หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 86 ฝ่าบาทเป็นคนโรคจิต

แชร์

บทที่ 86 ฝ่าบาทเป็นคนโรคจิต

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
หลี่เต๋อฝูที่อยู่ข้างหลังทนฟังไม่ไหว

ทักษะประจบประแจงเช่นนี้ แม้แต่เขาก็ยังละอายใจตัวเองที่เทียบไม่ติด

เย่จิ่งอวี้หางตากระตุก บ่าวน้อยผู้นี้ไปเรียนรู้เรื่องไร้สาระอะไรมาพูดประจบเขานี่

“ลุกขึ้นเถอะ”

เสแสร้งจนฟังต่อไปไม่ไหว

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

อินชิงเสวียนลุกขึ้นยืนแล้วถามอย่างประจบประแจง “ฝ่าบาทจะพาสุนัขไปเดินเล่นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้พูด “วันนี้อากาศเย็นสบาย ไป๋เสวี่ยก็ถูกขังมาหลายวันแล้ว ดังนั้นถึงเวลาที่จะพามันออกไปเดินเล่น”

“ฝ่าบาทเดินระวังพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนยืนอยู่ด้านข้าง

เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว ก็ตามมาด้วยกันเถอะ หลี่เต๋อฝู เจ้าถอยไปก่อน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หลี่เต๋อฝูเม้มริมฝีปากอย่างมีความสุข ฝ่าบาทยังคงมีเขาอยู่ในใจ

ฝ่าบาทคงรู้สึกว่าเขาแก่มากแล้ว แข้งขาก็ค่อยไม่ดี เขาคงทนออกไปเดินตามสุนัขไม่ไหว

เย่จิ่งอวี้เอามือไพล่หลังแล้วเดินออกจากประตูตำหนัก

แสงจันทร์สีซีดสะท้อนบนร่างสูงสง่าของเขา ทำให้เงาของเขาทอดยาวขึ้น

เห็นเจ้านายเดินออกไป ไป๋เสวี่ยก็พุ่งออกไปด้วยความดีใจ

อินชิงเสวียนรู้สึกไม่มีความสุขนัก นางปฏิบัติหน้าที่ในช่วงกลางดึกมาสอง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   ตอนที่ 87 ให้เขานอนเถอะ

    เมื่อกลับถึงห้องพักขันที เสี่ยวอานจื่อหลับไปแล้ว มีเสียงกรนดังขึ้นเป็นระยะๆอินชิงเสวียนเหลือบมองเขาอย่างอิจฉา พลันล้มตัวนอนลงบนเตียงได้แต่มองเพดาน ไม่มีท่าทีง่วงนอนเลยอุบัติเหตุของเย่จิ่งอวี้ทำนางรู้สึกสะเทือนใจ แต่มันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นยุคปัจจุบัน นางอ่านพงศาวดารที่เกี่ยวกับราชวงศ์มาค่อนข้างเยอะ เช่นนั้นถึงมันจะเดินเรื่องแปลกกว่านี้อีกนางก็ยอบรับได้ทว่าสิ่งที่อินชิงเสวียนควรคิดถึงมากกว่าคือจากนี้ไปจะเดินเส้นทางของตัวเองอย่างไรวันนี้ใช้กระบองไฟฟ้าจี้ลู่จิ้งเสียนไป ถือว่าได้ปลดปล่อยความโกรธไปหนึ่ง แต่กลับไม่รู้ว่าทางด้านไทเฮากำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้นางต้องใช้ตัวเองให้เป็นประโยชน์ อาจจะพูดอะไรมากไม่ได้ อีกทั้งห้ามหลงระเริงเกินเหตุ หากทำให้ปีศาจเฒ่าโมโหเข้า ตัวตนของเจ้าของร่างเดิมต้องถูกเปิดเผย ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็คงจบเห่แต่หากให้อินชิงเสวียนวางยาเย่จิ่งอวี้ นางก็ไม่กล้าจริงๆถึงนางจะเกลียดคนสารเลวผู้นี้ แต่นางก็อยากมีชีวิตมากกว่าเย่จิ่งอวี้สามารถนั่งบัลลังก์กษัตริย์ได้แสดงว่าต้องไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลี่เต๋อฝูคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายอีกเรื่องนี้ไม่ง่ายแ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   ตอนที่ 88 ไขข้อสงสัย

    ในราชรถม้าใบหน้าเย่จิ่งอวี้นิ่งขรึมราวกับสายน้ำลึก ดวงตาพญาหงษ์คู่นั้นเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งหลี่เต๋อฝูวิ่งตามช้าๆ อยู่ด้านหลัง ไม่กล้าแม้แต่หายใจเสียงดัง กวนฮั่นหลินเป็นถึงทหารผ่านศึกสามแผ่นดิน แม่ทัพอินจ้งก็เป็นลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจ เขาต้องการปกป้องอินจ้งนั้นย่อมสมเหตุสมผลอยู่แล้วเพียงแต่จดหมายตอบกลับฉบับนั้นเป็นลายมือของอินจ้งจริงๆ กวนฮั่นหลินที่เป็นถึงแม่ทัพย่อมมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะได้อ่านวันนี้เขาเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีก หรือว่าจะแก่เลอะเลือนไปแล้วขณะที่กำลังคิด ราชรถก็เดินทางมาถึงห้องหนังสือเรียบร้อยเย่จิ่งอวี้รีบลงจากราชรถ พลันตรงไปที่ห้องโถงดวงตาพญาหงษ์สั่นไหวเขาก็เคยสงสัยว่าต้องมีบางอย่างถูกปกปิดไว้หรือจะเป็นเย่จิ่งเย่าสุนัขจนตรอกที่ลงมือใส่ร้ายอินจ้งแต่ในจดหมายมีขนนกยูงสามเส้นที่มีเพียงแคว้นเจียงวูเท่านั้นที่มี อีกทั้งปลายขนยังมีจุดสีแดงชาดที่เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์แคว้นเจียงวูที่คนทั่วไปไม่สามารถครอบครองได้ หลักฐานชี้ชัดขนาดนี้จะพูดอย่างไรได้อีกนึกย้อนไปถึงตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงประชวรหนัก อินจ้งคอยระแวดระวังให้เขาทุกทาง แววตาเย่จิ่งอวี้เย็นชาขึ้นอีก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 89 สวะกลุ่มหนึ่ง

    เขาไปสนามฝึก จะให้ตัวเองตามไปด้วยทำไมกันอินชิงเสวียนไม่อยากไปอย่างมาก ดวงอาทิตย์ที่แผดเผาเช่นนี้ ยืนนานเพียงวินาทีเดียวก็สามารถรีดน้ำมันออกมาได้ คงไม่สบายเท่ากับการยืนหน้าก้อนน้ำแข็งมหึมาหรอกเย่จิ่งอวี้ก้าวเท้าออกมาจากห้องหนังสือ“จูงม้าหลวงของข้ามา” จากนั้นไม่นาน ม้าสีดำเงางามลำตัวสูงใหญ่ก็ถูกจูงออกมาแม้อินชิงเสวียนจะดูม้าไม่เป็น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชมเชยออกมา“ม้าดี” ม้าตัวนี้สูงกว่าม้าธรรมดากึ่งหนึ่ง มีดวงตาที่สดใสมีชีวิตชีวา มีบังเหียนผ้าลื่นสีเหลืองห้อยอยู่บนตัว พร้อมกับพู่ห้อยลงมาที่ท้องม้า สี่เท้าของมันแข็งแรงและสุขภาพดี มองผ่านๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่ม้าธรรมดาเย่จิ่งอวี้พลิกตัวขึ้นม้าด้วยท่าทางที่สง่างาม“ขี่ม้าเป็นหรือไม่” เขาเลิกคิ้ว มองไปยังอินชิงเสวียนเมื่อรู้ว่าขี่ม้าออกไปได้ อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยรีบพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นพ่ะย่ะค่ะ” ฉินเทียนจูงม้าสีแดงลูกท้อมาให้นางอินชิงเสวียนจับบังเหียนพร้อมกับขึ้นม้า ทันใดนั้นก็ค้นพบบางสิ่ง ม้าของต้าโจวไม่มีโกลนม้าตอนเด็กขี่ม้าน้อยในบ้านก็ไม่มีโกลนม้าเช่นกัน แม้แต่อานม้าก็ไม่มี แต

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 90 ราชาแห่งความสุดยอดทั้งห้า

    จางเถี่ยโผบินถอยหลัง แต่ยังคงช้าไปหนึ่งก้าวไหล่ของเขาถูกกระแทกอย่างแรง และร่างอันใหญ่โตของเขาก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังกึกก้องอินชิงเสวียนที่อยู่บนแท่นประลองตกใจจนอ้าปากค้างนางรู้ว่าเย่จิ่งอวี้มีวิทยายุทธ์ แต่ไม่คิดว่าฝีมือของเย่จิ่งอวี้จะเก่งกาจถึงเพียงนี้ชายร่างสูงเช่นนี้กลับถูกเขากระแทกลงกับพื้นอย่างง่ายดายฉินเทียนยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ “เสี่ยวเสวียนจื่อเพิ่งเห็นฝ่าบาทแสดงฝีมือเป็นครั้งแรกแน่นอน พวกเราต่างก็โดนฝ่าบาทตีมาไม่น้อยเหมือนกัน” อินชิงเสวียนพยักหน้าด้วยใจจริง“ฝ่าบาททรงเก่งกาจเสียจริง” แม้ว่านางไม่รู้วิชามวย แต่กลับมองออกว่าเย่จิ่งอวี้มีฝีมือที่ดีมาก สง่างามเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นรองนักแสดงบู๊ในยุคใหม่ฝีมือขนาดนี้หากฝึกไม่ถึงสิบปี ทำเช่นนี้ไม่ได้แน่นอนหลี่ชีพูดขึ้นอย่างภูมิใจว่า “ฝ่าบาทไม่เพียงมีวรยุทธ์ที่เก่งกล้า ศิลปะสี่แขนงทั้งดีดพิณ หมากล้อม เขียนพู่กัน และวาดภาพก็ทรงชำนาญเป็นอย่างมาก เมื่อเจ้าอยู่กับพระองค์นานมากขึ้น เจ้าก็จะรู้ไปทุกสิ่ง” “ฝ่าบาททรงชำนาญศิลปะสี่แขนงด้วยหรือ” อินชิงเสวียนตกใจเล็กน้อยตอนเด็กๆ เย่จิ่งอวี้โตขึ้นมาอย่างไรกันเนี่ย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 91 ดำริของโอรสสวรรค์

    ขณะที่ทุกคนกำลังแยกย้ายกันไป ก็ได้ยินคนผู้หนึ่งโพล่งขึ้นด้วยความโกรธ “เหลวไหล ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลที่สุด ฝ่าบาทถึงขั้นให้ขันทีน้อยผู้หนึ่งมาฝึกทหารที่ลานต่อสู้ หากรู้ถึงแคว้นอื่น ต้าโจวเรามิกลายเป็นที่ขบขันว่าไร้ผู้มีความสามารถหรอกหรือ”เมื่ออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นชายชราร่างสูงมีหนวดเคราและเส้นผมสีขาวโพลนที่เดินมาแต่ไกล โดยที่ขาข้างหนึ่งยังเดินโขยกเขยกข้างกายของชายชรายังมีชายหนุ่มในวัยยี่สิบเศษๆ ตามมาด้วย ซึ่งชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดเกราะสีเงินแวววาว รูปร่างหน้าตาได้สัดส่วนงดงามชายชราผลักชายคนนั้นออกไป แล้วคุกเข่าลงกับพื้นด้วยหน้าตาตื่นๆ“ฝ่าบาท โปรดทบทวนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่วอวี้ถือสายบังเหียนไว้ในมือ นั่งตัวตรงบนหลังอาชา ใบหน้าสลักเหลาอยู่ในอาการสงบ“นี่เป็นคำขอของแม่ทัพซ่ง เราให้เขาสมหวังแล้ว จอมพลเฒ่ากวนไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรอีกแล้ว”ซึ่งบุคคลผู้นี้หาใช่ผู้ใดไม่ หากแต่เป็นจอมพลผู้บัญชาการทหารสูงสุด กวนฮั่นหลินและผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็คือหลานชายคนโตของตระกูล กวนเซี่ยวกวนฮั่นหลินพูดเสียงก้อง “บรรพบุรุษมีคำกล่าวขาน ขันทีมิอาจก้าวก่ายกิจการบ้านเมือง โดยเฉพาะการฝึกทหารยิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 92 บุรุษสามัญผู้มั่นหน้า

    อินชิงเสวียนค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจคิดไม่ถึงว่าต้าโจวจะมีระบบแปลกๆ เช่นนี้ มิน่าเล่าวันนั้นนางบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งแสวงหาความร่ำรวย เย่จิ่งอวี้ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพียงนั้นเย่จิ่วอวี้กล้าที่จะทำลายระบบดั้งเดิมของบรรพบุรุษ เชื้อเชิญผู้มีปัญญาจากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งการทำเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชา แต่เหตุใดถึงได้ชิงชังตระกูลอินมากเพียงนี้หรือว่าตระกูลอินคิดคดทรยศจริงๆเจ้าของร่างเดิมเติบโตมาในตระกูลอิน หากบิดาและพี่ชายมีใจคิดเป็นอื่นจริง นางจะไม่สังเกตได้อย่างไรซึ่งข้อสรุปที่ง่ายที่สุดก็คือ ถ้าอินจ้งมีใจคิดกบฏจริงๆ เขาต้องสนับสนุนให้เย่จิ่งเย่าครองบัลลังก์ และไม่ต้องถูกลดขั้นส่งตัวไปยังชายแดนเช่นนี้เมื่อนึกถึงความไว้เนื้อเชื่อใจของจอมพลเฒ่าที่กล่าวถึงอินจ้ง นางก็อดขมวดคิ้วเสียมิได้สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่จิ่วอวี้ก็ได้กล่าวขึ้นว่า “เรารู้ว่าเจ้าฉลาดอยู่บ้าง แต่การฝึกทหารไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะสอนวิธีการฝึกขั้นพื้นฐานบางอย่างให้เจ้า แต่เจ้าต้องจำไว้ให้ดี”อินชิงเสวียนตอบรับส่งๆ “พ่ะย่ะค่ะ”จากนั้นเย่จิ่วอวี้พูดอะไรบ้าง นางแทบไม่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 93 ทำให้ท่านมีความสุขราวกับขึ้นสวรรค์

    เมื่อเห็นก้อนไขมันที่น่าขยะแขยงบนพุงยื่นๆ ของเย่จิ่งเย่า อินชิงเสวียนก็รู้สึกคลื่นไส้เนื่องจากประตูถูกลงกลอนไว้จากด้านนอก ก็หมายความว่าผ่านการเห็นชอบจากไทเฮาแล้ว หากไม่มีคำสั่งของนางและเย่จิ่งเย่า ตัวเองก็ไม่สามารถออกไปได้เลยเย่จิ่วอวี้ไม่สามารถมาช่วยตัวเองได้เสมอไป ตอนนี้นางทำได้เพียงช่วยตัวเองเท่านั้นอินชิงเสวียนไม่พูดพล่าม และตรงเข้าไปในมิติทันทีเย่จิ่งเย่าที่กำลังจะโผเข้าหา แต่ทันใดนั้นรู้สักตาพร่ามัว แล้วอินชิงเสวียนก็หายตัวไปเย่จิ่งเย่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเกิดอะไรขึ้นคนผู้หนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไปกลางอากาศงั้นหรือเขาถอยหลังไปหลายก้าว แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรอยู่ในห้องเย่จิ่งเย่าอดไม่ได้ที่จะเหงื่อออกหรือว่าอินชิงเสวียนตายไปแล้วจริงๆ และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือวิญญาณของนางพอนึกถึงโถใส่อัฐิที่ลู่จิ้งเสียนกล่าวถึง เย่จิ่งเย่าก็ขนลุกซู่อย่างอดมิได้ขณะที่เขากำลังจะเคาะประตูออกไป ดวงตาของเขาก็พร่ามัว และอินชิงเสวียนก็ปรากฏตัวขึ้นอีก โดยถือสิ่งที่คล้ายแท่งสีดำอยู่ในมือเย่จิ่งเย่าตกใจ ผงะถอยหลังไปหลายก้าว“เจ้า เจ้าเป็นคนหรือผี”อินชิงเสวียนยิ้มเย็น ถามว่า “เจ้าคิดว่าข้าเป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 94 การค้ามาหาถึงที่

    ณ หอปี้สุ่ยฉู่หลิงอวี้กำลังเดินไปมาในเรือนเจ้าเด็กบ้านั่นไปนานเกือบชั่วยามแล้ว เหตุใดยังไม่กลับมาอีกกรือว่าเกิดอะไรขึ้นขณะที่นางกำลังจะส่งคนออกไปถาม อินชิงเสวียนก็เดินเข้าประตูมา“บ่าวน้อมคำนับนายหญิงฉู่”ฉู่หลิงอวี้รู้สึกดีใจทันที “ลุกขึ้นเร็วเข้า”จากนั้นก็หันไปบอกขันทีกับนางกำนัลว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง พวกเราไปคุยกันในห้อง”“ขอรับ”อินชิงเสวียนเดินตามเข้าไปในห้อง แล้วแสร้งถามขึ้น “ไม่ทราบว่านายหญิงต้องการหาบ่าวด้วยเรื่องอันใด”ฉู่หลิงอวี้กัดริมฝีปาก แล้วพูดด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อย “ยกตัวนั้น...ไม่ทราบว่ากงกงยังมีอีกหรือไม่”เมื่อวานนี้ นางไปที่หอฉงฮวา สังเกตเห็นทันทีว่าซูฉ่ายเวยเชิดหน้าอกตรง ทรวงอกตั้งตรงตระหง่าน โดดเด่นสะดุดตายิ่งนักฉู่หลิงอวี้งุนงงไม่น้อย ปกติตรงส่วนนั้นของนางดูแบนมาก เหตุใดจู่ๆ ถึงได้อวบอิ่มได้รูปนางใช้เงินจำนวนหนึ่งถึงได้ทราบว่า ที่แท้ซูฉ่ายเวยซื้อของวิเศษที่เรียกว่ายกทรงจากเสี่ยวเสวียนจื่อแม้ว่าตัวเองจะมีหน้าอกมากกว่าซูฉ่ายเวยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่ากับตอนที่นางสวมยกทรง แม้แต่ตัวเองที่เป็นหญิงยังอดไม่ได้ที่จะจ้องมองตรง

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status