ถ้าไม่อยากพูดความจริง และไม่อยากรับความท้าทาย อย่างนั้นก็ต้องลงโทษดื่มเหล้าสามแก้วจำนวนคนมากจริง ๆ ถ้าจะให้เวียนครบทุกคนจะต้องเล่นอย่างน้อยสี่สิบรอบดังนั้นจึงไม่ถึงตาเวินเหลียงสักที ระหว่างนั้นเคยชี้ไปที่เพื่อนร่วมงานหญิงคนอื่นบางคน คำถามที่ถามไม่ล่อแหลมมากผู้อำนวยการเฉินเพิ่งรับความท้าทายเสร็จ “ถึงตาผมหมุนสักที ดูสิว่าจะชี้ไปที่ใคร?”ขวดเบียร์หมุนอยู่ตรงกลางทุกคนจ้องเป็นตาเดียว ถือปากขวดเบียร์ขึ้นมาแกว่ง สุดท้ายมันชี้ไปทางคนที่ทำให้ทุกคนโห่ขึ้นมา——ฟู่เจิงผู้อำนวยการเฉินยิ้มเจ้าเล่ห์ “ประธานฟู่เหรอ ประธานฟู่ ในที่สุดก็ถึงตาคุณแล้วนะครับ คุณจะเลือกพูดความจริงหรือจะรับความท้าทายดี?”ฟู่เจิง “พูดความจริงแล้วกัน”“งั้นผมจะถามแล้วนะ ครั้งแรกของประธานฟู่ใช่คุณฉู่ไหมครับ?”ทุกคนสูดลมเย็นเฮือก พูดในใจว่าผู้อำนวยการเฉินก็ช่างกล้าถามนะพวกเขาหูผึ่งรอฟังเป็นแถว หน้าสีฉายอารมณ์อยากรู้เรื่องชาวบ้าน อดรนทนไม่ไหว อยากรู้คำตอบของฟู่เจิงฟู่เจิงมองเวินเหลียงแวบหนึ่งอย่างที่ไม่มีใครเห็น “ไม่ใช่”สมัยก่อนเขาคบหากับซืออี๋ กลับไม่เคยแตะต้องเธอเขาเป็นลูกนอกสมรส จะยับยั้งตัวเองในด้านนี้เป็
ภายใต้การมองของทุกคน เธอกระแอมกระไอแล้วตอบ “สิบแปดเซ็นมั้ง”“ยาวงั้นเลย? จริงหรือเปล่า?”ทุกคนโห่ขึ้นมาอีกครั้งจากนั้นเวินเหลียงก็หมุนขวดเบียร์ คิดว่าถามเสร็จก็หมดเรื่องแล้ว ใครจะรู้ ปากขวดดันบังเอิญชี้ไปทางฟู่เจิงชั่วขณะนั้น เธอสบตากับฟู่เจิง จ้องกันไปจ้องกันมา“ประธานฟู่ คุณเลือกพูดความจริงหรือจะรับความท้าทายคะ?” เวินเหลียงมองเขาพลางถาม“พูดความจริง”ถ้าไม่ใช่เพราะไม่ถูกกาลเทศะ เวินเหลียงอยากถามเขามากว่าเขามีใจให้เธอสักนิดบ้างไหมทุกคนพูดจ้อกแจ้กจอแจ เสนอคำถามให้เวินเหลียงบ้างให้ถามว่าฟู่เจิงยาวเท่าไรบ้างให้ถามว่าครั้งแรกของฟู่เจิงนานแค่ไหนบ้างให้ถามว่าฟู่เจิงเคยนอนกับผู้หญิงมาแล้วกี่คนเธอรู้ว่าฟู่เจิงยาวเท่าไร ส่วนที่เหลือไม่มีความจำเป็นต้องรู้ ถึงเธอจะไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของเขาก่อนแต่งงาน แต่ก็รู้แล้วรังแต่จะทุกข์ใจเปล่า ๆ ไม่รู้มันเสียจะดีกว่าสำหรับข้อมูลส่วนใหญ่ของฟู่เจิง เธอรู้หมด เธอต้องถามเรื่องที่ตัวเองไม่รู้เวินเหลียงคิดแล้วจึงถามว่า “คุณรู้จักและคบหากับคุณฉู่ได้ยังไงคะ?”เหล่าพนักงานหูผึ่ง รอฟังให้ฟู่เจิงเล่านิทานฟู่เจิงนัยน์ตาวับวาบ มองไปทางเวินเหล
ใช้ตาตุ่มคิดยังรู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เวินเหลียงตอบกลับไปทันที “ไม่ไป ฉันอยากพักค่ะ”“แน่ใจว่าไม่มา? เหลือเวลาอยู่ที่นี่แค่พรุ่งนี้วันเดียวแล้วนะ หรือว่าเธอจะไปแช่ออนเซ็นบ่อใหญ่?”เวินเหลียงคิดหนักอยู่ค่อนวันจึงจะตอบ “กลางคืนฉันจะไปแช่สักหน่อยแล้วกัน”“มีเศษอาหารอยู่ก้นบ่อ ทางที่พักประกาศว่าห้ามแช่ไปด้วยกินไปด้วย”ฟู่เจิงกลัวว่าเธอจะแช่ไปด้วยกินไปด้วย พอกินเสร็จก็หนีอีก“ก็ได้ค่ะ งั้นฉันกินเสร็จแล้วค่อยไป”เวินเหลียงนิ่งพิงหัวเตียง เล่นมือถืออย่างสบาย ๆฉู่ซืออี๋ติดการค้นหายอดฮิต : #ภาษาเยอรมันฉู่ซืออี๋#เวินเหลียงกดเข้าไปดูหลังจากฉู่ซืออี๋กลับประเทศก็ร่วมรายการวาไรตี้หนึ่ง วันนี้เป็นวันที่รายการนี้ออกอากาศในการค้นหายอดฮิตเป็นคลิปวาไรตี้ช่วงหนึ่ง ฉู่ซืออี๋แนะนำตัวเองเป็นภาษาเยอรมันแขกรับเชิญคนอื่น ๆ ให้เธอลองพูดนิดหน่อย ฉู่ซืออี๋จึงพูด “งั้นฉันจะเล่านิทานเป็นภาษาเยอรมันก็แล้วกันนะคะ”ถัดมาคือการพูดภาษาเยอรมันเป็นพรวนของฉู่ซืออี๋คงเพราะเคยฟังฟู่เจิงเล่านิทานเป็นภาษาเยอรมันมาเยอะ เวินเหลียงจึงรู้สึกคุ้น ๆฉู่ซืออี๋พูด “นี่เป็นนิทานที่คลาสสิกมากค่ะ อีกากับสุนัขจิ้ง
สองทุ่ม ฟู่เจิงไลน์มาหาเวินเหลียง “กินข้าวเย็นหรือยัง? ทำไมยังไม่มาอีก?”เวินเหลียงอ่านข้อความแล้วก็ออกจากไลน์ ตามด้วยปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือผ่านไปพักหนึ่งโทรศัพท์ก็สั่นอีก มีข้อความไลน์ส่งมาอีกแล้วเวินเหลียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแวบหนึ่ง เห็นฟู่เจิงส่งมาว่า “ตอบข้อความฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะไปหาเธอที่ห้องตอนนี้เลย”เวินเหลียงกระตุกมุมปากและตอบกลับ “คืนนี้ไม่ไปแล้ว”“เพราะอะไร? ทำไมเมื่อกี้ไม่สนใจฉัน?”“เมื่อกี้ไม่เห็น คืนนี้รู้สึกเพลีย ๆ ไม่อยากไปแล้วค่ะ”ข้ออ้างคำพูดเหล่านี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นข้ออ้าง“เวินเหลียง บอกความจริงกับฉันมา เพราะอะไร?”“ที่ฉันพูดเมื่อกี้ก็คือความจริง ฉันอยากนอนแล้ว”หลังจากส่งไลน์เสร็จ เวินเหลียงก็ถือโทรศัพท์เอาไว้พักหนึ่ง แต่ฟู่เจิงไม่ได้ตอบกลับมาเวินเหลียงจึงวางโทรศัพท์ไว้บนเตียงเตรียมจะนอนด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาทันใด เวินเหลียงสะดุ้งสัญชาตญาณเธอบอกว่าคนที่เคาะประตูอยู่ข้างนอกก็คือฟู่เจิงเตียงของจางซิงอยู่ด้านนอก เธอลงจากเตียงแล้วเดินลากเท้าไปถึงประตูและถาม “ใครคะ?”“ผมเอง” เสียงทุ้มต่ำลอดมาจากประตู “ฉันมีธุระกับเวินเหลียง ให้เ
“สองเดือนแล้วนะ ใครไม่อยากบ้าง?”“คุณเคยพูดว่าต้องผ่านความเห็นจากฉัน ฉันไม่โอเคค่ะ”“งั้นเธอช่วยฉันก็ได้”เวินเหลียงลังเลแพล็บหนึ่ง จากนั้นก็ใช้งานนิ้วมือทั้งห้าของตัวเองฟู่เจิงส่ายหน้า “หันหลังไป สองขาชิด”พอจบ ต้นขาเวินเหลียงถูกเสียดสีจนแดงเป็นปื้นเวินเหลียงหมดแรงไปทั้งตัว ได้แต่มองคนที่ทำเรื่องเลวร้ายด้วยความอัดอั้นตันใจและเคียดแค้นแต่อีกฝ่ายคล้ายอารมณ์ดีมาก หลังจากล้างตัวเธอจนสะอาดแล้วยังอุ้มไปส่งบนเตียงด้วยแน่ะการบริการครบถ้วนไม่มีขาดตกบกพร่อง……เช้าวันต่อมา ฟ้ายังไม่ทันสางฟู่เจิงก็ปลุกเวินเหลียง “พวกเรากลับกัน ไว้ค่อยไปนอนบนรถ”วันนี้พนักงานยังอยู่ที่ออนเซ็นอีกวันถึงเวินเหลียงจะกลับมาก่อนกำหนด แต่ก็ไม่ต้องไปทำงาน ดังนั้นจึงนอนอยู่บนจนกว่าจะตื่นเองตอนเล่นโทรศัพท์มือถือ เธอนึกถึงรูปที่ถ่ายกับฟู่เจิงจึงลงโพสต์เวินเหลียงเขียนลงไทม์ไลน์ว่า : แฟนพร้อมลงรูปที่เธอถ่ายกับฟู่เจิงในวันนั้น ตั้งค่าให้เพื่อนทุกคนเห็นได้จากนั้นเวินเหลียงก็ได้รับข้อความ ฟู่เจิงกดไลก์โพสต์ของเธอถึงทุกคนจะงงว่าเธออวดรูปแฟนแต่ทำไมไม่ให้เห็นหน้า หากยังคอมเมนต์แสดงความยินดีใต้โพสต์แม้แต
วันต่อมาคือวันเสาร์ เวินเหลียงนัดกับโจวอวี่ว่าจะไปเยี่ยมกองถ่ายเมืองอวิ๋นสุ่ยตอนเช้าสิบโมง พอเวินเหลียงไปถึงนอกกองถ่ายเมืองอวิ๋นสุ่ยก็โทรศัพท์หาโจวอวี่ โจวอวี่ออกมารับเธอเข้าไปด้วยตัวเองนี่เป็นครั้งแรกที่เวินเหลียงมากองถ่ายเธอเดินเข้าไปข้างในพลางถามโจวอวี่ “มากองถ่ายต้องทำอะไรไหม?”“ไม่ต้อง ความจริงก็แค่มาดู ช่วงกินข้าวตอนกลางวันฉันมีเวลา ถึงตอนนั้นก็กินข้าวด้วยกันนะ”“ได้”โจวอวี่พาเวินเหลียงไปทักทายผู้กำกับเฉิน“เมื่อไรจะถึงคิวนายถ่าย?”“อีกเดี๋ยว จะแล้วละ เธอดูอยู่ข้าง ๆ นะ”เห็นโจวอวี่บอกว่าตอนนี้กองถ่ายกำลังถ่ายคิวบุ๋น[footnoteRef:1]ฉากใหญ่อยู่ ดังนั้นสถานที่ถ่ายจะอยู่ในเต็นท์ที่ทำขึ้น เวินเหลียงดูอยู่ที่ถ่ายทำได้ [1: ตรงข้ามกับคิวบู๊] โจวอวี่พาเวินเหลียงมาถึงมุมที่เห็นได้ชัดที่สุด สามารถเห็นนักแสดงที่คนที่กำลังถ่ายทำจากนั้นโจวอวี่ก็ไปเตรียมตัวไม่นานก็ถึงซีนของโจวอวี่แล้วเขาอยู่ในชุดโบราณ ท่วงท่าสง่างาม เข้าบทอย่างรวดเร็วราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนดูออกว่าผู้กำกับเฉินพอใจในตัวเขามากดูโจวอวี่ถ่ายทำพักหนึ่งแล้ว เวินเหลียงก็ลุกไปเข้าห้องน้ำตอนที่เธอเดินเข้าก็ม
