ฮั่วจือสิงกลับไปที่สิงหยวน ก็พบว่าฟู่ซิ่วหยูกลับมาแล้วเขาจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปทักทายผู้เป็นแม่ “ชอบห้องนี้ไหมครับ?”“ชอบมากเลยล่ะจ้ะ”ฟู่ซิ่วหยูเพิ่งชงกาแฟ ภายในห้องจึงมีกลิ่นหอมของกางแฟจาง ๆเธอจิบกาแฟที่ถือ ในขณะที่มองไปรอบ ๆ ห้องที่กว้างขวาง หน้าต่างบานสูงจรดเพดานสามารถเปิดออกไปเห็นวิวของภูเขา การตกแต่งดูมีรสนิยมและหรูหราฟู่ซิ่วหยูนั่งลงบนโซฟาขนแกะนุ่ม ๆรู้สึกดีจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลยก่อนจะเริ่มคิดถึงหยิ่นเหวินซีอย่างควบคุมไม่ได้ ถ้าตอนนี้เธอมีลูกสาวที่ทั้งใส่ใจและกตัญญูมากแบบนั้น ห้อง ๆ นี้ก็คงจะอบอุ่นขึ้นมาเป็นกอง...“แม่” ฮั่วจือสิงสังเกต “เป็นอะไรไปครับ?” คนฟังจึงถอนหายใจออกมาแล้วมองเขาด้วยท่าทีผิดหวังเล็กน้อยฮั่วจือสิงสังเกตเห็นร่างกายที่สั่นเทาจึงเอ่ยถามขึ้นมา “หนาวหรือเปล่า?”“เอาล่ะ” ฟู่ซิ่วหยูกระชับผ้าคลุมไหล่ “แม่อยู่อังกฤษมานาน แต่ก็ยังปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศแบบนี้ไม่ได้”“เดี๋ยวผมให้คนมาปรับอุณหภูมิไว้ให้”ไม่ผิดที่จะพูดแบบนี้วันนี้เธอบังเอิญไปเจอฉากซึ้งระหว่างแม่และลูกสาวมา เมื่อได้ยินคำพูดจากลูกชายเธอก็รู้สึกเย็นขึ้นมา“วันนี้
การแสดงออกของฮั่วจือสิงเย็นชามากขึ้นก่อนจะมองไปยังผู้เป็นแม่อย่างเงียบ ๆไม่รู้ว่าเธอมีอคติต่อเจียงชั่นมากขนาดนั้น แต่เขาก็รู้ดีว่าจะต้องปกป้องผู้หญิงที่เขารักให้ดีที่สุด“เรื่องนี้จบลงแล้ว” เธอเอ่ย “จะไม่มีการหมั้นหมายระหว่างแกกับเหยาม่านหนิง ทั้งสองครอบครัวตกลงเรื่องนี้มาหลายปี การจัดการอาจจะยุ่งยากเล็กน้อย”“แต่ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวแม่จะจัดการกับตระกูลเหยาเอง”ฟู่ซิ่วหยูเดินเข้ามาตบไหล่ลูกชายสองครั้ง “ทำตามที่แม่บอก แล้วเชื่อมสัมพันธ์กับผู้หญิงที่แม่เลือกให้มากขึ้น”“ไม่ครับ” เขาเอ่ยออกมาสั้น ๆบรรยากาศโดยรอบจึงปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหนาผู้เป็นแม่จึงมองลูกชายด้วยแววตาจริงจัง“แม่ครับ” ฮั่วจือสิงตอบโต้ “ถ้าจะยังยืนกรานทำแบบนี้ ผมจะถอนหุ้นทั้งหมดออกจากหยูเฟิงมีเดีย”“ว่าไงนะ?” เธอแปลกใจ“แม่ก็รู้ว่าที่หยางเฉิงกับแมนเชสเตอร์มีกฎที่ต่างกัน” น้ำเสียงของเขาสงบ ทว่าน้ำเสียงกลับเข้มขึ้นเรื่อย ๆ “ถ้าบริษัทนี้ไม่มีหุ้นที่ผมถือ เงินทุนต่างประเทศก็จะอัดฉีดไม่ได้ แม่จะไม่มีวันได้เห็นผลตอบแทนจากเงินที่แม่ลงทุนไป”“ผมรู้ว่าแม่ไม่ได้ลำบากเรื่องเงิน” เขาเอ่ย “แต่แม่คงไม่ชอบความรู้สึกที่จะต้อ
“เด็กน้อย...” มีรอยยิ้มอยู่ในแววตาของคนมอง ยิ่งมองฟู่ซิ่วหยูก็ยิ่งชอบเธอมากขึ้นเรื่อย ๆเจียงชั่นหันไปด้านข้างเพื่อให้เธอเดินเข้ามา และหยิ่นเหวินซีก็ตกตะลึงทันทีที่ได้เจอกันอีกครั้ง“คุณน้ามาเยี่ยมค่ะแม่”หยิ่นเหวินซีเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเจียงชั่นยืนอยู่ข้าง ๆ เธอก็ยิ้มให้ “ไปซื้อของเถอะจ้ะ แม่ขอคุณกับน้าเขาสักพัก”เจียงชั่นเม้มปากแล้วยืนนิ่ง“ไม่ต้องห่วง” ผู้เป็นแม่จึงต้องโบกมือไล่ “เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของแม่เอง”เจียงชั่นพยักหน้า แต่ก่อนที่จะเดินจากไปเธอก็กำชับกับแม่ว่าให้โทรหาเธอให้เร็วที่สุด หากเกิดอะไรขึ้นฟู่ซิ่วหยูเห็นอย่างนั้นก็มีหลากหลายอารมณ์ในแววตาของเธอ“อิจฉางั้นเหรอ?” หยิ่นเหวินซีเลิกคิ้วถาม ในขณะที่ยกชาขึ้นมาดื่มด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ “ฉันเห็นตั้งแต่ในนิทรรศการแล้วล่ะว่าเธออิจฉาที่ฉันได้ลูกสาวน่ะ”ฟู่ซิ่วหยูกลอกตาชอบแดกดันเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดช่างเถอะ เธอก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว“ใช่น่ะสิ มีลูกสาวนับว่าเป็นเรื่องดี” ฟู่ซิ่วหยูหัวเราะเบา ๆ “แต่ต้องจับตาดูลูกสาวให้ดี อย่าให้เดินไปในเส้นทางเดียวกับที่เธอเคยเดิน”“ฟู่ซิ่วหยู เธอ...!”ยังคง
แววตาของหยิ่นเหวินซีกะพริบเล็กน้อยหลังจากนั้นไม่นานฟู่ซิ่วหยูก็รู้ตัวแล้วโพล่งออกมา “หรือว่าเป็นสูตรยาพวกนั้น?”เธอรู้ดีว่าบรรพบุรุษของตระกูลหยินเคยเป็นหมอในราชสำนักมาก่อน สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ต่อมาก็ได้มีการพัฒนาสูตรยาด้วยสมุนไพรท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองหนานหยางแล้วก็ยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบันหยิ่นเหวินซีพยักหน้า รู้สึกสับสนภายในใจฟู่ซิ่วหยูจึงเหลือบมอง “สูตรยาพวกนั้นควรจะเป็นของเธอนะ! ถ้ารั่วหงมอบให้นั่นก็เท่ากับว่าเขามอบให้เจ้าของเดิม ยังคิดถึงเขาอยู่อีกเหรอ?”“สูตรยาไม่ใช่ของฉัน” หยิ่นเหวินซีพูดเบา ๆ “สูตรยาก่อนหน้านี้ของตระกูลหยินโดนทำลายไปแล้ว”“ต่อมาปู่ก็ได้อุปถัมภ์นักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง ซึ่งก็คือพ่อของหยินรั่วหง เขาเป็นมือขวาของตระกูลมาโดยตลอด สูตรยา...ได้รับการพัฒนาโดยพ่อของเขาเอง”“ตอนนั้นยาทั้งชุดนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก แต่...ตั้งแต่ที่ฉันออกมาจากตระกูลหยิน ยาทั้งหมดที่ถูกผลิตโดยตระกูลหยินก็ถูกเปลี่ยนทั้งหมด”ฟู่ซิ่วหยูสะดุ้ง “เพราะว่าสูตรยาอยู่ที่เธองั้นเหรอ? ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นสิ...หยินรั่วหงเองก็น่าจะจำสูตรยาได้แล้วนะ”ทันใดนั้นบร
“เหวินซี” จู่ ๆ ฟู่ซิ่วอวี้ก็คิดขึ้นมาได้ “หากว่าสูตรเหล่านี้ถูกนำออกไปขาย เกรงว่าคงจะมีมูลค่าควรเมืองจนประเมินไม่ได้สินะ? ดูเหมือนว่าหยินรั่วหงยังไม่ได้กำจัดทิ้งไปเสียหมด ยังคงเหลือทางหนีทีไล่เอาไว้ให้เธอ”ฟู้ซิ่วอวี้รีบคิดคำนวณมูลค่า อุตสาหกรรมยานั้นมีผลกำไรมหาศาล“ไม่คิดเลยว่าหยินเหวินซี สิ่งที่อยู่ในมือเธอจะมีมูลค่ามากเสียยิ่งกว่าฟู่กรุ๊ปอีก!”“พูดไร้สาระอะไรกัน!” หยินเหวินซีหยิบชาออกมาปิดปากเธอเอาไว้ “ของพวกนี้ฉันไม่ขาย!”“เธอนะ…” ฟู่ซิ่วอวี้กลอกตาไปมา “เธอนี่มันไม่มีสมอง! ลูกสะใภ้ของฉันติดตามเธอไปไม่รู้ว่าต้องทนทุกข์ทรมานไปเท่าไรแล้ว…”“ลูกสะใภ้อะไรกัน?” หยินเหวินซีตะลึงไป“เธอลืมไปแล้วเหรอ?” ฟู่ซิ่วอวี้พูดออกมาอย่างจริงจัง “ในปีนั้นพวกเราพูดกันเอาไว้แล้ว เธอคลอดลูกสาวฉันคลอดลูกชาย พวกเราก็จะให้แต่งงานกัน!”“ไม่ได้! ลูกสาวฉันมีครอบครัวแล้ว!”ฟู่ซิ่วอวี้ตะลึงไป ดวงตามีร่องรอยของความผิดหวังพาดผ่านมา “เธอ…แต่งงานแล้ว?”“ยัง แต่ก็จะเร็วๆ นี้ละ!”“ยังไม่แต่งงานก็ไม่นับ!” ฟู่ซิ่วอวี้เริ่มมีพลังขึ้นมาสายตาของหยินเหวินซีเต็มไปด้วยความรังเกียจ มองขึ้นบนลงล่าง “เธอนี่เป็นยังไงก
เจียงชั่นคิดว่าใกล้จะพักเที่ยงแล้วเขาก็คงจะไม่ยุ่งมากนัก แต่กลับไม่รู้เลยว่าการประชุมที่น่ากลัวเหมือนราวพายุทางด้านปลายสายนั้นเพิ่งจะจบลงทว่าเมื่อได้ยินเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลนี้ หัวใจของฮั่วจือสิงก็ละลายลง อารมณ์อันรุนแรงนั้นก็จางหายไปเขายิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักเจียงชั่นเมื่อได้ยินทางปลายสายนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใด รออยู่ครู่หนึ่งก็ถามออกมาอย่างว่าง่าย “คุณ…กำลังยุ่งอยู่ไหม? ฉันรบกวนคุณหรือเปล่า?”เขาพูดเสียงกระซิบ “ไม่”“ถ้าอย่างนั้นคุณทำอะไรอยู่?”“อยากฟังความจริงไหม?” ชายหนุ่มยิ้มออกมา“แน่นอน!”“คิดถึงคุณ”เพียงแค่คำสั้น ๆ สามคำนี้ ทำให้แก้มของเจียงชั่นแดงขึ้นเล็กน้อย มือเล็ก ๆ กำโทรศัพท์เอาไว้ นิ้วมือบีบโทรศัพท์อย่างกระสับกระส่าย“คุณล่ะ?” เขาเองก็ถามออกมา “คุณกำลังทำอะไรอยู่?”เจียงชั่นพูดเสียงอ่อนโยน “ฉันเองก็คิดถึงคุณอยู่”ฮั่วจือสิงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ความมืดมนเมื่อครู่นี้ถูกพัดพาออกไปจนหมดคนเหล่านั้นที่อยู่ในห้องประชุมต่างก็พากันหันไปมองยังฟางฮั่นราวกับว่าเห็นผีกันกลางวันแสก ๆ อย่างไม่ได้นัดหมาย ฟางฮั่นขยิบตาให้พวกเขา ทำท่าทีหมดหนทางอ
“อือ…” เธอพยักหน้าออกมา ถึงแม้ว่าจะผิดหวังเล็กน้อยแต่ว่าเรื่องงานสำคัญกว่า “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นมีเวลาคืนนี้ก็เข้ามา”“ตกลง” เขาลูบผมเธอ “ผมจะช่วยคุณถือของกลับไป”“ไม่เป็นไร! เพียงแค่กุ้งล็อบสเตอร์ตัวหนึ่งแล้วก็ผักนิดหน่อย ฉันทำเองได้ อีกอย่างตอนนี้ที่บ้านก็มีแขกอยู่ ฉันยังต้องรอสักหน่อยถึงจะกลับไปได้”“มีแขก?” ฮั่วจือสิงตะลึงไป ปกติแล้วแม่ของเจียงชั่นไปมาหาสู่กับคนอื่นน้อยมาก แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงได้มีแขกขึ้นมาได้“อืม เป็นเพื่อนสนิทของแม่ฉันก่อนหน้านั้น” เจียงชั่นยิ้มแล้วพูดออกมา “คุณป้าที่สง่างามมากคนหนึ่ง”ฮั่วจือสิงพยักหน้า และไม่ได้คิดอะไรมากเขาประคองไหล่ของเธอ สองตาจ้องมองไปยังเธอ พูดเสียงกระซิบ “ชั่นชั่น ผมวางแผน…จะให้คุณพบกับแม่ผม”ทันใดนั้นหัวใจของเจียงชั่นเต็มไปด้วยความกังวล“คุณวางใจได้” เขาพูดเสียงอ่อนโยน “ผมจะใช้วิธีการที่เหมาะสมที่สุดจัดการความสัมพันธ์ของพวกคุณ ไม่มีทางสร้างความลำบากให้คุณ”เจียงชั่นรู้สึกแย่ “เป็นฉันที่ทำให้คุณลำบากแล้วใช่ไหม…”“พูดอะไรโง่ ๆ!” เขาลูบไปที่หัวเล็ก ๆ ยิ้มออกมาจาง ๆ “สุดสัปดาห์นี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่ไป๋จิ่งหยวน ตระกูลฮั่วจะ
เจียงชั่นตะลึงไป ได้ยินเสียงซุบซิบรอบตัว ก็รู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมากหยวนเทาที่พูดอยู่กลอกตาไปมาอย่างเย่อหยิ่ง ผู้ช่วยทั้งหลายช่วยเคลียร์ทางให้กับเขา รีบร้อนเดินไปยังประตูใหญ่ในตอนที่เดินไปนั้นไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ มีผู้ช่วยคนหนึ่งกระแทกเข้ากับเจียงชั่น ร่างกายเล็ก ๆ ของเจียงชั่นสูญเสียการทรงตัวไป อีกเพียงนิดก็เกือบจะล้มลงไป อุปกรณ์ที่ใช้ในการสัมภาษณ์พากันตกลงบนพื้น“ทำอะไรน่ะ!” ตากล้องพูดออกมาอย่างโกรธ ๆเจียงชั่นหยุดเขาเอาไว้ “ช่างเถอะ…”“แล้วพวกชนชั้นสูงในวอลสตรีทหล่ะ! วอลสตรีทก็มีคนแบบนี้เหรอ?”“เอาละ อย่ามาทะเลาะกับพวกเขาที่นี้เลย” เจียงชั่นพูดเสียงต่ำ “งานที่มีคนเยอะแบบนี้ พวกเราไม่มีข้อได้เปรียบเลย หากว่ายังก่อเรื่องต่อไปก็อาจจะวุ่นวายจนกลายเป็นเรื่องตลกขึ้นมาก็ได้ หรือว่านายอยากจะให้บรรณาธิการดุด่าเอา?”“ไม่อย่างนั้นนายก็กลับไปก่อน” เจียงชั่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “รออีกเดี๋ยวฉันจะคิดหาวิธี ดูว่าจะสามารถเข้าไปนั่งในงานได้อย่างไร!”ตากล้องถอนหายใจออกมาอย่างแรง ยังมีงานอื่นในสำนักพิมพ์ เขาจึงจำทำได้เพียงตามที่เธอบอก หันหลังแล้วจากไปเจียงชั่นรู้สึกได้ว่าสายตารอบ ๆ เธอพุ่ง
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั