"นายปล่อยฉันลงได้แล้วฉันเจ็บท้อง" มิลานเริ่มจุกท้องน้อย เพราะเวลาที่เขาเดิน ท้องของเธอเสียดสีกับไหล่แข็งๆ
"อย่าพูดมากใกล้จะถึงแล้ว" ฝนเริ่มลงเม็ดแรงขึ้น ชายหนุ่มก็เลยต้องได้เร่งฝีเท้า เพราะกลัวว่ากล้องในมือของเธอจะเปียก
"เบาๆ หน่อยได้ไหม! ฉันบอกว่าฉันเจ็บไง!" แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟังยิ่งบอกให้เบาๆ เขาก็ยิ่งเดินเร็วแทบจะกลายเป็นวิ่ง
"ถ้านายไม่หยุดฉันจะทิ้งกล้องลงตรงนี้"
"ก็ลองดูสิ!" ที่จริงเขาก็กลัวว่าเธอจะทำตามที่พูด แต่ถ้าให้เธอลงตรงนี้ คงต้องได้ทะเลาะกันก่อนกว่าจะถึงฝนคงตกแรงกว่านี้แน่
เดินมาอีกเพียงไม่นานก็ถึงบ้านไม้ 2-3 หลังอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เป็นบ้านไม้..แบบไม้จริงๆ ชั้นบนเป็นไม้เก่าๆ ทรุดโทรม ส่วนชั้นล่างเปิดโล่ง มีแคร่ไว้นั่งรับลมเล่น
อึ๊บ! เสียงเขาวางเธอลงแคร่ไม้ "โอ๊ย!! นายช่วยวางฉันเบาๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!"
"ไปกินช้างมาหรือไง"
"นายว่าฉันอ้วนเหรอ!"
"แล้วแต่จะคิดแล้วกัน! คนอะไรตัวแค่นี้แต่หนักฉิบหาย"
"ใครใช้ให้นายแบกฉันมาล่ะ!"
"ส่งกล้องคืนมา"
"ไม่!" หญิงสาวรีบจับกล้องซ่อนไว้ด้านหลังของตัวเอง
"บอกให้เอากล้องคืนมา!" เขายื่นมือออกไปด้วยใบหน้าถมึงทึงแทบจะกินเลือดกินเนื้อเธอให้ได้
"ถ้าฉันคืนกล้องให้นายแล้วนายจะปล่อยฉันไปไหมล่ะ"
"ถ้าไม่กลัวเสือคาบไปแดกก็ไปสิ"
สายตางามมองไปรอบๆ ตอนนี้เริ่มมืดมากแล้วแถมไม่มีไฟฟ้าอีก
หมั่บ!
"กรี๊ดดด" หญิงสาวตกใจในขณะที่เธอกำลังให้ความสนใจกับสิ่งรอบข้าง ก็ถูกเขาแย่งเอากล้องไปได้
"เสียงผู้หญิงที่ไหนมาร้องแถวนี้วะ" ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงคนดังขึ้นจากบ้านอีกหลัง มิลานรีบหันไปมอง ใบหน้างามเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อรู้ว่ายังมีคนอื่นอยู่แถวนี้
"ช่วย..อืมมม" จังหวะที่เธอกำลังจะตะโกนขอความช่วยเหลือก็ถูกเขาปิดปากไว้
"ถ้าเธออยากตายก็ร้องไปสิ..รู้ไหมว่าที่นี่คือซุ้มโจร" เขากระซิบพูดข้างใบหูจนเธอไม่กล้าร้อง เพราะถ้ามันเป็นซุ้มโจรจริง คนที่ลงมาก็เป็นพวกเดียวกับเขาน่ะสิ
"อ้าว..ลุงนึกว่าใคร ..กลับมาตั้งแต่เมื่อไรล่ะไอ้หำ"
"อึก..อึก..ฮ่าาาาา" จากที่กำลังเครียดอยู่ พอได้ยินลุงคนนั้นเรียกเขาว่าไอ้หำ มิลานถึงกับขำก๊ากออกมา
"แล้วนั่นผู้หญิงที่ไหนล่ะ"
"เมียผมเองครับลุง"
จากที่กำลังขำอยู่พอได้ยินเขาบอกว่าเธอเป็นเมีย..ใบหน้างามถึงกับหันขวับกลับมามองคนที่เอ่ยพูดออกมาเมื่อสักครู่
"ฉันไปเป็นเมียนายตั้งแต่เมื่อไร!""หรือเธออยากจะเป็นเมียทุกคนในซุ้มโจรพร้อมกัน.."มิลานใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพราะตอนนี้ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ดูท่าทางแล้วไอ้หมอนี่มันคงไม่ต้องการเงิน แต่มันต้องการอะไรทำไมมันถึงจับตัวเธอมา"ก็ได้ถ้าเธออยากเป็นเมียทุกคนพร้อมกัน ..ลุงครับ" ชายหนุ่มเริ่มจะขู่เมื่อเห็นว่าเธอเงียบไป"นี่นาย!!""จะเอาไง""แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้างล่ะ!""แล้วนี่แกกินข้าวมาหรือยังล่ะไอ้หำ" ลุงถามขัดจังหวะขึ้น เพราะดูท่าทางแล้วคงจะคุยกันอีกยาว"ยังเลยครับลุง""ป้าทำกับข้าวไว้เผื่อแต่ไม่ได้เอาไปไว้เรือนหลังนั้นนะ กลัวแกจะยังไม่กลับ""ครับลุง"..แสดงว่าที่นี่ยังมีผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ เพราะได้ยินโจรแก่พูดถึงป้า แต่ถ้าเป็นเมียของลุง ก็ต้องเป็นโจรเหมือนกันน่ะสิ ความฝันที่จะออกไปจากที่นี่เริ่มริบหรี่ลงอีกครั้ง เอาวะถ้ามันอยากจะเอาชีวิตป่านนี้มันคงฆ่าเราทิ้งไปแล้ว เก็บลมหายใจไว้หนีดีกว่า"ฉันหิวข้าว" ก่อนอื่นต้องหาอะไรลงท้องก่อนเพราะยังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน"หิวก็ไปติดเตาไฟ มีไม้ และถ่าน ถนัดใช้อันไหน""อะไรนะ?" ที่เขาพูดมาเธอไม่รู้จักสักอ
หญิงสาวนั่งมองเขากินอยู่แบบนั้นหลายคำ จนคิดว่าเขาจะไม่เก็บไว้ให้เธอกินแล้ว มิลานก็เลยรีบแย่งช้อนในมือของเขาออกมา แล้วถือมันไปที่ตุ่มน้ำ"เธอทำอะไร" ชายหนุ่มถามออกไปแบบสงสัย"ล้างช้อน" ..ใครจะไปกล้ากินต่อจากเขาล่ะ เธอล้างจนสะอาดแล้วก็กลับมานั่งลงที่แคร่ไม้ นิ้วเรียวล้วงเอาข้าวเหนียวในกระติบออกมา"..มันกินได้แน่นะ" หญิงสาวพูดออกมาเบาๆ กับตัวเองใบหน้าหล่อเผลอยกยิ้มขึ้น แต่ต้องได้รีบสลัดอารมณ์นั้นออกไป"กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน เอาไปเททิ้ง" เขาไม่พูดเปล่ามือหนายื่นไปยกถ้วยแกงปลาขึ้นมา"จะบ้าเหรอฉันยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว"ได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มก็เลยวางถ้วยลงที่เดิม"รีบกิน แล้วเก็บไปล้างด้วย""แล้วนายจะไปไหน" พอเห็นเขาลุกเดินออกมาก็เลยตกใจ เพราะแถวนี้มันน่ากลัวมาก ยิ่งมองออกไปด้านนอกก็มืดทุกทิศทุกทาง"ไม่ไปไหนไกลหรอก อยู่แถวนี้แหละ"พอเขาไปแล้วเธอก็ลองตักน้ำซุปขึ้นมาชิมดู"อืม..พอกินได้" มือเรียวปั้นข้าวเหนียวให้เป็นก้อนแล้ววางลงไปในน้ำแกง แล้วก็ตักมันขึ้นมามองดูก่อน"..กินได้แน่นะ" ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยกินข้าวเหนียว แต่ก็รู้แหละว่ามันมีอยู่บนโลกใบนี้เวลาผ่านไป..เธอนั่งรออย
เธอมองซ้าย มองขวา เพื่อหามุมที่ พอจะนอนได้ ..ให้ยุงกัดยังดีกว่าเป็นเมียโจรแบบเขาเมื่อมองดูแล้วว่ามุมไหนก็เหมือนกันหมด หญิงสาวก็เลยนั่งพิงลงข้างผนังบ้านที่เป็นไม้ ..นั่งอยู่แบบนั้นเพียงไม่นานก็เริ่มง่วงนอน เพราะเหนื่อยล้ามาตลอดตั้งแต่ถูกเขา ลักพาตัวออกมาจากงานเลี้ยงเช้าวันต่อมา.. ไม่ใช่แค่เธอที่เหนื่อยเขาก็เหนื่อยเช่นกัน ก็เลยไม่ได้สนใจว่าเธอจะเข้ามานอนด้วยไหม พอตื่นมาอีกทีก็เห็นว่าเธอเลือกที่จะนอนนอกมุ้ง"นั่นนายจะไปไหน" มิลานได้ยินเสียงตั้งแต่เขาออกจากมุ้งแล้ว ก็เลยรีบลุกขึ้น"ลงไปข้างล่าง""แล้วฉันล่ะ""เธอก็อยู่บนนี้แหละ""ให้ฉันไปด้วย""แน่ใจนะว่าเธอจะลงไปสภาพนี้จริง" เขามองดูชุดที่เธอสวมใส่เป็นผ้าถุงและเสื้อคอกระเช้า ถ้ามองลึกเข้าไปด้านในรู้ได้เลยว่าเธอไม่มีชุดชั้นในเพราะเมื่อคืนนี้มันเปียกหมดหญิงสาวเหมือนจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่เธอก็เลยรีบถอยออกมา"นายช่วยเอาชุดของฉันขึ้นมาให้หน่อยได้ไหม""ใส่แบบนี้แหละ" เขาพูดตัดบทแค่นั้นแล้วก็ลงไป"หายไปทั้งคืนเลยนะมึง" พอลงมาก็เจอมะลิซ้อนกลับมาบ้านพอดี"ผมรู้ดีน่าาว่าต้องทำยังไง""รู้ดีเรื่องอะไร""ไม่ต้องมาทำเป็นไขสือหรอกพี่หวานกันขนาดนั้น
สิ่งที่มิลานคิดอยู่ในตอนนี้ก็คือ ตกลงที่นี่เป็นซุ้มโจรจริงเหรอ ทำไมถึงเห็นแต่คนแก่กับผู้หญิง ส่วนผู้ชายวัยรุ่นหน่อยก็มีแค่พวกเขาสองคน แต่ในเวลานี้ เธอคิดว่าที่นี่แหละ เป็นที่ที่เธอจะหลบซ่อนจากไอ้เสี่ยบ้ากามนั้นได้ดี ไม่ต้องหาเรื่องหนีไปเที่ยวต่างประเทศอีกแล้ว ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่เอื้ออำนวยความสะดวกเลยก็ตามทีตั้งแต่เขาหายไปพร้อมกับผู้หญิงสองคนนั้นก็ยังไม่เห็นกลับมา และตอนนี้เธอก็กำลังนั่งมองป้าดายหญ้าผักสวนครัวที่ปลูกไว้กินเอง"หนูอยากจะทำไหมล่ะ" วรรณีถามขึ้นเมื่อเห็นเธอได้แต่นั่งจ้องมอง"ฉันทำได้เหรอป้า""ทำได้สิ"หญิงสาวยกยิ้มขึ้นมาแบบปลื้มปริ่ม เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ เธอรีบหยิบจอบเสียมแถวนั้นมาพรวนดิน"อีหนูเอ้ย ถ้าทำแบบนั้นสงสัยตายหมดแน่ ไม่ใช่หญ้านะ ผักน่ะมันจะตายหมด" ป้าพูดแบบขำๆ เพราะดูท่าทางแล้วเด็กสาวคนนี้คงจะไม่เคยจับงานด้านนี้มาก่อนเลย"แล้วเขาต้องทำยังไงคะป้า""มาเดี๋ยวป้าสอน"ที่จริงถ้าเธอจะหลอกถามป้าคนนี้ก็ได้ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกรักธรรมชาติ เพราะที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แถมเจ้าของบ้านยังใจดี ไม่เหมือนอีตาบ้านั่น"วันนี้ได้ปลาเยอะเลยครับป้า" มันคือเสียงของมะลิซ้อนที่บอก
"นายจะทำอะไร! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!""เธอนั่นแหละออกไปจากมุ้งนี้" ว่าแล้วมือแกร่งก็จับขาของเธอลากแบบไม่จริงจังนัก"ไอ้บ้า! ฉันเจ็บนะ!!" ขาเรียวทั้งสองข้างเริ่มถีบแบบไม่ยั้งแต่เขาก็ยังพยายามจับขาของเธอกดไว้ "อย่าดิ้นแรงสิมันเหม็น""ไอ้!!" มิลานไม่รู้จะด่ายังไงดีแล้วผู้ชายบ้าอะไรกล้าพูดให้ผู้หญิงแบบนี้"เงียบทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ด่าต่อ" เหนือตะวันคิดว่าตัวเองโรคจิตหรือเปล่าชอบฟังเธอด่า เพราะถ้าได้ยินเสียงเธอโวยวายมันรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวา"ฉันขี้เกียจจะคุยกับนายแล้ว นายจะให้ฉันใส่อะไร ถ้าอาบน้ำก็ไม่มีอะไรใส่น่ะสิ" นี่แหละคือสิ่งที่เธอเป็นกังวล เพราะเมื่อวานเขาเอามาแค่ชุดเดียว"ฉันยืมของป้าไว้ให้แล้ว""แล้วชุดชั้นในล่ะ""จะใส่ทำไมมีแค่นิดเดียวมองไม่เห็นหรอก""ไอ้!!""ไอ้อะไร""ไอ้บ้า!! ของนายนั่นแหละมีแค่นิดเดียว""อ้าวพูดแบบนี้..ออกมาก่อนลูก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็รูดซิบลงเพื่อที่จะงัดน้องชายของตัวเองออกมา"กรี๊ดด!!" มิลานรีบออกจากมุ้งอย่างไว ..แล้วก็ลงมาข้างล่างเหนือตะวันก็ตามลงมาด้วย เพราะยังไม่ได้จุดตะเกียงไว้ให้เธอหญิงสาวอาบน้ำโดยการเอาผ้าถุง มาพันรอบหน้าอกไว้"สบู่อันใหม่ไม่มีหรือไง" มองดู
ปลาที่ได้มาต้องรีบจัดการในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้เช้าตื่นมาจะต้องได้ทำให้เป็นอาหารแต่เช้า ในขณะที่มะลิซ้อนและป้ากำลังฆ่าสัตว์น้ำที่เพิ่งจะจับมาได้ มิลานได้แต่นั่งปิดตาไม่กล้ามองดู เธอก็รู้แหละว่ามันคือวัฏจักรของโลกใบนี้"นั่งอยู่เฉยๆ ทำไม มาตักน้ำช่วยกันสิ""ตักน้ำทำไม" หญิงสาวละความสนใจจากสิ่งนี้แล้วมองไปที่เขา"ก็ล้างปลาที่หั่นเสร็จแล้วไง"มิลานต้องรีบลุกไปตักน้ำที่บ่อ เพื่อมาใส่ตุ่มไว้ ..นี่น้ำที่เธออาบอยู่ทุกวันต้องไปตักในบ่อเหรอ? แทนที่เธอจะขี้เกียจแต่กลับตื่นเต้นเพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนใบหน้าหวานชะโงกลงไปดูบ่อน้ำ ถึงแม้ว่าบรรยากาศรอบข้างจะมืด แต่แสงจากดวงจันทร์และดวงดาวก็ทำให้มองเห็นได้ดี มันเป็นบ่อน้ำที่พวกเขาขุดกันลงไปลึกมาก และมีท่อวางเรียงกันเป็นชั้นๆ ถ้าจะเอาน้ำขึ้นมาใช้ต้องมีถังมัดด้วยเชือก แล้วก็สาวขึ้นมา"ทำไมไม่ต่อน้ำประปามาล่ะ""มีสมองช่วยคิดหน่อยได้ไหม ขนาดไฟยังไม่มีเลย""ทำไมต้องพูดแรงขนาดนั้นด้วย"พอเห็นเธอไม่ตอบโต้และพูดไปในเชิงที่น้อยใจเขาถึงนึกได้ "ไม่ต้องพูดมากน่าถ้าไม่ช่วยก็กลับไปนั่งที่เดิม ยืนเกะกะอยู่ได้" ว่าแล้วมือแกร่งก็เริ่มสาวเชือกเอาน้ำขึ้นมาเทใส่ถ
หญิงสาวหิ้วของมาจนถึงบ้าน เธอก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อยไปหมด ก็รู้แหละว่ามันคงเป็นการเมื่อยจากที่ได้ทำงาน แต่ไม่คิดว่ามันจะเหนื่อยถึงเพียงนี้ แถมตอนนี้มือก็บวมขึ้นมาจนแทบจะจับอะไรไม่ได้"เป็นอะไรเหรอลูก" ป้าวรรณีเห็นว่าเธอมองดูแต่มือของตัวเองก็เลยถาม"ป้าเจ็บมือบ้างไหมคะ""ไม่เจ็บหรอกป้าทำจนชินชาแล้ว หนูเจ็บมือเหรอ""เจ็บค่ะ แต่คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง" เธอคิดว่าขนาดคนแก่ยังทนได้ เธอเพิ่งจะอายุเท่าไรเองทำไมถึงจะทนไม่ได้"หนูขอไปอาบน้ำก่อนนะคะป้า" ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินไปที่ตุ่มน้ำ ส่วนป้าก็เตรียมของที่จะใช้ในวันพรุ่งนี้ต่อหญิงสาวเดินมาถึงที่ตุ่มน้ำก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ..ตายแล้วเมื่อวานนี้ไม่ได้ตักน้ำมาไว้ในตุ่มด้วยสิ แถมถังน้ำเธอก็ทำแตกไปแล้วด้วยคนตัวเล็กมองซ้ายมองขวา เพราะอยากจะขอความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้เขายังไม่กลับมาเลย คงไปส่งแฟนในหมู่บ้านก่อนถ้าจะไม่อาบน้ำก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่เหงื่อ แถมคันด้วย มิลานก็เลยเอาของที่ใช้สำหรับอาบน้ำเดินมาที่บ่อเมื่อวานนี้เธอก็เห็นแล้วว่าเขาทำยังไง หญิงสาวคิดว่ามันคงจะไม่ยากหรอกกับการเอาน้ำขึ้นมาจากบ่อมือเรียวยื่นไปจับเชือก แ
"นายเหนือนรก ฉันบอกว่าฉันเจ็บไง ฉันเดินเองได้" เดินออกมาได้สักพักเขาก็ยังคงลากจูงเธออยู่"เดินช้าๆ แบบเธอเมื่อไรจะถึง""นายจะรีบไปไหน ถ้ารีบนักก็กลับไปเลยไป๊!""ปากดี!""ใช่ฉันปากดี ใครจะไปปากหวานเหมือนแฟนนายล่ะ""ทำไมต้องชอบเอาคนอื่นมาพูด เวลาที่คุยกันด้วย""ขอโทษที่บังอาจไปดึงแฟนของนายลงมาเกลือกกลั้ว""นี่เธอ! ทำไมต้องชอบประชดประชัน!!"มิลานเลือกที่จะไม่พูดต่อ เพราะพูดไปก็คงจะทำให้เขาไม่ชอบใจ หญิงสาวก็เลยรีบเดินนำหน้าไปก่อนกลับมาถึง..เหนือตะวันก็รีบเดินขึ้นไปบนบ้านของลุงพงษ์ พอได้กล่องยาก็ลงมา"เอานิ้วข้างที่เป็นแผลมาก่อน""ฉันทำเองได้""อย่าทำเป็นเก่งนักเลย ส่งมือมา" ชายหนุ่มยื่นไปกระชากมือของเธอโดยไม่รอให้เธอเป็นคนยื่นมันมา"โอ๊ย! เจ็บนะ!!""แผลแค่นิดเดียวเอง ทนเอาหน่อยสิ""ฉันอยากกลับบ้าน" หญิงสาวพูดออกมาเพียงแค่เบาๆ แต่ก็พูดให้เขาได้ยินด้วยนั่นแหละ"ไม่ให้กลับ""นักโทษประหาร เขายังรู้ก่อนเลยว่าทำไมถึงถูกประหาร นายจะไม่บอกอะไรฉันเลยเหรอ ว่าทำไมถึงจับตัวฉันมาแบบนี้""ข้างนี้เสร็จแล้ว ไหนเอาข้างนั้นมาดู" เขาขอดูข้างที่บวม"นายได้ยินที่ฉันพูดไหม""ได้ยิน..แต่เธอไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉ
สามเดือนผ่านไปตอนนี้ท้องของมิลานก็เริ่มโตขึ้นจนโผล่พ้นออกมาให้เห็นมากแล้ว"ทำไมกลับบ้านเร็วล่ะคะ" หลายวันมานี้สามีกลับบ้านก่อนเวลาตลอด"ว่าจะไม่ไปทำงานด้วยซ้ำ""ทำไมล่ะ""ก็เป็นห่วงคุณไง ดูสิจะเดินจะนั่งก็ดูลำบากไปหมด" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับประคองภรรยาค่อยๆ นั่งลงที่โซฟา"ฉันอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าเป็นห่วงเลยค่ะ"ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ผู้เป็นสามีก็อดห่วงไม่ได้ เพราะอยากจะดูแลเธอเอง มือหนาลูบไล้หน้าท้องของภรรยาซึ่งตอนนี้เด็กดื้อที่อยู่ในนั้นกำลังดิ้นแรงมาก"เหลืออีกตั้งสี่เดือนกว่า ลูกถึงจะคลอด ถ้าไม่ไปทำงานใครจะดูงานให้ล่ะคะ""ก็ให้ท่านรองประธานดูไปสิ""คุณเสกสรรนะเหรอ""ไอ้เสกมันทำงานเก่งไม่เป็นแบบที่คุณคิดหรอกนะ" ใครจะคิดว่าเสกสรรจะเก่งในการทำงานขนาดนี้ เพราะเคยเห็นแต่สำมะเลเทเมาไปวันวานพอรู้ว่าโปรเจคงานที่ก่อปัญหาในครั้งนั้นเป็นผลงานของเสกสรร เหนือตะวัน และพ่อของมิลานก็มองเสกสรรใหม่ จนตอนนี้ให้ตำแหน่งเขาเป็นถึงท่านรองประธาน เพื่อที่จะมาดูงานช่วยกันอีกแรงแต่เสกสรรจะยอมรับตำแหน่งนั้น ถ้าให้ภรรยาของเขาเป็นเลขาส่วนตัว เพราะทีแรกจั๊กจั่นขอไปทำงานที่แ
เช้าวันต่อมา.."ถ้ามีโอกาส เราจะมาเที่ยวเล่นที่นี่อีกนะ" ประไพเอ่ยพูดขึ้นกับลุงพงษ์และป้าวรรณีที่เดินมาส่งตรงท้ายหมู่บ้านเพื่อจะขึ้นรถไปสนามบิน"เชิญพวกท่านทั้งสองได้เสมอเลยครับ" ลุงพงษ์ตอบกลับไปแบบนอบน้อม"ถ้าเมื่อไรอยากได้ถนน กับไฟฟ้า ให้บอกมาได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวให้คนมาจัดการให้" คำพูดนี้ท่านรัฐมนตรีเป็นคนพูดเอง เพราะถ้าเป็นคำสั่งของท่านคงใช้เวลาไม่นาน"ก็ไอ้หำน่ะสิ..เออ..ขอโทษครับ" ลุงพงษ์เผลอปากเรียกลูกชายท่านว่าหำต่อหน้า"ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ลุงถนัดแบบไหนก็พูดแบบนั้นเถอะ" เหนือตะวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้พูดให้ลุงคลายกังวล"ลูกหลานมันอยากจะเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้ ก็ทำตามคนที่เขาอยู่อาศัยต่อเถอะครับท่าน" มันยิ่งทำให้ป้าและลุงรักหลานชายคนนี้เพิ่มขึ้น เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่ยังมาอาศัยอยู่กับพวกท่าน ถือว่าบุญเก่าเคยทำมาร่วมกัน"คุณพ่อกับคุณแม่กลับไปก่อนนะครับ ถ้าพ้นช่วงฮันนีมูนแล้วเดี๋ยวผมจะพาลูกสะใภ้กลับไปหาเอง" เหนือตะวันพูดพร้อมกับเปิดประตูให้ผู้เป็นพ่อกับแม่ได้ขึ้น"ฝากดูแลท่านทั้งสองด้วยนะเสก" เขายังหันไปพูดกับเสกสรรที่กำลังจะขึ้นรถอีกคัน"ได้สิ มึงอย่าลืมนะว่านี่ก็พ่อตาแม่ยายกูเ
"คิดถึง""คะ?" จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่าคำที่ท่านบอกว่าคิดถึง หรือมือที่ท่านยื่นมาโอบกอด สัมผัสแบบนี้ไม่เคยเจอมาเป็นสิบปีแล้ว ถึงแม้เวลามันจะยาวนาน แต่นางก็นับวันนับคืน ว่าเมื่อไรสามีจะหันหน้ากลับมาหา แต่ยิ่งท่านหันหลังให้ก็ยิ่งเดินห่างไกลออกไป วิ่งตามเท่าไรก็ตามไม่ทัน"ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" ความคิดนี้พุ่งขึ้นมาในหัว ส่วนมากถ้าคนที่เป็นโรคร้าย ชอบจะกลับมาตายรังแบบนี้เสมอ เพราะอีหนูพวกนั้นคงดูแลไม่ได้"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ""ก็ดูท่านเปลี่ยนไป" นอกจากคำว่าคุณแล้ว ประไพชอบเรียกสามีว่าท่าน เพราะยังไงนางก็อายุน้อยกว่าเป็นสิบปี"ถ้าผมไม่สบายจริง คุณจะดูแลไหม"เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงสะอื้นของภรรยาเก่า พร้อมกับมือที่ขยับขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออก"คุณเป็นอะไร" สำราญตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง จะจุดไฟตะเกียงก็ทำไม่ได้แล้วเพราะทำไม่เป็น"คุณป่วยระยะที่เท่าไรแล้วคะ""ระยะที่เท่าไรหมายความว่ายังไง""คุณเป็นมะเร็งใช่ไหม คุณไปหาหมอมาหรือยัง แล้วทำไมคุณไม่รีบกลับมาหาฉัน" สิ้นประโยคคำพูดเสียงสะอื้นของนางก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ที่ประไพคิดแบบนี้ ก็เพราะมีไม่กี่โรคหรอกคนรุ่นราวคราวนี้ที่จะเจอ"ใจเย็นก่อนสิคุณ""ทำไมคุณไม่รี
ในเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านปลายนา..หลังจากร่วมรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ลุงพงษ์กับป้าวรรณี และคู่ที่มาฮันนีมูนก็ได้กลับบ้าน ซึ่งปล่อยให้ท่านรัฐมนตรีกับอดีตภรรยาได้อยู่ด้วยกันแค่สองคน ในบ้านหลังที่พ่อและแม่ของมิลานเคยอาศัยอยู่เรามารู้จักกับท่านรัฐมนตรีและภรรยาเก่ากันบ้าง สำราญ ชายวัย 57 ปี แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เป็นไปตามอายุเท่าไร เพราะดูแลร่างกายดี ส่วนประไพ ซึ่งอายุน้อยกว่าสามีเก่าถึง 10 ปี ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยในปีนั้นนางก็ได้คว้าดาวมหาวิทยาลัยมาครอง ความสวยของนางก็ยังคงมีอยู่ แต่ด้วยความไม่พอของสามี จึงยังต้องการเด็กสาวเข้ามาเติมเต็ม"คุณนอนได้ไหมล่ะคะ""นอนได้สิ" สำราญพูดพร้อมกับค่อยๆ หย่อนกายมุดเข้าไปในมุ้งแบบลำบากเพราะไม่เคยนอนแบบนี้มาก่อน"หึ..มันก็สรรหาที่มาอยู่นะ""แต่ผัวเมียคู่นั้นก็ดูรักลูกเราดีนะคะ""อืมม..ชีวิตแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ""คุณนอนไปก่อนเลยนะคะ ฉันจะลงไปเล่นข้างล่าง" ว่าแล้วนางก็แยกตัวลงมาก่อน ..อายุปูนนี้แล้วทำไมหัวใจยังเต้นแรงอยู่อีกควรพอได้แล้วมั้งประไพ เข้าใกล้สามีเก่าแล้วรู้สึกหวั่นไหวจนต้องได้ตำหนิตัวเองพอลงมาถึงข้างล่างนางก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งตอนน
"คนเจ้าเล่ห์" ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรเพื่อแลกเปลี่ยน"เจ้าเล่ห์ที่ไหนอยากรู้ความลับก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันหน่อยสิ" ใบหน้าหล่อคมขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปากบางแบบห้ามใจตัวเองไม่อยู่"ครั้งนี้พี่จะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วไหม" หญิงสาวไม่ปฏิเสธแถมเธอยังหลับตาให้ แต่อดที่จะถามออกไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าเรื่องแบบเดิมๆ มันจะกลับมาอีกครั้ง"ไม่แล้ว..และพี่จะไม่ขอโทษเราอีก แต่พี่จะทำให้เราเห็น" เสกสรรรู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร ตอนนั้นเขายังคึกคะนองในตัวเอง และเสียดายความโสดของตัวเอง จึงได้พยายามผลักไสเธอออกไป"พี่จะทำอะไรให้ฉันเห็น" ดวงตากลมเปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อมองสบตา"ทำให้เห็นว่าพี่รักเราไง"น้ำตาได้ไหลลงมาจากดวงตางามคู่นั้น เธอสัมผัสได้ว่าที่เขาพูดมันออกมาจากใจจริง ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เขาต้องการแค่ร่างกายของเธอ"ไม่ร้องนะคนเก่งของพี่" จากที่จะจูบก็เลยได้เปลี่ยนมาเป็นซับน้ำตาให้"ฉันเก่งที่ไหน""เก่งสิ..ถ้าจั๊กจั่นของพี่ไม่เก่งแล้วใครจะเก่งล่ะ" เสกสรรคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้"ยังเจ็บอยู่ไหม"หญิงสาวตอบด้วยการส่ายหน้าเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอลืมความเจ็บปวดไปได้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีความ
"จะ..จะ..จริงเหรอวะ" อัมพรแม่ของจั๊กจั่นไม่ค่อยเชื่อ แต่พอมีคนไปตามก็รีบมาดู"ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้ใครทำร้ายหนูได้อีกแล้ว เราจะกลับไปพร้อมกันนะ" ประไพพูดพร้อมกับลูบผมของจั๊กจั่นเบาๆ เพื่อปลอบใจหญิงสาวไม่ตอบแต่เธอพยักหน้าเพราะตื้นตันใจ ขนาดท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ ยังเป็นห่วงเธอขนาดนี้"คนนี้บอกว่าเป็นแม่ของคุณจั๊กจั่นครับท่าน" ตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่ข้างนอกได้พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา"จั๊กจั่น" อัมพรตกใจที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้"คนนี้ใช่ไหม" ประไพถามจั๊กจั่น แต่สายตามองไปที่อัมพร ซึ่งข้างกายของอัมพรก็มีผู้หญิงอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับจั๊กจั่นยืนอยู่ด้วยจั๊กจั่นทำได้แค่ส่ายหน้า เพราะเป็นห่วงแม่ ยังไงท่านก็เป็นแม่ที่ให้กำเนิด"บอกแม่มาตามตรง คนนี้ใช่ไหมคือแม่ใจร้ายที่ทำหนู""เกิดอะไรขึ้นน่ะน้า" ตั๊กแตนสะกิดข้างของน้าอัมพร แล้วถามเบาๆ สายตาก็ได้มองไปดูทั่วบริเวณบ้านของเสกสรร ซึ่งตอนนี้ผู้ชายที่แต่งตัวภูมิฐาน ต่างก็ยืนรอบล้อมอยู่แถวนั้น"ท่านนี้คือผู้ใหญ่ที่จะมาสู่ขอจั๊กจั่นให้ผมครับ" เสกสรรซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ก็เดินเข้ามาแนะนำให้แม่ของจั๊กจั่นได้รู้จัก"ท่านคือ ท่านรัฐมนตรีสำร
"กูขอโทษด้วยนะที่ทำให้มึงเดือดร้อนไปด้วย" พอเหตุการณ์ปกติ ทั้งสี่ก็ได้มานั่งคุยกันที่บ้านหลังเดิมของมิลาน"ไม่เป็นไรหรอกน่าา เป็นเพื่อนกัน""แล้วพ่อมึงจะยอมมาไหมวะ" ด้วยความโมโหและความเป็นห่วงคนรัก เขาก็เลยพูดไปโดยไม่ได้คิด เพราะคนระดับท่านรัฐมนตรีจะว่างมาให้ไหม"ต้องลองคุยกับพ่อดูก่อน""อย่าคิดมากนะเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไป" มิลานได้แต่ปลอบใจจั๊กจั่นที่นั่งทำหน้าเศร้า"ทุกคนก็เลยต้องได้มาเดือดร้อนเพราะฉัน ฉันน่าจะกลับไปพร้อมแม่ให้เรื่องมันจบๆ ไป""ทุกคนเต็มใจช่วย อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ"เหนือตะวันก็เลยเดินเข้ามาเอาโทรศัพท์ที่รถ เพื่อที่จะโทรหาพ่อดูก่อน.. ที่เขาต้องเก็บโทรศัพท์ไว้ในรถเพราะยังไงบ้านปลายนาก็ไม่ค่อยมีสัญญาณอยู่แล้ว แถมไม่มีไฟฟ้าที่จะชาร์จโทรศัพท์ด้วยเวลาผ่านไป.. ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เขาก็ได้กลับมาหาทั้งสามที่นั่งรออยู่ที่เดิม"พ่อกูติดประชุมในพรรค""ท่านปลีกตัวมาไม่ได้เลยเหรอ" มิลานเดินเข้ามาถามสามี"ไม่แน่ใจ""ทำไมไม่ถามดีๆ ก่อนล่ะ""ทุกคนพอแค่นี้เถอะ ฉันจะกลับบ้าน" จั๊กจั่นไม่อยากจะให้ พวกเพื่อนๆ ต้องมาเดือดร้อนกับเธอมากไปกว่านี้อีกแล้ว"ไม่ได้นะ
"มานี่เลยนะนังลูกไม่รักดี!" อัมพรเดินเข้าไปคว้าตัวลูกสาวเข้ามาหวังจะทำโทษ"อย่าทำอะไรจั๊กจั่นนะน้า" เสกสรรที่เดินตามหลังมา ดูท่าไม่ดีก็เลยรีบเข้ามาขวางไว้"เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอเสก ไหนตกลงกับน้าแล้วไงว่าจะไม่เจอหน้ากัน""ผมแค่มาส่งเห็นมันมืดค่ำแล้ว น้าจะปล่อยให้ลูกสาวมีอันตรายหรือไง" ในขณะที่พูดสายตาของเขาตวัดมองไปที่ตั๊กแตน แต่ก่อนไม่เคยรู้เลยว่าตั๊กแตนจะเป็นคนนิสัยแบบนี้ เพราะดูเรียบร้อย ผิดกับอีกคนที่เขากำลังหลงใหลอยู่ในตอนนี้ เธออาจจะเป็นคนที่ดูแรง แต่เธอก็ไม่ได้เสแสร้งเหมือนตั๊กแตน"ใครก็พูดได้ถ้าจะพูดแบบนี้" ตั๊กแตนยังพูดยุแยง เพราะได้ยินเมื่อตอนกลางวันเรื่องที่เสกสรรมาสู่ขอจั๊กจั่นอีกครั้ง ก็เลยเริ่มจะหมั่นไส้"ตกลงแม่จะตีไหม ถ้าไม่ตีฉันจะกลับเข้าห้องแล้ว""จั๊กจั่นอย่าพูดแบบนั้น" เสกสรรห้ามปรามไว้ เพราะมันเหมือนกับไปกระตุ้นอารมณ์ของแม่ เขากลัวว่าน้าอัมพรจะตีเธอซ้ำรอยเดิม"พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอกกลับบ้านพี่ไปเถอะ" จั๊กจั่นหันมาตวาดใส่เสกสรร เพราะถ้าเขายังอยู่กลัวว่าเรื่องจะบานปลายมากไปกว่านี้"พี่จะกลับ แต่ต้องแน่ใจก่อนว่าน้าอัมพรจะไม่ตีเรา" แต่เสกสรรไม่ยอมไปเพราะกลัวแม
"ไอ้เสกมึงจะฆ่าแม่หรือไง" พ่อรีบเข้ามาในครัวเมื่อได้ยินเสียง"ผมฆ่าแม่ตอนไหน""ก็เรื่องที่มึงกำลังพูดอยู่เมื่อกี้ไง!""พ่อได้ยินแล้วเหรอ""กูได้ยินตั้งแต่คำแรกที่มึงพูดแล้ว" ที่พ่อของเขาได้ยินเพราะท่านอยู่แถวหน้าต่าง ตรงที่เขาคุยกับแม่พอดี"นะพ่อนะ..ไปขอเมียให้ผมหน่อยนะ"ผู้เป็นพ่อไม่ตอบ แต่เดินเข้าไปเก็บของที่ภรรยาทำตกหล่น"พ่อกับแม่จะไปคุยให้ผมไหมเนี่ย""มึงจำได้ไหมก่อนที่มึงจะหนีเข้ากรุงเทพฯ มึงก็พูดคำนี้แหละ แต่มึงให้พวกกูไปถอนคำพูด จนเสียค่าสินไหมไปกี่แสน""เรื่องนั้นผมขอโทษ ผมรับรองว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแล้ว""กูไม่เชื่อมึงหรอกไอ้เสก""เชื่อผมเถอะพ่อ" เสกสรรเดินตามพ่อออกมาหน้าบ้าน เพราะตอนนี้พ่อเอาขยะออกมาทิ้ง"ถูกตีเลยเหรอวะ" จังหวะนั้นป้าร้านค้ากำลังคุยกับตั๊กแตนอยู่พอดี"จะเหลือเหรอป้า""เรื่องปกติของแม่มันอยู่แล้ว เอะอะอะไรก็ตีลูก""สมน้ำหน้าน่ะสิไม่ว่า เดี๋ยวก็ท้องไม่มีพ่อเข้าสักวัน""กำลังพูดถึงเรื่องใครอยู่" เสกสรรเดินตามพ่อออกมาได้ยินคำนี้พอดี"จะพูดถึงใครล่ะ ก็พูดถึงเรื่องผู้หญิงที่พี่ไม่เอาแล้วไง" ตั๊กแตนหันไปพูดกับเสกสรรแบบได้ใจ เหมือนกับว่าหาแนวร่วมเพราะ