หน้าหลัก / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 936 ไม่ปรารถนาสิ่งใดแล้ว

แชร์

บทที่ 936 ไม่ปรารถนาสิ่งใดแล้ว

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ณ หอฉงฮวา

ซูฉ่ายเวยทราบข่าวการกลับมาของอินชิงเสวียนแล้ว คิดว่านางเดินทางไกลยากลำบาก จะต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่สักหลายๆ วัน เดิมทีคิดว่าอีกสองวันค่อยไปขอเข้าพบ ไม่นึกว่าอินชิงเสวียนจะเป็นคนมาเสียเอง

“ถวายพระพรกุ้ยเฟยเพคะ!”

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนอีกครั้ง ซูฉ่ายเวยก็รู้สึกประหลาดใจระคนยินดี

ชั่วพริบตาก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว ของที่อินชิงเสวียนให้นางก็ถูกขายไปเกือบหมดแล้ว ตอนนี้ได้พบเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง จะไม่มีความสุขได้อย่างไร

“เราต่างเป็นพี่น้องกัน เจ้ากับข้าไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น”

อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปช่วยพยุงซูฉ่ายเวยขึ้น และนั่งบนเก้าอี้นวมยาวกับนาง

ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อได้ทำตามใจซึ่งกันและกัน ปล่อยวางเรื่องคดเคี้ยวเลี้ยวลดเหล่านั้น ซูฉ่ายเวยในตอนนี้ยิ่งสง่าผ่าเผยบุคลิกดีมากขึ้น

อินชิงเสวียนพูดจากใจจริง “ในช่วงเวลาที่ข้าไม่อยู่นี้ หลิงเฟยได้ทำงานหนักแทนข้า ช่วยจัดการวังหลัง ลำบากแล้วจริงๆ”

ซูฉ่ายเวยพูดด้วยรอยยิ้ม “กุ้ยเฟยยกย่องเกินไปแล้ว ข้าแค่ทำหน้าที่ของข้า ตอนนี้พวกนางเล็กๆ เหล่านั้นทำตัวสงบเสงี่ยมขึ้นมาก คิดว่าคงยอมแพ้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล”

อินชิงเสวียนพยักหน้า พูดด้วยน้ำเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 937 ในที่สุดก็จะจบสิ้นแล้ว

    “กุ้ยเฟยทรงเกรงใจมากเกินไปแล้ว”ซูฉ่ายเวยมองสิ่งเหล่านั้น ด้วยดวงตาเป็นประกาย“คิดเสียว่านี่คือน้ำใจของข้าที่มีต่อเจ้า รับไว้เถอะ สิ่งเหล่านี้ข้าเหลือไม่มากแล้ว เกรงว่าต่อไปถึงอยากเอาออกมาให้เจ้าก็ไม่สามารถเอาออกมาได้อีก อย่าได้เกรงใจเลย”คะแนนสะสมเกือบทั้งหมดในมือของอินชิงเสวียนถูกเย่จิ่งหลานใช้คนเกลี้ยง เหลืออีกไม่มากจริงๆ ในมิติไม่ได้รับรางวัลใหญ่เลย แถมนางยังไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดขึ้นอย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแจ้งเตือนใดๆ เกรงว่าอนาคตตัวเองต้องกลับไปสู่ช่วงคำนวณคะแนนที่ยากลำบากแล้วโชคดีที่ตอนนี้นางไม่อยู่ในวังเย็นอีก จึงไม่ต้องกังวลเรื่องของกินของใช้ซูฉ่ายเวยลังเลแล้วพูดว่า “งั้น...งั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”ทันใดนั้นก็เปิดหีบเล็กข้างๆ ออก แล้วหยิบตั๋วเงินออกมาปึกหนึ่ง“นี่คือเงินส่วนแบ่งของสินค้าที่ขายได้ กุ้ยเฟยโปรดรับไว้ด้วย”อินชิงเสวียนผลักกลับ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้ข้าไม่ต้องการเงินแล้ว พ่อของเจ้าจากไปเร็ว เจ้ายังมีแม่และน้องชายที่ต้องดูแล การแต่งงานของน้องชายในอนาคตและเงินสินเดิมของตัวเอง ยังต้องใช้เงินอีก เก็บไว้ให้ตัวเองเถอะ พูดจริงๆ แล้ว เป็นข้ากับอาอวี้ท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 938 อาอวี้เล่นสกปรกอีกแล้ว

    อินชิงเสวียนก้าวไปรับลูกชาย แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทสะสางงานราชกิจเสร็จแล้วหรือ”“เสด็จอาไม่เหลือฎีกาไว้ให้ข้ามากนัก ข้าแค่ไปพอเป็นพิธีเท่านั้น”เย่จิ่งอวี้นั่งลงที่โต๊ะ แล้วจิบชาเล่นกับเสี่ยวหนานเฟิงแค่ครู่เดียว ก็ทำให้เขาเหงื่อออกแล้ว เรียกว่าเหนื่อยยิ่งกว่าการฆ่าคนในสนามรบเสียอีก“ได้ยินจากอวิ๋นฉ่ายว่า เสวียนเอ๋อร์ไปที่หอฉงฮวามา ซูฉ่ายเวยคงจะรู้เรื่องนี้แล้ว?”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลง แล้วถามด้วยรอยยิ้มอินชิงเสวียนพยักหน้าตอบว่า “อื้ม นางก็ถือว่าช่วยข้าได้มาก ข้าคิดว่าจำเป็นต้องบอกนางหน่อย หากส่งนางออกไปด้วยราชโองการหนึ่งฉบับ เกรงว่าจะใจร้ายเกินไป”เย่จิ่งอวี้ไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้“จากนี้ไปเสวียนเอ๋อร์จะเป็นเจ้าของวังหลังแห่งนี้ เรื่องในวังหลัง เสวียนเอ๋อร์สามารถตัดสินใจได้ทุกอย่าง ต่อไปถึงแม้จะไม่มีสนมหรือนายหญิง แต่ก็ยังมีไท่เฟยที่ยังมีชีวิตอยู่อีกมาก ถ้าเสวียนเอ๋อร์รู้สึกเบื่อ ก็สามารถเดินเล่นไปเยี่ยมเยียนพวกนางได้”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ ว่า “มีจ้าวเอ๋อร์อยู่ด้วย ข้ายังจะเบื่ออีกงั้นหรือ”“เจ้าเด็กนี่ นับวันยิ่งซนมากขึ้นเรื่อยๆ”เย่จิ่งอวี้มองดูลูกชายด้วยสีหน้ารักใคร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 939 ความกังวลใจของอินชิงเสวียน

    เมื่ออินชิงเสวียนตื่นขึ้นมา เย่จิ่งอวี้กำลังนั่งสมาธิข้างน้ำพุวิญญาณเขาสวมกางเกงขายาวตัวในสีขาว เปลือยอกท่อนบน กระดูกไหปลาร้าและกล้ามเนื้อหน้าท้องปรากฏให้เห็นรางๆ ให้ความรู้สึกที่เป็นเอกลักษณ์แห่งบุรุษเพศอินชิงเสวียนค่อยๆ เดินไปอย่างเงียบๆ เย่จิ่งอวี้ก็หันกลับมา“ตื่นแล้ว?”น้ำเสียงของเขาแจ่มชัด ดวงตาสุกใสราวกับกระจก คนทั้งคนให้ความรู้สึกชัดเจนอย่างอธิบายไม่ได้อินชิงเสวียนยิ้ม คุกเข่าลงข้างๆ เขา เหลือบมองแล้วถามว่า “อาอวี้ได้อะไรบ้างไหม”“ไม่ได้ แค่รู้สึกสมองปลอดโปร่ง หูตาแจ่มชัด รู้สึกดีมากจริงๆ”เขาเอื้อมมือออกมา แล้วเกาสันจมูกของอินชิงเสวียนเบาๆ “หรือว่าเสวียนเอ๋อร์ยังกังวลเรื่องฝังโลหิตอยู่”อินชิงเสวียนพยักหน้า“อาอวี้สูญเสียการควบคุมเพราะช่วยข้า ข้าย่อมกังวลอยู่แล้ว ท่านตาได้กำชับเป็นพิเศษ ว่าให้สังเกตสภาพจิตใจของท่านตลอดเวลา เมื่อใดที่ถูกการฝังโลหิตควบคุมโดยสิ้นเชิง เกรงว่าอาอวี้จะจำข้ากับจ้าวเอ๋อร์ไม่ได้อีกแล้ว”“ข้ารู้แล้ว”เย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล ที่นี่คือเมืองหลวง ข้าคงไม่นำทัพทหารไปต่อสู้แน่ ย่อมไม่เห็นการนองเลือดมาก ฝังโลหิต

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 940 ออดอ้อน

    เนื่องจากเรื่องของอาซือหลานและจูอวี้เหยียน ทำให้เย่จิ่งอวี้ระแวดระวังฟางรั่วมาโดยตลอด“ไม่ว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ ต้องลองถึงจะรู้”อินชิงเสวียนกอดแขนของเย่จิ่งอวี้ทำท่าทางออดอ้อน“ตกลงว่าฝ่าบาทเห็นด้วยหรือไม่เพคะ”“ได้ ข้าอนุญาต”เมื่อเห็นสาวน้อยทำปากจู๋ เย่จิ่งอวี้ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้แม้จะบอกว่าสตรีเข้าร่วมค่ายทหารเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่ไม่ว่าสิ่งใดก็ต้องมีก้าวแรก ตอนที่อยู่ในเป่ยไห่ หลักการเรื่องชายหญิงของอินชิงเสวียน ถูกจดจำไว้ในใจของเย่จิ่งอวี้แล้วนอกจากนี้ นับตั้งแต่สมัยโบราณก็มีสตรีที่มีความสามารถมากมาย หากความรู้ความสามารถเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในการสร้างบ้านเมืองได้ นี่ถึงจะเรียกว่าเรียนรู้อย่างมีประโยชน์อย่างแท้จริง เย่จิ่งอวี้เป็นผู้ที่นิยมชมชอบผู้มีความรู้ความสามารถมาแต่ไหนแต่ไร สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะรวยหรือจน ชายหรือหญิง ล้วนไม่สำคัญซึ่งอินชิงเสวียนก็เข้าใจเขาในเรื่องนี้อย่างชัดเจน จึงกล้าพูดอย่างกล้าหาญเช่นนี้ในเวลาเดียวกันนางก็โชคดีมาก ที่ได้พบกับฮ่องเต้ในยุคโบราณที่มีความคิดก้าวหน้า จึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น แล้วเป็นฝ่ายจูบแก้มเย่จิ่งอวี้ก่อน“ขอบคุณนะ อาอวี้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 941 หนังสือสวรรค์ไร้อักษรเป็นเรื่องจริงหรือไม่

    เมื่อใต้เท้าหลายคนหันกลับมาเห็นอินชิงเสวียน ต่างก็ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความดีใจ“อาจารย์อิน ทำไมเจ้าถึงเพิ่งกลับมา?”“ใช่ๆ ไปทีก็ไปเกือบครึ่งปีแหนะ”“เฮ้อ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว มีหลายอย่างเลยที่เราไม่เข้าใจ”ใต้เท้าเฒ่าต่างกระหายความรู้ ไม่ได้ถามอินชิงเสวียนว่านางเหนื่อยหรือไม่ พอคว้าตัวนางได้ก็ให้อธิบายโจทย์อินชิงเสวียนก็ไม่ได้รำคาญ และเข้าสู่บทบาทครูทันทีฟางรั่วยืนเฝ้าดูอยู่ข้างๆ ในใจรู้สึกชื่นชมมากขึ้นอีกนางแตกต่างจากจูอวี้เหยียนจริงๆ แม้ว่าอินชิงเสวียนจะเป็นกุ้ยเฟย แต่ก็ไม่ได้วางมาดอะไรนัก สามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่ายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทุกสิ่งที่นางทำล้วนทำเพื่อราษฎร นี่คือความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างนางกับจูอวี้เหยียนพริบตาเดียวก็ถึงเวลาเที่ยงแล้ว ใต้เท้าเฒ่าหลายคนถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องถามอินชิงเสวียนว่ากลับมาที่เมืองหลวงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อรู้ว่าเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ ต่างรู้สึกผิดอย่างอดไม่ได้“อาจารย์อินเดินทางไกลยากลำบาก ไปทำธุระให้ฝ่าบาท คงเหนื่อยมากแน่ๆ เช่นนั้นก็กลับไปพักผ่อนสักหลายๆ วันก่อนดีกว่า พวกเราสามารถเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่รีบ ไม่รีบ”

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 942 ขัดจารีตประเพณี

    อินชิงเสวียนกระซิบ “พูดยากเหมือนกัน แต่ว่า เป็นเรื่องเท็จเจ็ดในสิบส่วน”ฟางรั่วพยักหน้า“ข้าน้อยก็คิดแบบเดียวกัน”ฉินเทียนกับหลี่ชีต่างก็เอียงหูฟัง ท่าทางใฝ่หามากไม่ว่าจะเป็นสุดยอดวรยุทธ์ หรือเงินทองที่ใช้จ่ายไม่หมดจนชั่วชีวิต ล้วนเป็นสิ่งที่บุรุษใฝ่ฝัน ไม่ว่าใครๆ ต่างก็รู้สึกว่าน่าสนใจอินชิงเสวียนเหลือบมองพวกเขา แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อแต่ในใจกลับคิดว่าทำไมข่าวนี้ถึงดูบังเอิญจัง?สงครามในเป่ยไห่เพิ่งสิ้นสุดลง เรื่องของหนังสือสวรรค์ไร้อักษรก็ได้แพร่กระจายไปทั่ว หากมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้จริงๆ ผู้ที่รู้ข่าวจะต้องไปตามหาด้วยตัวเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้รู้กันถ้วนทั่วเช่นนี้ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อเกิดเรื่องผิดปกติ จะต้องมีบางอย่างแปลกๆ แน่นอน ต้องมีใครบางคนจงใจวางแผนให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไรแต่พอนึกดูอีกที ตัวเองก็ออกมาจากยุทธภพแล้ว คิดเรื่องพวกนี้ไปจะมีประโยชน์อะไร รังแต่จะเสียเวลาเปล่าเท่านั้นอินชิงเสวียนยิ้มเยาะตัวเอง แล้วก้มหน้าก้มตากินต่อระหว่างทางไปโรงเรียนสอนการต่อสู้ ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะถาม “ระหว่างทางที่พระสนมเดินทางไปจัดการน้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 943 ยั่วยุให้ฮึกเหิม

    กระแสเสียงของจอมพลเฒ่ากวนหนักแน่นมาก เรียกได้ว่าไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อยจริงๆ อินชิงเสวียนกลับไม่เดือดดาล แต่ยังพูดด้วยรอยยิ้ม “จอมพลเฒ่ากล่าวผิดไปแล้ว ในโรงเรียนสอนการต่อสู้มีอาคารมากมาย ชายหญิงไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในที่เดียวกัน จะกล่าวว่าขัดจารีตประเพณีไม่ได้ จอมพลเฒ่ามักบอกว่าสตรีไม่เป็นรองบุรุษ แล้วเหตุใดไม่ให้โอกาสฟางรั่วสักครั้งล่ะ หากนางทนความลำบากไม่ได้จริงๆ จอมพลเฒ่าค่อยให้นางออกไปก็ไม่สาย”จอมพลเฒ่ากวนเงยหน้าขึ้น สายตามองจับไปที่อินชิงเสวียนอย่างแน่วแน่“กุ้ยเฟยยืนกรานที่จะให้นางปีศาจผู้นี้อยู่ที่นี่งั้นหรือ”จู่ๆ ฟางรั่วที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ก้าวไปข้างหน้า คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วพูดว่า “จอมพลเฒ่า ฟางรั่วเคยเป็นสายลับของแคว้นศัตรูก็จริง แต่ต้องขอบคุณพระสนมที่ไม่ทอดทิ้ง ให้รับใช้ใกล้ชิด บัดนี้ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับพระสนม พระสนมต้องการให้ข้ารั้งอยู่ที่นี่ ข้าก็จะไม่ทำให้พระสนมผิดหวังเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเผชิญกับความยากลำบากเพียงใด ก็จะไม่ท้อถอยแม้เพียงก้าวเดียว หวังว่าจอมพลเฒ่าจะให้โอกาสฟางรั่วสักครั้ง”อินชิงเสวียนมองไปที่จอมพลเฒ่ากวนด้วยรอยยิ้ม“นี่ยังเป็นเจตนารมณ์ของฝ่าบาท ไ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 944 จับคนแซ่อินมาให้ได้

    กวนเซี่ยวโค้งคำนับกล่าวว่า “ขอน้อมรับคำสั่งของพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าให้ฟางรั่ว แล้วจึงจากไปพร้อมกับฉินเทียนและหลี่ชีเรื่องเส้นทาง นางได้เลือกไว้ให้ฟางรั่วแล้ว ส่วนจะเดินไปในทิศทางใด ก็ขึ้นอยู่กับตัวนางเองแล้วเหตุผลที่อินชิงเสวียนมองฟางรั่วแตกต่างออกไปมากนั้น ประการแรกก็เพราะอุปนิสัยของนางตรงกับนิสัยของอินชิงเสวียนในตัวฟางรั่วนั้น นางมักจะมองเห็นตัวเองในตอนที่เป็นเด็กอยู่ เพื่อที่จะบรรลุความปรารถนาที่จะออกจากหมู่บ้าน นางไม่ย่อท้อ ฝ่าฟันขวากหนามไปในทิศทางนั้นอย่างแน่วแน่อีกประการหนึ่งคือ ความรู้สึกละอายใจที่ยังคงอยู่เสมอถ้านางไม่ยุยงเสี้ยมสอนให้ฟางรั่วปลอมเป็นตัวเอง ฟางรั่วก็คงไม่ถูกลงโทษด้วยการจับนั่งม้าไม้...เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเบาๆ “กลับวังกันเถอะ”ในเวลาเดียวกัน ที่ด้านล่างของยอดเขาบรรจบสวรรค์กำลังตกอยู่ในความสับสนอลหม่านชาวยุทธ์หลายคนค้นพบสถานที่แห่งนี้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะที่นี่มีค่ายกลแนวป้องกันเขา และคนจำนวนมากหลงทางในค่ายกลแปดทิศอย่างไรก็ตาม ใต้หล้าไม่เคยมีค่ายกลใดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่กี่วันต่อมา ชาวยุทธ์ที่เ

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status