สองคน?
...ถูกแล้ว
บุตรสาวคนโตหรือคุณหนูใหญ่ที่เกิดจากฟ่างเสวียนสวี่กับเหวินเหม่ยเซียวหายตัวไปหลังจากนางคลอดลูกได้เพียงสามวัน ผ่านมาสิบเก้าปีไม่ได้ข่าวคราวคงเป็นอื่นใดไม่ได้นอกจากคุณหนูใหญ่ผู้นั้นไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว
กว่าเขาจะรักษาเยียวยาจิตใจของเหวินเหม่ยเซียวให้กลับมาเป็นปกติใช้เวลาถึงสามปีนางถึงยอมคลอดบุตรสาวอีกคนให้กับตน ไฉนเลยผ่านมาแค่สิบหกปีสวรรค์ถึงได้คร่าเอาชีวิตลูกสาวคนเล็กของเขากับเหม่ยเซียวไปอีกคนเช่นนี้
"นายท่านกลับไปพักที่ห้องก่อนดีหรือไม่"
เสียงของพ่อบ้านกุ้นทำให้เสวียนสวี่ได้สติกลับมายังปัจจุบัน
"ข้าพาท่านพี่กลับไปพักเอง พ่อบ้านกุ้นจัดการนำโลงศพมาใส่เซียนเอ๋อร์ให้ไว"
เสียงสั่งการของเจินซู่ทำให้เสวียนสวี่ไม่พอใจเล็กน้อย
การตบแต่งเทียนเจินซู่เข้ามาเป็นอนุมิใช่สิ่งที่เขาต้องการ ทั้งหัวใจเขามีเพียงเหวินเหม่ยเซียวผู้เดียว หากแต่เพราะเป็นพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้เพื่อช่วยให้เสวียนสวี่คลายเศร้าจากการจากไปของบุตรสาวและอาการของเหวินเหม่ยเซียวที่น่าเป็นห่วง ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเลยพระราชทานสมรสให้เขากับเจินซู่เพื่อหวังให้เจินซู่ช่วยดูแลเขาตอนที่เหม่ยเซียวอยู่ก็เหมือนคนไร้วิญญาณ
"เจ้าอยู่คุมบ่าวไพร่พวกนี้เถอะ ข้ากลับห้องเอง"
เสวียนสวี่เย็นชาต่อนางเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นอย่างเสมอต้นเสมอปลายและเพราะเหตุนี้ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังของนางที่มีกับเลือดเนื้อของเขากับศัตรูหัวใจนางนั้นยิ่งขึ้น
"ท่านพี่รักษาสุขภาพด้วย"
เจินซู่น้อมส่งสามีอย่างอ่อนโยน แม้จะบอกว่านางตบแต่งเข้าจวนฟ่างเพราะพระราชทานสมรสของฮ่องเต้ แต่ความจริงเจินซู่แอบมีใจให้เสวียนสวี่มานานแล้ว แม้เขาจะแต่งงานกับเหม่ยเซียวนางก็มิอาจตัดใจจากชายผู้นี้ได้ และด้วยเหตุนี้ ทำให้เจินซู่ทั้งรักทั้งชังสามี
รักเพราะเขาคือรักแรกของนาง
ชังเพราะนางแทนคนตายไปแล้วอย่างเหม่ยเซียวไม่ได้
"ขนาดตายไปแล้วยังแว้งกัดท่านแม่ข้าให้ทุกข์ใจ!"
"เม่ยเอ๋อร์หยุด!"
เจินเม่ยเตรียมปรี่เข้าไปทำร้ายร่างกายผู้ที่นอนไร้ลมหายใจเพื่อแก้แค้นแทนมารดา ทว่าในนี้ยังมีสายตาคนอื่นอีกมากมายคอยจ้องจับผิดพวกนางอยู่เจินซู่จึงรีบเข้าไปห้าม
"มัวยืนมองอะไรกัน คุณหนูสามของพวกเจ้าตายไปแล้วรีบแยกย้ายกันไปจัดการศพนางสิ!"
เมื่อระบายกับคนตายไม่ได้ เจินเม่ยจึงเลือกระบายกับคนเป็นที่มีศักดิ์ต่ำต้อยกว่าตนเอง ทำเอาข้ารับใช้ถอนหายใจอย่างเอือมระอากับนิสัยเอาแต่ใจ เบ่งอำนาจของคุณหนูรองผู้นี้แล้วแยกย้ายกันไปจัดงานไว้ทุกข์ส่งฟ่างเซียนเซียนเป็นครั้งสุดท้าย
ผ่านมาแล้วหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้โลงศพสลักด้วยลวดลายสวยงามสมกับฐานะคุณหนูสามแห่งตระกูลแม่ทัพใหญ่ได้ถูกเตรียมไว้ในห้องนอนนางเรียบร้อยแล้ว รอเพียงเสวียนสวี่บอกลาบุตรสาวเป็นครั้งสุดท้าย ร่างที่ไร้วิญญาณนี้ก็จะถูกนำบรรจุลงในโลงศพทันที
"เซียนเอ๋อร์ลูกพ่อ"
แม้จะแกร่งและเด็ดเดี่ยวเพียงใด แต่หัวใจย่อมมีความอ่อนแอ น้ำตาหยดใสไหลอาบแก้มแม่ทัพใหญ่ผู้เกรียงไกรอย่างมิอายสายตาผู้คน มือเหี่ยวย่นตามวัยเอื้อมไปลูบศีรษะบุตรสาวอย่างทะนุถนอม
"ต่อแต่นี้ไปเจ้ากับแม่คงเฝ้ามองดูพ่ออยู่บนสรวงสวรรค์"
ทุกคำร่ำลาช่างบาดขั้วหัวใจเหล่าบ่าวสาวรับใช้ในเรือนจนเกิดเสียงสะอึกสะอื้นดังระงมตาม
"ไม่ต้องห่วงพ่อ อีกไม่นานพ่อคงตามพวกเจ้าไป"
คำตัดพ้อนี้ทำเอาบ่าวสาวรับใช้ทั้งจวนส่ายหน้ากันถ้วนหน้า แม้ว่าแม่ทัพใหญ่ฟ่างจะอายุห้าสิบหกเข้าไปแล้วทว่าร่างกายยังแข็งแรงดี แถมยังดูหนุ่มแน่นกว่าวัยไยต้องกล่าวเช่นนั้นต่อร่างไร้วิญญาณของบุตรสาวให้ข้ารับใช้ในเรือนพากันใจคอไม่ดีเช่นนี้ด้วย
"ท่านพี่ ใกล้ได้ฤกษ์แล้วเจ้าค่ะ"
เจินซู่เอ่ยบอกสามีพร้อมรั้งเขาออกมาจากร่างไร้ลมหายใจ
"ข้าขอมองหน้าเซียนเอ๋อร์เป็นครั้งสุดท้ายให้นานกว่านี้หน่อย"
ใจหนึ่งก็เอาแต่โทษตัวเองที่นาน ๆ ทีจะได้กลับมาบ้านอยู่เล่นเป็นเพื่อนบุตรสาว หากเลือกย้อนเวลาได้ เขาจะพานางไปอยู่ค่ายทหารด้วย จะพานางไปเปิดหูเปิดตาดีกว่าให้ขลุกอยู่แต่ในจวนเพราะเป็นห่วงโรคประหลาดนั่นจะกำเริบเช่นนี้
"ร่างขาวซีดน่ารังเกียจเช่นนั้นมีอะไรให้น่ามองกัน"
เจินเม่ยพึมพำเบา ๆ อยู่ในมุมหนึ่งของห้อง นางคงลืมไปว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่องถึงได้กล้าพูดจาเช่นนั้นออกไป
"นายท่าน ได้เวลานำร่างคุณหนูสามบรรจุโลงศพแล้วขอรับ"
พ่อบ้านกุ้นเอ่ยเรียกสติฟ่างเสวียนสวี่อีกครั้ง
บ่าวรับใช้สองคนประจำที่เตรียมหามร่างฟ่างเซียนเซียนลงในโลงศพที่ด้านในเคลือบไปด้วยทองคำ ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นเสียก่อน
เปรี้ยง!"กรี๊ด!!!"เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่มีเค้าลางของฟ้าฝน แสงของสายฟ้าที่ฟาดลงมาหน้าเรือนหลานฮวาสว่างจ้าจนทุกคนต้องหลับตา ทันใดนั้นร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงกระตุกหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะมีสาวรับใช้นางหนึ่งตาดีมองเห็นความผิดปกติของร่างฟ่างเซียนเซียน"ผ...ผี ผีคุณหนูสาม!"สาวรับใช้นางนั้นกรีดร้องเหมือนคนสติแตกก่อนจะสลบไปทั้งห้องเกิดความโกลาหลแตกตื่นตามคำบอกเล่านั้น สายตาหลายสิบคู่มองไปบนเตียงไม้ขนาดใหญ่ ก่อนจะกรูเข้าหากันด้วยอารมณ์หลากหลายแต่ออกไปทางหวาดกลัวมากกว่าเมื่อเห็นสิ่งผิดปกติบนเตียงนั้นร่างที่เคยไร้ลมหายใจค่อย ๆ ขยับช้า ๆ เริ่มจากมือที่พาดทับกันอยู่บนหน้าอก"คุณหนู!"อาถังรีบปรี่เข้าไปอย่างไม่กลัวว่านั่นจะเป็นผีหรือคน"ผ...ผี ผีเซียนเซียนแน่ ๆ"เจินเม่ยเบิกตาโพลงด้วยความตกใจที่เห็นร่างน้องสาวขยับไปมาก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง"เซียนเอ๋อร์!"เสวียนสวี่ปรี่เข้าไปประคองร่างบุตรสาวที่ยังโอนเอนเพราะเพิ่งฟื้นขึ้นมาด้วยความดีใจ"เป็นไปไม่ได้"เจินซู่รีบเข้าไปหาเจินเม่ยเพื่อหยิกแขนลูกสาวว่านี่ฝันหรือเรื่องจริง ทว่าเสียงร้องเจ็บของเจินเม่ยเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า
"ก็แค่สายตาของครึ่งผีครึ่งคน ท่านแม่จะไปใส่ใจนางทำไม"เจินเม่ยกล่าวอย่างไม่มีความเคลือบแคลงหรือหวาดระแวงอันใด ร่างสะโอดสะองนั่งลงบนเก้าอี้ผ้าเนื้อหนา เอื้อมมือหยิบกาน้ำชาเทใส่แก้วก่อนยกขึ้นจิบ"ก็จริงของเจ้า แม่คงคิดมากไปเอง"แม้จะพูดปลอบใจตนเอง ทว่าอาการใจหวิวยังคงมีอยู่"โอ้ยหนวกหู! ไม่รู้จะจัดงานอะไรให้มันเอิกเริกเช่นนี้!"เจินเม่ยโวยวายเสียงลั่นเมื่อด้านนอกเริ่มจุดประทัดเฉลิมฉลองงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้"อดทนไว้ก่อนลูกแม่ อีกไม่กี่วันพ่อเจ้าก็กลับค่ายทหารแล้ว ถึงเวลานั้น แม่จะให้เจ้าระบายให้เต็มที่ไปเลย"มารดานิสัยใจคอเป็นเช่นไร บุตรสาวที่คลอดออกมานิสัยใจคอเลาะร้ายยิ่งกว่าผู้ให้กำเนิดเป็นเท่า เจินเม่ยกรีดยิ้มอย่างร้ายกาจเมื่อนึกถึงวันข้างหน้าที่จะได้ใช้ร่างฟ่างเซียนเซียนรองมือรองเท้าให้หนำใจ"เช่นนั้นคืนนี้ข้าต้องเล่นบทพี่สาวผู้แสนดีต่อหน้าท่านพ่อใช่หรือไม่เจ้าคะ"เจินซู่หัวเราะร่วนเมื่อประโยคนั้นช่างถูกคอเสียจริง ไม่เสียแรงที่นางเบ่งคลอดออกมา เวลาใช้แก้แค้นจึงได้สาแก่ใจเช่นนี้เรือนหลานฮวาภายในห้องสี่เหลี่ยมที่เมื่อวานยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายความโศกเศร้าทว่าบัดนี้กลับถูกจัดตกแต่งห้องหั
"คุณหนูแน่ใจหรือเจ้าคะว่าจะใส่ชุดนี้"ความจริงแล้วฟ่างเซียนเซียบชอบเสื้อผ้าสีนี้มาก หากแต่มันคือสีโปรดของฮูหยินรองเจินซู่ ทุกครั้งที่นางสวมใส่ชุดสีแดงลงบนเรือนร่างมักจะถูกกลั่นแกล้งจากแม่เลี้ยงใจร้ายทำให้พักหลัง ๆ ฟ่างเซียนเซียนหวาดกลัวจะโดนทำร้ายจึงไม่เคยสวมใส่อาภรณ์หรือเครื่องประดับที่มีสีนี้อีกเลย"ไม่เหมาะกับข้ารึ"เฟิงซูเหยาที่มีดวงตามั่นใจเต็มเปี่ยมมองสาวใช้ผ่านกระจกสำริดตรงหน้า ทำเอาอาถังถึงกับหลบสายตาคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว"เหมาะเจ้าค่ะ คุณหนูสวมชุดสีนี้แล้วงดงามยิ่งนัก"แม้ในใจจะรู้สึกว่าการกลับมาครั้งนี้ของฟ่างเซียนเซียนมีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปราวคนละคน ทว่าอาถังกลับรู้สึกว่าแบบนี้เหมาะกับคุณหนูนางมากที่สุดเคยโอนอ่อนยอมสองแม่ลูกนั้นข่มเหงมานักต่อนัก ครั้งนี้หากคุณหนูนางฮึดสู้ขึ้นมาบ้างอาถังผู้นี้จะยอมสู้ตายเคียงข้างนางเอง"ไปกันเถอะ ข้าพร้อมแล้ว""เจ้าค่ะ" อาถังนำหน้าคุณหนูนางเพื่อพาไปยังเรือนใหญ่ที่ใช้จัดงานในค่ำคืนนี้ท่าทางเชิดราวพญาหงส์ของเฟิงซูเหยาช่างแปลกตาต่อสายตาเหล่าข้ารับใช้เป็นอย่างยิ่ง ทุกท่วงท่าการเดินที่ดูสง่างามดึงดูดสายตาแขกเหรื่อในงานจนไม่มีใครละสายตาจากนางไ
หมับ!ตุบ!"โอ้ย!"เสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังลั่น เฟิงซูเหยาที่ถูกขวางทางมิได้ล้มตึงลงตามที่ใจคนกลั่นแกล้งปรารถนา หากแต่เป็นเจินเม่ยที่ถูกเฟิงซูเหยาแสร้งเสียหลักแล้วผลักจนล้มลงไปกองที่พื้นแทน"คุณหนู!""เม่ยเอ๋อร์"เสียงผู้มาสมทบทั้งสองคนต่างเรียกหาคนของตนเองเจินซู่ปรี่เข้าไปช่วยพยุงบุตรสาวลุกขึ้นจากพื้นแข็ง ๆ แถมเย็นยะเยือก ส่วนอาถังเข้าไปจับตามเนื้อตัวคุณหนูสามของนางว่าบาดเจ็บส่วนใดหรือไม่อย่างเป็นห่วง"เจ้ากล้าแกล้งข้า!"ทันทีที่ถูกมารดาช่วยขึ้นมาจากพื้น มือเรียวกรีดนิ้วชี้หน้าน้องสาวต่างมารดาด้วยความเกรี้ยวกราด"ข้าเปล่าแกล้งท่าน เมื่อครู่ข้าเห็นเหมือนมีเท้าของสัตว์โผล่ออกมาเลยตกใจ ใครจะรู้ว่านั่นคือพี่รองที่แอบอยู่ตรงหัวมุม"เฟิงซูเหยาแกล้งหลบตาในใจกลั้นขำหลังเฉไฉเสร็จ"เจ้าหาว่าเท้าอันเรียวสวยของข้าคือเท้าของสัตว์งั้นรึ!"เจินเม่ยสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมโทสะมิได้นางทั้งกระทืบเท้าทั้งกรีดร้องจนคนที่อยู่บริเวณนั้นต้องยกมืออุดหู"ข้าเห็นว่าเป็นเท้าของสัตว์จริง ๆ นะเจ้าค่ะ"ยิ่งตอบโต้ ซูเหยายิ่งรู้สึกสะใจความทรงจำของฟ่างเซียนเซียนที่ผุดขึ้นมาให้นางเห็นเรือนลาง บ่งบอกว่าสอง
'เพราะข้าคือเฟิงซูเหยา ผู้ที่สวรรค์ส่งกลับมาลงทัณฑ์คนโฉดชั่วพวกนั้น'"คุณหนูต้องระวังตัวนะเจ้าคะ วันนี้ฮูหยินรองกับคุณหนูเจินเม่ยเสียหน้ามาก ข้ากลัวว่าพวกนางจะต้องกลับมาเอาคืนคุณหนูไม่ช้าก็เร็วเจ้าค่ะ"อาถังหวั่นใจเหลือเกิน วันนี้คุณหนูนางอาจจะรับมือได้ แต่วันหน้าใครจะไปรู้ว่าคนบอบบางเช่นคุณหนูสามจะรับมือสองแม่ลูกนั้นได้อีกหรือเปล่า"ต่อให้มีสองแม่ลูกนั้นมาเป็นสิบร่าง ข้าก็จะเอาคืนอย่างสาสม"ประโยคนี้ของซูเหยาทำเอาอาถังขนลุกราวอยู่ในฤดูเหมันต์ที่หนาวเหน็บสาวรับใช้คนสนิทข้างกายมิชวนคุยต่อเพราะเห็นเฟิงซูเหยากำลังตั้งใจทานของว่างตรงหน้าอย่างสำราญใจวันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง สายลมเย็น ๆ พัดโชยมาพร้อมกลิ่นมวลดอกไม้นานาชนิดที่อยู่ใน 'สวนสำราญใจ' สวนที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในจวนฟ่างเฟิงซูเหยายืนเหม่อมองไปด้านหน้าอย่างใจเหม่อลอย คิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสองวันนี้ที่เกิดขึ้นกับตนด้วยความอยากรู้ว่าการกลับมาเกิดใหม่ในร่างนี้มาเพียงแค่ดวงวิญญาณหรือความสามารถที่มีชาติก่อนก็ติดตัวมาด้วย จึงได้ลองโคจรลมปราณดู ทว่าทุกครั้งที่นางลองขับลมปราณเพื่อเรียกใช้กำลังภายในอุปสรรคใหญ่หลวง
"เดี๋ยวให้องครักษ์ด้านนอกจัดการต้นไม้แห้งพวกนั้นสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ"อาถังหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้คุณหนูของนางเบา ๆ"ซากต้นไม้?"เฟิงซูเหยารู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างวันนี้นางเดินทางออกจากจวนฟ่างซึ่งเป็นที่รู้กันทั้งจวน ทว่าสองแม่ลูกศัตรูคู่กัดของนางกลับไม่ห้ามปรามหรือโผล่หน้ามาให้เห็นสักนิด แบบนี้ยิ่งทำให้เฟิงซูเหยาตะขิดตะขวงใจว่าสองแม่ลูกนั้นต้องวางแผนอะไรอยู่เป็นแน่ หากนางคิดมากไป ขอให้ต้นไม้ที่ขวางทางนี้เกิดจากภัยจากธรรมชาติ แต่ถ้านางเดาถูก...ไม่! ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเวลาเช่นนี้"พวกเจ้าเป็นใคร อ๊าก!!""คุณหนูหนีเร็ว โจร.. โจรภูเขา! เฮือก!"เสียงองครักษ์สองคนด้านนอกดังขึ้น ทำคนที่อยู่ด้านในตกใจตาม อาถังรีบเข้าไปกอดขวางเฟิงซูเหยาเอาไว้อย่างเป็นห่วง"ทำไมถึงมีโจรภูเขาได้ล่ะ" เสียงอาถังสั่นเครือเสียงสู้กันด้านนอกเงียบลงแล้ว ทว่าเฟิงซูเหยารับรู้ได้ว่ายังมีผู้รอดชีวิตอยู่หลายคนและคงเป็นคนของนางที่ตายหมด"ไม่ใช่โจรภูเขาหรอก นี่ไม่ใช่วิถีของพวกนั้น""เหตุใดคุณหนูดูมั่นใจเช่นนั้นเจ้าคะ"จะไม่ให้เฟิงซูเหยามั่นใจได้เช่นไรในเมื่อตั้งแต่จำความได้ ชีวิตของนางก็เกลือกกลั้วอยู่กับกอง
"พวกเจ้าไม่ต้องตาม"หัวหน้าโจรสั่ง และนั่นทำให้คนที่เหลืออีกสองคนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ พวกเขาเองก็อยากเห็นเงินที่ว่านั้นกับตาเช่นกัน"พวกข้าไปด้วย"หนึ่งในสองคนที่เหลือเอ่ยขึ้น"ข้าจะไปดูเองกับตาเผื่อมีกับดัก"สิ้นเสียงหัวหน้าโจรลูกน้องที่เหลือก็ได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ แล้วรอดูสถานการณ์ต่อส่วนเฟิงซูเหยาได้แต่แอบยิ้มสะใจที่โจรพวกนี้กำลังเดิมตามหมากที่นางวางไว้"นำไป!""คุณหนูระวังนะเจ้าคะ"อาถังมองแผ่นหลังบางด้วยใจกังวล นางชะเง้อคอมองจนสุดสายตาพร้อมกับโจรอีกสองคนที่ยืนไม่เป็นสุขอยู่ใกล้ ๆผ่านมาไม่กี่อึดใจเสียงดัง สวบ! เหมือนมีคนย่ำหยียบใบไม้แห้งก็ดังขึ้น"หนี! หัวหน้าพวกเจ้าเอาเงินหนีไปทางนู้นแล้ว"เฟิงซูเหยาวิ่งหน้าตื่นมาบอกพวกโจรที่เหลือ ความโลภขึ้นหน้า โจรสองคนได้ฟังเช่นนั้นจึงเร่งมาดูที่ท้ายรถม้า เห็นร่องรอยฝีเท้าคนเหยียบกิ่งไม้หักวิ่งไปอีกทางตามคำบอกเล่ายิ่งรู้สึกกระวนกระวายและโมโหยิ่งนักที่ถูกหักหลัง"ตามไป! มันกล้าหักหลังพวกเรา"เสียงวิ่งบุกป่าของโจรสองคนเรียกเสียงหัวเราะอย่างสะใจของเฟิงซูเหยาได้เป็นอย่างดี"คุณหนูไม่บาดเจ็บตรงไหนนะเจ้าคะ"อาถังเหงื่อตกเอาแต่ห่วงนายหญิง หา
"กำลังนินทาอะไรหม่อมฉันหรือเปล่าเพคะ"เฟิงซูเหยาเดินเข้ามาร่วมงานเฉลิมฉลองด้วยชุดสีแดงโดดเด่นหากแต่แต่งแบบทะมัดทะแมงเล็กน้อยเพื่อให้เคลื่อนไหวสะดวก ด้านหลังมีอาถังเดินตามมาติด ๆ"นั่นองค์ชายไป๋เจิ้นหยาง" เสวียนสวี่แนะนำบุคคลแปลกหน้าให้กับบุตรสาวทว่ากับเฟิงซูเหยาแล้วนางรู้จักคนผู้นี้ระดับหนึ่งเพราะเคยเป็นสายลับคอยสืบเรื่องส่วนตัวให้กับบุรุษผู้นั้น"องค์ชายไป๋"เฟิงซูเหยาย่อตัวเล็กน้อยเคารพองค์ชายจากแคว้นอื่นด้วยกริยาท่าทางเรียบร้อย เรียกรอยยิ้มให้ผุดขึ้นจากใบหน้าของบุรุษเจ้าสำราญตรงหน้าได้เป็นอย่างดี"องค์ชายสามยังไม่เสด็จหรือเจ้าคะ"ซูเหยาหันไปถามเสวียนสวี่หลังจากนั่งเรียบร้อยแล้วทว่าไม่เห็นเจ้าของงานเลี้ยงฉลองนี้จึงถามขึ้น"ศิษย์น้องเฟยคงกำลังมา"ไป๋เจิ้นหยางตอบคำถามนั้นแทนเพราะเขารู้ดีว่าอีกคนเหตุใดถึงมาช้า เฟิงซูเหยาจึงค้อมศีรษะให้เล็กน้อยเป็นการกล่าวขอบคุณสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันประสูตินี้จัดขึ้นที่ค่ายทหารหลวงของ 'ค่ายเหลียนจิ้น' เป็นค่ายทหารขนาดใหญ่รักษาเขตชายแดนเมืองถังเหลียน มีทหารที่พักอยู่ในค่ายแห่งนี้หกร้อยนาย แต่มีทหารในปกครองห้าแสนนายโดยแบ่งเป็นทหารของกองทัพแม
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ
"ซินเอ๋อร์แม่เปลี่ยนแผนแล้ว"คราแรกนางก็หวังจะไว้ชีวิตพระสวามีผู้นี้ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขจนแก่ตายอยู่หรอก แต่เพราะในใจเขายังไม่เคยลืมเกาเสิ่นอี้ผู้นั้นนางจะสงสารเขาไปไย"เสด็จแม่หมายความเช่นไร""ปล่อยเสือเข้าป่าสักวันมันต้องแว้งมากัดเรา มิสู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อวันข้างหน้าที่นอนหลับสบายตา"ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายขึ้น"จริงของท่านแม่ ปล่อยเสือบาดเจ็บหนีตายเข้าป่าสักวันแผลมันก็หายและตามมาเอาคืนพวกเรา""ศิษย์น้องระวังตัวด้วย"ไป๋เจิ้นหยางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตือนสติอี้เฟยที่อยู่ใกล้องค์ชายห้าที่สุด"มาปิดบัญชีแค้นกันเถอะ พี่สาม"เสียงชักกระบี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงเมื่อทหารของฝ่ายฝ่าบาทและคนของกองโจรเฟิงเสี้ยวต่างเตรียมพร้อมเข้าห่ำหั่นกันเฟิงซูเหยาที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในกลุ่มกองโจรลอบหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นคนที่ผลักไสให้นางถึงแก่ความตายหากแต่โจรก็คือโจร คนพวกนั้นเล่นสกปรกเมื่อควันสีเทาลอยคละคลุ้งทั่วตำหนักหอมหมื่นบุปผาอย่างไม่ให้ฝ่ายอี้เฟยได้ป้องกันตัว"ระวังควันพิษ"เฟิงซูเหยารีบตะโกนบอกก่อนจะลงกระบี่ปลิดชีพคนของกองโจรที่หันไปเล่นงานนางเมื่อรู้ว่าเป็นไ
"เหม่าทัน เจ้าคนชั่ว เจ้าจับหยังเอ๋อร์ลูกข้าไป"ทันทีที่จางปิงเห็นโอรสองค์เล็กที่ตามหาไม่พบเดินเข้ามาพร้อมเหม่าทันนางร้อนใจทันที"ใต้เท้าเหม่าทันจะทำการใด"ไป๋เจิ้นหยางถามขึ้นเพราะสิ่งที่เหม่าทันทำอยู่มิได้อยู่ในแผนการในครั้งนี้ แผนของพวกเขาคือให้เหม่าทันเฝ้าองค์ชายอี้หยังเอาไว้ หากพวกเขาพลาดพลั้งเสียท่าค่อยนำตัวองค์ชายสิบมาแลก"กุ้ยเฟย ท่านอยากได้องค์ชายสิบกลับไปหรือไม่"เหม่าทันไม่สนใจคำถามไป๋เจิ้นหยางสักนิด เขาตะโกนถามจางปิงที่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อแผนทุกอย่างที่นางวางไว้ดิบดีถูกศัตรูทั้งหลายขัดขวาง"อยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าจะพูดพล่ามเพื่ออันใด""เสด็จพี่"อี้หยังได้ยินเช่นนั้นรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจแม้ตลอดมาพวกเขาจะไม่เคยเห็นตนในสายตา แต่อี้หยังยังเชื่อว่าครอบครัวต้องไม่ทิ้งเขา แต่นี่กระไร ถ้อยคำที่พี่ชายเอ่ยบอกแก่ศัตรูมิได้มีความเป็นห่วงเขาสักนิด"เอาสิใต้เท้าเหม่า ท่านกล้าฆ่าคนจริงหรือ"กระบี่ในมือเหม่าทันสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาตัดสินโทษประหารผู้คนมาก็เยอะแต่ไม่เคยลงมือเชือดคอผู้อื่นด้วยตัวเองสักครั้งเดียว พอถูกองค์ชายอี้ซินท้าทายเช่นนี้เขายิ่งประหม่าและกลัวการฆ่าคนขึ้นมาจับใจ"โอ๊ย!
"เจ้าคือ..."ตั้งแต่ออกปราบกองโจรนี้ ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหน้าประมุขของกองโจรเฟิงเสี้ยวสักคน เลยไม่แปลกที่เสวียนสวี่จะไม่รู้จักเขา"ข้าคือสามีของฮูหยินรองเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า"น้ำเสียงที่แสนหยามเกียรติดังขึ้นฟ่างเสวียนสวี่เกือบจะชักกระบี่ออกมาหากไม่ถูกต้าลู่ที่ยืนเคียงข้างห้ามเอาไว้ก่อน"แค้นข้าหรือว่าเสียหน้าที่ต้องทนเลี้ยงเลือดเนื้อผู้อื่นจนวันที่นางตายเช่นนี้""เจ้าคนชั่วช้า!""ท่านแม่ทัพใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ"ต้าลู่รีบห้ามฟ่างเสวียนสวี่ที่ตอนนี้โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่"นี่แค่เรื่องเดียวที่แม่ทัพใหญ่รับรู้ยังรับแทบไม่ได้ หากท่านรู้ความจริงเรื่องบุตรสาวคนโตจะไม่กระอักเลือดตายก่อนเลยหรือ""บุตรสาวคนโต เจ้ารู้จักฟ่างเฉียนเฉียนลูกข้าได้เช่นไร"ฟ่างเสวียนสวี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาตกใจไม่น้อยที่โจรชั่วช้ารู้จักบุตรสาวคนโตของเขาที่เกิดได้ไม่กี่วันก็หายตัวไป"นอกจากรู้จัก ข้ายังเปรียบเสมือนพ่อของนางอีกด้วย""เจ้าหมายความเช่นไร"หว่างคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องหน้าประมุขเฟิงเสี้ยวอย่างกดดันให้เขารีบพูดต่อ"เจ้าคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจะหายออกจากจวนใหญ่โตมีข้ารับใช้เ