ก๊อก ก๊อก
"อะไรวะ!!" ในขณะที่ท่านสำราญซึ่งมียศตำแหน่งสูงพอสมควร กำลังแตะตัวสาวน้อยที่ชื่อมิลานอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
"ลูกชายท่านกลับมาครับ" คนที่มาเคาะประตูต้องได้รีบบอกกล่าวออกไปให้เร็วถ้าไม่งั้นท่านจะโกรธที่เข้ามาขัดจังหวะ
"จริงเหรอ" เอ่ยถามออกไปพร้อมกับรีบเดินมาที่ประตู เพื่อที่จะถามเอาความแน่ชัดอีกที
"แล้วตอนนี้อยู่ไหน"
มิลานรีบมองหาทางหนีทีไล่ทันทีที่ไอ้แก่ตัณหากลับสนใจเรื่องอื่นมากกว่าตัวเธอ
"อยู่ที่บ้านครับท่านคนที่นั่นเพิ่งส่งข่าวมา"
"หนูมิลานจ้ะเสี่ยจะกลับมาเล่นด้วยใหม่นะ หนูรอเสี่ยอยู่ที่นี่ก่อนนะจ๊ะ" มิลานคือหนึ่งในดวงใจของเสี่ยตัณหากลับคนนี้ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเธอเด่นมาก ขาว..เรื่องหุ่นนางแบบบางคนยังสู้ไม่ได้ รวมทั้งใบหน้า ที่ทั้งสวยและหวาน จนทำให้ชายใดที่มองก็หลงใหลได้อย่างง่ายดาย
และก็ทำให้ชายวัยสูงอายุคนนี้ ยอมทุ่มเงิน ชื่อเสียง เพื่อที่จะช่วยดันครอบครัวของเธอ ถ้าต้องการผู้หญิงคนไหนสำราญก็จะใช้เงินซื้อพอเบื่อก็ปล่อยไป ..แต่กับเธอแล้วเขาอยากจะเลี้ยงเป็นตัวเป็นตน ถ้าเธอยอม แม้แต่ใบทะเบียนสมรสก็ยังจะมอบให้เธอได้
แต่ในชีวิตนี้ยังมีอีกหนึ่งคนที่มีอิทธิพลสำหรับเสี่ยคนนี้มาก..นั่นก็คือลูกชาย
มิลานลอบถอนหายใจออกมา เมื่อเสี่ยตัณหากลับออกไปจากห้อง หญิงสาวต้องหาทางหนีจากที่นี่ให้ได้ ถ้ามันกลับมาอีกครั้งเธอคงไม่รอดแน่
คฤหาสน์หลังใหญ่โตในเนื้อที่กว้างขวาง ถ้ามองเผินๆ คงคิดว่าเป็นสนามกอล์ฟ
"ลูกอยู่ไหน"
"จำทางกลับบ้านได้ด้วยเหรอคะ"
"ตอบให้ตรงประเด็น"
"อยู่ข้างบนค่ะ" ประไพต้องรีบเปลี่ยนกิริยาและคำพูดใหม่ เพราะถ้าสามีโกรธเขาไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น
"นึกว่าตายไปแล้ว" ผู้เป็นพ่อมองขึ้นไปด้านบน แล้วก็เอ่ยพูดออกมาเบาๆ แต่คำพูดนั้นไม่ได้จริงจังอะไรเลยจะออกไปทางเป็นห่วงมากกว่า
เย็นวันเดียวกันที่โต๊ะอาหาร ..สำราญรออยู่จนลูกชายลงมา ทานข้าวเย็นร่วมกัน
"กลับมาคราวนี้จะมาช่วยงานพ่อแล้วใช่ไหม"
"ไม่ครับ"
"ถ้าแกต้องการทำงานด้านถ่ายภาพ หรือต้องการอยากจะมีสตูดิโอเป็นของตัวเองพ่อก็ไม่ว่าอะไรแล้ว ขอแค่ให้แกกลับมาอยู่ใกล้หูใกล้ตาพ่อหน่อยได้ไหม"
"ผมไม่อยากได้แล้ว" เขารักงานถ่ายภาพมาก ความฝันของเขาหนึ่งเดียวคืออยากจะมีสตูดิโอเป็นของตัวเอง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ลงทุนอะไรมากมายสำหรับครอบครัวของเขาแล้ว แต่ถ้าพ่อไม่สนับสนุน เขาก็ทำไม่ได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจออกจากบ้านไปเพื่อที่จะหนีความวุ่นวาย
"แกดูคล้ำลงไปเยอะเลยนะ อยู่กับพ่อนานๆ หน่อย"
"ถ้าผมอยู่พ่อจะกลับมาค้างที่บ้านแบบนี้ทุกคืนไหมล่ะ"
สายตาเหี่ยวย่นของผู้เป็นพ่อมองไปที่ภรรยาแล้วถอนหายใจออกมา ถ้าไม่เพราะต้องมีคนอยู่ข้างกายเพื่อให้สังคมเห็นว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ป่านนี้คงจะหย่าร้างกับภรรยาคนนี้ไปแล้ว ยังจำไม่ได้เลยว่าเคยร่วมเตียงกับภรรยาครั้งสุดท้ายกี่ปีมาแล้ว
"ผมอิ่มแล้ว" เห็นแค่สายตาของพ่อเขาก็วางช้อน และไม่กินข้าวต่อ
"แล้วนั่นแกจะไปไหน"
"ออกไปหาเพื่อน" เขาก็เหมือนลูกทุกคนที่อยากให้พ่อและแม่รักใคร่กลมเกลียวกัน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับครอบครัวของเขา
สามวันต่อมา
"หึ!!" เมื่อได้ยินรายงานจากเพื่อนรักว่าพ่อเลี้ยงผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวเป็นตนถึงกับมีบ้านหลังใหญ่โตให้อยู่ แถมเรื่องบริษัทก็หนุนพ่อกับแม่เธอจนออกนอกหน้า เขาถึงกับสบถเสียงสูง
"ขอบใจมึงมาก"
"แล้วนี่มึงอยากจะรู้ไปทำไม รู้แล้วก็ไม่สบายใจ"
"เรื่องของกู"
"อ้าวไอ้นี่บอกกูหน่อยไม่ได้หรือไง"
"มึงอย่ารู้เลย" ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงโปร่งได้ยันกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง แล้วก็ก้าวเดินออกไปจากห้องทำงานของเพื่อน
"แล้วมึงจะไปไหน"
"กลับหมู่บ้าน"
"กูนับถือใจมึงจริงๆ อยู่เข้าไปได้ยังไง หมู่บ้านแบบนั้น ทั้งไฟและน้ำประปาก็เข้ายังไม่ถึง"
พอเดินไปถึงประตูเขาก็หยุดแล้วก็หันหน้ากลับมา
"เอ่อไอ้เดือนหนึ่ง"
"มกราโว้ย!"
"มกราแล้วเดือนที่หนึ่งของปีไหมล่ะ"
"เออ เอาที่มึงสบายใจเลย มีอะไรมึงก็พูดมา"
"มึงอย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่ากูอยู่ที่ไหน"
"กูไม่บอกหรอก..มึงอยู่มาเป็นปีๆ แล้วยังไม่มีใครรู้เลยว่ามึงอยู่ที่ไหน"
"แล้วนี่มึงจะกลับไปเลยเหรอ"
"อืม..แต่กูคงไม่กลับไปคนเดียว" สายตาเจ้าเล่ห์มองตรงไปข้างหน้าแบบมีเลศนัย
"ไปพาลูกกลับบ้านเถอะค่ะ""คุณก็รู้ว่าท่านเป็นใคร ถ้าท่านไม่พอใจเราคงได้ตายยกครัวแน่""แต่นั่นลูกของเรานะ""ถือว่าเราหาอนาคตที่ดีให้ลูกแล้วกัน ท่านเอ็นดูลูกสาวของเราขนาดนั้นคุณควรจะดีใจนะ" ภูธรพลาดเองที่ไปเดินตามเกมของนักการเมืองคนนี้ พอได้ขึ้นหลังเสือแล้วก็หาทางลงไม่ได้วันนี้เป็นวันที่สี่แล้วที่เธอถูกกักขังไว้ในบ้านหลังนี้ ได้ออกไปเดินเล่นรอบนอกบ้าง แต่ก็มีคนของท่านจับตามองไม่ยอมปล่อยในขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งดูทีวีเพลินๆ อยู่นั้น ก็ได้มีข่าวแวดวงไฮโซแทรกขึ้นมา"งานเลี้ยงงั้นเหรอ" ในขณะที่หญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่นั้น..."ได้ข่าวว่าเป็นเด็กดีเหรอจ๊ะ"..ไอ้แก่นี่มาตั้งแต่เมื่อไร เธอมัวดูทีวีเพลินก็เลยไม่ได้ยินเสียงรถใบหน้างามพยายามปั้นหน้าให้มีรอยยิ้มเข้าไว้"มิลานอยากจะไปงานเลี้ยงคืนนี้ค่ะ""งานเลี้ยงคืนนี้?"'ใช่ค่ะ" มิลานพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อย จนทำให้คนฟังแทบหัวใจละลาย"ถ้าหนูทำได้ถูกใจเสี่ย เดี๋ยวเสี่ยพาออกไป""ไม่เอาค่ะ ถ้าท่านไม่พาไปมิลานก็จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น" มือเรียวเขี่ยเล่นที่หน้าอกของชายวัยเกือบชราวนเล่นไปมาเพื่อยั่วยวน แต่ในใจรู้สึกขยะแขยงมาก"ก็ได้จ้ะ" สำราญรับป
พอได้ยินรายงานท่านสำราญก็รีบลุกขึ้นแล้วตรงไปที่ห้องน้ำหญิงปั้ง! (เสียงเท้าถีบประตู)"กรี๊ดดด"ก๊อก!!! ก๊อก!!!ผู้หญิงหลายคนที่อยู่ในห้องน้ำ ต่างก็หนีกันออกมา เมื่อชายฉกรรจ์เดินเข้าไปเปิดประตูห้องน้ำดูทีละห้อง ส่วนห้องไหนที่มีคนใช้อยู่ก็ถูกเคาะเสียงดังอย่างแรง จนคนที่ใช้อยู่ด้านในต้องเปิดประตูออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่เสร็จธุระ"พวกมึงตามหาให้ทั่วโรงแรม!!" แน่ใจแล้วว่าตอนนี้เธอคงจะหนีไปแล้ว สำราญรีบออกมาจากงานแล้วตรงไปที่ลานจอดรถ"ไม่เจอเลยครับท่าน""พวกมึงทำงานกันยังไง ถ้าตามหาไม่เจอ ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า!"บอดี้การ์ดต่างก็กระจายกำลังกันออกตามหาแถวนั้น เพราะผู้หญิงตัวแค่นี้คงจะไปไหนได้ไม่ไกลเช้าวันต่อมา.."ก็ท่านไม่ใช่เหรอครับที่พาลูกสาวของผมไป" ภูธรติดตามข่าวงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ ได้เห็นรอยยิ้มของลูกสาวก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ทำไมเช้ามาท่านถึงได้มาตามหา"แต่ลูกสาวของคุณหนีออกมาจากงานเลี้ยง" สำราญโมโหมากสั่งลูกน้องหาทั้งคืนก็ไม่เจอ พอถึงตอนเช้าก็เลยมาที่บ้านของพ่อและแม่เธอ"ถ้าลูกสาวฉันถูกลักพาตัวไม่ได้หนีล่ะ" ดุจดาวเริ่มใจไม่ดี ถ้าลูกสาวของนางหนีออกมาจริงก็ต้องกลับบ้านสิ"ถูกลักพาตัวงั
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพ่อไม่มีความรักให้แม่เลย แต่พ่อของเขาไม่เคยทำร้ายร่างกายแม่แบบนี้ คงเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น ถึงทำให้พ่อมีอารมณ์ฉุนเฉียวที่เขาคิดว่าคงเป็นผู้หญิงคนนั้น ก็เพราะไม่ว่าพ่อจะคว้าใครมา ก็ไม่เคยแสดงกิริยาแบบนี้ออกมาให้เห็นชายหนุ่มขับรถออกมาจากบ้าน รถที่เขาใช้เป็นรถสี่ประตูแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะที่ที่เขาอยู่มันเป็นพื้นที่กันดาร เหมือนอย่างที่มกราพูด ไฟฟ้าไม่มี น้ำประปาไม่ถึง ถนนเข้าหมู่บ้านก็ยังเป็นถนนลูกรังอยู่เลยแต่ก่อนที่จะไปหมู่บ้านนั้น เขาต้องไปที่ที่หนึ่งก่อน ชายหนุ่มใช้เวลาขับรถนานพอสมควรก็มาถึง"เป็นยังไงบ้าง""จะเป็นยังไงล่ะครับ ก็โวยวายอย่างเดียวน่ะสิ ผู้หญิงอะไรด่าเก่งฉิบหาย""แล้ว..?" สายตาคมมองเข้าไปในห้อง ซึ่งเป็นบ้านเก่าๆ ได้ยินลูกน้องบอกว่าด่าเก่งแต่ทำไมถึงเงียบจัง"ผมขอโทษครับ ก็เล่นด่าพ่อด่าแม่ด่าถึงโคตรตระกูลผม""ไอ้มะลิมึงอย่าบอกนะว่า!?""ไม่ตายหรอกครับ" มะลิโมโหมากก็เลยเอายาสลบใส่ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก เพื่อทำให้เธอหมดฤทธิ์..เรามารู้จักมะลิกันบ้าง ใช่แล้วเขาเป็นผู้ชายที่ชื่อมะลิ แถมมีชื่อจริงว่ามะลิซ้อนอีกด้วย มะลิเป็นคนติดตามเขามานานหลายปีแล้ว ทั้งสอง
ถ้าตั้งใจฟังคงจะได้ยินเสียงคนตัวสูงที่อยู่ตรงหน้ากัดฟัน"เมื่อกี้มึงว่าอะไร??" เขาถามซ้ำอีกครั้งโดยใช้คำพูดที่เปลี่ยนไปขาเรียวค่อยๆ ก้าวถอยออกไปจนหลังชนผนังห้อง ใครจะไปทนได้ล่ะ ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร อยู่ดีๆ ก็จับตัวเธอมา แถมพูดดูถูก ..แต่ตอนนี้มิลานคิดว่าเธอไม่สมควรที่จะไปกระตุ้นอารมณ์ของเขาแบบนั้นเลย"เราไม่เคยรู้จักกัน ฉันไม่รู้จักนาย แล้วนายจับตัวฉันมาทำไมล่ะ""เธอคิดว่า ฉันอยากจะจับตัวเธอมานักเหรอ ผู้หญิงแบบเธอ ไม่มีค่าอะไรในสายตาของฉันเลย""ดี! ถ้างั้นนายก็ปล่อยฉันไปสิ""ปล่อยเธอไปเพื่อยั่วยวนพวกเฒ่าตัณหากลับอย่างงั้นเหรอ""นั่นมันก็เรื่องของฉัน!""เรื่องของเธอ? ถ้าไม่ทำให้ครอบครัวคนอื่นเขาเดือดร้อน มันก็คงจะเป็นเรื่องของเธออยู่หรอก""นายหมายความว่ายังไง ฉันไปทำให้ครอบครัวใครเดือดร้อน โอ๊ยย! ปล่อยนะ!" ที่เธอร้องเจ็บเพราะตอนนี้อุ้งมือแกร่งของเขาได้ล็อคไว้ที่คอระหง"ฉันเจ็บนะ!" หญิงสาวเริ่มจะหายใจไม่ออกถึงแม้ว่าเขาจะใช้แรงบีบไม่มาก"คุณค่าในตัวเอง เธอรู้จักคำนี้ไหม""รู้" ตอนนี้เขาพูดอะไรมาเธอต้องอ่อนข้อไปก่อน เพราะไม่งั้นได้คอหักตายแน่"รู้แล้วทำไมต้องเอาตัวเองเข้าแลก จนทำให้ครอบคร
"อุ๊ย" มะลิซ้อนกลับมาเจอฉากกำลังจูบกันอยู่พอดี"ลูกพี่..เออ..สต๊อปก่อนได้ไหมครับ"เขาได้ยินตั้งแต่เสียงรถวิ่งเข้ามาแล้ว แต่ก็ยังจูบอยู่แบบนั้น พอถูกขัดจังหวะริมฝีปากหนาถอนจูบออก แต่ท่าทางของเขาไม่ได้เสียดายอะไรในตัวเธอเลยสายตาคมตวัดมองไปที่ลูกน้องคนสนิท แต่ก็ยังไม่ได้ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ถึงแม้ว่าจะพยายามดิ้นรนให้เขาปล่อย"มีอะไร""มีครับ" สายตาของมะลิซ้อนมองไปที่ฝ่ายผู้หญิง ซึ่งตอนนี้เธอกำลังจะ.."พี่ระวัง!""โอ๊ย" มะลิซ้อนเตือนไม่ทันเพราะตอนนี้เขาถูกกัดเข้าให้ที่ต้นแขนอย่างแรง"อืออ!!" หญิงสาวต้องรีบปล่อยฟันที่กัดอยู่ออก เพราะถูกนิ้วแกร่งบีบจมูกไว้อีกแล้ว"กูต้องได้ไปฉีดยาก่อนไหมวะเนี่ย!" ชายหนุ่มลูบคลำตรงที่ถูกกัดหมั่บ! จังหวะที่เขาปล่อยมือ เธอก็รีบวิ่งมาที่ประตู แต่ถูกมะลิซ้อนล็อคตัวไว้ได้ก่อน"ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ! พวกมึงเป็นใครกันแน่ พวกมึงต้องการอะไรก็บอกมาสิ""อยากรู้ใช่ไหมว่าต้องการอะไร..ปิดประตู" ชายหนุ่มสั่งลูกน้องพร้อมกับถอดเข็มขัดกางเกงออก..ตามด้วยรูดซิปลงไม่ได้ตกตะลึงแค่มิลาน มะลิซ้อนก็ตกตะลึงเหมือนกัน ไม่คิดว่าลูกพี่จะทำอะไรแบบนี้"กูบอกให้ล็อกประตูไง! สองคนอาจจะไม่หนำ
"ไม่เจอเลยครับท่าน" สำราญสั่งให้ลูกน้องควานหาไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่ก็ยังไร้ร่องรอย"ผมว่าไม่ใช่คนลักพาตัวไปหรอกครับ เธอคงหนีไปมากกว่า" เพราะลูกน้องทุกคนก็ดูออกว่าเด็กสาวคนนี้ ไม่เต็มใจที่จะเป็นของเจ้านายตั้งแต่ทีแรกแล้ว"กูก็ว่าเหมือนมึง กูมันน่ารังเกียจตรงไหนวะ""ไม่เลยครับ ท่านไม่ได้น่ารังเกียจเลย" ลูกน้องต้องรีบชมเข้าไว้ก่อนที่หัวจะขาด"แล้วเราจะเอายังไงดีครับท่าน" มือขวาคนสนิทเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง"กูคิดดูก่อนว่าจะจัดการกับพวกมันยังไงดี" สำราญเสียความรู้สึกมาก เพราะทุ่มเทให้กับเด็กคนนี้มากมายเช้าวันต่อมา.. ณ.ที่ห่างไกลความเจริญมันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่? ..มิลานหวังไว้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอทั้งหมดมันจะเป็นแค่ฝัน แต่พอลืมตาขึ้นมาเธอก็รู้ได้เลยว่ามันคือความจริงดวงตากลมโตมองออกไปนอกกระจกรถ เธอไม่กล้าใช้เสียงเพราะกลัวว่าคนที่ขับรถและคนที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับจะรู้ว่าเธอได้สติแล้วมันกำลังจะพาเราไปที่ไหน? แล้วพวกมันเป็นใคร? หญิงสาวสัมผัสได้ว่ารถค่อยๆ ชะลอความเร็วลงทีละน้อยติ๊ก! พอรถหยุดเท่านั้นแหละคนตัวเล็กที่พวกเขาคิดว่ายังไม่รู้สึกตัวก็เปิดประตูด้านหลังแล้ววิ่ง"ตามสิโว้ย!!" ทั้งส
คำขู่ของเขาได้ผล มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นมาพนมไหว้ เพื่อขอร้องอย่าให้เขาทำอะไรกับเธอเลย"ไม่เก่งแล้วเหรอ""ฉันขอร้องปล่อยฉันไปเถอะนะ" ถ้าตั้งใจฟังคงสัมผัสได้ถึงอาการหวาดกลัว เธอไม่ได้เก่งอย่างที่แสดงออกมาให้เห็นเลย แต่เพราะความกลัว ถ้าทำตัวอ่อนแอก็ยิ่งจะถูกรังแก แต่เมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้หญิงสาวก็เลยเลือกที่จะใช้ไม้อ่อน"ไม่ปล่อย.." ชายหนุ่มพูดพร้อมกับปลดเข็มขัดกางเกงของตัวเองอีกครั้ง"ฉะ..ฉันกลัวแล้ว คุณอย่าทำแบบนี้เลยนะ คุณจะให้ฉันทำอะไรฉันยอมทั้งนั้น คุณอย่าทำแบบนี้กับฉันได้ไหม""เธอชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ""ไม่ ฉันไม่ได้ชอบแบบนี้" ถ้าเธอชอบเธอคงไม่เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ เวลาที่พ่อกับแม่นัดให้ออกเดทกับเสี่ยบ้ากาม เธอชอบจะหลบหนีไปต่างประเทศ ถือโอกาสไปใช้เงินมันสะเลย"ก็ได้ถ้าเธอเชื่อฟัง""จะให้ฉันเชื่อฟังอะไร"มือหนารูดซิปลงไปทันทีเมื่อเธอมีคำถาม"ก็ได้ฉันจะเชื่อฟังนายทุกอย่าง" หญิงสาวต้องได้รับปากไปก่อนถ้าไม่งั้นคงเสร็จมันตรงนี้แน่"กลับเข้าไปก่อนลูก เดี๋ยวถ้าคนแถวนี้ไม่เชื่อฟังเราค่อยออกมาใหม่" ว่าแล้วเขาก็รูดซิปกลับคืนพร้อมกับสวมเข็มขัดให้เรียบร้อย"ตามมา"หญิงสาวต้องได้เดินตามหลังไ
"นายปล่อยฉันลงได้แล้วฉันเจ็บท้อง" มิลานเริ่มจุกท้องน้อย เพราะเวลาที่เขาเดิน ท้องของเธอเสียดสีกับไหล่แข็งๆ"อย่าพูดมากใกล้จะถึงแล้ว" ฝนเริ่มลงเม็ดแรงขึ้น ชายหนุ่มก็เลยต้องได้เร่งฝีเท้า เพราะกลัวว่ากล้องในมือของเธอจะเปียก"เบาๆ หน่อยได้ไหม! ฉันบอกว่าฉันเจ็บไง!" แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟังยิ่งบอกให้เบาๆ เขาก็ยิ่งเดินเร็วแทบจะกลายเป็นวิ่ง"ถ้านายไม่หยุดฉันจะทิ้งกล้องลงตรงนี้""ก็ลองดูสิ!" ที่จริงเขาก็กลัวว่าเธอจะทำตามที่พูด แต่ถ้าให้เธอลงตรงนี้ คงต้องได้ทะเลาะกันก่อนกว่าจะถึงฝนคงตกแรงกว่านี้แน่เดินมาอีกเพียงไม่นานก็ถึงบ้านไม้ 2-3 หลังอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เป็นบ้านไม้..แบบไม้จริงๆ ชั้นบนเป็นไม้เก่าๆ ทรุดโทรม ส่วนชั้นล่างเปิดโล่ง มีแคร่ไว้นั่งรับลมเล่นอึ๊บ! เสียงเขาวางเธอลงแคร่ไม้ "โอ๊ย!! นายช่วยวางฉันเบาๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!""ไปกินช้างมาหรือไง""นายว่าฉันอ้วนเหรอ!""แล้วแต่จะคิดแล้วกัน! คนอะไรตัวแค่นี้แต่หนักฉิบหาย""ใครใช้ให้นายแบกฉันมาล่ะ!""ส่งกล้องคืนมา""ไม่!" หญิงสาวรีบจับกล้องซ่อนไว้ด้านหลังของตัวเอง"บอกให้เอากล้องคืนมา!" เขายื่นมือออกไปด้วยใบหน้าถมึงทึงแทบจะกินเลือดกินเนื้อเธอให้ไ
สามเดือนผ่านไปตอนนี้ท้องของมิลานก็เริ่มโตขึ้นจนโผล่พ้นออกมาให้เห็นมากแล้ว"ทำไมกลับบ้านเร็วล่ะคะ" หลายวันมานี้สามีกลับบ้านก่อนเวลาตลอด"ว่าจะไม่ไปทำงานด้วยซ้ำ""ทำไมล่ะ""ก็เป็นห่วงคุณไง ดูสิจะเดินจะนั่งก็ดูลำบากไปหมด" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับประคองภรรยาค่อยๆ นั่งลงที่โซฟา"ฉันอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าเป็นห่วงเลยค่ะ"ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ผู้เป็นสามีก็อดห่วงไม่ได้ เพราะอยากจะดูแลเธอเอง มือหนาลูบไล้หน้าท้องของภรรยาซึ่งตอนนี้เด็กดื้อที่อยู่ในนั้นกำลังดิ้นแรงมาก"เหลืออีกตั้งสี่เดือนกว่า ลูกถึงจะคลอด ถ้าไม่ไปทำงานใครจะดูงานให้ล่ะคะ""ก็ให้ท่านรองประธานดูไปสิ""คุณเสกสรรนะเหรอ""ไอ้เสกมันทำงานเก่งไม่เป็นแบบที่คุณคิดหรอกนะ" ใครจะคิดว่าเสกสรรจะเก่งในการทำงานขนาดนี้ เพราะเคยเห็นแต่สำมะเลเทเมาไปวันวานพอรู้ว่าโปรเจคงานที่ก่อปัญหาในครั้งนั้นเป็นผลงานของเสกสรร เหนือตะวัน และพ่อของมิลานก็มองเสกสรรใหม่ จนตอนนี้ให้ตำแหน่งเขาเป็นถึงท่านรองประธาน เพื่อที่จะมาดูงานช่วยกันอีกแรงแต่เสกสรรจะยอมรับตำแหน่งนั้น ถ้าให้ภรรยาของเขาเป็นเลขาส่วนตัว เพราะทีแรกจั๊กจั่นขอไปทำงานที่แ
เช้าวันต่อมา.."ถ้ามีโอกาส เราจะมาเที่ยวเล่นที่นี่อีกนะ" ประไพเอ่ยพูดขึ้นกับลุงพงษ์และป้าวรรณีที่เดินมาส่งตรงท้ายหมู่บ้านเพื่อจะขึ้นรถไปสนามบิน"เชิญพวกท่านทั้งสองได้เสมอเลยครับ" ลุงพงษ์ตอบกลับไปแบบนอบน้อม"ถ้าเมื่อไรอยากได้ถนน กับไฟฟ้า ให้บอกมาได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวให้คนมาจัดการให้" คำพูดนี้ท่านรัฐมนตรีเป็นคนพูดเอง เพราะถ้าเป็นคำสั่งของท่านคงใช้เวลาไม่นาน"ก็ไอ้หำน่ะสิ..เออ..ขอโทษครับ" ลุงพงษ์เผลอปากเรียกลูกชายท่านว่าหำต่อหน้า"ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ลุงถนัดแบบไหนก็พูดแบบนั้นเถอะ" เหนือตะวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้พูดให้ลุงคลายกังวล"ลูกหลานมันอยากจะเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้ ก็ทำตามคนที่เขาอยู่อาศัยต่อเถอะครับท่าน" มันยิ่งทำให้ป้าและลุงรักหลานชายคนนี้เพิ่มขึ้น เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่ยังมาอาศัยอยู่กับพวกท่าน ถือว่าบุญเก่าเคยทำมาร่วมกัน"คุณพ่อกับคุณแม่กลับไปก่อนนะครับ ถ้าพ้นช่วงฮันนีมูนแล้วเดี๋ยวผมจะพาลูกสะใภ้กลับไปหาเอง" เหนือตะวันพูดพร้อมกับเปิดประตูให้ผู้เป็นพ่อกับแม่ได้ขึ้น"ฝากดูแลท่านทั้งสองด้วยนะเสก" เขายังหันไปพูดกับเสกสรรที่กำลังจะขึ้นรถอีกคัน"ได้สิ มึงอย่าลืมนะว่านี่ก็พ่อตาแม่ยายกูเ
"คิดถึง""คะ?" จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่าคำที่ท่านบอกว่าคิดถึง หรือมือที่ท่านยื่นมาโอบกอด สัมผัสแบบนี้ไม่เคยเจอมาเป็นสิบปีแล้ว ถึงแม้เวลามันจะยาวนาน แต่นางก็นับวันนับคืน ว่าเมื่อไรสามีจะหันหน้ากลับมาหา แต่ยิ่งท่านหันหลังให้ก็ยิ่งเดินห่างไกลออกไป วิ่งตามเท่าไรก็ตามไม่ทัน"ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" ความคิดนี้พุ่งขึ้นมาในหัว ส่วนมากถ้าคนที่เป็นโรคร้าย ชอบจะกลับมาตายรังแบบนี้เสมอ เพราะอีหนูพวกนั้นคงดูแลไม่ได้"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ""ก็ดูท่านเปลี่ยนไป" นอกจากคำว่าคุณแล้ว ประไพชอบเรียกสามีว่าท่าน เพราะยังไงนางก็อายุน้อยกว่าเป็นสิบปี"ถ้าผมไม่สบายจริง คุณจะดูแลไหม"เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงสะอื้นของภรรยาเก่า พร้อมกับมือที่ขยับขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออก"คุณเป็นอะไร" สำราญตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง จะจุดไฟตะเกียงก็ทำไม่ได้แล้วเพราะทำไม่เป็น"คุณป่วยระยะที่เท่าไรแล้วคะ""ระยะที่เท่าไรหมายความว่ายังไง""คุณเป็นมะเร็งใช่ไหม คุณไปหาหมอมาหรือยัง แล้วทำไมคุณไม่รีบกลับมาหาฉัน" สิ้นประโยคคำพูดเสียงสะอื้นของนางก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ที่ประไพคิดแบบนี้ ก็เพราะมีไม่กี่โรคหรอกคนรุ่นราวคราวนี้ที่จะเจอ"ใจเย็นก่อนสิคุณ""ทำไมคุณไม่รี
ในเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านปลายนา..หลังจากร่วมรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ลุงพงษ์กับป้าวรรณี และคู่ที่มาฮันนีมูนก็ได้กลับบ้าน ซึ่งปล่อยให้ท่านรัฐมนตรีกับอดีตภรรยาได้อยู่ด้วยกันแค่สองคน ในบ้านหลังที่พ่อและแม่ของมิลานเคยอาศัยอยู่เรามารู้จักกับท่านรัฐมนตรีและภรรยาเก่ากันบ้าง สำราญ ชายวัย 57 ปี แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เป็นไปตามอายุเท่าไร เพราะดูแลร่างกายดี ส่วนประไพ ซึ่งอายุน้อยกว่าสามีเก่าถึง 10 ปี ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยในปีนั้นนางก็ได้คว้าดาวมหาวิทยาลัยมาครอง ความสวยของนางก็ยังคงมีอยู่ แต่ด้วยความไม่พอของสามี จึงยังต้องการเด็กสาวเข้ามาเติมเต็ม"คุณนอนได้ไหมล่ะคะ""นอนได้สิ" สำราญพูดพร้อมกับค่อยๆ หย่อนกายมุดเข้าไปในมุ้งแบบลำบากเพราะไม่เคยนอนแบบนี้มาก่อน"หึ..มันก็สรรหาที่มาอยู่นะ""แต่ผัวเมียคู่นั้นก็ดูรักลูกเราดีนะคะ""อืมม..ชีวิตแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ""คุณนอนไปก่อนเลยนะคะ ฉันจะลงไปเล่นข้างล่าง" ว่าแล้วนางก็แยกตัวลงมาก่อน ..อายุปูนนี้แล้วทำไมหัวใจยังเต้นแรงอยู่อีกควรพอได้แล้วมั้งประไพ เข้าใกล้สามีเก่าแล้วรู้สึกหวั่นไหวจนต้องได้ตำหนิตัวเองพอลงมาถึงข้างล่างนางก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งตอนน
"คนเจ้าเล่ห์" ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรเพื่อแลกเปลี่ยน"เจ้าเล่ห์ที่ไหนอยากรู้ความลับก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันหน่อยสิ" ใบหน้าหล่อคมขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปากบางแบบห้ามใจตัวเองไม่อยู่"ครั้งนี้พี่จะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วไหม" หญิงสาวไม่ปฏิเสธแถมเธอยังหลับตาให้ แต่อดที่จะถามออกไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าเรื่องแบบเดิมๆ มันจะกลับมาอีกครั้ง"ไม่แล้ว..และพี่จะไม่ขอโทษเราอีก แต่พี่จะทำให้เราเห็น" เสกสรรรู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร ตอนนั้นเขายังคึกคะนองในตัวเอง และเสียดายความโสดของตัวเอง จึงได้พยายามผลักไสเธอออกไป"พี่จะทำอะไรให้ฉันเห็น" ดวงตากลมเปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อมองสบตา"ทำให้เห็นว่าพี่รักเราไง"น้ำตาได้ไหลลงมาจากดวงตางามคู่นั้น เธอสัมผัสได้ว่าที่เขาพูดมันออกมาจากใจจริง ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เขาต้องการแค่ร่างกายของเธอ"ไม่ร้องนะคนเก่งของพี่" จากที่จะจูบก็เลยได้เปลี่ยนมาเป็นซับน้ำตาให้"ฉันเก่งที่ไหน""เก่งสิ..ถ้าจั๊กจั่นของพี่ไม่เก่งแล้วใครจะเก่งล่ะ" เสกสรรคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้"ยังเจ็บอยู่ไหม"หญิงสาวตอบด้วยการส่ายหน้าเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอลืมความเจ็บปวดไปได้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีความ
"จะ..จะ..จริงเหรอวะ" อัมพรแม่ของจั๊กจั่นไม่ค่อยเชื่อ แต่พอมีคนไปตามก็รีบมาดู"ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้ใครทำร้ายหนูได้อีกแล้ว เราจะกลับไปพร้อมกันนะ" ประไพพูดพร้อมกับลูบผมของจั๊กจั่นเบาๆ เพื่อปลอบใจหญิงสาวไม่ตอบแต่เธอพยักหน้าเพราะตื้นตันใจ ขนาดท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ ยังเป็นห่วงเธอขนาดนี้"คนนี้บอกว่าเป็นแม่ของคุณจั๊กจั่นครับท่าน" ตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่ข้างนอกได้พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา"จั๊กจั่น" อัมพรตกใจที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้"คนนี้ใช่ไหม" ประไพถามจั๊กจั่น แต่สายตามองไปที่อัมพร ซึ่งข้างกายของอัมพรก็มีผู้หญิงอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับจั๊กจั่นยืนอยู่ด้วยจั๊กจั่นทำได้แค่ส่ายหน้า เพราะเป็นห่วงแม่ ยังไงท่านก็เป็นแม่ที่ให้กำเนิด"บอกแม่มาตามตรง คนนี้ใช่ไหมคือแม่ใจร้ายที่ทำหนู""เกิดอะไรขึ้นน่ะน้า" ตั๊กแตนสะกิดข้างของน้าอัมพร แล้วถามเบาๆ สายตาก็ได้มองไปดูทั่วบริเวณบ้านของเสกสรร ซึ่งตอนนี้ผู้ชายที่แต่งตัวภูมิฐาน ต่างก็ยืนรอบล้อมอยู่แถวนั้น"ท่านนี้คือผู้ใหญ่ที่จะมาสู่ขอจั๊กจั่นให้ผมครับ" เสกสรรซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ก็เดินเข้ามาแนะนำให้แม่ของจั๊กจั่นได้รู้จัก"ท่านคือ ท่านรัฐมนตรีสำร
"กูขอโทษด้วยนะที่ทำให้มึงเดือดร้อนไปด้วย" พอเหตุการณ์ปกติ ทั้งสี่ก็ได้มานั่งคุยกันที่บ้านหลังเดิมของมิลาน"ไม่เป็นไรหรอกน่าา เป็นเพื่อนกัน""แล้วพ่อมึงจะยอมมาไหมวะ" ด้วยความโมโหและความเป็นห่วงคนรัก เขาก็เลยพูดไปโดยไม่ได้คิด เพราะคนระดับท่านรัฐมนตรีจะว่างมาให้ไหม"ต้องลองคุยกับพ่อดูก่อน""อย่าคิดมากนะเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไป" มิลานได้แต่ปลอบใจจั๊กจั่นที่นั่งทำหน้าเศร้า"ทุกคนก็เลยต้องได้มาเดือดร้อนเพราะฉัน ฉันน่าจะกลับไปพร้อมแม่ให้เรื่องมันจบๆ ไป""ทุกคนเต็มใจช่วย อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ"เหนือตะวันก็เลยเดินเข้ามาเอาโทรศัพท์ที่รถ เพื่อที่จะโทรหาพ่อดูก่อน.. ที่เขาต้องเก็บโทรศัพท์ไว้ในรถเพราะยังไงบ้านปลายนาก็ไม่ค่อยมีสัญญาณอยู่แล้ว แถมไม่มีไฟฟ้าที่จะชาร์จโทรศัพท์ด้วยเวลาผ่านไป.. ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เขาก็ได้กลับมาหาทั้งสามที่นั่งรออยู่ที่เดิม"พ่อกูติดประชุมในพรรค""ท่านปลีกตัวมาไม่ได้เลยเหรอ" มิลานเดินเข้ามาถามสามี"ไม่แน่ใจ""ทำไมไม่ถามดีๆ ก่อนล่ะ""ทุกคนพอแค่นี้เถอะ ฉันจะกลับบ้าน" จั๊กจั่นไม่อยากจะให้ พวกเพื่อนๆ ต้องมาเดือดร้อนกับเธอมากไปกว่านี้อีกแล้ว"ไม่ได้นะ
"มานี่เลยนะนังลูกไม่รักดี!" อัมพรเดินเข้าไปคว้าตัวลูกสาวเข้ามาหวังจะทำโทษ"อย่าทำอะไรจั๊กจั่นนะน้า" เสกสรรที่เดินตามหลังมา ดูท่าไม่ดีก็เลยรีบเข้ามาขวางไว้"เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอเสก ไหนตกลงกับน้าแล้วไงว่าจะไม่เจอหน้ากัน""ผมแค่มาส่งเห็นมันมืดค่ำแล้ว น้าจะปล่อยให้ลูกสาวมีอันตรายหรือไง" ในขณะที่พูดสายตาของเขาตวัดมองไปที่ตั๊กแตน แต่ก่อนไม่เคยรู้เลยว่าตั๊กแตนจะเป็นคนนิสัยแบบนี้ เพราะดูเรียบร้อย ผิดกับอีกคนที่เขากำลังหลงใหลอยู่ในตอนนี้ เธออาจจะเป็นคนที่ดูแรง แต่เธอก็ไม่ได้เสแสร้งเหมือนตั๊กแตน"ใครก็พูดได้ถ้าจะพูดแบบนี้" ตั๊กแตนยังพูดยุแยง เพราะได้ยินเมื่อตอนกลางวันเรื่องที่เสกสรรมาสู่ขอจั๊กจั่นอีกครั้ง ก็เลยเริ่มจะหมั่นไส้"ตกลงแม่จะตีไหม ถ้าไม่ตีฉันจะกลับเข้าห้องแล้ว""จั๊กจั่นอย่าพูดแบบนั้น" เสกสรรห้ามปรามไว้ เพราะมันเหมือนกับไปกระตุ้นอารมณ์ของแม่ เขากลัวว่าน้าอัมพรจะตีเธอซ้ำรอยเดิม"พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอกกลับบ้านพี่ไปเถอะ" จั๊กจั่นหันมาตวาดใส่เสกสรร เพราะถ้าเขายังอยู่กลัวว่าเรื่องจะบานปลายมากไปกว่านี้"พี่จะกลับ แต่ต้องแน่ใจก่อนว่าน้าอัมพรจะไม่ตีเรา" แต่เสกสรรไม่ยอมไปเพราะกลัวแม
"ไอ้เสกมึงจะฆ่าแม่หรือไง" พ่อรีบเข้ามาในครัวเมื่อได้ยินเสียง"ผมฆ่าแม่ตอนไหน""ก็เรื่องที่มึงกำลังพูดอยู่เมื่อกี้ไง!""พ่อได้ยินแล้วเหรอ""กูได้ยินตั้งแต่คำแรกที่มึงพูดแล้ว" ที่พ่อของเขาได้ยินเพราะท่านอยู่แถวหน้าต่าง ตรงที่เขาคุยกับแม่พอดี"นะพ่อนะ..ไปขอเมียให้ผมหน่อยนะ"ผู้เป็นพ่อไม่ตอบ แต่เดินเข้าไปเก็บของที่ภรรยาทำตกหล่น"พ่อกับแม่จะไปคุยให้ผมไหมเนี่ย""มึงจำได้ไหมก่อนที่มึงจะหนีเข้ากรุงเทพฯ มึงก็พูดคำนี้แหละ แต่มึงให้พวกกูไปถอนคำพูด จนเสียค่าสินไหมไปกี่แสน""เรื่องนั้นผมขอโทษ ผมรับรองว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแล้ว""กูไม่เชื่อมึงหรอกไอ้เสก""เชื่อผมเถอะพ่อ" เสกสรรเดินตามพ่อออกมาหน้าบ้าน เพราะตอนนี้พ่อเอาขยะออกมาทิ้ง"ถูกตีเลยเหรอวะ" จังหวะนั้นป้าร้านค้ากำลังคุยกับตั๊กแตนอยู่พอดี"จะเหลือเหรอป้า""เรื่องปกติของแม่มันอยู่แล้ว เอะอะอะไรก็ตีลูก""สมน้ำหน้าน่ะสิไม่ว่า เดี๋ยวก็ท้องไม่มีพ่อเข้าสักวัน""กำลังพูดถึงเรื่องใครอยู่" เสกสรรเดินตามพ่อออกมาได้ยินคำนี้พอดี"จะพูดถึงใครล่ะ ก็พูดถึงเรื่องผู้หญิงที่พี่ไม่เอาแล้วไง" ตั๊กแตนหันไปพูดกับเสกสรรแบบได้ใจ เหมือนกับว่าหาแนวร่วมเพราะ