“ดีจังเลยค่ะ ฉันจะรอคุณอยู่ที่กองถ่ายนะคะ”หลังจากฉู่ซืออี๋วางสายแววสายฉายความกระหยิ่มใจ “เวินเหลียง ตอนนี้เธอน่าจะเข้าใจแล้วใช่ไหม? กับฉัน อาเจิงจะให้ตามที่ฉันต้องการเสมอ เขาไม่ได้ชอบเธอ ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ อีกไม่กี่วัน วันที่ยี่สิบกันยา แค่ฉันโทรกริ๊งเดียวเขาก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน ไม่เชื่อก็ลองดู!”เวินเหลียงตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อยหัวใจราวกับถูกเจาะเป็นโพรง ลมหนาวหวีดหวิววันครบรอบวันแต่งงานของเธอคือวันเกิดของศัตรูหัวใจ นี่คือหนามที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจถอนออกจากหัวใจของเธอถ้าวันนั้นฟู่เจิงไปอยู่เป็นเพื่อนฉู่ซืออี๋ ไม่รู้ว่าเธอจะผิดหวังแค่ไหน“คอยดูเถอะ!”ฉู่ซืออี๋ยิ้มได้ใจแล้วเชิดหน้าไปเวินเหลียงยืนอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วจึงกลับเข้าเต็นท์ดูโจวอวี่แสดง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ข้างนอกมีเสียงเซ็งแซ่ขึ้นมามีคนแจ้งกับผู้กำกับเฉินในเต็นท์ “ประธานฟู่มาเยี่ยมคุณฉู่ครับ”ผู้กำกับเฉินหยิบโทรโข่งประกาศ “พักก่อน ๆ เดี๋ยวค่อยถ่ายต่อ”ว่าแล้วก็ไปต้อนรับด้วยตัวเองโจวอวี่อยู่ในชุดโบราณมาถึงตรงหน้าเวินเหลียง “เป็นไงบ้าง ฉันแสดงเป็นไง?”“ดีมากเลย ได้อารมณ์”ดูอ
โจวอวี่มองเวินเหลียงแบบเอาใจแวบหนึ่ง “ตอนเด็ก ๆ เขาเป็นเพื่อนบ้านกับผมครับ ขี้แยสุด ๆ ไปเลย”“เพื่อนวัยเด็กเหรอ? งั้นก็มีวาสนาจริง ๆ ถ้าใกล้จะมีข่าวดีต้องบอกฉันนะ”“กำกับเฉินอย่านะครับ ผมกับอาเหลียงเป็นเพื่อนกัน” โจวอวี่พูดเขารู้จักความเหมาะสม ตอนนี้เวินเหลียงมีแฟนแล้ว“เข้าใจ ฉันเข้าใจ คนหนุ่มสมัยนี้ก็แบบนี้แหละ ชอบเรียกตัวเองว่าเพื่อน” รองผู้กำกับสมทบฟู่เจิงเงยหน้ามองโจวอวี่กับเวินเหลียงแวบหนึ่งแบบธรรมดา ขมวดคิ้วนิด ๆทั้งที่เขาก็เตือนเธอแล้วว่าเธอกับโจวอวี่ไม่เหมาะสมกัน!เธอฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ชอบโจวอวี่ขนาดนี้เลยเหรอ?“อาเจิง”“อาเจิงคะ?”“อื่ม คุณว่าอะไรนะ?” ฟู่เจิงหันไปมองฉู่ซืออี๋ฉู่ซืออี๋ดวงตาครึ้มลง ขยับเข้าไปกระซิบข้างหูฟู่เจิง “คุณรู้สึกไหมว่าอาเหลียงกับโจวอวี่เหมาะสมกันมาก? ถ้าพวกคุณหย่ากันแล้ว อาเหลียงคบกับโจวอวี่ก็เป็นที่พึ่งพิงที่ดีเหมือนกันนะคะ”ฟู่เจิงส่ายหน้าทันที “ไม่ได้ พวกเขาไม่เหมาะสมกัน”“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าพวกเขาไม่เหมาะสมกัน?”“ผมรู้นิสัยกับการทำงานของพวกเขา”เห็นฟู่เจิงกระซิบกระซาบกับฉู่ซืออี๋อย่างสนิทสนม เวินเหลียงขมขื่นเล็กน้อย หลุบตาลงพนั