ฟู่เจิงเบิกตาโพลงอยู่กับที่“เวินเหลียง”เวินเหลียงไม่ตอบกลับ พลิกตัวแล้วนอนต่อแบบนี้อีกแล้วนี่ปั่นหัวเขาเล่นเหรอ?ไม่นานก็มีเสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังมาจากข้างตัวฟู่เจิง “...”ฟู่เจิงนอนอยู่ด้านข้าง ทรมานจนอย่างไรก็นอนไม่หลับเหมือนตัวเองถูกผู้หญิงขายบริการเอาฟรีคนที่อยู่ด้านข้างก็คือผู้ชายสารเลวที่พอใส่เสื้อผ้าแล้วก็ไม่สนใจ……เครื่องแต่งกายฤดูกาลใหม่แบรนด์เอ็มคิวเข้าสู่ช่วงประชาสัมพันธ์แล้วโฆษณาของฉู่ซืออี๋แบ่งถ่ายเป็นซีรีส์ต่าง ๆ ออกตัวอย่างเป็นทางการตามลำดับ ปรากฏอยู่หน้าหนึ่งของสื่อและแพลตฟอร์มต่าง ๆก่อนหน้านี้มีเรื่องการแต่งหน้าของฉู่ซืออี๋ สื่อและชาวเน็ตต่างให้ความสนใจกับแอมบาสเดอร์ครั้งนี้เวินเหลียงก็ให้พนักงานของตัวเองจับตาดูทิศทางลมเหมือนกัน ต้องเป็นที่รู้จักและควบคุมคลื่นใต้น้ำได้นอกจากจะเปิดตัวในอินเทอร์เน็ตแล้ว การประชาสัมพันธ์ข้างนอกก็ดำเนินไปอย่างร้อนแรงด้วยจอแอลอีดีในลานกว้างต่าง ๆ ของเจียงเฉิงขึ้นแอมบาสเดอร์ของฉู่ซืออี๋แล้ว ตามรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีรถโดยสาร สนามบินและที่อื่น ๆ ก็พบเห็นการประชาสัมพันธ์ของเอ็มคิวหมดเวินเหลียงยุ่งงวดหลายวันจริง ๆ พอร
ถูกต้อง ข่าววงในก็คือข่าวที่เวินเหลียงให้คนติดต่อบรรดาแอคปั่นข่าวให้ปล่อยข่าวออกไปเธอต้องเตรียมตัวออกโรงเองจริง ๆกระแสเรื่องเธอยังไม่ผ่านพ้นไป ถึงจะเป็นข่าวฉาวแต่ก็ทำให้คนพูดถึงเอ็มคิวได้ไม่น้อยกอปรกับกระแสของฟู่เจิงกับฉู่ซืออี๋ ทำให้งานแถลงข่าวพุ่งขึ้นติดการค้นหายอดฮิตตั้งแต่ยังไม่เริ่ม บรรดาชาวเน็ตต่างตั้งตารอคอยก่อนงานแถลงข่าวหนึ่งวัน ฟู่เจิงส่งข้อความถึงเวินเหลียงก่อนเลิกงาน “ตอนเย็นรอฉันกลับพร้อมกัน”เวินเหลียงตอบ “ค่ะ”หลังเลิกงาน เธอทำโอทีในห้องทำงานพักหนึ่ง ส่งข้อไลน์หาฟู่เจิงและไปรอเขาในรถก่อนเวินเหลียงไปที่ชั้นใต้ดินก่อน นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือตรงที่นั่งด้านหลังประมาณสิบกว่านาที ฟู่เจิงจึงปรากฏตัวอยู่ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินเขาเปิดประตูรถด้านหลังขึ้นนั่ง พูดกับคนขับรถข้างหน้าว่า “กลับเถอะ”คนขับรถสตาร์ตเครื่องออกจากที่จอดรถ“ได้ยินว่าคุณจี้ป่วย” ฟู่เจิงถามเวินเหลียง“ค่ะ ป่วยตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว ตอนนี้ยังอยู่โรงพยาบาล เมื่อวานฉันเพิ่งไปเยี่ยมมา” เวินเหลียงตอบตามความจริงฟู่เจิงมองเธอ “เธอคิดจะออกงานแถลงข่าวพรุ่งนี้เองจริงเหรอ?”เขาเห็นการค้นหายอดฮิตแล้ว แวบเ
ฉู่ซืออี๋มองเวินเหลียงด้วยความหวังเดิมทีฉู่ซืออี๋ก็ทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงมากพออยู่แล้วพอได้ยินฟู่เจิงพูดอย่างนี้อีก เวินเหลียงขยะแขยงจนคลื่นไส้ทำเป็นจิตใจดีอยากชดเชยให้เธอน่าขำชะมัดใช้คำว่าจิตใจดีมาบรรยายฉู่ซืออี๋ ทำให้คำนี้แปดเปื้อนจริง ๆเห็นเวินเหลียงเงียบ ฉู่ซืออี๋จึงพูดต่อ “อาเหลียง ฉันรู้ว่าเธอยังโทษฉันอยู่..ถ้าเธอไม่เอาก็ให้ฉันเถอะ ฉันจะเอาไปทิ้ง”ว่าแล้วฉู่ซืออี๋ก็เอาถุงกระดาษกลับมาจากมือของเวินเหลียง“ช่างเถอะ ฉันรับไว้แล้ว คุณไปซ้อมเถอะ” เวินเหลียงพูดเรียบแถวนี้ไม่ได้มีแต่ฟู่เจิง ยังมีสตาฟคนอื่น ๆ และกล้องวงจรปิดอีก ถ้าเธอดื้อดึงไม่รับ จะทำให้เกิดประเด็นได้ง่ายไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ภาพกล้องวงจรปิดอาจถูกอัปขึ้นในอินเทอร์เน็ต ตำหนิว่าเธอรังแกฉู่ซืออี๋ฉู่ซืออี๋ยิ้มด้วยความดีใจ “ขอบใจนะ อาเหลียง”“อาเจิง ฉันไปซ้อมก่อนนะคะ คุณอย่าลืมจับตาดูอาเหลียงกินเค้กด้วยล่ะ”ว่าแล้วฉู่ซืออี๋ก็เดินไปกับผู้ช่วยด้านหลังเวินเหลียงวางเค้กลงบนโต๊ะแบบสบาย ๆ ในตอนที่เธอกำลังคิดจะไป ฟู่เจิงก็เรียกเธอไว้ “เธอทำงานมาตั้งนาน นั่งพักก่อนแล้วกินเค้กไม่ดีกว่าเหรอ?”ฟู่เจิงพูดพลางเอากล่องขน
คอมเมนต์ในช่องไลฟ์สดของแต่ละแพลตฟอร์มเด้งขึ้นมาเร็วมากมีคนพูดว่า “โอ้โฮ ฟู่เจิงหล่อจังเลย”และมีคนพูดว่า “ผู้ชายสารเลว”ต่อจากฟู่เจิงก็คือผู้บริหารระดับสูงสองสามคนของฟู่ซื่อ ตามด้วยเวินเหลียงคลิปของเวินเหลียงที่เผยแพร่อยู่มากที่สุดในอินเทอร์เน็ตก็คือคลิปที่ถูกสื่อสัมภาษณ์แถว ๆ โรงพยาบาลเนื่องจากกล้องทำให้หน้าจืดและเวินเหลียงในตอนนั้นสีหน้าไม่สู้ดี บวกกับความละเอียดของคลิปแย่จนแม่ยังจำไม่ได้ ถูกคนตัดเอามาทำเป็นปกเปรียบเทียบความงามกับฉู่ซืออี๋แต่ครั้งนี้เวินเหลียงสู้หน้ากับสื่ออย่างเป็นทางการลำดับต่อไปเธอจะขึ้นเวทีแนะนำผลิตภัณฑ์ในฐานะโฆษกของแบรนด์ และทำกิจกรรมกับแขกรับเชิญ แต่งหน้าทำทรงผมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ในกล้อง เธอใบหน้าราบเรียบ มีความเป็นธรรมชาติพอเวินเหลียงโผล่มา คอมเมนต์ก็วุ่นไปกันหมด มีคนชมก็ต้องมีคนด่า มีคนเริ่มตบตีกันในจอสาธารณะ และมีแฟนคลับไม่เข้าใจว่าทำไมเวินเหลียงถึงออกมาก่อนฉู่ซืออี๋?งานแถลงข่าวกระแสมียอดวิวมากขึ้นเรื่อย ๆ คอมเมนต์เลื่อนขึ้นไม่หยุดคอมเมนต์ราวกับมดแตกรัง กระทั่งกล้องจับไปที่ฉู่ซืออี๋ คอมเมนต์สนับสนุนของคนจำนวนมากดันคอมเมนต์ขึ้นไปสองรายการ
พิธีกรพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “วันนี้โชคดีจริง ๆ เลยนะคะ พอจับก็สุ่มได้ประธานฟู่เลย ขอเชิญคุณฟู่ขึ้นเวทีด้วยค่ะ”สื่อมวลชนถ่ายภาพกันใหม่ แสงแฟลชกะพริบไม่หยุดคอมเมนต์ระเบิดแล้ว“ตบตาจังเลย”“วางแผนมาแล้วมั้ง?”“มีเรื่องสนุกให้ดูแล้วสิ”ฟู่เจิงขึ้นเวที“ก่อนจะเริ่ม พวกเรามาสัมภาษณ์กันเล็กน้อยก่อนนะคะ คุณฟู่คะ ไม่ทราบว่าคุณทราบไหมว่าเกมแรกคืออะไร?”“ไม่ครับ” ฟู่เจิงส่ายหน้าเขาไม่รู้จริง ๆฟู่ซื่อกรุ๊ปมีส่วนร่วมกับทุกธุรกิจ มีแบรนด์มากมาย เขามักร่วมกิจกรรมประเภทนี้บ่อย ๆ เคยชินนานแล้ว เมื่อก่อนพอขึ้นกล่าวสุนทรพจน์จบก็จะออกงานเลย ไม่เคยให้ความสนใจกับการดำเนินกิจกรรมของทั้งงาน“งั้นคุณน่าจะทราบว่าต้องเล่นกับผู้อำนวยการเวินใช่ไหมคะ? คุณลองพูดสักหน่อยว่าคุณมีภาพจำเกี่ยวกับผู้อำนวยการเวินยังไงบ้างคะ?”ฟู่เจิงมองเวินเหลียงที่อยู่ด้านข้างทีหนึ่ง “ความสามารถสูง ถ้าไม่มีเวินเหลียง เอ็มคิวก็ไม่มีความสำเร็จในวันนี้ ผมขอขอบคุณเธอจากใจจริง ณ ที่นี้ด้วยครับ”พิธีกรกระแอมกระไอ จงใจมองบรรดาสื่อที่อยู่ข้างล่าง “ประธานฟู่ คุณก็ทราบว่าพวกเราไม่ได้อยากฟังเรื่องนี้”ฟู่เจิงไม่คิดว่าพิธีกรจะถา
เวินเหลียงสบตากับฟู่เจิงทีหนึ่ง เริ่มกระบวนการสนเข็มฟู่เจิงกัดเข็ม หันรูและขยับไปทางด้ายของเวินเหลียง ส่วนเวินเหลียงก็ให้ความร่วมมือหน้าผากของทั้งสองแทบจะติดกันแล้ว ปลายจมูกแตะกัน บรรยากาศละมุนละไมช่างภาพรู้งานมาก จงใจซูมใบหน้าของทั้งสองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ริมฝีปากของทั้งสองเฉียดกันไปตอนนี้เอง ผู้กำกับไม่ลืมที่จะส่องกล้องไปทางฉู่ซืออี๋คอมเมนต์เดือดพล่านแล้วเกมนี้มีความยากประมาณหนึ่งเกือบจะสำเร็จหลายที แต่ดันคลาดไปนิดเดียวเอง“แม่เอ๊ย ยัยนี่จงใจแกว่งใช่ไหม?”“ขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ได้กิ๊กกันฉันไม่เชื่อหรอก”“ความจริงนี่ก็ไม่มีอะไรสักหน่อย แค่เกมไม่ใช่เหรอ?”หน้าจอใหญ่เริ่มนับเวลาถอยหลังสุดท้ายก็สนเข็มสำเร็จในสิบกว่าวินาทีสุดท้ายชนะเกม“ยินดีด้วยค่ะ ประธานฟู่กับผู้อำนวยการเวินไม่ต้องถูกลงโทษ เฮ้อ น่าเสียดายจัง ลำดับต่อไปเชิญประธานฟู่กลับที่นั่งสักครู่นะคะ พวกเราจะสุ่มแขกรับเชิญท่านที่สองมาร่วมเล่นเกมต่อ”จอภาพใหญ่เริ่มหมุน และสุ่มได้ฉู่ซืออี๋ตามความคาดหมาย“ต้องล็อกเอาไว้แล้วแน่เลย”“รู้จักวางแผนจริง ๆ”ฉู่ซืออี๋ขึ้นเวทีท่ามกลางสายตาผู้คนกล้องทำกรอบให้ฉู่ซืออี๋กั
