สองทุ่ม ฟู่เจิงไลน์มาหาเวินเหลียง “กินข้าวเย็นหรือยัง? ทำไมยังไม่มาอีก?”เวินเหลียงอ่านข้อความแล้วก็ออกจากไลน์ ตามด้วยปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือผ่านไปพักหนึ่งโทรศัพท์ก็สั่นอีก มีข้อความไลน์ส่งมาอีกแล้วเวินเหลียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแวบหนึ่ง เห็นฟู่เจิงส่งมาว่า “ตอบข้อความฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะไปหาเธอที่ห้องตอนนี้เลย”เวินเหลียงกระตุกมุมปากและตอบกลับ “คืนนี้ไม่ไปแล้ว”“เพราะอะไร? ทำไมเมื่อกี้ไม่สนใจฉัน?”“เมื่อกี้ไม่เห็น คืนนี้รู้สึกเพลีย ๆ ไม่อยากไปแล้วค่ะ”ข้ออ้างคำพูดเหล่านี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นข้ออ้าง“เวินเหลียง บอกความจริงกับฉันมา เพราะอะไร?”“ที่ฉันพูดเมื่อกี้ก็คือความจริง ฉันอยากนอนแล้ว”หลังจากส่งไลน์เสร็จ เวินเหลียงก็ถือโทรศัพท์เอาไว้พักหนึ่ง แต่ฟู่เจิงไม่ได้ตอบกลับมาเวินเหลียงจึงวางโทรศัพท์ไว้บนเตียงเตรียมจะนอนด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาทันใด เวินเหลียงสะดุ้งสัญชาตญาณเธอบอกว่าคนที่เคาะประตูอยู่ข้างนอกก็คือฟู่เจิงเตียงของจางซิงอยู่ด้านนอก เธอลงจากเตียงแล้วเดินลากเท้าไปถึงประตูและถาม “ใครคะ?”“ผมเอง” เสียงทุ้มต่ำลอดมาจากประตู “ฉันมีธุระกับเวินเหลียง ให้เ
“สองเดือนแล้วนะ ใครไม่อยากบ้าง?”“คุณเคยพูดว่าต้องผ่านความเห็นจากฉัน ฉันไม่โอเคค่ะ”“งั้นเธอช่วยฉันก็ได้”เวินเหลียงลังเลแพล็บหนึ่ง จากนั้นก็ใช้งานนิ้วมือทั้งห้าของตัวเองฟู่เจิงส่ายหน้า “หันหลังไป สองขาชิด”พอจบ ต้นขาเวินเหลียงถูกเสียดสีจนแดงเป็นปื้นเวินเหลียงหมดแรงไปทั้งตัว ได้แต่มองคนที่ทำเรื่องเลวร้ายด้วยความอัดอั้นตันใจและเคียดแค้นแต่อีกฝ่ายคล้ายอารมณ์ดีมาก หลังจากล้างตัวเธอจนสะอาดแล้วยังอุ้มไปส่งบนเตียงด้วยแน่ะการบริการครบถ้วนไม่มีขาดตกบกพร่อง……เช้าวันต่อมา ฟ้ายังไม่ทันสางฟู่เจิงก็ปลุกเวินเหลียง “พวกเรากลับกัน ไว้ค่อยไปนอนบนรถ”วันนี้พนักงานยังอยู่ที่ออนเซ็นอีกวันถึงเวินเหลียงจะกลับมาก่อนกำหนด แต่ก็ไม่ต้องไปทำงาน ดังนั้นจึงนอนอยู่บนจนกว่าจะตื่นเองตอนเล่นโทรศัพท์มือถือ เธอนึกถึงรูปที่ถ่ายกับฟู่เจิงจึงลงโพสต์เวินเหลียงเขียนลงไทม์ไลน์ว่า : แฟนพร้อมลงรูปที่เธอถ่ายกับฟู่เจิงในวันนั้น ตั้งค่าให้เพื่อนทุกคนเห็นได้จากนั้นเวินเหลียงก็ได้รับข้อความ ฟู่เจิงกดไลก์โพสต์ของเธอถึงทุกคนจะงงว่าเธออวดรูปแฟนแต่ทำไมไม่ให้เห็นหน้า หากยังคอมเมนต์แสดงความยินดีใต้โพสต์แม้แต
วันต่อมาคือวันเสาร์ เวินเหลียงนัดกับโจวอวี่ว่าจะไปเยี่ยมกองถ่ายเมืองอวิ๋นสุ่ยตอนเช้าสิบโมง พอเวินเหลียงไปถึงนอกกองถ่ายเมืองอวิ๋นสุ่ยก็โทรศัพท์หาโจวอวี่ โจวอวี่ออกมารับเธอเข้าไปด้วยตัวเองนี่เป็นครั้งแรกที่เวินเหลียงมากองถ่ายเธอเดินเข้าไปข้างในพลางถามโจวอวี่ “มากองถ่ายต้องทำอะไรไหม?”“ไม่ต้อง ความจริงก็แค่มาดู ช่วงกินข้าวตอนกลางวันฉันมีเวลา ถึงตอนนั้นก็กินข้าวด้วยกันนะ”“ได้”โจวอวี่พาเวินเหลียงไปทักทายผู้กำกับเฉิน“เมื่อไรจะถึงคิวนายถ่าย?”“อีกเดี๋ยว จะแล้วละ เธอดูอยู่ข้าง ๆ นะ”เห็นโจวอวี่บอกว่าตอนนี้กองถ่ายกำลังถ่ายคิวบุ๋น[footnoteRef:1]ฉากใหญ่อยู่ ดังนั้นสถานที่ถ่ายจะอยู่ในเต็นท์ที่ทำขึ้น เวินเหลียงดูอยู่ที่ถ่ายทำได้ [1: ตรงข้ามกับคิวบู๊] โจวอวี่พาเวินเหลียงมาถึงมุมที่เห็นได้ชัดที่สุด สามารถเห็นนักแสดงที่คนที่กำลังถ่ายทำจากนั้นโจวอวี่ก็ไปเตรียมตัวไม่นานก็ถึงซีนของโจวอวี่แล้วเขาอยู่ในชุดโบราณ ท่วงท่าสง่างาม เข้าบทอย่างรวดเร็วราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนดูออกว่าผู้กำกับเฉินพอใจในตัวเขามากดูโจวอวี่ถ่ายทำพักหนึ่งแล้ว เวินเหลียงก็ลุกไปเข้าห้องน้ำตอนที่เธอเดินเข้าก็ม
“ดีจังเลยค่ะ ฉันจะรอคุณอยู่ที่กองถ่ายนะคะ”หลังจากฉู่ซืออี๋วางสายแววสายฉายความกระหยิ่มใจ “เวินเหลียง ตอนนี้เธอน่าจะเข้าใจแล้วใช่ไหม? กับฉัน อาเจิงจะให้ตามที่ฉันต้องการเสมอ เขาไม่ได้ชอบเธอ ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ อีกไม่กี่วัน วันที่ยี่สิบกันยา แค่ฉันโทรกริ๊งเดียวเขาก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน ไม่เชื่อก็ลองดู!”เวินเหลียงตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อยหัวใจราวกับถูกเจาะเป็นโพรง ลมหนาวหวีดหวิววันครบรอบวันแต่งงานของเธอคือวันเกิดของศัตรูหัวใจ นี่คือหนามที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจถอนออกจากหัวใจของเธอถ้าวันนั้นฟู่เจิงไปอยู่เป็นเพื่อนฉู่ซืออี๋ ไม่รู้ว่าเธอจะผิดหวังแค่ไหน“คอยดูเถอะ!”ฉู่ซืออี๋ยิ้มได้ใจแล้วเชิดหน้าไปเวินเหลียงยืนอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วจึงกลับเข้าเต็นท์ดูโจวอวี่แสดง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ข้างนอกมีเสียงเซ็งแซ่ขึ้นมามีคนแจ้งกับผู้กำกับเฉินในเต็นท์ “ประธานฟู่มาเยี่ยมคุณฉู่ครับ”ผู้กำกับเฉินหยิบโทรโข่งประกาศ “พักก่อน ๆ เดี๋ยวค่อยถ่ายต่อ”ว่าแล้วก็ไปต้อนรับด้วยตัวเองโจวอวี่อยู่ในชุดโบราณมาถึงตรงหน้าเวินเหลียง “เป็นไงบ้าง ฉันแสดงเป็นไง?”“ดีมากเลย ได้อารมณ์”ดูอ
โจวอวี่มองเวินเหลียงแบบเอาใจแวบหนึ่ง “ตอนเด็ก ๆ เขาเป็นเพื่อนบ้านกับผมครับ ขี้แยสุด ๆ ไปเลย”“เพื่อนวัยเด็กเหรอ? งั้นก็มีวาสนาจริง ๆ ถ้าใกล้จะมีข่าวดีต้องบอกฉันนะ”“กำกับเฉินอย่านะครับ ผมกับอาเหลียงเป็นเพื่อนกัน” โจวอวี่พูดเขารู้จักความเหมาะสม ตอนนี้เวินเหลียงมีแฟนแล้ว“เข้าใจ ฉันเข้าใจ คนหนุ่มสมัยนี้ก็แบบนี้แหละ ชอบเรียกตัวเองว่าเพื่อน” รองผู้กำกับสมทบฟู่เจิงเงยหน้ามองโจวอวี่กับเวินเหลียงแวบหนึ่งแบบธรรมดา ขมวดคิ้วนิด ๆทั้งที่เขาก็เตือนเธอแล้วว่าเธอกับโจวอวี่ไม่เหมาะสมกัน!เธอฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ชอบโจวอวี่ขนาดนี้เลยเหรอ?“อาเจิง”“อาเจิงคะ?”“อื่ม คุณว่าอะไรนะ?” ฟู่เจิงหันไปมองฉู่ซืออี๋ฉู่ซืออี๋ดวงตาครึ้มลง ขยับเข้าไปกระซิบข้างหูฟู่เจิง “คุณรู้สึกไหมว่าอาเหลียงกับโจวอวี่เหมาะสมกันมาก? ถ้าพวกคุณหย่ากันแล้ว อาเหลียงคบกับโจวอวี่ก็เป็นที่พึ่งพิงที่ดีเหมือนกันนะคะ”ฟู่เจิงส่ายหน้าทันที “ไม่ได้ พวกเขาไม่เหมาะสมกัน”“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าพวกเขาไม่เหมาะสมกัน?”“ผมรู้นิสัยกับการทำงานของพวกเขา”เห็นฟู่เจิงกระซิบกระซาบกับฉู่ซืออี๋อย่างสนิทสนม เวินเหลียงขมขื่นเล็กน้อย หลุบตาลงพนั
“เพราะฉันรู้ว่าเธออยู่ที่นี่”แม่บ้านบอกเขาว่าเธอมาหาโจวอวี่ที่กองถ่ายที่แรกเขาอยากพาเธอมา แต่ฉู่ซืออี๋โทรศัพท์มาพอดีฟู่เจิงหยิกคางของเธอ บีบให้เธอหันกลับมาแล้วจูบปากเธออีกครั้งมืออีกข้างหนึ่งลูบไล้ไปตามเส้นโค้งบนเรือนร่างเวินเหลียงขาอ่อนระทวย จำต้องพิงกับแผ่นอกของเขาปลายนิ้วสัมผัสกับความชื้นแฉะฟู่เจิงปล่อยริมฝีปากของเวินเหลียง โอบเธอเดินเข้าห้องน้ำ หาห้องและเดินเข้าไป “ช่วยเธอนะ”“ไม่ได้...อย่า...” เวินเหลียงหน้าแดงก่ำนี่ นี่มันจะบ้าไปแล้วกลางวันแสก ๆ อยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไง...ฟู่เจิงมองออกถึงความกังวลของเธอจึงหัวเราะน้อย ๆ “เธอก็อย่าส่งเสียงสิ”ฟู่เจิงกดเธอกับประตู ลมหายใจร้อนผ่าวรดซอกคอของเธอ จากนั้นก็ล้วงนิ้วเข้าไป“แต่...แต่ยังมีคนที่ห้องวีไอพี อื้อ...รอเรา...”“ให้พวกเขารอไป”เวินเหลียงเงียบ หลับตาลง กัดฟันแน่น พยายามสะกดเสียงเอาไว้ไม่รู้ว่าเพราะกำลังตั้งครรภ์หรืออย่างไร ช่วงนี้ทักษะฟู่เจิงดีขึ้นเรื่อย ๆ เธอพบว่าตัวเองมีความต้องการมากขึ้นทุกทีนี่ทำให้เธอเริ่มสับสนแล้วเมื่อก่อนเธอไม่ได้เป็นคนอย่างนี้นี่!“กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ?”ฟู่เจิงเห็นเวินเหลียงค
พอฟู่เจิงได้ยินก็ชะงักไปในสมองปรากฏภาพที่เวินเหลียงกรอบตาแดงไต่ถามเขาเธอพูดว่า : คุณรักซึ้งตรึงใจกับเขาจริง ๆ ขนาดวันครบรอบวันแต่งงานของเราก็ยังเอามาใช้รำลึกถึงเขาเธอพูดว่า : ในเมื่อคุณชอบเขาขนาดนั้น ทำไมไม่รอเขาอยู่อย่างนั้นล่ะ? ทำไมต้องเลือกแต่งงานกับฉัน? ฉันไม่ใช่ว่าต้องแต่งกับคุณให้ได้เสียเมื่อไร ทำไมคุณต้องเหยียบย่ำฉันด้วย?“วันนี้ผมมีธุระ จะก่อนหรือหลังวันนั้น คุณเลือกเอาสักวัน” ฟู่เจิงเอามือคลายคอเสื้อพูดเรียบฉู่ซืออี๋หัวใจหล่นตุบวันนี้มีธุระ?ธุระอะไร? ไม่ต้องบอกก็รู้เธอฉีกมุมปากยิ้ม คล้องแขนอ้อนเขา ทำเป็นถามแบบไม่รู้ “ธุระอะไรเหรอคะ? จะเลื่อนไปไม่ได้เหรอ? คุณไม่ได้ฉลองวันเกิดกับฉันนานมากแล้วนะ”“ขอโทษด้วย”“อาเจิง นี่เป็นวันเกิดแรกหลังจากฉันกลับมานะ กว่าจะได้อยู่กับคุณ...”“อย่าดื้อนะ” ฟู่เจิงกล่าวเสียงหนักฉู่ซืออี๋ยิ้มไม่ออกแล้วหลังจากขึ้นรถ ใบหน้าของเธอขมึงทึงถึงที่สุดลางสังหรณ์ของเธอกลายเป็นความจริงให้เห็นแล้วหลายครั้งตอนนี้เธอใกล้จะไม่มีที่ยืนในหัวใจของฟู่เจิงแล้วเขาเอนเอียงไปทางเวินเหลียงครั้งแล้วครั้งเล่าเขาหลงรักเวินเหลียงแล้วจริง ๆ?ไม่ ไม
เป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีแดงแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงขนาดประมาณหนึ่งคืบ ขนาดประมาณนี้น่าจะเป็นกำไลมั้ง“งั้นฉันจะเปิดแล้วนะ” เวินเหลียงเปิดกล่องออกอย่างระมัดระวังกำไลหยกเฝ่ยชุ่ยใสเล่นแสงวงหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าเวินเหลียงในตอนที่เห็นมัน เวินเหลียงอึ้งไปไม่ใช่อะไรอื่นกำไลวงนี้คล้ายกับดวงใจแห่งมหาสมุทรวงนั้นในงานประมูลคราวก่อนมากแต่นี่ไม่ใช่ดวงใจแห่งมหาสมุทร ฟู่เจิงจะไม่เอากำไลจากมือของฉู่ซืออี๋มาให้เธอเห็นเวินเหลียงอึ้ง ฟู่เจิงจึงอธิบาย “คราวก่อนเธอบอกว่าหยกชิ้นของดวงใจแห่งมหาสมุทรใหญ่มาก ทำกำไลได้มากกว่าหนึ่งวง ฉันก็เลยให้คนจับตาดู เป็นอย่างนั้นจริง ๆ นี่เป็นวงที่สองที่ซื้อมาจากเจ้าของ”“ขอบคุณในความตั้งใจค่ะ” เวินเหลียงปิดฝากล่องแล้ววางไว้อีกทาง“ไม่ลองดูหน่อยเหรอ?”“กลับไปค่อยลองแล้วกัน” เวินเหลียงพูดฟู่เจิงอาจต้องใช้เงินมากเพื่อซื้อกำไลวงนี้ แต่เวินเหลียงกลับไม่รู้สึกดีใจสักเท่าไรฟู่เจิงจับผิดประเด็นตั้งแต่แรกแล้วเธอไม่ได้อยากได้กำไลที่เหมือนกับดวงใจแห่งมหาสมุทร ไม่อยากได้เลยสักนิดถ้าดวงใจแห่งมหาสมุทรไม่ใช่ของเธอ เธอก็ไม่อยากได้แล้วแต่นี่อาจเป็นชะตาของเธอ ไม่ว่าอ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง