ย้อนไปเมื่อสิบหกปีก่อน
ฝูเส้าชิงรักสตรีนางหนึ่งจนหมดใจ และได้แต่งกับนางตอนอายุสิบเจ็ด หลังจากแต่งงานกันได้หนึ่งเดือน ด้วยความที่เป็นลูกพ่อค้า เส้าชิงต้องเดินทางไปต่างเมืองบ่อยครั้ง สองสามเดือนแรกยังไม่มีอะไร ทว่าพอเข้าเดือนที่สี่ ภรรยาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
นางเย็นชา อีกทั้งไม่ยอมให้เขาหลับนอนด้วย จนกระทั่งเข้าเดือนที่ห้า คืนนั้นไม่มีผู้ใดทราบว่าเส้าชิงกลับมา มีคนบอกว่าภรรยาของเขากลับไปดูแลมารดาที่กำลังป่วย
แต่ฝูเส้าชิงไม่ได้เชื่อเช่นนั้น ในกระท่อมกลางป่านอกเมือง ภาพที่เขาเห็น คือภรรยาอันเป็นที่รักกำลังเสพสังวาสกับชายอื่น
ภาพที่นางร่างกายเปลือยเปล่านั่งคร่อมช่วงล่างของชายผู้นั้นยังติดตามาจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งคิดไปถึงอดีต อวัยวะเบื้องล่างยิ่งจ้วงแทงหนักขึ้น โดยไม่กลัวว่าช่องทางอ่อนนุ่มจะฉีกขาด ประหนึ่งว่าต้องการใช้ทัณฑ์นี้ระบายความเคียดแค้นตลอดหลายปีที่มีมา สองมือที่จับยึดปทุมถันอวบอัดไว้อย่างละข้างออกแรงบีบขยำอย่างไร้ความปรานี
ท่อนกายแกร่งขนาดผิดธรรมดา มุดเข้าออกช่องทางด้านหลังของบุตรสาวต่างสายเลือดแทนการลงหวาย
ในขณะที่เยว่เยี่ยคิดว่าตนคงต้องตาย ร่างกายกลับมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฝูเยว่เยี่ยถูกลงโทษด้วยวิธีนี้ ครานั้นท่านพ่อบอกว่านางเป็นลูกชู้ แล้วก็ลงโทษนางจนสลบ แต่ไฉนครานี้นางถึงได้รู้สึกดีกับการกระทำอันป่าเถื่อนของเขาไปได้
ปากของเยว่เยี่ยถูกยัดด้วยผ้าขาว ที่นางทำได้มีแต่ร้องอ้อนวอนในลำคอ แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด เสียงร้อง อื้อ อ่าของนาง ถึงได้ฟังกระเส่าเสียเหลือเกิน
“อื้อ” ความรู้สึกหวิวในช่องท้องเริ่มจู่โจมนางรุนแรงขึ้นทุกที ช่องทางด้านหน้าเต้นตุบ ๆ ไม่หยุด คล้ายต้องการการถูกเติมเต็ม
เส้าชิงเป็นบุรุษที่มีหญิงสาวผ่านมือมามากมาย ไหนเลยจะดูไม่ออก ว่าลูกนอกไส้มีอารมณ์ร่วม ถึงแรงตอดรัดในช่องทางอ่อนนุ่มจะทำให้เขาสุขสม แต่ความแค้นในอกกลับมามากกว่า เขากระชากผมของนางขึ้น แล้วโน้มตัวลงไปแนบแผ่นหลังบอบบาง กระซิบข้างใบหูเล็กด้วยถ้อยคำทำร้ายจิตใจ
“ที่แท้ เจ้ามันก็ร่านเหมือนแม่ของเจ้า! หึ!” พูดแล้วเขาก็สะบัดมือออก ใช้สองมือจับยึดสะโพกกลมกลึงเอาไว้ จากนั้นกระหน่ำรัวความเป็นชายใส่ช่องทางด้านหลังของนางไม่ยั้ง
เยว่เยี่ยน้ำตาร่วงริน ส่ายหน้าไปมา ทั้งเสียใจทั้งเสียวซ่านไปในคราเดียว ไม่น่าเชื่อว่าถูกเขากระแทกกระทั้นไม่นาน นางจะเสร็จสมพร้อมกับเขาไปได้
เส้าชิงไม่ได้ชักออกมาปลดปล่อยข้างนอก แต่ฝังตัวตนเข้าไปจนสุดเพื่อระบายความแค้น ที่เขายอมให้เด็กนี่เติบโตมา ก็เพื่อแก้แค้นชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้น เท่านั้น และแน่นอนว่ามันไม่ได้จบเพียงแค่ครั้งเดียว
เยว่เยี่ยถูกลากตัวกลับมาตั้งแต่ยามเว่ย แต่กว่าประตูห้องลงทัณฑ์จะเปิดออกคือยามโหย่ว เกือบสองชั่วยามที่นางถูกลงโทษ
เส้าชิงเดินออกมาจากห้อง ไม่แม้แต่จะปรายตามองแม่นมเฉา
หญิงชราผู้รู้ตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดีได้แต่นั่งก้มหน้า รอให้เจ้านายเดินไปไกลแล้ว ถึงได้รีบลุกไปดูคุณหนูของตน
สภาพของเยว่เยี่ยแม้ไม่ถึงกับเปลือยกาย แต่อาภรณ์ก็หลุดลุ่ยจนเผยให้เห็นรอยแดงจ้ำจากการกระทำอันป่าเถื่อนของบิดาต่างสายเลือด แม่นมเฉารู้อยู่เต็มอก แต่ก็เหมือนน้ำท่วมปากบอกใครไม่ได้ ตระกูลฝูที่ผู้คนภายนอกรับรู้ คือคุณหนูเป็นบุตรีเพียงคนเดียว เรื่องนี้แม่นมเฉาคงได้แต่ปล่อยให้ตายไปกับตัวเอง
คิดแล้ว หญิงชราก็รีบเข้ามาช่วยจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง เช็ดทำลายหลักฐานทั้งบนร่างและในห้องลงทัณฑ์ หลังจากเสร็จสิ้นค่อยประคองเยว่เยี่ยกลับเรือน
เจ็ดวันต่อมาวันนี้ตระกูลมู่ส่งแม่สื่อไปทาบทามคุณหนูตระกูลฝูการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากตกลงแลกวันเดือนปีเกิดกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่สื่อที่มาก็กลับไปแจ้งแก่คนตระกูลมู่สามวันหลังจากนั้น รถม้าสองคันก็มาหยุดหน้าประตูจวนตระกูลฝู เพื่อส่งของหมั้นหมายหีบทรงสี่เหลี่ยมทำจากไม้จันทน์แดงสลักลวดลายดอกโบตั๋นลงรักสีแดงและปิดทองประดับตกแต่งหรูหราบ่งบอกถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของผู้ที่ส่งมอบ ชายรูปร่างกำยำหกคนช่วยกันแบกหีบสามใบทยอยเข้ามาภายในบรรจุ ทองคำแท่ง เครื่องประดับเงิน รวมถึงสร้อยคอ กำไล แหวน ต่างหู และปิ่นปักผม เครื่องประดับที่ทำจากหยกถือเป็นของที่มีค่าสูงผ้าไหมเนื้อละเอียดและผ้าฝ้ายคุณภาพสูงที่มีลวดลายสวยงาม มักจะถูกมอบให้ฝ่ายหญิงเพื่อใช้ในการตัดเย็บเสื้อผ้า ผ้าที่ปักลวดลายดอกไม้และสัตว์เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นสิริมงคล เพราะเชื่อว่าจะนำโชคลาภและความคุ้มครองมาให้ทุกหีบถูกเปิดออกเพื่อให้ฝ่ายเจ้าสาวตรวจดู หลังจากพ่อบ้านตรวจตราดีแล้ว คนตระกูลมู่ก็พากันกลับฝูเส้าชิงสั่งให้ยกทุกหีบไปที่เรือนบุตรี โดยไม่คิดจะเหลือบมองมัน แม้แต่ตัวเขาเองตอนนี้ ยังไม่รู้ว่ากำลังคิดส
“ท่านพ่อ ท่านใจร้ายเกินไปที่ทำกับข้าเช่นนี้ ฮึก ฮือ”“ข้าเองก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะขัดขืน เสียงครางของเจ้าบ่งบอกถึงไฟร่านในตัวเหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด หึ”น้ำเสียงแข็งกร้าวตะคอกออกมาด้วยความเคียดแค้นภายในใจของเส้าชิง“ข้าอยากรู้ว่าทำไมท่านถึงต้องให้ข้าแต่งงานกับมู่หรงเหยียนด้วย ข้าไม่อยากแต่ง” เยว่เยี่ยยังเอ่ยถามเขาต่อด้วยเสียงสั่นเครือ มือเรียวบางเอื้อมโอบกอดอกแกร่งไว้แต่ไม่เป็นผลเส้าชิงผละออก พลันลุกจัดแต่งอาภรณ์“ถึงวัยปักปิ่นเจ้าก็ต้องแต่งงานออกเรือน เจ้าเป็นบุตรีคนเดียวถ้าไม่แต่ง จะให้ข้าโดนชาวบ้านประณามอย่างนั้นเหรอ”“แต่ข้ารักท่านพ่อ ข้าไม่อยากไปอยู่ที่อื่นนะเจ้าคะ ฮึก ฮือ”เยว่เยี่ยเอ่ยด้วยเสียงสะอึกสะอื้นน้ำใสไหลลงอาบแก้มตามประสาสตรีขี้แย“หุบปาก!” เขาตวาดกลับมาทันควัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาหวาดกลัวที่สุด กลัวว่าจะใจอ่อนกับนาง “เจ้ากลับไปได้แล้ว! และต่อไปไม่ต้องมาที่ห้องหนังสืออีก เตรียมตัวแต่งงานก็พอ!”“ท่านพ่อ ฮึก!”“ข้าบอกให้กลับไป!”ร่างบอบบางหมุนตัววิ่งออกประตูไปพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่นางเสียใจที่สุด เสียใจจนถึงขั้นที่ว่าจะตัดใจจากเขาสองอาทิตย์ต่อมาจวนตร
ย่างเข้าเดือนหก ท้องฟ้าเริ่มโปร่งใส ใบไม้เริ่มจะเปลี่ยนสีเตรียมร่วงโรยออกจากต้น ลมฤดูใบไม้ร่วงทำให้อากาศในเมืองสุ่ยเปี้ยนแลดูร่มรื่นขึ้นเป็นกอง ผู้คนเริ่มออกมาสัญจรไปมากันขวักไขว่ พ่อค้าแม่ค้า พากันกู่ร้องขายของกันอย่างคึกคักป่าดอกท้อนอกเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มหญิงสาวมักแอบมาพลอดรักกัน ท่ามกลางดอกท้อปลิดปลิวในฤดูใบไม้ร่วง ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม แต่ก่อนที่ฝ่ามือของฝ่ายชายจะทันได้ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของฝ่ายหญิง ทั้งร่างก็ถูกกระชากอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ครั้นฝ่ายหญิงเห็นว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ ดวงตาของนางพลันเบิกโพลง“ท่านพ่อ!”ฝูเยว่เยี่ยย่อมรู้บิดาโหดร้ายแค่ไหน ใบหน้างามจึงซีดเผือด แขนบอบบางถูกกระชากอย่างแรงผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านพ่อไม่สนใจสักนิดว่านางจะเจ็บหรือไม่ เขาลากร่างเล็กอย่างไม่ปรานีปราศรัย แล้วจับไปโยนใส่รถม้าบนถนนเรียบแม่น้ำฮู่ยโห มีจวนใหญ่อยู่หลังหนึ่ง ป้ายชื่อบนซุ้มประตูเป็นสีทองอร่าม ไม่มีผู้ใดในเมืองที่จะไม่รู้ว่าอักษรคำว่าจวนตระกูลฝูนั้น เขียนด้วยลายพระหัตถ์ของไท่ซางหวง บ่งบอกถึงคุณงามความดีที่เจ้าของจวนกระทำเพื่อแผ่นดิน ว่ากันว่าแม้แ
ในเรือนไผ่งามดวงตาบวมแดงของเด็กสาวยังคงเหม่อลอย เยว่เยี่ยปล่อยให้แม่นมอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายจนเสร็จโดยไม่มีการตอบสนอง ท่านพ่อที่นางโหยหามาตั้งแต่วัยเยาว์กลับกระทำกับนางเช่นนี้ จิตใจของเยว่เยี่ยมีหรือจะไม่บอบช้ำ ตอนยังเด็ก นางเคยภาวนาขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มจากเขา แต่จนแล้วจนรอดท่านพ่อก็ไม่เคยยิ้มให้นาง ทุกครั้งเจอ หากไม่ดุด่า นางก็จะถูกตีเพราะเช่นนี้ เยว่เยี่ยจึงมักทำผิดบ่อย ๆ เพื่อจะได้เจอหน้าท่านพ่อ แต่ใครจะรู้ ว่าท่านพ่อที่นางโหยหา กลับไม่ใช่พ่อแท้ ๆ คิดแล้ว น้ำตาของเยว่เยี่ยก็ไหลลงมาอาบแก้มแม่นมเฉาถือถ้วยยาเดินเข้ามาเห็น รู้สึกสะท้อนใจยิ่ง คุณหนูของนางช่างน่าสงสารยิ่งนัก มารดาไม่ใส่ใจ บิดาไม่ใช่บิดา เรื่องนี้จะโทษใครได้ คงเป็นเวรกรรม คิดแล้วแม่นมเฉาได้แต่ทำใจ เดินถือถ้วยยาเข้าไปหาเด็กสาวบนเตียง“คุณหนูยาเจ้าค่ะ”แค่ได้กลิ่น ใบหน้าซีดเซียวก็เบือนหน้าหนีแล้ว“แม่นมเฉา ข้าไม่กินได้หรือไม่” เยว่เยี่ยส่ายหน้าไปมา นางเป็นคนกินยายากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งแม่นมเฉาเองค่อนข้างอ่อนใจกับเรื่องนี้ สุดท้าย แม่นมเฉาก็ไม่กล้าบังคับ“ถ้าอย่างงั้นคุณหนูนอนพักผ่อนนะเจ้าคะ”ไม่ต้องรอให้แม่นมเฉาบอก เยว
นางถูกเลี้ยงดูโดยแม่นมเฉาตั้งแต่ยังเยาว์ มารดาของนางแทบจะจดจำใบหน้าไม่ได้ บิดาต่างสายเลือดเคยบอกไว้ว่ามารดาของนางป่วยเป็นโรคประหลาดจึงกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดตั้งแต่เย่วเยี่ยยังมิได้ความ นางเติบโตและคลุกคลีอยู่กับบ่าวไพร่ในจวน ส่วนเส้าชิงก็ไม่ค่อยจะได้เห็นหน้าเห็นตาเพราะต้องเดินทางทำการค้าที่ต่างเมืองอยู่บ่อยครั้งเยว่เยี่ยกลายเป็นบุตรีที่ขาดแคลนความรักความอบอุ่นจากบุพการี คำสั่งสอนส่วนใหญ่จะมาจากแม่นมเฉาซิ่น แต่ก็ไม่ได้เป็นคำสั่งสอนที่ดีนัก นางจึงคล้อยตามบ้างแหวกกฎบ้าง เฉกเช่นเหตุการณ์ที่นางแอบไปพบกับผู้ชายในป่าดอกท้อ ด้วยวัยที่อยากริอยากลองของเด็กสาวจึงทำให้นางแอบไปพลอดรักกับมู่หรงเหยียน ลูกชายคนโตตระกูลมู่เช้าวันต่อมา อากาศค่อนข้างจะสดใสแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า เสียงนกร้องกระจิบกระจับ แม่นมเฉาเข้ามาช่วยอาบน้ำแต่งตัวให้กับเยว่เยี่ย นางทำหน้าที่อย่างเต็มที่และเต็มใจ ความรักและทะนุถนอมเฉกเช่นลูกในไส้ของตน“แม่นม ข้าทำเองก็ได้ ข้าโตแล้วนะ ไม่ได้เป็นเด็กแล้ว”“ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณหนูต้องให้นมสางผมให้ เพราะว่าตอนยังเยาว์ คุณหนูเคยกรีดร้องลั่น วิ่งไปทั่วจวนผมเผ้ายุ่งเหยิง ตะโกนโยเยจะให้นมสางผ
“ท่านพ่อ ท่านใจร้ายเกินไปที่ทำกับข้าเช่นนี้ ฮึก ฮือ”“ข้าเองก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะขัดขืน เสียงครางของเจ้าบ่งบอกถึงไฟร่านในตัวเหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด หึ”น้ำเสียงแข็งกร้าวตะคอกออกมาด้วยความเคียดแค้นภายในใจของเส้าชิง“ข้าอยากรู้ว่าทำไมท่านถึงต้องให้ข้าแต่งงานกับมู่หรงเหยียนด้วย ข้าไม่อยากแต่ง” เยว่เยี่ยยังเอ่ยถามเขาต่อด้วยเสียงสั่นเครือ มือเรียวบางเอื้อมโอบกอดอกแกร่งไว้แต่ไม่เป็นผลเส้าชิงผละออก พลันลุกจัดแต่งอาภรณ์“ถึงวัยปักปิ่นเจ้าก็ต้องแต่งงานออกเรือน เจ้าเป็นบุตรีคนเดียวถ้าไม่แต่ง จะให้ข้าโดนชาวบ้านประณามอย่างนั้นเหรอ”“แต่ข้ารักท่านพ่อ ข้าไม่อยากไปอยู่ที่อื่นนะเจ้าคะ ฮึก ฮือ”เยว่เยี่ยเอ่ยด้วยเสียงสะอึกสะอื้นน้ำใสไหลลงอาบแก้มตามประสาสตรีขี้แย“หุบปาก!” เขาตวาดกลับมาทันควัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาหวาดกลัวที่สุด กลัวว่าจะใจอ่อนกับนาง “เจ้ากลับไปได้แล้ว! และต่อไปไม่ต้องมาที่ห้องหนังสืออีก เตรียมตัวแต่งงานก็พอ!”“ท่านพ่อ ฮึก!”“ข้าบอกให้กลับไป!”ร่างบอบบางหมุนตัววิ่งออกประตูไปพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่นางเสียใจที่สุด เสียใจจนถึงขั้นที่ว่าจะตัดใจจากเขาสองอาทิตย์ต่อมาจวนตร
เจ็ดวันต่อมาวันนี้ตระกูลมู่ส่งแม่สื่อไปทาบทามคุณหนูตระกูลฝูการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากตกลงแลกวันเดือนปีเกิดกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่สื่อที่มาก็กลับไปแจ้งแก่คนตระกูลมู่สามวันหลังจากนั้น รถม้าสองคันก็มาหยุดหน้าประตูจวนตระกูลฝู เพื่อส่งของหมั้นหมายหีบทรงสี่เหลี่ยมทำจากไม้จันทน์แดงสลักลวดลายดอกโบตั๋นลงรักสีแดงและปิดทองประดับตกแต่งหรูหราบ่งบอกถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของผู้ที่ส่งมอบ ชายรูปร่างกำยำหกคนช่วยกันแบกหีบสามใบทยอยเข้ามาภายในบรรจุ ทองคำแท่ง เครื่องประดับเงิน รวมถึงสร้อยคอ กำไล แหวน ต่างหู และปิ่นปักผม เครื่องประดับที่ทำจากหยกถือเป็นของที่มีค่าสูงผ้าไหมเนื้อละเอียดและผ้าฝ้ายคุณภาพสูงที่มีลวดลายสวยงาม มักจะถูกมอบให้ฝ่ายหญิงเพื่อใช้ในการตัดเย็บเสื้อผ้า ผ้าที่ปักลวดลายดอกไม้และสัตว์เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นสิริมงคล เพราะเชื่อว่าจะนำโชคลาภและความคุ้มครองมาให้ทุกหีบถูกเปิดออกเพื่อให้ฝ่ายเจ้าสาวตรวจดู หลังจากพ่อบ้านตรวจตราดีแล้ว คนตระกูลมู่ก็พากันกลับฝูเส้าชิงสั่งให้ยกทุกหีบไปที่เรือนบุตรี โดยไม่คิดจะเหลือบมองมัน แม้แต่ตัวเขาเองตอนนี้ ยังไม่รู้ว่ากำลังคิดส
ย้อนไปเมื่อสิบหกปีก่อนฝูเส้าชิงรักสตรีนางหนึ่งจนหมดใจ และได้แต่งกับนางตอนอายุสิบเจ็ด หลังจากแต่งงานกันได้หนึ่งเดือน ด้วยความที่เป็นลูกพ่อค้า เส้าชิงต้องเดินทางไปต่างเมืองบ่อยครั้ง สองสามเดือนแรกยังไม่มีอะไร ทว่าพอเข้าเดือนที่สี่ ภรรยาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปนางเย็นชา อีกทั้งไม่ยอมให้เขาหลับนอนด้วย จนกระทั่งเข้าเดือนที่ห้า คืนนั้นไม่มีผู้ใดทราบว่าเส้าชิงกลับมา มีคนบอกว่าภรรยาของเขากลับไปดูแลมารดาที่กำลังป่วยแต่ฝูเส้าชิงไม่ได้เชื่อเช่นนั้น ในกระท่อมกลางป่านอกเมือง ภาพที่เขาเห็น คือภรรยาอันเป็นที่รักกำลังเสพสังวาสกับชายอื่นภาพที่นางร่างกายเปลือยเปล่านั่งคร่อมช่วงล่างของชายผู้นั้นยังติดตามาจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งคิดไปถึงอดีต อวัยวะเบื้องล่างยิ่งจ้วงแทงหนักขึ้น โดยไม่กลัวว่าช่องทางอ่อนนุ่มจะฉีกขาด ประหนึ่งว่าต้องการใช้ทัณฑ์นี้ระบายความเคียดแค้นตลอดหลายปีที่มีมา สองมือที่จับยึดปทุมถันอวบอัดไว้อย่างละข้างออกแรงบีบขยำอย่างไร้ความปรานีท่อนกายแกร่งขนาดผิดธรรมดา มุดเข้าออกช่องทางด้านหลังของบุตรสาวต่างสายเลือดแทนการลงหวายในขณะที่เยว่เยี่ยคิดว่าตนคงต้องตาย ร่างกายกลับมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ น
นางถูกเลี้ยงดูโดยแม่นมเฉาตั้งแต่ยังเยาว์ มารดาของนางแทบจะจดจำใบหน้าไม่ได้ บิดาต่างสายเลือดเคยบอกไว้ว่ามารดาของนางป่วยเป็นโรคประหลาดจึงกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดตั้งแต่เย่วเยี่ยยังมิได้ความ นางเติบโตและคลุกคลีอยู่กับบ่าวไพร่ในจวน ส่วนเส้าชิงก็ไม่ค่อยจะได้เห็นหน้าเห็นตาเพราะต้องเดินทางทำการค้าที่ต่างเมืองอยู่บ่อยครั้งเยว่เยี่ยกลายเป็นบุตรีที่ขาดแคลนความรักความอบอุ่นจากบุพการี คำสั่งสอนส่วนใหญ่จะมาจากแม่นมเฉาซิ่น แต่ก็ไม่ได้เป็นคำสั่งสอนที่ดีนัก นางจึงคล้อยตามบ้างแหวกกฎบ้าง เฉกเช่นเหตุการณ์ที่นางแอบไปพบกับผู้ชายในป่าดอกท้อ ด้วยวัยที่อยากริอยากลองของเด็กสาวจึงทำให้นางแอบไปพลอดรักกับมู่หรงเหยียน ลูกชายคนโตตระกูลมู่เช้าวันต่อมา อากาศค่อนข้างจะสดใสแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า เสียงนกร้องกระจิบกระจับ แม่นมเฉาเข้ามาช่วยอาบน้ำแต่งตัวให้กับเยว่เยี่ย นางทำหน้าที่อย่างเต็มที่และเต็มใจ ความรักและทะนุถนอมเฉกเช่นลูกในไส้ของตน“แม่นม ข้าทำเองก็ได้ ข้าโตแล้วนะ ไม่ได้เป็นเด็กแล้ว”“ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณหนูต้องให้นมสางผมให้ เพราะว่าตอนยังเยาว์ คุณหนูเคยกรีดร้องลั่น วิ่งไปทั่วจวนผมเผ้ายุ่งเหยิง ตะโกนโยเยจะให้นมสางผ
ในเรือนไผ่งามดวงตาบวมแดงของเด็กสาวยังคงเหม่อลอย เยว่เยี่ยปล่อยให้แม่นมอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายจนเสร็จโดยไม่มีการตอบสนอง ท่านพ่อที่นางโหยหามาตั้งแต่วัยเยาว์กลับกระทำกับนางเช่นนี้ จิตใจของเยว่เยี่ยมีหรือจะไม่บอบช้ำ ตอนยังเด็ก นางเคยภาวนาขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มจากเขา แต่จนแล้วจนรอดท่านพ่อก็ไม่เคยยิ้มให้นาง ทุกครั้งเจอ หากไม่ดุด่า นางก็จะถูกตีเพราะเช่นนี้ เยว่เยี่ยจึงมักทำผิดบ่อย ๆ เพื่อจะได้เจอหน้าท่านพ่อ แต่ใครจะรู้ ว่าท่านพ่อที่นางโหยหา กลับไม่ใช่พ่อแท้ ๆ คิดแล้ว น้ำตาของเยว่เยี่ยก็ไหลลงมาอาบแก้มแม่นมเฉาถือถ้วยยาเดินเข้ามาเห็น รู้สึกสะท้อนใจยิ่ง คุณหนูของนางช่างน่าสงสารยิ่งนัก มารดาไม่ใส่ใจ บิดาไม่ใช่บิดา เรื่องนี้จะโทษใครได้ คงเป็นเวรกรรม คิดแล้วแม่นมเฉาได้แต่ทำใจ เดินถือถ้วยยาเข้าไปหาเด็กสาวบนเตียง“คุณหนูยาเจ้าค่ะ”แค่ได้กลิ่น ใบหน้าซีดเซียวก็เบือนหน้าหนีแล้ว“แม่นมเฉา ข้าไม่กินได้หรือไม่” เยว่เยี่ยส่ายหน้าไปมา นางเป็นคนกินยายากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งแม่นมเฉาเองค่อนข้างอ่อนใจกับเรื่องนี้ สุดท้าย แม่นมเฉาก็ไม่กล้าบังคับ“ถ้าอย่างงั้นคุณหนูนอนพักผ่อนนะเจ้าคะ”ไม่ต้องรอให้แม่นมเฉาบอก เยว
ย่างเข้าเดือนหก ท้องฟ้าเริ่มโปร่งใส ใบไม้เริ่มจะเปลี่ยนสีเตรียมร่วงโรยออกจากต้น ลมฤดูใบไม้ร่วงทำให้อากาศในเมืองสุ่ยเปี้ยนแลดูร่มรื่นขึ้นเป็นกอง ผู้คนเริ่มออกมาสัญจรไปมากันขวักไขว่ พ่อค้าแม่ค้า พากันกู่ร้องขายของกันอย่างคึกคักป่าดอกท้อนอกเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มหญิงสาวมักแอบมาพลอดรักกัน ท่ามกลางดอกท้อปลิดปลิวในฤดูใบไม้ร่วง ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม แต่ก่อนที่ฝ่ามือของฝ่ายชายจะทันได้ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของฝ่ายหญิง ทั้งร่างก็ถูกกระชากอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ครั้นฝ่ายหญิงเห็นว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ ดวงตาของนางพลันเบิกโพลง“ท่านพ่อ!”ฝูเยว่เยี่ยย่อมรู้บิดาโหดร้ายแค่ไหน ใบหน้างามจึงซีดเผือด แขนบอบบางถูกกระชากอย่างแรงผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านพ่อไม่สนใจสักนิดว่านางจะเจ็บหรือไม่ เขาลากร่างเล็กอย่างไม่ปรานีปราศรัย แล้วจับไปโยนใส่รถม้าบนถนนเรียบแม่น้ำฮู่ยโห มีจวนใหญ่อยู่หลังหนึ่ง ป้ายชื่อบนซุ้มประตูเป็นสีทองอร่าม ไม่มีผู้ใดในเมืองที่จะไม่รู้ว่าอักษรคำว่าจวนตระกูลฝูนั้น เขียนด้วยลายพระหัตถ์ของไท่ซางหวง บ่งบอกถึงคุณงามความดีที่เจ้าของจวนกระทำเพื่อแผ่นดิน ว่ากันว่าแม้แ