แชร์

บทที่ 960 พวกข้าต้องการท่าน

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เย่จิ่งหลานเพิ่งกินข้าวต้มทะเลเสร็จ ฮั่วเทียนเฉิงและคนอื่นๆ ก็กลับมายังริมชายฝั่ง

อารมณ์ของทั้งสามคนดูไม่มีความสุขนัก สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

“คุณชายน้อยเย่ ออกไปคุยกันหน่อยได้หรือไม่”

ฮั่วเทียนเฉิงเผยรอยยิ้มออกมา ราวกับผู้อาวุโสที่จิตใจอ่อนโยน

“ได้สิ”

เย่จิ่งหลานหยิบผ้าเช็ดมือเล็กๆ ออกมาหนึ่งผืน เขาเช็ดมืออย่างสง่างามครู่หนึ่ง และตามฮั่วเทียนเฉิงมายังริมหินประหลาดก้อนหนึ่ง

เขารักษาระยะห่างจากฮั่วเทียนเฉิงห้าก้าวอยู่เสมอ เพื่อสะดวกที่จะหนีเข้าไปในมิติ

อินชิงเสวียนเคยบอกว่า เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นสูง มิติจะถูกพลังอำนาจปิดกั้นไว้ ซึ่งเข้าไปได้ยาก เย่จิ่งหลานจดจำอยู่เสมอ ตอนนี้เรือใกล้สร้างเสร็จแล้ว เขาก็ไม่ต้องการให้มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นอีกเช่นกัน

“ท่านฮั่วมีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”

ฮั่วเทียนเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นแม่นางคนหนึ่ง คงเป็นสาวรับใช้คุ้มกันของผู้คุมตราเซี่ยวสินะ มีนางอยู่ด้วยก็คงไม่ยากที่จะเข้าสู่เกาะตงหลิว”

เขาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ดังนั้น ข้าอยากเชิญคุณชายน้อยเย่ไปกับข้าสักครั้ง”

“ท่านฮั่วจะพาข้าไปที่ใดกันแน่ และเหตุใดต้อง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 961 ทักษะมิติที่สุดยอด

    ความเร็วของฮั่วเทียนเฉิงว่องไวมาก เรียกขานว่าสายฟ้าก็ไม่เกินจริงเวลาเพียงชั่วพริบตา ความคิดนานาประการผุดขึ้นมาในหัวของเย่จิ่งหลานกำบังกาย? ยิงปืน? เลื่อนตัวหนีไป? แต่ล้วนเป็นไปไม่ได้ดังนั้น... ฮั่วเทียนเฉิงไม่คิดว่าตัวเองจะพลาดท่า เขาจับตัวเย่จิ่งหลานได้แล้วจริงๆ แต่กลับเกิดเรื่องที่ทำให้เขาคาดคิดไม่ถึง ทัศนียภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงจู่ๆ ริมทะเลเป่ยไห่ก็เปลี่ยนเป็นห้องสีขาวรอบด้าน ด้านในมีสามเตียง และผ้าห่มก็เป็นสีขาวสะอาดสะอ้าน หัวและปลายเตียงทำจากโลหะหายากเขามองสำรวจทัศนียภาพรอบด้านด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจ โจวหนิงและต้วนจื่อฉู่ที่อยู่ด้านหลังก็มีสีหน้ามึนงงเช่นกันสรุปว่าคือความฝัน หรือตาลายกันแน่? โจวหนิงยื่นมือออกมาหยิกที่ต้นขาของตัวเอง ต้วนจื่อฉู่ก็ออกแรงขยี้ตา เมื่อพวกเขาได้สติกลับมา ภาพตรงหน้ายังคงเป็นเช่นเดิมเหมือนเมื่อครู่“ที่นี่คือที่ใดกัน?”ฮั่วเทียนเฉิงปล่อยมือลงโดยไม่รู้ตัวครั้งนี้ เย่จิ่งหลานไม่ได้ถอยหลังออกไปสามวันก่อนหน้านี้ เขารักษาชาวบ้านคนหนึ่งที่มีเนื้องอกในสมองจนหายดี และได้รับคะแนนการผ่าตัดระดับสุดยอด มิติจึงได้รับการแจ้งเตื

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 962 หวงกุ้ยเฟยกรุณาดูแลตัวเองด้วย

    ฮวาเชียนยืนไม่ห่างอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นเย่จิ่งหลานปรากฏตัวใต้หินประหลาด จึงรีบวิ่งเข้ามาทันที“คุณชายน้อยเย่ ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”“ไม่เป็นไร ฮั่วเทียนเฉิงและศิษย์ถูกข้าขังไว้ในมิติ ออกทะเลได้เมื่อไร ค่อยปล่อยพวกเขาออกมา เป็นการยากที่จะแยกแยะทิศทางของทะเล และไม่ว่าวิทยายุทธ์สูงส่งแค่ไหนก็ไม่สามารถใช้มันได้ สงครามครั้งนี้พวกเราต้องชนะ!”เมื่อมองใบหน้าเล็กที่มีจิตใจฮึกเหิมของเย่จิ่งหลาน ดวงตาของฮวาเชียนก็เคลิบเคลิ้มตามไปด้วย ราวกับว่ามองเห็นเย่จิ่งอวี้ที่อยู่ในวัยเด็ก สมแล้วที่เป็นพี่น้องกัน ช่างเหมือนกันจริงๆ“เช่นนั้นก็ดี ข้าขอตัวก่อน”เย่จิ่งหลานโน้มตัวเล็กน้อย“ท่านอาฮวากลับดีๆ ขอรับ”... ณ พระราชวังอินชิงเสวียนมาถึงหอฉยงหวาแล้ว เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าด้านในเรือนมีพัสดุขนาดใหญ่วางอยู่หลายสิบชิ้น ดูท่าทางซูฉ่ายเวยจะเก็บสะสมสมบัติไว้ไม่นอนในครึ่งปีนี้ขณะนั้น นายบ่าวสองคนยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่ในเรือนก่อนที่อินชิงเสวียนจะจากไป ซูฉ่ายเวยก็พอมองออกแล้วว่า พระราชโองการเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นสักวัน นางก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจอะไรชื่อของนางถูกจารึกไว้ในวัง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 963 ความเข้าใจของพุทธและเต๋า

    “ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป จนชั่วฟ้าดินสลาย!”เสียงของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นข้างหู ลึกซึ้งและมั่นคงราวกับเข็มเทพใต้ทะเล ตกอยู่กลางใจของอินชิงเสวียนอย่างหนักแน่นนางสูดจมูก และเผยรอยยิ้มที่สดใสเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง“ข้าจะเสียใจได้อย่างไรกัน นี่คือชีวิตที่ข้าต้องการมาตลอด อาอวี้พูดถูก ในวังยังมีนางสนมนางกำนัลอีกมาก เมื่อมีเวลาว่างข้าจะไปเรียนงานเย็บปักถักร้อยและพูดคุยกับพวกนาง ยังมีไห่ถังและเสี่ยวหนานเฟิง ข้าไม่มีทางเหงาแน่นอน”เมื่อเห็นรอยยิ้มงดงามราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มที่มุมปากอย่างอดไม่ได้เขาเหยียดนิ้วชี้อันเรียวยาวของเขาออก และเกาที่สันจมูกของอินชิงเสวียนด้วยความรักใคร่“ถูกต้องแล้ว เสวียนเอ๋อร์ของข้าจะเหงาได้อย่างไรกัน เสวียนเอ๋อร์เป็นคนที่มีนิสัยอยู่นิ่งไม่ได้ วันนี้ออกจากวังไปไหนมางั้นหรือ?”“ไปโรงเรียนสอนการต่อสู้เพคะ การเปลี่ยนแปลงของกวนเซี่ยวถือว่ามากเลยทีเดียว นิสัยสุขุมขึ้นมาก เพียงแต่ชีวิตของฟางรั่วเกรงว่าคงไม่ง่ายนัก”อินชิงเสวียนกอดแขนของเขา ทั้งสองเผชิญหน้ากับแสงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน มุ่งหน้าเดินไปยังตำหนักจินหวู“จอมพลเฒ่าก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 964 อยากสวมมงกุฎ ต้องรับภาระอันหนักอึ้ง

    “อาอวี้คิดสิ่งใดงั้นหรือ?”หน้าประตูตำหนักจินหวู อินชิงเสวียนหยุดฝีเท้าลง มองไปที่เย่จิ่งอวี้ด้วยยิ้มแสนหวานเย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างงดงาม“ไม่มีอะไร”“เด็จพ่อ~”เสียงนุ่มนิ่มของเสี่ยวหนานเฟิงดังขึ้นมาจากด้านหน้า อินชิงเสวียนหันหน้ามาก็เห็นร่างเล็กที่ผุดผ่องในทันทีเย่จิ่งอวี้รีบเดินอยู่หลายก้าว และอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นมา“คิดถึงเสด็จพ่อแล้วใช่ไหม?”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กออกมา ออกแรงกอดคอของเย่จิ่งอวี้ ใบหน้าเล็กที่เรียบเนียนถูกับแก้มของเขา พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่มว่า “คิดคิด~”เย่จิ่งอวี้หอมใบหน้าที่นุ่มนวลเหมือนราวกับผ้าแพร“เสด็จพ่อก็คิดถึงจ้าวเอ๋อร์แล้ว สองวันนี้จ้าวเอ๋อร์เป็นเด็กดีหรือไม่?”เสี่ยวหนานเฟิงยืดหน้าอกเล็กๆ ของเขาขึ้นในทันทีและพยักหน้าเล็กๆ ราวกับไก่จิกข้าวสาร“จ้าวเอ๋อร์เด็กดี!”“ลูกรัก”เย่จิ่งอวี้อุ้มลูกชายเข้ามาในตำหนัก ทันใดนั้นก็พบว่าบนเบาะนุ่มมีการ์ดใบเล็กๆ วางไว้มากมาย ด้านบนเขียนบทกวีรื่นหู เข้าใจง่าย และยังมีภาพประกอบที่เกี่ยวข้องกันด้วย เหมาะสำหรับจุดประกายสติปัญญาการ์ดใบเล็กที่สวยงามเช่นนี้ ต้องเป็นอินชิงเสวียนที่เอามาจากในมิติ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 965 พระองค์คงไม่ได้มีพระครรภ์หรอกใช่ไหม

    “เหนียงเหนียง เป็นอะไรเพคะ? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่เพคะ?”ยายหลี่วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ“ไม่เป็นไร คงเพราะเมื่อวานตากลมเย็นน่ะ”อินชิงเสวียนพูดออกไปจังอวี้จิ่นเหลือบมองอินชิงเสวียน ลังเลครู่หนึ่งและพูดเสียงเบาว่า “เหนียงเหนียง พระองค์... พระองค์คงไม่ได้... มีพระครรภ์ใช่ไหมเพคะ?”อวิ๋นฉ่ายเบิกดวงตาสองข้างในทันที และหันหน้าไปมองอินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “พระสนม หรือว่าพวกเราจะมีงานมงคลถึงสองเรื่องเลยเพคะ?”เสี่ยวอานจื่อรีบพูดว่า “กระหม่อมจะไปตามหมอหลวงเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”“อย่าเพิ่งไป”อินชิงเสวียนรีบห้ามเขาไว้“อย่าพูดมั่วไป ข้ารู้ร่างกายของตัวเองดี ก็แค่ท้องไส้แปรปรวนธรรมดา อย่าพูดเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทได้ยินล่ะ”แม้อินชิงเสวียนจะปฏิเสธ แต่ก็มีความชั่งใจอยู่บ้างดูเหมือนว่าเดือนนี้นางยังไม่มีระดู หรือว่า... นางตั้งครรภ์ลูกของเย่จิ่งอวี้แล้วจริงๆ? การได้รู้เรื่องนี้ทำให้อินชิงเสวียนมีความสุขอยู่บ้าง แต่ไม่อยากหาหมอหลวงในตอนนี้ เพราะถ้าหากไม่มีจริงๆ จะไม่ใช่การดีใจเก้องั้นหรือ? ค่อยหาโอกาสไปตรวจกับหมอพื้นบ้านนอกวังดีกว่า หากเป็นจริง ค่อยกลับมาบอกเย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 966 เสวียนเอ๋อร์ในวันนี้ ช่างงดงามจริงๆ

    “เสวียนเอ๋อร์ในวันนี้ ช่างงดงามจริงๆ!”เย่จิ่งอวี้จับมือเล็กที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของอินชิงเสวียน พร้อมกล่าวชื่นชมอย่างจริงใจอินชิงเสวียนชายตาที่สดใสมองด้วยความซุกซน“ฝ่าบาทก็เช่นกันนะเพคะ!”เมื่อมองใบหน้าหล่อเหลาที่ครึ่งหนึ่งถูกซ่อนไว้ใต้ลูกปัดโมรา อินชิงเสวียนก็ยิ้มหวานออกมา“นี่ถือว่ากำลังชมข้าหรือไม่?”เย่จิ่งอวี้ก้มหน้าถาม สายตาก็กวาดตามองไปทั่วใบหน้าเล็กที่งดงามอย่างอดไม่ได้อินชิงเสวียนในวันนี้ราวกับพระจันทร์อันสุกสว่างที่แขวนอยู่บนสุดของท้องฟ้า สุกใสเป็นประกาย มีกิริยาท่าทางที่เรียบร้อย งดงามจนผู้คนไม่อาจละสายตาได้อินชิงเสวียนเม้มปากยิ้ม“แน่นอนเพคะ”“เช่นนั้นก็ขอบใจมาก”เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือมาอุ้มอินชิงเสวียน และก้าวเท้ายาวเดินออกไปนอกวังอินชิงเสวียนร้องด้วยความตกใจ จึงคว้าคอเสื้อของเขาโดยไม่รู้ตัว“ระยะทางแค่นี้ หม่อมฉันเดินเองได้เพคะ”“ชุดพวกนี้หนักเกินไป ข้าทำใจไม่ได้หรอก”เย่จิ่งอวี้เดินตัวเบาราวกับสายลม และขึ้นไปบนพระที่นั่งจักรพรรดิอินชิงเสวียนนั่งพิงบนเบาะนุ่มด้วยใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย นิ้วของนางพันกันโดยไม่รู้ตัว นางมีความกังวลเล็กน้อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 967 อ่านใจ

    ฉางเฮิ่นเทียนก้มศีษะลง และพูดด้วยใบหน้าที่นอบน้อม “แม้เอาความกล้าทั้งสิบชาติของผู้เยาว์มารวมกัน ผู้เยาว์ก็ไม่อาจปิดบังผู้อาวุโสได้ขอรับ”ผู้อาวุโสหันทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดว่า “ฮั่วเทียนเฉิงไปยังเป่ยไห่และหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้ข้าจึงต้องมาเชิญอินชิงเสวียนด้วยตัวเอง”ฉางเฮิ่นเทียนถามลองเชิงว่า “ผู้อาวุโสไม่คิดจะพาเย่จิ่งอวี้ไปด้วยหรือขอรับ? ผู้อาวุโสของอิ๋นเฉิงเคยพูดว่า บางทีชายสกุลเย่อาจเป็นคนสำคัญในการเปิดวิถีแห่งสวรรค์”ผู้อาวุโสหันเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา“หากเจ้าและเขามีความแค้นต่อกัน เจ้าก็ไปจัดการด้วยตัวเอง หากมีคนในอิ๋นเฉิงรู้เรื่องนี้จริง ทำไมพวกเขาไม่ไปตามหาด้วยตัวเองเล่า ต่อไปอย่าได้พูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้อีก”ฉางเฮิ่นเทียนสั่นไปทั้งตัว“ผู้อาวุโส... ของพวกเราพูดเช่นนี้จริงๆ ขอรับ ส่วนเรื่องอื่นๆ... ผู้เยาว์ก็ไม่อาจทราบได้”เมื่อผู้อาวุโสหันจ้องหน้า ฉางเฮิ่นเทียนก็หุบปากในทันทีขณะเดียวกันนั้น ร่างที่สวมชุดสีดำกฌเดินขึ้นไปบนชั้นสองพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “พนักงาน ข้าขอสั่งสุราหนึ่งไห”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย ผู้อาวุโสหันก็หันหน้ามาทันที ทัน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 968 ดอกไม้บานและร่วงย่อมกลับคืนสู่ธุลี

    เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นต่างก็มองออกไปนอกตำหนักโหราจารย์ใบหน้ายิ้มแย้ม มีรอยยิ้มที่มุมปากเมื่อแต่งตั้งฮองเฮาแห่งต้าโจวแล้ว จึงจะเกิดความสมดุลปรองดองของยินหยางที่แท้จริง ส่วนเรื่องการโยกย้ายวังหลัง แม้ฝ่าบาทไม่มีพระราชโองการเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ทุกคนก็รู้แก่ใจดีแต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังคิดเพ้อฝันอยู่ ในเมื่อฝ่าบาทไม่ได้ประกาศต่อประชาชนใต้หล้า ก็เท่ากับว่ายังไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้สิ้นซาก ไม่แน่ว่าเป็นการตัดสินใจเพียงชั่ววูบ ขอเพียงลูกสาวของตัวเองยังอยู่ที่นี่ ก็นับว่ายังมีโอกาสฉินไห่ฉิวและหานสือมองหน้ากันและพยักหน้าต้าโจวมีฮองเฮาที่ดีเช่นนี้ ฝ่าบาทจะต้องทุ่มกำลังสร้างสรรค์ประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง ปกครองประเทศชาติเป็นอย่างดี ราวกับว่าทั้งสองคนเห็นว่าในอนาคตไม่ไกลนี้ ต้าโจวมีเกิดความเจริญรุ่งเรืองทุกคนต่างคิดเรื่องของตัวเอง อินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้าไปในตำหนักพวกเขาทั้งสองเดินไปจนถึงแท่นมังกรที่ฝังไว้ด้วยลูกปัดโค้งมังกรเก้าเม็ด จากนั้นก็ค่อยๆ หันกลับมาแล้วมองไปที่เหล่าขุนนางหลี่เต๋อฝูหยิบพระราชโองการมาทันที และคุกเข่าอ่านเสียงดัง“ฝ่าบาทมีวีถีธรรมสูง

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status