แชร์

บทที่ 931 สุขสันต์ปรองดอง

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-07-03 16:00:01
อินจ้งตัวสั่นตัวสั่นเทิ้ม น้ำชาไหลหยดออกมาจากมือ

“นาง ตายแล้วจริงๆ หรือ”

“ตายแล้ว”

อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ “จูอวี้เหยียนก่อกรรมทำชั่ว จิตสำนึกสูญสิ้น ท่านพ่อคงรู้ว่ากู่ในร่างกายพี่ใหญ่เป็นฝีมือของนาง เป่าเล่อเอ่อร์ก็เช่นเดียวกัน ตัวหายนะแบบนี้ ท่านพ่อยังรู้สึกเสียใจเพราะนางอยู่งั้นหรือ”

หลังจากถามประโยคสุดท้าย อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าตัวเองทำเกินไปหน่อย เจ้าของร่างเดิมดูแลย่าอย่างดี แต่ตัวเองกลับพูดกับพ่อของนางเช่นนี้ จึงอดรู้สึกผิดไม่ได้

ขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ก็ได้ยินอินสิงอวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงจงเกลียดจงชัง “น้องหญิงใหญ่พูดถูก คนเลวทรามเช่นนาง สมควรตายไปตั้งนานแล้ว ถึงฮ่องเต้จะไม่ลงมือ ข้าก็จะชำระสะสางให้ตระกูลอินเอง”

อินจ้งเงียบอยู่นาน จากนั้นถอนหายใจยาว

“พ่อมิใช่คนที่ไม่แยกแยะผิดถูก ยังรู้ด้วยว่าจูอวี้เหยียนก่อกรรมทำชั่วมากมาย เอาเถอะ ทั้งหมดนี้เป็นเวรกรรมที่นางก่อขึ้นเอง ในเมื่อนางเป็นคนปลูกต้น ก็สมควรต้องรับผลร้ายที่ตามมา พ่อพยายามเต็มที่แล้ว แม้ว่าต้องไปพบกันในปรโลก ก็ไม่มีอะไรต้องละอายใจ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่อินจ้งพูด อินชิงเสวียนก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 932 ไม่เมาไม่กลับ

    เมื่อได้ยินคำชมของเสด็จอา เย่จิ่งอวี้ก็ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย“เสวียนเอ๋อร์เคยกล่าวไว้ว่า น้ำสามารถบรรทุกเรือได้แต่ก็สามารถทำให้พลิกคว่ำได้ ถ้าใต้หล้าสงบสุข ราษฎรจะคิดกบฏได้อย่างไร การเดินทางจากเมืองหลวงครั้งนี้ นับว่าข้าได้ออกไปเปิดหูเปิดตาได้เห็นความทุกข์ยากของราษฎรอย่างแท้จริง ต่อจากนี้ไปทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานหนักเพื่อปกครองและสร้างต้าโจวให้เจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริง”เมื่อมองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เขาเห็นระหว่างทาง เย่จิ่งอวี้ก็ทอดถอนใจอย่างลึกซึ้งเย่จั้นพยักหน้าและกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ ต้องสามารถเปิดศักราชใหม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยความช่วยเหลือจากกุ้ยเฟย วันหน้าเมื่อกระหม่อมเดินทางออกจากเมืองหลวง ก็สามารถวางใจได้แล้ว”เย่จิ่งอวี้กล่าวอย่างอบอุ่น “สถานการณ์ในเมืองซุ่ยหานสงบมั่นคง เสด็จอาไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ข้าอยากจะใช้เวลาอยู่กับเสด็จอาอีกหลายวัน”ทันใดนั้นเย่จั้นก็ลุกขึ้น ยกเสื้อคลุมและคุกเข่าลงกับพื้นเย่จิ่งอวี้กล่าวด้วยความตกใจว่า “เสด็จอานี่หมายความว่าอย่างไรหรือ”เย่จั้นโขกศีรษะลงกับพื้น“กระหม่อมอยากพักจากราชการทหารชั่วคราว ออกเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน หวังว่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-03
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 933 กลับวังหลวง

    สองอาหลานอุตส่าห์ได้เปิดใจกันทั้งที จนกระทั่งไม่มีแรงต้านทานฤทธิ์สุราได้ สุดท้ายจึงนอนด้วยกันอยู่ในตำหนักเฉิงเทียนหลี่เต๋อฝูสั่งให้คนเก็บกวาดงานเลี้ยง คลุมผ้าห่มให้สองอาหลาน แล้วจากไปพร้อมกับกลุ่มขันทีน้อยโชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ฝ่าบาทจึงไม่ต้องตื่นมาประชุมเช้า อยากนอนถึงตอนไหนก็นอนได้เต็มที่เมื่อนึกถึงการตรากตรำทำงานทั้งวันทั้งคืนของฮ่องเต้นับตั้งแต่เขาขึ้นครองบัลลังก์ หลี่เต๋อฝูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ แทบอยากให้เขาจะได้นอนหลับทั้งวันทั้งคืน พักผ่อนร่างกายให้ดีกระซิบเสียงค่อย “ออกไปเฝ้าทางนั้น หากไม่มีรับสั่งจากฝ่าบาท ใครก็ห้ามเข้ามา”“ขอรับ”ขันทีน้อยเชื่อฟังคำสั่งของหลี่เต๋อฝู ต่างถอยออกไปด้วยความนอบน้อมค่ำคืนนี้จึงผ่านไปอย่างเงียบงัน เมื่ออินชิงเสวียนลืมตาขึ้น ดวงตะวันก็ลอยขึ้นสูงแล้วแม้ว่านางจะได้รับการปกป้องจากมิติ ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ แต่ช่วงเวลาที่ที่อยู่ในเป่ยไห่ก็ไม่ค่อยปลอดภัยนักตอนนี้เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวง จึงรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายใจ รู้สึกว่านอนหลับสบายมากยิ่งนักเสียงหัวเราะใสๆ ประหนึ่งเสียงกระพรวนของอินจื่อลั่วและเสี่ยวหนานเฟิงดังมาจากข้างนอก ท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-04
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 934 ที่นี่ถึงจะเป็นบ้านของเสวียนเอ๋อร์

    เสี่ยวหนานเฟิงลืมไปแล้วว่าเสด็จอาเป็นใคร ดวงตาโตราวกับองุ่นสีดำเบิกตากว้าง มองที่อินชิงเสวียนด้วยสีหน้างุนงง“เสด็จอาคือใครน่ะ”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป็นน้องสาวของเสด็จพ่อเจ้าอย่างไรล่ะ”เสี่ยวหนานเฟิงยังคงไม่เข้าใจ เขาก้มหน้าเล่นมือเล็กจ้อยของตัวเองเสียดื้อๆอินจื่อลั่วดึงชายเสื้อของอินชิงเสวียนอย่างไม่เต็มใจ“พี่หญิงอยู่ต่ออีกสองวันไม่ได้หรือเจ้าคะ”อินปู้อวี่ก็มองดูน้องสาวเช่นกัน เมื่อวานกลัวนางจะเหนื่อยเกิน จึงไม่ได้มารบกวน พวกเขาพี่น้องยังไม่ค่อยได้พูดคุยกันเลย อินชิงเสวียนกลับจะไปแล้วครั้นได้เห็นลูกๆ สามัคคีปรองดองกันเช่นนี้ อินจ้งก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง“พี่หญิงเจ้าออกจากวังมานานแล้ว จึงต้องมีเรื่องมากมายต้องจัดการ ห้ามก่อเรื่อง”เมื่อผู้เป็นบิดาเอ่ยปาก สองพี่น้องก็หุบปากทันทีเย่จิ่งอวี้เอื้อมมือออกไปรับลูกชาย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “รบกวนท่านขุนนางให้ดูแลเสวียนเอ๋อร์แล้ว วันหน้าเมื่อมีเวลาว่าง ข้าจะพาเสวียนเอ๋อร์ออกจากวังมาร่วงสังสรรค์กับทุกคนอีก”อินจ้งรีบโค้งคำนับและกล่าวว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตาพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้ได้จับมือน้อยของอิน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-04
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 935 ความคิดของฉุยอวี้

    อินชิงเสวียนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ“หรือว่าฝ่าบาทจะแต่งตั้งข้า?”เย่จิ่งอวี้ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดกระเซ้า “แล้วเจ้าชอบผู้ดูแลฝ่ายใน หรือผู้ตรวจการสำนักซ่างหลินมากกว่าล่ะ?”อินชิงเสวียนถ่มน้ำลาย แล้วพูดอย่างงอนๆ “ตอนนี้ข้าไม่ใช่ขันทีสักหน่อย จะอยากได้ตำแหน่งบ้าๆ พวกนั้นไปทำไม”เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น อย่างไรก็ต้องปฏิบัติตัวอย่างมีมารยาทตอนนี้มีแค่พวกเขาสองคน ซึ่งไม่ต่างจากคู่รักหนุ่มสาวทั่วไป จะมีการหยอกล้อสัพยอก กระเซ้าเย้าแหย่กันบ้างก็ไม่ถือว่าเสียมารยาทนักเย่จิ่งอวี้จับมืออันอ่อนนุ่มขาวเนียนของนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้น ข้าต้องการแต่งตั้งตำแหน่งดีๆ ให้เสวียนเอ๋อร์ เช่น สี่ฮุ่ยฮองเฮา ต่วนเสียนฮองเฮา ซุ่นหว่านฮองเฮา ข้าคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเสวียนเอ๋อร์ชอบชื่อไหน”อินชิงเสวียนรู้มานานแล้วว่าตัวเองจะถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา แต่ไม่คาดคิดว่าจะเร็วขนาดนี้ นี่เพิ่งกลับถึงวังเอง เย่จิ่งอวี้ก็แทบรอไม่ไหวแล้ว“เอ่อ...ไม่ต้องรออีกหน่อยหรือ”เย่จิ่งอวี้จากไปนาน คงมีเรื่องให้สะสางมากมายกระมัง!“ไม่จำเป็น ข้าตั้งตารอวันนี้มานานแล้ว ข้าแจ้งให้โหราจารย์หาฤกษ์มงคลเร็วๆ นี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-04
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 936 ไม่ปรารถนาสิ่งใดแล้ว

    ณ หอฉงฮวาซูฉ่ายเวยทราบข่าวการกลับมาของอินชิงเสวียนแล้ว คิดว่านางเดินทางไกลยากลำบาก จะต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่สักหลายๆ วัน เดิมทีคิดว่าอีกสองวันค่อยไปขอเข้าพบ ไม่นึกว่าอินชิงเสวียนจะเป็นคนมาเสียเอง “ถวายพระพรกุ้ยเฟยเพคะ!”เมื่อเห็นอินชิงเสวียนอีกครั้ง ซูฉ่ายเวยก็รู้สึกประหลาดใจระคนยินดีชั่วพริบตาก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว ของที่อินชิงเสวียนให้นางก็ถูกขายไปเกือบหมดแล้ว ตอนนี้ได้พบเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง จะไม่มีความสุขได้อย่างไร“เราต่างเป็นพี่น้องกัน เจ้ากับข้าไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น”อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปช่วยพยุงซูฉ่ายเวยขึ้น และนั่งบนเก้าอี้นวมยาวกับนางซึ่งแน่นอนว่าเมื่อได้ทำตามใจซึ่งกันและกัน ปล่อยวางเรื่องคดเคี้ยวเลี้ยวลดเหล่านั้น ซูฉ่ายเวยในตอนนี้ยิ่งสง่าผ่าเผยบุคลิกดีมากขึ้น อินชิงเสวียนพูดจากใจจริง “ในช่วงเวลาที่ข้าไม่อยู่นี้ หลิงเฟยได้ทำงานหนักแทนข้า ช่วยจัดการวังหลัง ลำบากแล้วจริงๆ”ซูฉ่ายเวยพูดด้วยรอยยิ้ม “กุ้ยเฟยยกย่องเกินไปแล้ว ข้าแค่ทำหน้าที่ของข้า ตอนนี้พวกนางเล็กๆ เหล่านั้นทำตัวสงบเสงี่ยมขึ้นมาก คิดว่าคงยอมแพ้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล”อินชิงเสวียนพยักหน้า พูดด้วยน้ำเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-04
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 937 ในที่สุดก็จะจบสิ้นแล้ว

    “กุ้ยเฟยทรงเกรงใจมากเกินไปแล้ว”ซูฉ่ายเวยมองสิ่งเหล่านั้น ด้วยดวงตาเป็นประกาย“คิดเสียว่านี่คือน้ำใจของข้าที่มีต่อเจ้า รับไว้เถอะ สิ่งเหล่านี้ข้าเหลือไม่มากแล้ว เกรงว่าต่อไปถึงอยากเอาออกมาให้เจ้าก็ไม่สามารถเอาออกมาได้อีก อย่าได้เกรงใจเลย”คะแนนสะสมเกือบทั้งหมดในมือของอินชิงเสวียนถูกเย่จิ่งหลานใช้คนเกลี้ยง เหลืออีกไม่มากจริงๆ ในมิติไม่ได้รับรางวัลใหญ่เลย แถมนางยังไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดขึ้นอย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแจ้งเตือนใดๆ เกรงว่าอนาคตตัวเองต้องกลับไปสู่ช่วงคำนวณคะแนนที่ยากลำบากแล้วโชคดีที่ตอนนี้นางไม่อยู่ในวังเย็นอีก จึงไม่ต้องกังวลเรื่องของกินของใช้ซูฉ่ายเวยลังเลแล้วพูดว่า “งั้น...งั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”ทันใดนั้นก็เปิดหีบเล็กข้างๆ ออก แล้วหยิบตั๋วเงินออกมาปึกหนึ่ง“นี่คือเงินส่วนแบ่งของสินค้าที่ขายได้ กุ้ยเฟยโปรดรับไว้ด้วย”อินชิงเสวียนผลักกลับ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้ข้าไม่ต้องการเงินแล้ว พ่อของเจ้าจากไปเร็ว เจ้ายังมีแม่และน้องชายที่ต้องดูแล การแต่งงานของน้องชายในอนาคตและเงินสินเดิมของตัวเอง ยังต้องใช้เงินอีก เก็บไว้ให้ตัวเองเถอะ พูดจริงๆ แล้ว เป็นข้ากับอาอวี้ท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-04
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 938 อาอวี้เล่นสกปรกอีกแล้ว

    อินชิงเสวียนก้าวไปรับลูกชาย แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทสะสางงานราชกิจเสร็จแล้วหรือ”“เสด็จอาไม่เหลือฎีกาไว้ให้ข้ามากนัก ข้าแค่ไปพอเป็นพิธีเท่านั้น”เย่จิ่งอวี้นั่งลงที่โต๊ะ แล้วจิบชาเล่นกับเสี่ยวหนานเฟิงแค่ครู่เดียว ก็ทำให้เขาเหงื่อออกแล้ว เรียกว่าเหนื่อยยิ่งกว่าการฆ่าคนในสนามรบเสียอีก“ได้ยินจากอวิ๋นฉ่ายว่า เสวียนเอ๋อร์ไปที่หอฉงฮวามา ซูฉ่ายเวยคงจะรู้เรื่องนี้แล้ว?”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลง แล้วถามด้วยรอยยิ้มอินชิงเสวียนพยักหน้าตอบว่า “อื้ม นางก็ถือว่าช่วยข้าได้มาก ข้าคิดว่าจำเป็นต้องบอกนางหน่อย หากส่งนางออกไปด้วยราชโองการหนึ่งฉบับ เกรงว่าจะใจร้ายเกินไป”เย่จิ่งอวี้ไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้“จากนี้ไปเสวียนเอ๋อร์จะเป็นเจ้าของวังหลังแห่งนี้ เรื่องในวังหลัง เสวียนเอ๋อร์สามารถตัดสินใจได้ทุกอย่าง ต่อไปถึงแม้จะไม่มีสนมหรือนายหญิง แต่ก็ยังมีไท่เฟยที่ยังมีชีวิตอยู่อีกมาก ถ้าเสวียนเอ๋อร์รู้สึกเบื่อ ก็สามารถเดินเล่นไปเยี่ยมเยียนพวกนางได้”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ ว่า “มีจ้าวเอ๋อร์อยู่ด้วย ข้ายังจะเบื่ออีกงั้นหรือ”“เจ้าเด็กนี่ นับวันยิ่งซนมากขึ้นเรื่อยๆ”เย่จิ่งอวี้มองดูลูกชายด้วยสีหน้ารักใคร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 939 ความกังวลใจของอินชิงเสวียน

    เมื่ออินชิงเสวียนตื่นขึ้นมา เย่จิ่งอวี้กำลังนั่งสมาธิข้างน้ำพุวิญญาณเขาสวมกางเกงขายาวตัวในสีขาว เปลือยอกท่อนบน กระดูกไหปลาร้าและกล้ามเนื้อหน้าท้องปรากฏให้เห็นรางๆ ให้ความรู้สึกที่เป็นเอกลักษณ์แห่งบุรุษเพศอินชิงเสวียนค่อยๆ เดินไปอย่างเงียบๆ เย่จิ่งอวี้ก็หันกลับมา“ตื่นแล้ว?”น้ำเสียงของเขาแจ่มชัด ดวงตาสุกใสราวกับกระจก คนทั้งคนให้ความรู้สึกชัดเจนอย่างอธิบายไม่ได้อินชิงเสวียนยิ้ม คุกเข่าลงข้างๆ เขา เหลือบมองแล้วถามว่า “อาอวี้ได้อะไรบ้างไหม”“ไม่ได้ แค่รู้สึกสมองปลอดโปร่ง หูตาแจ่มชัด รู้สึกดีมากจริงๆ”เขาเอื้อมมือออกมา แล้วเกาสันจมูกของอินชิงเสวียนเบาๆ “หรือว่าเสวียนเอ๋อร์ยังกังวลเรื่องฝังโลหิตอยู่”อินชิงเสวียนพยักหน้า“อาอวี้สูญเสียการควบคุมเพราะช่วยข้า ข้าย่อมกังวลอยู่แล้ว ท่านตาได้กำชับเป็นพิเศษ ว่าให้สังเกตสภาพจิตใจของท่านตลอดเวลา เมื่อใดที่ถูกการฝังโลหิตควบคุมโดยสิ้นเชิง เกรงว่าอาอวี้จะจำข้ากับจ้าวเอ๋อร์ไม่ได้อีกแล้ว”“ข้ารู้แล้ว”เย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล ที่นี่คือเมืองหลวง ข้าคงไม่นำทัพทหารไปต่อสู้แน่ ย่อมไม่เห็นการนองเลือดมาก ฝังโลหิต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-05

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status