"คุณหนูแน่ใจหรือเจ้าคะว่าจะใส่ชุดนี้"
ความจริงแล้วฟ่างเซียนเซียบชอบเสื้อผ้าสีนี้มาก หากแต่มันคือสีโปรดของฮูหยินรองเจินซู่ ทุกครั้งที่นางสวมใส่ชุดสีแดงลงบนเรือนร่างมักจะถูกกลั่นแกล้งจากแม่เลี้ยงใจร้ายทำให้พักหลัง ๆ ฟ่างเซียนเซียนหวาดกลัวจะโดนทำร้ายจึงไม่เคยสวมใส่อาภรณ์หรือเครื่องประดับที่มีสีนี้อีกเลย
"ไม่เหมาะกับข้ารึ"
เฟิงซูเหยาที่มีดวงตามั่นใจเต็มเปี่ยมมองสาวใช้ผ่านกระจกสำริดตรงหน้า ทำเอาอาถังถึงกับหลบสายตาคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว
"เหมาะเจ้าค่ะ คุณหนูสวมชุดสีนี้แล้วงดงามยิ่งนัก"
แม้ในใจจะรู้สึกว่าการกลับมาครั้งนี้ของฟ่างเซียนเซียนมีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปราวคนละคน ทว่าอาถังกลับรู้สึกว่าแบบนี้เหมาะกับคุณหนูนางมากที่สุด
เคยโอนอ่อนยอมสองแม่ลูกนั้นข่มเหงมานักต่อนัก ครั้งนี้หากคุณหนูนางฮึดสู้ขึ้นมาบ้างอาถังผู้นี้จะยอมสู้ตายเคียงข้างนางเอง
"ไปกันเถอะ ข้าพร้อมแล้ว"
"เจ้าค่ะ" อาถังนำหน้าคุณหนูนางเพื่อพาไปยังเรือนใหญ่ที่ใช้จัดงานในค่ำคืนนี้
ท่าทางเชิดราวพญาหงส์ของเฟิงซูเหยาช่างแปลกตาต่อสายตาเหล่าข้ารับใช้เป็นอย่างยิ่ง ทุกท่วงท่าการเดินที่ดูสง่างามดึงดูดสายตาแขกเหรื่อในงานจนไม่มีใครละสายตาจากนางได้
"เซียนเอ๋อร์มาแล้ว"
ฟ่างเสวียนสวี่เรียกบุตรสาวอย่างดีอกดีใจ การกระทำออกนอกหน้านี้สร้างความขุ่นเคืองให้กับสองแม่ลูกที่ถูกลดตำแหน่งลงไปนั่งต่ำกว่าหัวหน้าตระกูลหนึ่งขั้นเกือบเทียบเท่าแขกเหรื่อคนอื่น ๆ
"เซียนเอ๋อร์ขออภัยที่มาสาย"
เฟิงซูเหยาย่อตัวเล็กน้อยด้วยกริยางดงามอ้อนช้อยต่อหน้าผู้นำตระกูลและแขกคนอื่น ๆ สร้างความเอ็นดูต่อคนในงานจนเกินหน้าเกินตาบุตรสาวอีกคน
"ท่านแม่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ!"
เจินเม่ยกำมือแน่นอย่างหมั่นไส้น้องสาวต่างมารดาที่ทำตัวโดดเด่นกว่านาง
"ใจเย็น ๆ นี่งานฉลองของน้องสาวเจ้า ท่องเอาไว้"
ใช่ว่าเจินซู่จะชอบสักเท่าไรที่ลูกศัตรูหัวใจแย่งความรักจากเสวียนสวี่ไปครอบครองเพียงคนเดียว แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าเป็นวันของนาง เจินซู่จะยอมถอยหนึ่งก้าว ค่อยคิดรวบบัญชีวันหลังก็ยังมิสาย
"จอกนี้ข้าขอดื่มให้กับสวรรค์ที่ส่งเซียนเอ๋อร์กลับมาอยู่ข้างกายข้า"
เสียงกังวาลของแม่ทัพใหญ่ฟ่างดังขึ้นพร้อมจอกสุราหมักเลิศรส
"ท่านพ่อ เซียนเอ๋อร์ขอดื่มด้วยคน"
เสวียนสวี่ตกใจที่ได้ยินบุตรสาวเอ่ยขอดื่มสุราทั้ง ๆ ที่นางมิเคยดื่มสักครั้ง
"ข้าหมายถึงชาเจ้าค่ะ"
คนฉลาดไหวพริบดีอย่างเฟิงซูเหยาแก้สถานการณ์ได้อย่างไร้คนสงสัย
"ยกน้ำชาให้คุณหนูสาม"
ซูเหยารับถ้วยน้ำชาทำจากหยกเนื้อดีขึ้นมาถือไว้ สองพ่อลูกไหว้ขอบคุณฟ้าดินก่อนดื่มของเหลวในมือจนหมดจอก
"คนดีสวรรค์ย่อมคุ้มครอง ข้าขอดื่มให้คุณหนูสามอายุมั่นขวัญยืนอยู่เป็นขวัญกำลังใจแก่ท่านแม่ทัพใหญ่ไปจนผมเปลี่ยนสี"
นายกองทหารผู้หนึ่งกล่าวแสดงความยินดีจบ นายกองคนอื่น ๆ ก็พากันร่วมแสดงความยินดีกับปาฎิหาริย์ในครั้งนี้จนถ้วนหน้า กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วยามซูเหยาก็หาเรื่องออกจากงานสังสรรคที่มีแต่คนแปลกหน้าเพื่อเก็บตัวเงียบ ๆ ในสวนดอกไม้คนเดียว
หลังจากผ่านงานเลี้ยงมาได้สามวัน แม่ทัพใหญ่ฟ่างก็จำต้องกลับไปยังค่ายทหารที่ชายแดนเมืองถังเหลียน
"เจ้าแน่ใจว่าไม่ไปเที่ยวเล่นกับพ่อ"
เสวียนสวี่เอ่ยถามบุตรสาวหลังจากชวนนางไปอยู่ที่ค่ายทหารด้วย แม้จะบอกว่าที่นั่นคือค่ายทหาร ทว่าเป็นถึงค่ายของแม่ทัพใหญ่ทุกอย่างล้วนสะดวกสบายและไม่ขัดสน
"ข้าเพิ่งฟื้น อยากพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้หน่อย"
เฟิงซูเหยาปฏิเสธเสียงเรียบ
หากให้ตามติดคนผู้นี้ นางย่อมไม่ได้เติมเต็มสิ่งที่อยู่ในแผนการให้สำเร็จเป็นแน่
"ก็จริงของเจ้า แม้ว่าที่ค่ายทหารจะไม่ลำบาก แต่การเดินทางนั้นรำเค็ญ พ่อช่างไม่รอบคอบเสียจริง"
"ท่านพ่ออย่าโทษตนเองเลยเจ้าค่ะ หากข้าฟื้นร่างกายดีแล้วจะไปเยี่ยมท่านแน่นอน"
"เหตุใดครั้งนี้ลูกสาวข้าถึงได้ดูอาจหาญกล้าตอบโต้เสียงดังฟังชัดเช่นนี้"
เสวียนสวี่ตอบกลับอย่างหยอกล้อ เขารู้สึกชอบนิสัยบุตรสาวในเวลานี้มากกว่าเมื่อก่อน
"อาจเพราะการได้ตายมาแล้วครั้งหนึ่งทำให้ข้าเข้มแข็งขึ้น"
เฟิงซูเหยาเอ่ยเสียงแผ่วหากแต่แววตากลับดุดัน
"อาจจะใช่ ครั้งนี้สำหรับเจ้าแล้วคงเรียกว่าผ่านความตายมาแล้ว"
เพราะที่ผ่านมาอาการนางกำเริบไม่เคยเกินเวลาจิบชา[1] ย่อมไม่นับว่าคือการผ่านความตาย
"สายแล้ว ท่านพ่อเร่งเดินทางเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงข้า"
เสวียนสวี่เอื้อมมือลูบผมบุตรสาวอย่างทะนุถนอม ในสายตาของเขาช่างอบอุ่นผิดจากเวลามองเจินเม่ยราวฟ้ากับเหว ทำให้คนที่หลบมุมมองสองพ่อลูกหยอกล้อกันอย่างอบอุ่นฝังความชิงชังไว้ในอก รอเวลาให้เจ้าของจวนก้าวออกจากประตูไปค่อยระบายออกมา
"ฮูหยินรองกับเม่ยเอ๋อร์คงแต่งตัวยังไม่เสร็จ พ่อฝากเจ้าบอกลาพวกนางแทนด้วยแล้วกัน"
"เจ้าค่ะ เดินทางปลอดภัย"
เสวียนสวี่ส่งยิ้มให้บุตรสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ตามมาด้วยการส่งสัญญาณให้เหล่าทหารเคลื่อนกำลังกลับยังค่ายทหารเพื่อทำหน้าที่รักษาชายแดนถังเหลียนต่อ
ครั้นตรงนี้ไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว เฟิงซูเหยาจึงเตรียมกลับไปยังเรือนหลานฮวาของตนเอง สายตาเฉียบคมเห็นสิ่งผิดปกติรออยู่ตรงหน้าจึงแสร้งทำเป็นไม่เห็น อยากรู้นักว่าใครกันที่หลบมุมอยู่ตรงนั้นและคนผู้นั้นต้องการอะไร
นางจึงสาวเท้าเดินทำตัวปกติ เมื่อถึงมุมที่ต้องเลี้ยวเห็นปลายรองเท้าโผล่ออกมาเพื่อหวังให้นางสะดุดล้ม
เฟิงซูเหยาขำขันในใจกับการกลั่นแกล้งวิธีซ้ำซากทั่วไปของพวกนางร้ายขี้อิจฉาจึงแสร้งตามน้ำเดินสะดุดขาเจินเม่ยพร้อมกับ...
[1] ประมาณ 5 นาที
หมับ!ตุบ!"โอ้ย!"เสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังลั่น เฟิงซูเหยาที่ถูกขวางทางมิได้ล้มตึงลงตามที่ใจคนกลั่นแกล้งปรารถนา หากแต่เป็นเจินเม่ยที่ถูกเฟิงซูเหยาแสร้งเสียหลักแล้วผลักจนล้มลงไปกองที่พื้นแทน"คุณหนู!""เม่ยเอ๋อร์"เสียงผู้มาสมทบทั้งสองคนต่างเรียกหาคนของตนเองเจินซู่ปรี่เข้าไปช่วยพยุงบุตรสาวลุกขึ้นจากพื้นแข็ง ๆ แถมเย็นยะเยือก ส่วนอาถังเข้าไปจับตามเนื้อตัวคุณหนูสามของนางว่าบาดเจ็บส่วนใดหรือไม่อย่างเป็นห่วง"เจ้ากล้าแกล้งข้า!"ทันทีที่ถูกมารดาช่วยขึ้นมาจากพื้น มือเรียวกรีดนิ้วชี้หน้าน้องสาวต่างมารดาด้วยความเกรี้ยวกราด"ข้าเปล่าแกล้งท่าน เมื่อครู่ข้าเห็นเหมือนมีเท้าของสัตว์โผล่ออกมาเลยตกใจ ใครจะรู้ว่านั่นคือพี่รองที่แอบอยู่ตรงหัวมุม"เฟิงซูเหยาแกล้งหลบตาในใจกลั้นขำหลังเฉไฉเสร็จ"เจ้าหาว่าเท้าอันเรียวสวยของข้าคือเท้าของสัตว์งั้นรึ!"เจินเม่ยสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมโทสะมิได้นางทั้งกระทืบเท้าทั้งกรีดร้องจนคนที่อยู่บริเวณนั้นต้องยกมืออุดหู"ข้าเห็นว่าเป็นเท้าของสัตว์จริง ๆ นะเจ้าค่ะ"ยิ่งตอบโต้ ซูเหยายิ่งรู้สึกสะใจความทรงจำของฟ่างเซียนเซียนที่ผุดขึ้นมาให้นางเห็นเรือนลาง บ่งบอกว่าสอง
'เพราะข้าคือเฟิงซูเหยา ผู้ที่สวรรค์ส่งกลับมาลงทัณฑ์คนโฉดชั่วพวกนั้น'"คุณหนูต้องระวังตัวนะเจ้าคะ วันนี้ฮูหยินรองกับคุณหนูเจินเม่ยเสียหน้ามาก ข้ากลัวว่าพวกนางจะต้องกลับมาเอาคืนคุณหนูไม่ช้าก็เร็วเจ้าค่ะ"อาถังหวั่นใจเหลือเกิน วันนี้คุณหนูนางอาจจะรับมือได้ แต่วันหน้าใครจะไปรู้ว่าคนบอบบางเช่นคุณหนูสามจะรับมือสองแม่ลูกนั้นได้อีกหรือเปล่า"ต่อให้มีสองแม่ลูกนั้นมาเป็นสิบร่าง ข้าก็จะเอาคืนอย่างสาสม"ประโยคนี้ของซูเหยาทำเอาอาถังขนลุกราวอยู่ในฤดูเหมันต์ที่หนาวเหน็บสาวรับใช้คนสนิทข้างกายมิชวนคุยต่อเพราะเห็นเฟิงซูเหยากำลังตั้งใจทานของว่างตรงหน้าอย่างสำราญใจวันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง สายลมเย็น ๆ พัดโชยมาพร้อมกลิ่นมวลดอกไม้นานาชนิดที่อยู่ใน 'สวนสำราญใจ' สวนที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในจวนฟ่างเฟิงซูเหยายืนเหม่อมองไปด้านหน้าอย่างใจเหม่อลอย คิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสองวันนี้ที่เกิดขึ้นกับตนด้วยความอยากรู้ว่าการกลับมาเกิดใหม่ในร่างนี้มาเพียงแค่ดวงวิญญาณหรือความสามารถที่มีชาติก่อนก็ติดตัวมาด้วย จึงได้ลองโคจรลมปราณดู ทว่าทุกครั้งที่นางลองขับลมปราณเพื่อเรียกใช้กำลังภายในอุปสรรคใหญ่หลวง
"เดี๋ยวให้องครักษ์ด้านนอกจัดการต้นไม้แห้งพวกนั้นสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ"อาถังหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้คุณหนูของนางเบา ๆ"ซากต้นไม้?"เฟิงซูเหยารู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างวันนี้นางเดินทางออกจากจวนฟ่างซึ่งเป็นที่รู้กันทั้งจวน ทว่าสองแม่ลูกศัตรูคู่กัดของนางกลับไม่ห้ามปรามหรือโผล่หน้ามาให้เห็นสักนิด แบบนี้ยิ่งทำให้เฟิงซูเหยาตะขิดตะขวงใจว่าสองแม่ลูกนั้นต้องวางแผนอะไรอยู่เป็นแน่ หากนางคิดมากไป ขอให้ต้นไม้ที่ขวางทางนี้เกิดจากภัยจากธรรมชาติ แต่ถ้านางเดาถูก...ไม่! ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเวลาเช่นนี้"พวกเจ้าเป็นใคร อ๊าก!!""คุณหนูหนีเร็ว โจร.. โจรภูเขา! เฮือก!"เสียงองครักษ์สองคนด้านนอกดังขึ้น ทำคนที่อยู่ด้านในตกใจตาม อาถังรีบเข้าไปกอดขวางเฟิงซูเหยาเอาไว้อย่างเป็นห่วง"ทำไมถึงมีโจรภูเขาได้ล่ะ" เสียงอาถังสั่นเครือเสียงสู้กันด้านนอกเงียบลงแล้ว ทว่าเฟิงซูเหยารับรู้ได้ว่ายังมีผู้รอดชีวิตอยู่หลายคนและคงเป็นคนของนางที่ตายหมด"ไม่ใช่โจรภูเขาหรอก นี่ไม่ใช่วิถีของพวกนั้น""เหตุใดคุณหนูดูมั่นใจเช่นนั้นเจ้าคะ"จะไม่ให้เฟิงซูเหยามั่นใจได้เช่นไรในเมื่อตั้งแต่จำความได้ ชีวิตของนางก็เกลือกกลั้วอยู่กับกอง
"พวกเจ้าไม่ต้องตาม"หัวหน้าโจรสั่ง และนั่นทำให้คนที่เหลืออีกสองคนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ พวกเขาเองก็อยากเห็นเงินที่ว่านั้นกับตาเช่นกัน"พวกข้าไปด้วย"หนึ่งในสองคนที่เหลือเอ่ยขึ้น"ข้าจะไปดูเองกับตาเผื่อมีกับดัก"สิ้นเสียงหัวหน้าโจรลูกน้องที่เหลือก็ได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ แล้วรอดูสถานการณ์ต่อส่วนเฟิงซูเหยาได้แต่แอบยิ้มสะใจที่โจรพวกนี้กำลังเดิมตามหมากที่นางวางไว้"นำไป!""คุณหนูระวังนะเจ้าคะ"อาถังมองแผ่นหลังบางด้วยใจกังวล นางชะเง้อคอมองจนสุดสายตาพร้อมกับโจรอีกสองคนที่ยืนไม่เป็นสุขอยู่ใกล้ ๆผ่านมาไม่กี่อึดใจเสียงดัง สวบ! เหมือนมีคนย่ำหยียบใบไม้แห้งก็ดังขึ้น"หนี! หัวหน้าพวกเจ้าเอาเงินหนีไปทางนู้นแล้ว"เฟิงซูเหยาวิ่งหน้าตื่นมาบอกพวกโจรที่เหลือ ความโลภขึ้นหน้า โจรสองคนได้ฟังเช่นนั้นจึงเร่งมาดูที่ท้ายรถม้า เห็นร่องรอยฝีเท้าคนเหยียบกิ่งไม้หักวิ่งไปอีกทางตามคำบอกเล่ายิ่งรู้สึกกระวนกระวายและโมโหยิ่งนักที่ถูกหักหลัง"ตามไป! มันกล้าหักหลังพวกเรา"เสียงวิ่งบุกป่าของโจรสองคนเรียกเสียงหัวเราะอย่างสะใจของเฟิงซูเหยาได้เป็นอย่างดี"คุณหนูไม่บาดเจ็บตรงไหนนะเจ้าคะ"อาถังเหงื่อตกเอาแต่ห่วงนายหญิง หา
"กำลังนินทาอะไรหม่อมฉันหรือเปล่าเพคะ"เฟิงซูเหยาเดินเข้ามาร่วมงานเฉลิมฉลองด้วยชุดสีแดงโดดเด่นหากแต่แต่งแบบทะมัดทะแมงเล็กน้อยเพื่อให้เคลื่อนไหวสะดวก ด้านหลังมีอาถังเดินตามมาติด ๆ"นั่นองค์ชายไป๋เจิ้นหยาง" เสวียนสวี่แนะนำบุคคลแปลกหน้าให้กับบุตรสาวทว่ากับเฟิงซูเหยาแล้วนางรู้จักคนผู้นี้ระดับหนึ่งเพราะเคยเป็นสายลับคอยสืบเรื่องส่วนตัวให้กับบุรุษผู้นั้น"องค์ชายไป๋"เฟิงซูเหยาย่อตัวเล็กน้อยเคารพองค์ชายจากแคว้นอื่นด้วยกริยาท่าทางเรียบร้อย เรียกรอยยิ้มให้ผุดขึ้นจากใบหน้าของบุรุษเจ้าสำราญตรงหน้าได้เป็นอย่างดี"องค์ชายสามยังไม่เสด็จหรือเจ้าคะ"ซูเหยาหันไปถามเสวียนสวี่หลังจากนั่งเรียบร้อยแล้วทว่าไม่เห็นเจ้าของงานเลี้ยงฉลองนี้จึงถามขึ้น"ศิษย์น้องเฟยคงกำลังมา"ไป๋เจิ้นหยางตอบคำถามนั้นแทนเพราะเขารู้ดีว่าอีกคนเหตุใดถึงมาช้า เฟิงซูเหยาจึงค้อมศีรษะให้เล็กน้อยเป็นการกล่าวขอบคุณสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันประสูตินี้จัดขึ้นที่ค่ายทหารหลวงของ 'ค่ายเหลียนจิ้น' เป็นค่ายทหารขนาดใหญ่รักษาเขตชายแดนเมืองถังเหลียน มีทหารที่พักอยู่ในค่ายแห่งนี้หกร้อยนาย แต่มีทหารในปกครองห้าแสนนายโดยแบ่งเป็นทหารของกองทัพแม
แต่บัดนี้ คนตรงหน้าคือฟ่างเซียนเซียนผู้นั้นแน่นอน เหตุใดสายตานางกลับเปลี่ยนไปราวคนละคน ไร้ความขลาด มีแต่แววตาเรียบนิ่งเหมือนซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ มองแล้วทำให้เขารู้สึกอยากค้นหาสิ่งที่นางผู้นี้ซ่อนไว้ในนั้นจนมิอาจละสายตาจากนางได้ไป๋เจิ้นหยางสังเกตเห็นสหายเอาแต่มองแม่นางฟ่างนานสองนานเลยส่งเสียงเรียกสติ"มีใครอยากรู้หรือไม่ว่าในกล่องไม้นั้นมีสิ่งใดอยู่"ไป๋เจิ้นหยางหนุ่มเจ้าสำราญช่างยุรีบพูดเรียกพรรคพวกอี้เฟยเพิ่งรู้ตัวว่าจ้องสตรีตรงหน้านานเกินไปจึงเอ่ยถาม"ข้าเปิดได้?""ของสิ่งนี้เป็นของท่านแล้ว เชิญเพคะ"กล่าวจบย่อตัวเล็กน้อยเพื่อลากลับมานั่งที่เดิมอี้เฟยค่อย ๆ เลื่อนกล่องไม้นั้นออกข้า ๆ เพื่อดูว่าปีนี้เป็นถุงหอมลายอันใดอีก ทว่าสิ่งที่เห็นทำให้เขาตกใจระคนแปลกใจเล็กน้อยที่ปีนี้ของขวัญเขาแปลกเกินคาดเดากว่าทุกปีมาก"จดหมายสารภาพความในใจหรือไร เหตุใดศิษย์น้องข้าถึงได้ดูตะลึงขนาดนั้น"สิ่งที่เจิ้นหยางเย้าแหย่สหายสนิทเรียกความฮือฮาของคนในงานเป็นอย่างมาก รวมถึงแม่ทัพใหญ่ฟ่างที่มองหน้าบุตรสาวคล้ายไม่เชื่อว่านางจะทำเช่นนั้นจริง"เจ้าก็พูดเรื่อยเปื่อย จี้หยกนี้สวยงามยิ่งนัก"สิ่งที่อี้เฟย
"เดี๋ยวข้านำทางเอง"ไป๋เจิ้นหยางด่าทอทางสายตาแก่สหายสนิท หากอี้เฟยอ่านสายตานี้ออกคงพบคำว่า 'ฝากไว้ก่อน' เป็นแน่"ขอบพระทัยคุณชายไป๋"อี้เฟยปล่อยให้พวกเจิ้นหยางกับสาวใช้เดินห่างออกไปก่อน สายตาคู่คมจึงมองไปยังอีกฝั่ง เห็นกระโจมที่ว่าอยู่ไม่ไกลเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปจุดหมายเพื่อถามไถ่สิ่งที่อยากรู้มาตลอดทั้งคืน"คุณหนูสามฟ่าง"ทันทีที่เดินมาถึงกระโจมที่ว่า องค์ชายอี้เฟยจึงทักทายสตรีที่นั่งเพียงลำพังและวุ่นวายอยู่กับมีดและท่อนไม้ตรงหน้า"องค์ชายสาม ท่านมาแล้ว"อี้เฟยแปลกใจเล็กน้อยที่สตรีนางนี้ทักตนเหมือนกำลังรอเขาอยู่ หรือว่าสุราที่สาวใช้ผู้นั้นไปนำมาให้จะเป็นของเขากัน"ฝีมือเจ้า?"มือหยาบกร้านหยิบหุ่นไม้สลักคล้ายตัวบุรุษขึ้นมาเชยชม"หม่อมฉันฝีมือยังไม่เอาไหน ทำไว้แก้เหงาเวลาใช้ความคิดเพคะ""งานปรานีตมาก ข้าเป็นชายชาตรียังทำเรียบร้อยไม่ได้ครึ่งของเจ้า""เหมือนหม่อมฉันกำลังถูกจับผิดเลยนะเพคะ""เหตุใดข้าต้องจับผิดเจ้า"นั่นสิ นางผู้นี้มีอะไรซ่อนอยู่ถึงได้กล่าวเหมือนกลัวว่าเขาจะจับพิรุธนาง"พระองค์ช่างไม่มีอารมณ์ขันดั่งเช่นเขาลือกันเลยนะเพคะ"เฟิงซูเหยาวางมีดที่กำลังแกะสลักไม้ลง หันไปรินน้ำช
"ตั้งแต่พระองค์ถูกขับออกจากวัง นอกจากองค์ฮ่องเต้ไม่เหลียวแล พี่น้องร่วมสายเลือดยังเมินเฉย แต่กลับถูกปองร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า คิดว่าจากผู้ใดและเพราะอะไรเพคะ""..." คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเรื่องที่เขาถูกปองร้ายมีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่รู้ เหตุใดแม่นางฟ่างผู้นี้ถึงได้กล่าวออกมาราวรู้เห็น"แม่ทัพใหญ่ฟ่างบอกเจ้า?""ท่านพ่อเป็นคนเช่นนั้นหรือเพคะ" เฟิงซูเหยาย้อนกลับถึงแม้ชาติก่อนนางจะไม่รู้จักแม่ทัพใหญ่ฟ่างเสวียนสวี่เป็นการส่วนตัว แต่กิตติศัพท์เรื่องความจงรักภักดีและเก็บความลับเก่งของเขาเลื่องชื่อ คำถามของอี้เฟยจึงตอบได้เพียงข้อเดียวคือแม่ทัพฟ่างไม่มีทางนำเรื่องในกองทัพหรือเรื่องส่วนตัวเขามาเล่าสู่ผู้อื่นฟังแน่นอน"เจ้ากำลังจะบอกว่าที่พูดมาคือความสามารถพิเศษที่เจ้าได้มาหลังฟื้นจากความตาย"ไม่อยากจะเชื่อ แต่เขาก็ไม่อยากคิดว่ามันไม่สามารถเป็นจริงได้"ตอนพระองค์สิบห้าพรรษา เคยถูกลอบทำร้ายครั้งหนึ่งด้วยลูกดอกอาบยาพิษ แผลเป็นที่ใต้อกข้างขวาเป็นเครื่องยืนยันว่าหม่อมฉันพูดเรื่องจริง"อี้เฟยถึงกับตกใจที่เฟิงซูเหยารู้ความลับเรื่องนี้ของเขาได้อย่างถูกต้องจะไม่ให้นางรู้ได้เช่นไรในเมื่อมือสังหารเมื่อปีน
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ
"ซินเอ๋อร์แม่เปลี่ยนแผนแล้ว"คราแรกนางก็หวังจะไว้ชีวิตพระสวามีผู้นี้ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขจนแก่ตายอยู่หรอก แต่เพราะในใจเขายังไม่เคยลืมเกาเสิ่นอี้ผู้นั้นนางจะสงสารเขาไปไย"เสด็จแม่หมายความเช่นไร""ปล่อยเสือเข้าป่าสักวันมันต้องแว้งมากัดเรา มิสู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อวันข้างหน้าที่นอนหลับสบายตา"ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายขึ้น"จริงของท่านแม่ ปล่อยเสือบาดเจ็บหนีตายเข้าป่าสักวันแผลมันก็หายและตามมาเอาคืนพวกเรา""ศิษย์น้องระวังตัวด้วย"ไป๋เจิ้นหยางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตือนสติอี้เฟยที่อยู่ใกล้องค์ชายห้าที่สุด"มาปิดบัญชีแค้นกันเถอะ พี่สาม"เสียงชักกระบี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงเมื่อทหารของฝ่ายฝ่าบาทและคนของกองโจรเฟิงเสี้ยวต่างเตรียมพร้อมเข้าห่ำหั่นกันเฟิงซูเหยาที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในกลุ่มกองโจรลอบหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นคนที่ผลักไสให้นางถึงแก่ความตายหากแต่โจรก็คือโจร คนพวกนั้นเล่นสกปรกเมื่อควันสีเทาลอยคละคลุ้งทั่วตำหนักหอมหมื่นบุปผาอย่างไม่ให้ฝ่ายอี้เฟยได้ป้องกันตัว"ระวังควันพิษ"เฟิงซูเหยารีบตะโกนบอกก่อนจะลงกระบี่ปลิดชีพคนของกองโจรที่หันไปเล่นงานนางเมื่อรู้ว่าเป็นไ
"เหม่าทัน เจ้าคนชั่ว เจ้าจับหยังเอ๋อร์ลูกข้าไป"ทันทีที่จางปิงเห็นโอรสองค์เล็กที่ตามหาไม่พบเดินเข้ามาพร้อมเหม่าทันนางร้อนใจทันที"ใต้เท้าเหม่าทันจะทำการใด"ไป๋เจิ้นหยางถามขึ้นเพราะสิ่งที่เหม่าทันทำอยู่มิได้อยู่ในแผนการในครั้งนี้ แผนของพวกเขาคือให้เหม่าทันเฝ้าองค์ชายอี้หยังเอาไว้ หากพวกเขาพลาดพลั้งเสียท่าค่อยนำตัวองค์ชายสิบมาแลก"กุ้ยเฟย ท่านอยากได้องค์ชายสิบกลับไปหรือไม่"เหม่าทันไม่สนใจคำถามไป๋เจิ้นหยางสักนิด เขาตะโกนถามจางปิงที่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อแผนทุกอย่างที่นางวางไว้ดิบดีถูกศัตรูทั้งหลายขัดขวาง"อยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าจะพูดพล่ามเพื่ออันใด""เสด็จพี่"อี้หยังได้ยินเช่นนั้นรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจแม้ตลอดมาพวกเขาจะไม่เคยเห็นตนในสายตา แต่อี้หยังยังเชื่อว่าครอบครัวต้องไม่ทิ้งเขา แต่นี่กระไร ถ้อยคำที่พี่ชายเอ่ยบอกแก่ศัตรูมิได้มีความเป็นห่วงเขาสักนิด"เอาสิใต้เท้าเหม่า ท่านกล้าฆ่าคนจริงหรือ"กระบี่ในมือเหม่าทันสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาตัดสินโทษประหารผู้คนมาก็เยอะแต่ไม่เคยลงมือเชือดคอผู้อื่นด้วยตัวเองสักครั้งเดียว พอถูกองค์ชายอี้ซินท้าทายเช่นนี้เขายิ่งประหม่าและกลัวการฆ่าคนขึ้นมาจับใจ"โอ๊ย!
"เจ้าคือ..."ตั้งแต่ออกปราบกองโจรนี้ ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหน้าประมุขของกองโจรเฟิงเสี้ยวสักคน เลยไม่แปลกที่เสวียนสวี่จะไม่รู้จักเขา"ข้าคือสามีของฮูหยินรองเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า"น้ำเสียงที่แสนหยามเกียรติดังขึ้นฟ่างเสวียนสวี่เกือบจะชักกระบี่ออกมาหากไม่ถูกต้าลู่ที่ยืนเคียงข้างห้ามเอาไว้ก่อน"แค้นข้าหรือว่าเสียหน้าที่ต้องทนเลี้ยงเลือดเนื้อผู้อื่นจนวันที่นางตายเช่นนี้""เจ้าคนชั่วช้า!""ท่านแม่ทัพใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ"ต้าลู่รีบห้ามฟ่างเสวียนสวี่ที่ตอนนี้โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่"นี่แค่เรื่องเดียวที่แม่ทัพใหญ่รับรู้ยังรับแทบไม่ได้ หากท่านรู้ความจริงเรื่องบุตรสาวคนโตจะไม่กระอักเลือดตายก่อนเลยหรือ""บุตรสาวคนโต เจ้ารู้จักฟ่างเฉียนเฉียนลูกข้าได้เช่นไร"ฟ่างเสวียนสวี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาตกใจไม่น้อยที่โจรชั่วช้ารู้จักบุตรสาวคนโตของเขาที่เกิดได้ไม่กี่วันก็หายตัวไป"นอกจากรู้จัก ข้ายังเปรียบเสมือนพ่อของนางอีกด้วย""เจ้าหมายความเช่นไร"หว่างคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องหน้าประมุขเฟิงเสี้ยวอย่างกดดันให้เขารีบพูดต่อ"เจ้าคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจะหายออกจากจวนใหญ่โตมีข้ารับใช้เ