“เฮ้ย นี่จะสร้างเรื่องเก่งเกินไปแล้วมั้ง?”กล้องจับที่ใบหน้าของฟู่เจิง สีหน้าราบเรียบ แววตาลุ่มลึก คาดเดาอารมณ์ไม่ออกเขาเดินขึ้นเวทีภายใต้การจับตามองของทุกคนและยืนอยู่ข้างฉู่ซืออี๋ถึงฉู่ซืออี๋จะใส่รองเท้าส้นสูง แต่ความสูงของทั้งสองยังห่างกันหนึ่งคืบสื่อถ่ายภาพพวกเขารัว ๆผู้กำกับให้กล้องจับอยู่ที่ตัวพวกเขาตลอด พร้อมตัดภาพมาที่เวินเหลียงล่างเวทีเป็นครั้งคราวพิธีกรยิ้มตาหยี “ตอนนี้ดิฉันจะถามคำถามคุณฉู่แทนเพื่อน ๆ ทุกคนหน่อยนะคะ เมื่อกี้คุณบอกว่าเจอกับผู้อำนวยการเวินครั้งแรกในตอนผู้อำนวยการเวินอายุสิบหก ไม่ทราบว่าพวกคุณเจอกันครั้งแรกที่ไหนคะ?”คำถามนี้ผู้กำกับเป็นคนบอกกับพิธีกรผ่านหูฟังฉู่ซืออี๋เม้มริมฝีปากแล้วมองฟู่เจิงที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง“ในเมื่อคุณฉู่ไม่อยากตอบก็เลือกที่จะไม่ตอบได้ค่ะ แต่ดิฉันว่าทุกคนน่าจะเข้าใจกันแล้ว เพราะดิฉันก็เข้าใจแล้ว แล้วแฟนคลับทางบ้านล่ะคะ พวกคุณเข้าใจหรือยัง?”คอมเมนต์บอกว่าเข้าใจขึ้นเต็มหน้าจอ“คำถามต่อไปจะถามประธานฟู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักกับคุณฉู่เมื่อไรคะ?”ฟู่เจิงชะงักแพล็บหนึ่งแล้วตอบ “มหาลัยครับ”พิธีกร “อ้อ” คำหนึ่งด้วยความหมายล
สัมภาษณ์ที่ใช้อีคิวดึงดูดแฟนคลับกลุ่มหนึ่งเวินเหลียงไม่มีแพลนว่าจะสัมภาษณ์ต่อ จึงจัดเก็บงานตอนท้ายกับสตาฟมีนักข่าวและช่างภาพของสื่อมาคุยกับเวินเหลียง อยากสัมภาษณ์เธอ แต่ถูกเวินเหลียงปฏิเสธนักข่าวไม่ตื้อ เพราะได้ประโยชน์จากงานแถลงข่าวที่ว่านี้มากแล้วกระแสของเอ็มคิวพุ่งทะยาน ดัชนีการค้นหาในเฟซบุ๊ก กูเกิลเพิ่งขึ้นพรวดพราด หลังจบงานยังคงติดการค้นหายอดฮิตทั้งวันเก็บงานเสร็จ เวินเหลียงให้สตาฟเลิกงานก่อนเวลาจนถึงวันนี้ การประชาสัมพันธ์ผ่านไประยะหนึ่งแล้ว ต่อไปคือวางผลิตภัณฑ์เข้าตลาด ยังต้องระมัดระวังอยู่เวินเหลียงออกมาจากสตูดิโอและได้รับข้อความไลน์จากฟู่เจิง “ฉันรอเธอที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน”พอเห็นข้อความนี้แล้วเวินเหลียงก็เลิกคิ้วเมื่อกี้ตอนเก็บงานเธอไม่เห็นฟู่เจิง นึกว่าเขาไปกับฉู่ซืออี๋แล้วคนอื่นอาจมองไม่ออก แต่เธอกลับมองออก ตอนที่ฟู่เจิงอยู่บนเวทีเขาหน้าตึงแล้วในบรรดาลูกผู้รากมากดี ฟู่เจิงจัดว่าค่อนข้างเก็บตัวถึงเขาจะมีแฟนคลับนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่สมัครเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงชาวเน็ตจะด่าว่าเขานอกใจก็ปล่อยให้พวกเขาด่า เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องส่วนตัวกับชาวเน็ตแต่แผนงานแถ