ในเรือนไผ่งาม
ดวงตาบวมแดงของเด็กสาวยังคงเหม่อลอย เยว่เยี่ยปล่อยให้แม่นมอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายจนเสร็จโดยไม่มีการตอบสนอง ท่านพ่อที่นางโหยหามาตั้งแต่วัยเยาว์กลับกระทำกับนางเช่นนี้ จิตใจของเยว่เยี่ยมีหรือจะไม่บอบช้ำ ตอนยังเด็ก นางเคยภาวนาขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มจากเขา แต่จนแล้วจนรอดท่านพ่อก็ไม่เคยยิ้มให้นาง ทุกครั้งเจอ หากไม่ดุด่า นางก็จะถูกตี
เพราะเช่นนี้ เยว่เยี่ยจึงมักทำผิดบ่อย ๆ เพื่อจะได้เจอหน้าท่านพ่อ แต่ใครจะรู้ ว่าท่านพ่อที่นางโหยหา กลับไม่ใช่พ่อแท้ ๆ คิดแล้ว น้ำตาของเยว่เยี่ยก็ไหลลงมาอาบแก้ม
แม่นมเฉาถือถ้วยยาเดินเข้ามาเห็น รู้สึกสะท้อนใจยิ่ง คุณหนูของนางช่างน่าสงสารยิ่งนัก มารดาไม่ใส่ใจ บิดาไม่ใช่บิดา เรื่องนี้จะโทษใครได้ คงเป็นเวรกรรม คิดแล้วแม่นมเฉาได้แต่ทำใจ เดินถือถ้วยยาเข้าไปหาเด็กสาวบนเตียง
“คุณหนูยาเจ้าค่ะ”
แค่ได้กลิ่น ใบหน้าซีดเซียวก็เบือนหน้าหนีแล้ว
“แม่นมเฉา ข้าไม่กินได้หรือไม่” เยว่เยี่ยส่ายหน้าไปมา นางเป็นคนกินยายากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งแม่นมเฉาเองค่อนข้างอ่อนใจกับเรื่องนี้ สุดท้าย แม่นมเฉาก็ไม่กล้าบังคับ
“ถ้าอย่างงั้นคุณหนูนอนพักผ่อนนะเจ้าคะ”
ไม่ต้องรอให้แม่นมเฉาบอก เยว่เยี่ยก็หลับไปอย่างง่ายดาย ถูกกระทำมาขนาดนั้น นางไม่สลบนับว่าแข็งแกร่งมาก
เช้าวันต่อมา
ฝูเส้าชิงได้เดินทางด้วยรถม้าเพื่อไปทำการค้าที่ต่างเมือง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก็รีบเดินทางกลับมาที่จวนตระกูลฝู
ยามเฉิน
“อาเฉา เยี่ยเอ๋อกลับมาหรือยัง”
“อะ เอ่อ นายท่าน คุณหนูไม่ค่อยสบายวันนี้จึงไม่ได้ไปเรียนเจ้าค่ะ” น้ำเสียงจากคนถามอย่างแข็งกร้าวทำให้คนตอบกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือในใจวาบหวิว ความคิดคุกรุ่นคุณหนูต้องโดนลงโทษอีกเป็นแน่
สิ้นประโยคคำตอบบิดาต่างสายเลือดร่างสูงหกฉื่อ ดวงหน้าสลักเสลาแลดูอ่อนกว่าวัย โครงคิ้วขมวดมุ่นย่นเข้าหากันสองเท้าสาวฉับไวมุ่งหน้าไปยังเรือนไผ่งาม บ่าวรับใช้ไม่ทันได้ยอบกายคารวะ ประตูไม้หน้าเรือนถูกผลักออกและปิดลงทันที
บนเตียงในห้องนอนริมหน้าต่าง ร่างบอบบางถูกปกคลุมด้วยผ้าแพรผืนบาง มีเพียงชุดคลุมสีขาวแนบเนื้อแต่ก็แทบปิดไม่มิดด้วยขนาดของสองเต้าทรงกลมกลึงเต่งรูปเนื้อเนียนสวย ร่างบอบบางสะดุ้งโหยงเมื่อผ้าแพรถูกกระชากพร้อม ๆ กับชุดคลุมเนื้อบางร่างกายเปลือยเปล่ายิ่งเผยให้เห็นเรือนร่างอันเย้ายวนในวัยปักปิ่น
“ท่านพ่อ อย่าทำข้านะ ข้าเจ็บ อื้อ”
“ข้าจะลงโทษที่เจ้าไม่ไปเรียน ข้าเสียเงินเสียทองส่งให้เจ้าเรียนกลับไม่รักดีอีก อั๊ก”
คีมเหล็กหนาจับยึดเอวสอบขึ้นโน้มกายคร่อมทาบทับ ร่างบางด้านล่างไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืนเขาบดขยี้ริมฝีปากของเยว่เยี่ยอย่างไม่ปรานีปราศรัย ฝ่ามือบีบเคล้นปทุมถันเต่งตึงอย่างแรง จนลูกนอกไส้ต้องครางประท้วง รอให้เขาผละริมฝีปากออก เยว่เยี่ยถึงได้กระซิบเสียงเบา “ทะ ท่านพ่อช่วยเบามือหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ เยี่ยเอ๋อเจ็บ”
เส้าชิงซุกไซ้ไปตามลำคอขาวผ่องราวกับไม่ได้ยิน ดวงหน้าเคลื่อนลงต่ำไปจนถึงปทุมถันอวบอิ่ม ตวัดลิ้นเลียเม็ดบัวสีชมพูอ่อน พลางล้วงฝ่ามือเข้าไปกลางหว่างขาเรียว กรีดนิ้วกลางกลีบอวบอูม หยอกเย้าเมล็ดเกสรที่กำลังเชิดหัวอยู่ภายใน
ถูกเล้าโลมไม่นานจากการขัดขืนเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านเข้าแทนที่ เส้าชิงไม่รอช้า จับส่วนแข็งขึงที่กำลังพองตัวเต็มที่จ่อเข้าที่รูสวาทช่องหลัง ก่อนจะค่อย ๆ กดบั้นท้ายลงช้า ๆ กระทั่งมันฝังเข้าไปจนเกือบสุด จากนั้นกระดกบั้นท้ายขึ้นเบาๆ เพื่อชักมันออก แล้วค่อยๆ กดลงไปใหม่
เยว่เยี่ยเสียวปานจะขาดใจ เริ่มขยับสะโพกไปตามจังหวะ ลมหายใจเริ่มถี่กระชั้น เขาเกรงว่านางจะครางเสียงดัง จึงรีบกดจุมพิตลงบนริมฝีปากบาง ก่อนจะขยับบั้นท้ายเร็วขึ้น
ไม่เพียงแค่เยว่เยี่ยเท่านั้นที่เสียวปานขาดใจ เส้าชิงเองก็เช่นกัน เขาเริ่มกระแทกกระทั้นใส่นางหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ พอใกล้จะเสร็จ ก็จับนางพลิกเปลี่ยนท่า
ความแค้นที่ฝังแน่นในอกมานับสิบปี ถูกระบายลงบนเรือนร่างงดงามของบุตรีต่างสายเลือดอย่างไร้ความปรานี ให้สาสมกับที่มารดาของเย่วเยี่ยได้ทำไว้กับเขา
ทว่าสำหรับเด็กสาวผู้ไร้เดียงสากลับลุ่มหลงท่านพ่อของนาง เยว่เยี่ยไม่เพียงรับได้กับการกระทำของเขา ยังออกจะพอใจด้วยซ้ำ การได้แนบชิดกับคนที่ตนเองรัก ผู้ใดบ้างจะไม่มีความสุข ถึงแม้ว่าร่างกายจะถูกกระทำให้เจ็บปวด ทว่าจิตใจกลับชื่นมื่น เพราะนางเริ่มรักเขา
ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ เขากดศีรษะของนางลงบนที่นอน ก่อนจะขยับบั้นท้ายถี่รัว เยว่เยี่ยร่างกายแข็งเกร็ง สองมือจิกลงบนฟูก ใบหน้าเริ่มเหย่เก นางกำลังจะถึงจุดหมาย จนกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่อยู่ “อึ้ม ทะ..ท่านพ่อ”
เส้าชิงเองก็ใกล้เต็มที แรงบีบตรงสะโพกกลมกลึงเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ที่สุดสองร่างก็กระตุกเกร็ง ถึงสวรรค์แทบจะพร้อมกัน เขากระแทกต่ออีกสองสามทีเพื่อระบายน้ำที่คั่งค้าง จากนั้นทิ้งตัวลงนอนตะแคง หายใจหอบเหนื่อย กระทั่งลมหายใจกลับมาเป็นปกติ เส้าชิงพลันพลิกร่างขึ้นมาทาบทับนางอีกครั้ง
ทุกครั้งก็จะมักเป็นเช่นนี้ เขาเข้ามาทำรักกับนางจนพอใจ มีแต่ความโมโหโทสะที่ครอบงำ จากนั้นก็จากไปด้วยความเย็นชา
คืนนี้ก็เช่นกัน หลังจากเสร็จสมไปสองครั้ง เส้าชิงกลับออกจากห้องโดยไม่สนใจใยดี บางคราเยว่เยี่ยก็นึกน้อยใจ แต่ไม่กล้าเอ่ยปากเพราะที่เป็นแบบนี้ท่านพ่อจะได้มีโอกาสได้อยู่กับนางอย่างเต็มที่ถึงแม้ว่าจะต้องแลกด้วยความเจ็บแสบจากช่องรูสวาทหลัง
นางถูกเลี้ยงดูโดยแม่นมเฉาตั้งแต่ยังเยาว์ มารดาของนางแทบจะจดจำใบหน้าไม่ได้ บิดาต่างสายเลือดเคยบอกไว้ว่ามารดาของนางป่วยเป็นโรคประหลาดจึงกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดตั้งแต่เย่วเยี่ยยังมิได้ความ นางเติบโตและคลุกคลีอยู่กับบ่าวไพร่ในจวน ส่วนเส้าชิงก็ไม่ค่อยจะได้เห็นหน้าเห็นตาเพราะต้องเดินทางทำการค้าที่ต่างเมืองอยู่บ่อยครั้งเยว่เยี่ยกลายเป็นบุตรีที่ขาดแคลนความรักความอบอุ่นจากบุพการี คำสั่งสอนส่วนใหญ่จะมาจากแม่นมเฉาซิ่น แต่ก็ไม่ได้เป็นคำสั่งสอนที่ดีนัก นางจึงคล้อยตามบ้างแหวกกฎบ้าง เฉกเช่นเหตุการณ์ที่นางแอบไปพบกับผู้ชายในป่าดอกท้อ ด้วยวัยที่อยากริอยากลองของเด็กสาวจึงทำให้นางแอบไปพลอดรักกับมู่หรงเหยียน ลูกชายคนโตตระกูลมู่เช้าวันต่อมา อากาศค่อนข้างจะสดใสแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า เสียงนกร้องกระจิบกระจับ แม่นมเฉาเข้ามาช่วยอาบน้ำแต่งตัวให้กับเยว่เยี่ย นางทำหน้าที่อย่างเต็มที่และเต็มใจ ความรักและทะนุถนอมเฉกเช่นลูกในไส้ของตน“แม่นม ข้าทำเองก็ได้ ข้าโตแล้วนะ ไม่ได้เป็นเด็กแล้ว”“ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณหนูต้องให้นมสางผมให้ เพราะว่าตอนยังเยาว์ คุณหนูเคยกรีดร้องลั่น วิ่งไปทั่วจวนผมเผ้ายุ่งเหยิง ตะโกนโยเยจะให้นมสางผ
ย้อนไปเมื่อสิบหกปีก่อนฝูเส้าชิงรักสตรีนางหนึ่งจนหมดใจ และได้แต่งกับนางตอนอายุสิบเจ็ด หลังจากแต่งงานกันได้หนึ่งเดือน ด้วยความที่เป็นลูกพ่อค้า เส้าชิงต้องเดินทางไปต่างเมืองบ่อยครั้ง สองสามเดือนแรกยังไม่มีอะไร ทว่าพอเข้าเดือนที่สี่ ภรรยาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปนางเย็นชา อีกทั้งไม่ยอมให้เขาหลับนอนด้วย จนกระทั่งเข้าเดือนที่ห้า คืนนั้นไม่มีผู้ใดทราบว่าเส้าชิงกลับมา มีคนบอกว่าภรรยาของเขากลับไปดูแลมารดาที่กำลังป่วยแต่ฝูเส้าชิงไม่ได้เชื่อเช่นนั้น ในกระท่อมกลางป่านอกเมือง ภาพที่เขาเห็น คือภรรยาอันเป็นที่รักกำลังเสพสังวาสกับชายอื่นภาพที่นางร่างกายเปลือยเปล่านั่งคร่อมช่วงล่างของชายผู้นั้นยังติดตามาจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งคิดไปถึงอดีต อวัยวะเบื้องล่างยิ่งจ้วงแทงหนักขึ้น โดยไม่กลัวว่าช่องทางอ่อนนุ่มจะฉีกขาด ประหนึ่งว่าต้องการใช้ทัณฑ์นี้ระบายความเคียดแค้นตลอดหลายปีที่มีมา สองมือที่จับยึดปทุมถันอวบอัดไว้อย่างละข้างออกแรงบีบขยำอย่างไร้ความปรานีท่อนกายแกร่งขนาดผิดธรรมดา มุดเข้าออกช่องทางด้านหลังของบุตรสาวต่างสายเลือดแทนการลงหวายในขณะที่เยว่เยี่ยคิดว่าตนคงต้องตาย ร่างกายกลับมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ น
เจ็ดวันต่อมาวันนี้ตระกูลมู่ส่งแม่สื่อไปทาบทามคุณหนูตระกูลฝูการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากตกลงแลกวันเดือนปีเกิดกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่สื่อที่มาก็กลับไปแจ้งแก่คนตระกูลมู่สามวันหลังจากนั้น รถม้าสองคันก็มาหยุดหน้าประตูจวนตระกูลฝู เพื่อส่งของหมั้นหมายหีบทรงสี่เหลี่ยมทำจากไม้จันทน์แดงสลักลวดลายดอกโบตั๋นลงรักสีแดงและปิดทองประดับตกแต่งหรูหราบ่งบอกถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของผู้ที่ส่งมอบ ชายรูปร่างกำยำหกคนช่วยกันแบกหีบสามใบทยอยเข้ามาภายในบรรจุ ทองคำแท่ง เครื่องประดับเงิน รวมถึงสร้อยคอ กำไล แหวน ต่างหู และปิ่นปักผม เครื่องประดับที่ทำจากหยกถือเป็นของที่มีค่าสูงผ้าไหมเนื้อละเอียดและผ้าฝ้ายคุณภาพสูงที่มีลวดลายสวยงาม มักจะถูกมอบให้ฝ่ายหญิงเพื่อใช้ในการตัดเย็บเสื้อผ้า ผ้าที่ปักลวดลายดอกไม้และสัตว์เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นสิริมงคล เพราะเชื่อว่าจะนำโชคลาภและความคุ้มครองมาให้ทุกหีบถูกเปิดออกเพื่อให้ฝ่ายเจ้าสาวตรวจดู หลังจากพ่อบ้านตรวจตราดีแล้ว คนตระกูลมู่ก็พากันกลับฝูเส้าชิงสั่งให้ยกทุกหีบไปที่เรือนบุตรี โดยไม่คิดจะเหลือบมองมัน แม้แต่ตัวเขาเองตอนนี้ ยังไม่รู้ว่ากำลังคิดส
“ท่านพ่อ ท่านใจร้ายเกินไปที่ทำกับข้าเช่นนี้ ฮึก ฮือ”“ข้าเองก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะขัดขืน เสียงครางของเจ้าบ่งบอกถึงไฟร่านในตัวเหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด หึ”น้ำเสียงแข็งกร้าวตะคอกออกมาด้วยความเคียดแค้นภายในใจของเส้าชิง“ข้าอยากรู้ว่าทำไมท่านถึงต้องให้ข้าแต่งงานกับมู่หรงเหยียนด้วย ข้าไม่อยากแต่ง” เยว่เยี่ยยังเอ่ยถามเขาต่อด้วยเสียงสั่นเครือ มือเรียวบางเอื้อมโอบกอดอกแกร่งไว้แต่ไม่เป็นผลเส้าชิงผละออก พลันลุกจัดแต่งอาภรณ์“ถึงวัยปักปิ่นเจ้าก็ต้องแต่งงานออกเรือน เจ้าเป็นบุตรีคนเดียวถ้าไม่แต่ง จะให้ข้าโดนชาวบ้านประณามอย่างนั้นเหรอ”“แต่ข้ารักท่านพ่อ ข้าไม่อยากไปอยู่ที่อื่นนะเจ้าคะ ฮึก ฮือ”เยว่เยี่ยเอ่ยด้วยเสียงสะอึกสะอื้นน้ำใสไหลลงอาบแก้มตามประสาสตรีขี้แย“หุบปาก!” เขาตวาดกลับมาทันควัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาหวาดกลัวที่สุด กลัวว่าจะใจอ่อนกับนาง “เจ้ากลับไปได้แล้ว! และต่อไปไม่ต้องมาที่ห้องหนังสืออีก เตรียมตัวแต่งงานก็พอ!”“ท่านพ่อ ฮึก!”“ข้าบอกให้กลับไป!”ร่างบอบบางหมุนตัววิ่งออกประตูไปพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่นางเสียใจที่สุด เสียใจจนถึงขั้นที่ว่าจะตัดใจจากเขาสองอาทิตย์ต่อมาจวนตร
ย่างเข้าเดือนหก ท้องฟ้าเริ่มโปร่งใส ใบไม้เริ่มจะเปลี่ยนสีเตรียมร่วงโรยออกจากต้น ลมฤดูใบไม้ร่วงทำให้อากาศในเมืองสุ่ยเปี้ยนแลดูร่มรื่นขึ้นเป็นกอง ผู้คนเริ่มออกมาสัญจรไปมากันขวักไขว่ พ่อค้าแม่ค้า พากันกู่ร้องขายของกันอย่างคึกคักป่าดอกท้อนอกเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มหญิงสาวมักแอบมาพลอดรักกัน ท่ามกลางดอกท้อปลิดปลิวในฤดูใบไม้ร่วง ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม แต่ก่อนที่ฝ่ามือของฝ่ายชายจะทันได้ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของฝ่ายหญิง ทั้งร่างก็ถูกกระชากอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ครั้นฝ่ายหญิงเห็นว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ ดวงตาของนางพลันเบิกโพลง“ท่านพ่อ!”ฝูเยว่เยี่ยย่อมรู้บิดาโหดร้ายแค่ไหน ใบหน้างามจึงซีดเผือด แขนบอบบางถูกกระชากอย่างแรงผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านพ่อไม่สนใจสักนิดว่านางจะเจ็บหรือไม่ เขาลากร่างเล็กอย่างไม่ปรานีปราศรัย แล้วจับไปโยนใส่รถม้าบนถนนเรียบแม่น้ำฮู่ยโห มีจวนใหญ่อยู่หลังหนึ่ง ป้ายชื่อบนซุ้มประตูเป็นสีทองอร่าม ไม่มีผู้ใดในเมืองที่จะไม่รู้ว่าอักษรคำว่าจวนตระกูลฝูนั้น เขียนด้วยลายพระหัตถ์ของไท่ซางหวง บ่งบอกถึงคุณงามความดีที่เจ้าของจวนกระทำเพื่อแผ่นดิน ว่ากันว่าแม้แ
“ท่านพ่อ ท่านใจร้ายเกินไปที่ทำกับข้าเช่นนี้ ฮึก ฮือ”“ข้าเองก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะขัดขืน เสียงครางของเจ้าบ่งบอกถึงไฟร่านในตัวเหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด หึ”น้ำเสียงแข็งกร้าวตะคอกออกมาด้วยความเคียดแค้นภายในใจของเส้าชิง“ข้าอยากรู้ว่าทำไมท่านถึงต้องให้ข้าแต่งงานกับมู่หรงเหยียนด้วย ข้าไม่อยากแต่ง” เยว่เยี่ยยังเอ่ยถามเขาต่อด้วยเสียงสั่นเครือ มือเรียวบางเอื้อมโอบกอดอกแกร่งไว้แต่ไม่เป็นผลเส้าชิงผละออก พลันลุกจัดแต่งอาภรณ์“ถึงวัยปักปิ่นเจ้าก็ต้องแต่งงานออกเรือน เจ้าเป็นบุตรีคนเดียวถ้าไม่แต่ง จะให้ข้าโดนชาวบ้านประณามอย่างนั้นเหรอ”“แต่ข้ารักท่านพ่อ ข้าไม่อยากไปอยู่ที่อื่นนะเจ้าคะ ฮึก ฮือ”เยว่เยี่ยเอ่ยด้วยเสียงสะอึกสะอื้นน้ำใสไหลลงอาบแก้มตามประสาสตรีขี้แย“หุบปาก!” เขาตวาดกลับมาทันควัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาหวาดกลัวที่สุด กลัวว่าจะใจอ่อนกับนาง “เจ้ากลับไปได้แล้ว! และต่อไปไม่ต้องมาที่ห้องหนังสืออีก เตรียมตัวแต่งงานก็พอ!”“ท่านพ่อ ฮึก!”“ข้าบอกให้กลับไป!”ร่างบอบบางหมุนตัววิ่งออกประตูไปพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่นางเสียใจที่สุด เสียใจจนถึงขั้นที่ว่าจะตัดใจจากเขาสองอาทิตย์ต่อมาจวนตร
เจ็ดวันต่อมาวันนี้ตระกูลมู่ส่งแม่สื่อไปทาบทามคุณหนูตระกูลฝูการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากตกลงแลกวันเดือนปีเกิดกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่สื่อที่มาก็กลับไปแจ้งแก่คนตระกูลมู่สามวันหลังจากนั้น รถม้าสองคันก็มาหยุดหน้าประตูจวนตระกูลฝู เพื่อส่งของหมั้นหมายหีบทรงสี่เหลี่ยมทำจากไม้จันทน์แดงสลักลวดลายดอกโบตั๋นลงรักสีแดงและปิดทองประดับตกแต่งหรูหราบ่งบอกถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของผู้ที่ส่งมอบ ชายรูปร่างกำยำหกคนช่วยกันแบกหีบสามใบทยอยเข้ามาภายในบรรจุ ทองคำแท่ง เครื่องประดับเงิน รวมถึงสร้อยคอ กำไล แหวน ต่างหู และปิ่นปักผม เครื่องประดับที่ทำจากหยกถือเป็นของที่มีค่าสูงผ้าไหมเนื้อละเอียดและผ้าฝ้ายคุณภาพสูงที่มีลวดลายสวยงาม มักจะถูกมอบให้ฝ่ายหญิงเพื่อใช้ในการตัดเย็บเสื้อผ้า ผ้าที่ปักลวดลายดอกไม้และสัตว์เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นสิริมงคล เพราะเชื่อว่าจะนำโชคลาภและความคุ้มครองมาให้ทุกหีบถูกเปิดออกเพื่อให้ฝ่ายเจ้าสาวตรวจดู หลังจากพ่อบ้านตรวจตราดีแล้ว คนตระกูลมู่ก็พากันกลับฝูเส้าชิงสั่งให้ยกทุกหีบไปที่เรือนบุตรี โดยไม่คิดจะเหลือบมองมัน แม้แต่ตัวเขาเองตอนนี้ ยังไม่รู้ว่ากำลังคิดส
ย้อนไปเมื่อสิบหกปีก่อนฝูเส้าชิงรักสตรีนางหนึ่งจนหมดใจ และได้แต่งกับนางตอนอายุสิบเจ็ด หลังจากแต่งงานกันได้หนึ่งเดือน ด้วยความที่เป็นลูกพ่อค้า เส้าชิงต้องเดินทางไปต่างเมืองบ่อยครั้ง สองสามเดือนแรกยังไม่มีอะไร ทว่าพอเข้าเดือนที่สี่ ภรรยาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปนางเย็นชา อีกทั้งไม่ยอมให้เขาหลับนอนด้วย จนกระทั่งเข้าเดือนที่ห้า คืนนั้นไม่มีผู้ใดทราบว่าเส้าชิงกลับมา มีคนบอกว่าภรรยาของเขากลับไปดูแลมารดาที่กำลังป่วยแต่ฝูเส้าชิงไม่ได้เชื่อเช่นนั้น ในกระท่อมกลางป่านอกเมือง ภาพที่เขาเห็น คือภรรยาอันเป็นที่รักกำลังเสพสังวาสกับชายอื่นภาพที่นางร่างกายเปลือยเปล่านั่งคร่อมช่วงล่างของชายผู้นั้นยังติดตามาจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งคิดไปถึงอดีต อวัยวะเบื้องล่างยิ่งจ้วงแทงหนักขึ้น โดยไม่กลัวว่าช่องทางอ่อนนุ่มจะฉีกขาด ประหนึ่งว่าต้องการใช้ทัณฑ์นี้ระบายความเคียดแค้นตลอดหลายปีที่มีมา สองมือที่จับยึดปทุมถันอวบอัดไว้อย่างละข้างออกแรงบีบขยำอย่างไร้ความปรานีท่อนกายแกร่งขนาดผิดธรรมดา มุดเข้าออกช่องทางด้านหลังของบุตรสาวต่างสายเลือดแทนการลงหวายในขณะที่เยว่เยี่ยคิดว่าตนคงต้องตาย ร่างกายกลับมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ น
นางถูกเลี้ยงดูโดยแม่นมเฉาตั้งแต่ยังเยาว์ มารดาของนางแทบจะจดจำใบหน้าไม่ได้ บิดาต่างสายเลือดเคยบอกไว้ว่ามารดาของนางป่วยเป็นโรคประหลาดจึงกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดตั้งแต่เย่วเยี่ยยังมิได้ความ นางเติบโตและคลุกคลีอยู่กับบ่าวไพร่ในจวน ส่วนเส้าชิงก็ไม่ค่อยจะได้เห็นหน้าเห็นตาเพราะต้องเดินทางทำการค้าที่ต่างเมืองอยู่บ่อยครั้งเยว่เยี่ยกลายเป็นบุตรีที่ขาดแคลนความรักความอบอุ่นจากบุพการี คำสั่งสอนส่วนใหญ่จะมาจากแม่นมเฉาซิ่น แต่ก็ไม่ได้เป็นคำสั่งสอนที่ดีนัก นางจึงคล้อยตามบ้างแหวกกฎบ้าง เฉกเช่นเหตุการณ์ที่นางแอบไปพบกับผู้ชายในป่าดอกท้อ ด้วยวัยที่อยากริอยากลองของเด็กสาวจึงทำให้นางแอบไปพลอดรักกับมู่หรงเหยียน ลูกชายคนโตตระกูลมู่เช้าวันต่อมา อากาศค่อนข้างจะสดใสแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า เสียงนกร้องกระจิบกระจับ แม่นมเฉาเข้ามาช่วยอาบน้ำแต่งตัวให้กับเยว่เยี่ย นางทำหน้าที่อย่างเต็มที่และเต็มใจ ความรักและทะนุถนอมเฉกเช่นลูกในไส้ของตน“แม่นม ข้าทำเองก็ได้ ข้าโตแล้วนะ ไม่ได้เป็นเด็กแล้ว”“ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณหนูต้องให้นมสางผมให้ เพราะว่าตอนยังเยาว์ คุณหนูเคยกรีดร้องลั่น วิ่งไปทั่วจวนผมเผ้ายุ่งเหยิง ตะโกนโยเยจะให้นมสางผ
ในเรือนไผ่งามดวงตาบวมแดงของเด็กสาวยังคงเหม่อลอย เยว่เยี่ยปล่อยให้แม่นมอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายจนเสร็จโดยไม่มีการตอบสนอง ท่านพ่อที่นางโหยหามาตั้งแต่วัยเยาว์กลับกระทำกับนางเช่นนี้ จิตใจของเยว่เยี่ยมีหรือจะไม่บอบช้ำ ตอนยังเด็ก นางเคยภาวนาขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มจากเขา แต่จนแล้วจนรอดท่านพ่อก็ไม่เคยยิ้มให้นาง ทุกครั้งเจอ หากไม่ดุด่า นางก็จะถูกตีเพราะเช่นนี้ เยว่เยี่ยจึงมักทำผิดบ่อย ๆ เพื่อจะได้เจอหน้าท่านพ่อ แต่ใครจะรู้ ว่าท่านพ่อที่นางโหยหา กลับไม่ใช่พ่อแท้ ๆ คิดแล้ว น้ำตาของเยว่เยี่ยก็ไหลลงมาอาบแก้มแม่นมเฉาถือถ้วยยาเดินเข้ามาเห็น รู้สึกสะท้อนใจยิ่ง คุณหนูของนางช่างน่าสงสารยิ่งนัก มารดาไม่ใส่ใจ บิดาไม่ใช่บิดา เรื่องนี้จะโทษใครได้ คงเป็นเวรกรรม คิดแล้วแม่นมเฉาได้แต่ทำใจ เดินถือถ้วยยาเข้าไปหาเด็กสาวบนเตียง“คุณหนูยาเจ้าค่ะ”แค่ได้กลิ่น ใบหน้าซีดเซียวก็เบือนหน้าหนีแล้ว“แม่นมเฉา ข้าไม่กินได้หรือไม่” เยว่เยี่ยส่ายหน้าไปมา นางเป็นคนกินยายากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งแม่นมเฉาเองค่อนข้างอ่อนใจกับเรื่องนี้ สุดท้าย แม่นมเฉาก็ไม่กล้าบังคับ“ถ้าอย่างงั้นคุณหนูนอนพักผ่อนนะเจ้าคะ”ไม่ต้องรอให้แม่นมเฉาบอก เยว
ย่างเข้าเดือนหก ท้องฟ้าเริ่มโปร่งใส ใบไม้เริ่มจะเปลี่ยนสีเตรียมร่วงโรยออกจากต้น ลมฤดูใบไม้ร่วงทำให้อากาศในเมืองสุ่ยเปี้ยนแลดูร่มรื่นขึ้นเป็นกอง ผู้คนเริ่มออกมาสัญจรไปมากันขวักไขว่ พ่อค้าแม่ค้า พากันกู่ร้องขายของกันอย่างคึกคักป่าดอกท้อนอกเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มหญิงสาวมักแอบมาพลอดรักกัน ท่ามกลางดอกท้อปลิดปลิวในฤดูใบไม้ร่วง ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม แต่ก่อนที่ฝ่ามือของฝ่ายชายจะทันได้ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของฝ่ายหญิง ทั้งร่างก็ถูกกระชากอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ครั้นฝ่ายหญิงเห็นว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ ดวงตาของนางพลันเบิกโพลง“ท่านพ่อ!”ฝูเยว่เยี่ยย่อมรู้บิดาโหดร้ายแค่ไหน ใบหน้างามจึงซีดเผือด แขนบอบบางถูกกระชากอย่างแรงผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านพ่อไม่สนใจสักนิดว่านางจะเจ็บหรือไม่ เขาลากร่างเล็กอย่างไม่ปรานีปราศรัย แล้วจับไปโยนใส่รถม้าบนถนนเรียบแม่น้ำฮู่ยโห มีจวนใหญ่อยู่หลังหนึ่ง ป้ายชื่อบนซุ้มประตูเป็นสีทองอร่าม ไม่มีผู้ใดในเมืองที่จะไม่รู้ว่าอักษรคำว่าจวนตระกูลฝูนั้น เขียนด้วยลายพระหัตถ์ของไท่ซางหวง บ่งบอกถึงคุณงามความดีที่เจ้าของจวนกระทำเพื่อแผ่นดิน ว่ากันว่าแม้แ