อก่อนหน้านี้...”ฟู่เจิงขมวดคิ้ว มองลำโพงบลูทูธเนื้อหาที่ดังมาก็คือคลิปเสียงสนทนาของเขากับอู๋เจิ้นเมื่อก่อนหน้านี้น่าจะเป็นเพราะโทรศัพท์มือถือของเขาเชื่อมต่อกับลำโพงบลูทูธในห้องทำงาน และเลขาหยางไม่ทันระวังกดถูกตอนสำรองข้อมูลฟู่เจิงอิงพนักเก้าอี้ นวดระหว่างคิ้วในห้องมีแต่เสียงหัวเราะฮ่า ๆ ๆ ๆ ของอู๋เจิ้นฟู่เจิงลุกขึ้นยืน ขณะกำลังจะปิดสวิตช์ลำโพงบลูทูธ ใครจะรู้ว่าคลิปเสียงหนึ่งเล่นเสร็จจะเล่นคลิปต่อไปอัตโนมัติ“ฮัลโหล” นี่คือเสียงของฉู่ซืออี๋“ฉันเอง ฟู่เจิงล่ะ?” นี่คือ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง