ฟางรั่วเดินมาถึงชายฝั่ง เสื้อผ้าแนบกับร่างกายเพราะเปียกน้ำเย่จิ่งอวี้หันหน้าไปอีกด้านทันที และพูดกับกวนเซี่ยวว่า “ไปกับข้าหน่อยสิ”กวนเซี่ยวเหลือบมองฟางรั่ว โน้มตัวตอบรับ และเดินตรงไปยังพื้นทรายพร้อมกับเย่จิ่งอวี้อินชิงเสวียนโยนเสื้อคลุมในมือให้กับฟางรั่ว“หากเจ้าแข็งตายอยู่ที่นี่ก็คงเปลืองโลงศพแย่เลย ช่วยประหยัดทรัพยากรของต้าโจวสักหน่อยดีกว่านะ!”ฟางรั่วรับเสื้อคลุมไปคลุมไว้บนไหล่ รู้สึกอบอุ่นขึ้นไม่น้อยนางเงยหน้าขึ้น สายตาจ้องไปยังอินชิงเสวียน“ท่านบอกว่าหากอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน ก็อย่ามาคบกันเลย เช่นนั้นเหตุใดจึงมาช่วยข้า?”อินชิงเสวียนรวบกระโปรงและนั่งลงบนหินโสโครกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อาซือหลานตายไปแล้ว เจ้าเป็นเพียงแค่คนที่ทำตามคำสั่งผู้อื่น แม้ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่สามารถสร้างเรื่องข่มขู่ข้าและอาอวี้ได้อีกแล้ว”อินชิงเสวียนพูดถึงเรื่องนี้ นางชะงักเล็กน้อย และหันหน้าไปมองฟางรั่วแสงจันทร์สะท้อนบนผิวสีขาวราวกับหยกของนาง แม้จะเยือกเย็นเล็กน้อย แต่ก็ยังสวยงามอย่างไม่อาจเทียบได้“ข้าช่วยเจ้า เพราะเจ้ายังคงมีสติปัญญาในการตัดสินใจ การสังหารชาวตงหลิวเหล่า
อินชิงเสวียนหน้าแดงเล็กน้อย และรีบปรามเขาไว้“อย่านะเพคะ เจ้าสำนักเฮ่อและคนอื่นๆ ยังคงแอบอยู่ ข้าไม่อยากให้พวกเขาเห็น”เย่จิ่งอวี้จึงนึกได้ว่า ด้านหลังยังมีผู้อาวุโสสองท่านเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ จึงกระแอมไอเสียงแห้งอย่างอดไม่ได้“สีพระจันทร์ในค่ำคืนนี้ไม่เลวเลยทีเดียว บทเพลงที่เจ้าร้องเมื่อครู่ก็ไพเราะอย่างมาก ชื่อเพลงคืออะไรงั้นหรือ?”อินชิงเสวียนขำพรวดออกมา นี่มันอะไรกันเนี่ย? แต่ปากก็ตอบอย่างจริงจังว่า “บทเพลงนี้มีชื่อว่าใต้ท้องทะเล ผู้ประพันธ์เพลงเขียนให้เพื่อนของเขา เพื่อหวังว่าเพื่อนคนนั้นจะรับรู้ถึงความเป็นห่วงของตัวเองผ่านเสียงเพลง และหวังว่าบทเพลงนี้จะมอบพลังในเขาผ่านความยากลำบากไปได้”“เช่นนั้นตอนจบเป็นอย่างไร?”เย่จิ่งอวี้ถามด้วยความประหลาดใจอินชิงเสวียนยิ้ม“ข้าเองก็ไม่รู้เพคะ บางทีเพื่อนของเขาอาจได้รับการรักษาจนหายดีแล้วก็ได้เพคะ”ตามข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เพลงนี้แต่งขึ้นเพื่อผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งตรงกับที่ผู้เขียนรู้สึกแบบเดียวกับที่เขา จึงสามารถเขียนเพลงเกี่ยวกับความสิ้นหวังและอาการหายใจลำบากที่รายล้อมไปด้วยความมืดมิด ซึ่งเหมาะกับความรู้สึกเมื่อครู่ของฟ
อินสิงอวิ๋นพยักหน้าเมื่อรู้ว่าน้องใหญ่ตามหาฝ่าบาทพบแล้ว เขาจึงวางใจได้อย่างแท้จริง เพียงแต่นางไปทำอะไรที่เป่ยไห่? อินสิงอวิ๋นมีความตั้งใจอยากถาม เมื่อเห็นเย่จั้นขมวดคิ้วแน่น สายตามองไปยังที่ห่างไกล เขาก็กลืนคำพูดลงคอไปเขาคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง และโค้งศีรษะคำนับด้วยความเคารพ“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่บอกความจริง กระหม่อมจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ หากพูดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ กระหม่อมขอยอมรับความตาย”เย่จั้นได้สติกลับมาก็ยื่นมือมาพยุงเขาลุกขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เจ้ามีนิสัยหนักแน่น เมื่อเจอปัญหาก็ครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงยอมบอกเรื่องเหล่านี้กับเจ้า อีกทั้งเจ้ายังเป็นคนที่สนิทสนมกับฝ่าบาทและกุ้ยเฟยที่สุด เจ้ามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ที่อยู่ของพวกเขาเช่นกัน”อินสิงอวิ๋นพูดด้วยความขอบคุณ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงไว้ใจ”เย่จั้นยิ้มเล็กน้อย“เจ้าและข้าต่างก็เป็นขุนนางร่วมราชสำนัก ไม่จำเป็นต้องพูดจาอย่างเป็นทางการหรอกนะ ข้าจะเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ เจ้าช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ไปส่งยังหอเซียวเหยาแห่งเป่ยไห่ จำไว้ว่าอย่าได้ใช้คนของจุดพักม้าเชื้อพระวงศ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่ว
เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าสำนักเซี่ยว อินชิงเสวียนก็รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย“อาอวี้ ท่านกลับไปก่อนเถอะ”เย่จิ่งอวี้รู้ว่าอินชิงเสวียนอยากถามเรื่องเมื่อคืนนี้ จึงพยักหน้ารับ“ข้าจะรอเจ้า”อินชิงเสวียนตอบรับ และเดินมากลางห้องโถงเจ้าสำนักเซี่ยวนั่งลงบนเก้าอี้ ยกน้ำชาที่ชงด้วยน้ำพุวิญญาณขึ้นมาดื่ม และรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นไม่น้อย“ผู้เยาว์ขอพบผู้อาวุโสเซี่ยว ให้ผู้เฒ่าเช่นท่านออกไปลำบากตลอดค่ำคืนเพื่อพวกข้า ข้ารู้สึกไม่สบายใจอย่างแท้จริง”อายุของท่านผู้เฒ่าแก่ชรายิ่งกว่าคุณย่าในยุคปัจจุบันของอินชิงเสวียนเสียอีก เมื่อมองหนวดเคราที่เต็มไปด้วยหงอก แต่กลับยังต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเรื่องนี้ อินชิงเสวียนไม่รู้ว่าควรแสดงความขอบคุณอย่างไรดีเมื่อได้ยินเสียงของอินชิงเสวียน สีหน้าของเจ้าสำนักเซี่ยวก็ผ่อนคลายลงทันที“ชีวิตของข้ามีไว้เพื่อความลำบาก เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมาก เพียงแต่น่าเสียดายที่คืนนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ ข้านำสุนัขออกตามหาโดยรอบ แต่กลับไม่พบร่องรอยของคนคนนั้นเลย สถานการณ์ทางด้านพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เจ้าสำนักเซี่ยวถาม แต่ก็รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์
ทันทีที่ฉุยอวี้ดีดนิ้วมือ เลือดหนึ่งหยดก็กระเด็นออกมาจากปลายนิ้ว และหยดลงตรงกลางรอยปานรูปผีเสื้อหยดเลือดแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย รอยปานสีแดงที่อยู่บนไหล่ของอินชิงเสวียน เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าแปลกประหลาดในทันทีสายเลือดที่มีลักษณะคล้ายสัญลักษณ์โบราณหลายเส้นปรากฏออกมาจากรอยปานสีแดงอย่างรวดเร็ว แล้วหายไปในพริบตาและทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในพริบตาเดียวอินชิงเสวียนรู้ถึงเพียงความเย็นเล็กน้อยบนหัวไหล่ และคิดว่าเป็นลมเย็นที่พัดเข้ามาตอนที่เปิดประตู นางรีบหยิบกระโปรงพับกลีบมาคลุมร่างกายไว้ เมื่อหันกลับมาก็พบว่าผู้ที่มาเยือนคือฉุยอวี้“เจ้าสำนักฉุยมาที่นี่ได้อย่างไร?”อินชิงเสวียนสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย ใบหน้าเล็กที่งดงามแสดงความไม่พอใจออกมาแม้ว่าฉุยอวี้ก็เป็นผู้หญิงอย่างแท้จริง แต่การเข้ามาโดยไม่เคาะประตู นับว่าเสียมารยาทไปหน่อยสายตาของฉุยอวี้กลับมองไปทั่วใบหน้าของอินชิงเสวียนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางนัยน์ตาเกิดความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยทว่าเพียงพริบตาเดียวก็กลับมาเป็นปกติเช่นเคยนางประสานมือคำนับและพูดว่า “ขออภัยที่บังอาจมารบกวน ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ ข้ามาที่นี่ก็เพ
อินชิงเสวียนตอบรับ อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงในอ้อมแขนอยู่ครู่หนึ่งเป็นเรื่องปกติที่ฮวาเชียนไม่ชอบฉุยอวี้ นางเป็นคนของสำนักที่มีชื่อเสียงอย่างหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ความเย่อหยิงฝังอยู่ในกระดูกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ทว่า อินชิงเสวียนก็มีวิจารณญาณเป็นของตัวเองนางสามารถรู้สึกได้ว่า ฉุยอวี้ไม่มีเจตนาร้ายต่อนางถึงขนาดมีบางสิ่งที่อินชิงเสวียนไม่สามารถพูดออกมาได้ชัดเจน แต่มันไม่ใช่ความคิดที่ไม่ดีอย่างแน่นอนนับตั้งแต่ดื่มน้ำพุวิญญาณ ความสามารถในการรับรู้ของนางก็ดีเยี่ยมกว่าคนทั่วไปมาก โดยเฉพาะเจตนาร้ายเพียงแต่เจ้าของร่างเดิมไม่เคยออกจากเมืองหลวงมาก่อน นางไม่รู้จักกับฉุยอวี้ หากต้องการอธิบายจริงๆ เช่นนั้นก็คงพูดได้เพียงว่า บนโลกมนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่าเจอกันครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนกันมานานอยู่จริงๆแต่กลับไม่ค่อยเชื่อใจมากนัก คนที่สามารถหาวิธีครอบงำผู้คนได้อย่างฉุยอวี้ จะต้องมีความฉลาดเฉียบแหลมอย่างลึกซึ้ง เหตุใดจึงทำดีกับนางโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้ได้? หรือว่ามีเงื่อนงำแอบแฝงอยู่? หรือว่าฉุยอวี้มีความสัมพันธ์บางอย่างกับเจ้าของร่างเดิม? ระหว่างที่อินชิงเสวียนใจลอย นิ้
ณ หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์หลังจากที่กวนเซี่ยวไปแล้ว อินชิงเสวียนจึงนึกขึ้นได้ว่ามีดที่ฉุยอวี้มอบให้กวนเซี่ยวยังอยู่ในมือของตัวเอง“กวนเซี่ยว”อินชิงเสวียนมาตะโกนเรียกที่หน้าประตูกวนเซี่ยวผลักประตูออกมา บนโต๊ะมีถุงผ้าที่มัดไว้หนึ่งชิ้นอินชิงเสวียนยื่นดาบสันโค้งที่มีสีดำขลับให้เขา“นี่คือของที่เจ้าสำนักฉุยแห่งสำนักเซียวเหยามอบให้เจ้า บอกว่าตอบแทนที่เจ้าช่วยชีวิตเอาไว้”กวนเซี่ยวจำมีดเล่มนี้ได้ และรู้ว่าของชิ้นนี้ตัดเหล็กได้ราวกับผ่าดินเหนียว ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาจึงอดนึกถึงเรื่องในวันนั้นไม่ได้เขาพาฉุยอวี้ออกมาจากคุกมืด เมื่อเห็นว่านางชำนาญลู่ทางสำนักเซียวเหยาเป็นอย่างดี จึงเชื่อใจนางขึ้นมากเมื่อรู้ว่าอาซือหลานไปที่โถงร่วมธรรม ฉุยอวี้ก็รีบเปลี่ยนเป็นชุดคลุมสีดำ และให้กวนเซี่ยวพาตัวเองไประหว่างทาง ฉุยอวี้หวังให้เขาเข้าร่วมสำนักเซียวเหยา นางยินยอมสืบทอดวิชาขั้นสุดยอดของสำนักเซียวเหยาให้แก่เขา เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณกวนเซี่ยวปฏิเสธเขาไม่ใช่คนในยุทธภพ แต่ไม่ต้องการวุ่นวายกับเรื่องในยุทธภพมากเกินไป การที่ตัวเองได้ช่วยเหลือฉุยอวี้ ก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั
ทันใดนั้น อินชิงเสวียนก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “เช่นนั้นวิชาสะกดเส้นลมปราณของท่าน สามารถทำลายได้หรือไม่?”เย่จิ่งอวี้เลิกดวงตาและถามว่า “เจ้าอยากช่วยฟางรั่วฟื้นฟูวรยุทธ์งั้นหรือ?”“ข้ามีความคิดเช่นนั้นจริงๆ ในเมื่อนางยินยอมที่จะติดตามข้าอย่างสุดจิตสุดใจ ข้าก็ไม่อยากทำลายความหวังดีของนาง ข้าจะใช้วิธีการของตัวเองเพื่อปลูกฝังนาง”ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังพูดนั้น ดวงตาก็สดใสเป็นประกาย ความมั่นใจอันแข็งแกร่งก็เล็ดลอดออกมาจากใบหน้าเล็กๆ ที่สวยงามนั้น และยังเต็มไปด้วยพลัง“เสวียนเอ๋อร์จะปลูกฝังนางให้เป็นอะไร? นักฆ่า เริ่มการเป็นสายลับงั้นหรือ?”เย่จิ่งอวี้สงสัยเล็กน้อยอินชิงเสวียนเอียงศีรษะแล้วพูดว่า “ความลับเพคะ ข้ายังไม่บอกท่านในตอนนี้ ข้าไปเตรียมอาหารค่ำก่อนนะเพคะ!”อินชิงเสวียนพูดจบก็ยกกระโปรงวิ่งออกไปเย่จิ่งอวี้ยิ้มหวาน ยังเป็นแค่สาวน้อยจริงๆ ด้วยแต่คำพูดนี้ออกมาจากปากของเย่จิ่งหลาน จึงดูแปลกไปหน่อยจากนั้นก็หัวเราะอย่างไม่มีเสียง คงเป็นเพราะทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก อาหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็เป็นสิ่งที่เขายินดีจะเห็นวันที่กลับเมืองหลวง เขาจะหาอาจารย์มาสอนเย
“สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ
อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก
ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล