เจ้าสำนักเซี่ยวทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดว่า “ชิงเสวียนสำคัญต่อข้าอย่างมากในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จะยืมออกไปได้อย่างไร?”อาซือหลานยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ข้าเพียงอยากพาแม่นางอินไปลาดตระเวนชายฝั่งชั่วครู่ เจ้าสำนักเซี่ยวไม่ต้องตื่นตกใจ ตอนนี้ลูกศิษย์ของสำนักต่างก็ส่งออกไปทำงานกันแล้ว มีพิณการเวกอยู่ก็สามารถประกันความปลอดภัยได้มากขึ้น”เจ้าสำนักเซี่ยวพูดอย่างราบเรียบ “เจ้าสำนักฉุยต้องการลาดตระเวน ข้าไปกับเจ้าก็ย่อมได้ เหตุใดต้องรบกวนอินชิงเสวียนด้วยเล่า”อาซือหลานยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย และรีบพูดต่อว่า “เจ้าสำนักเซี่ยวพูดถูกต้องเลยทีเดียว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ อีกสักครู่ข้าและเจ้าสำนักเซี่ยว รวมทั้งผู้อาวุโสซูจะไปลาดตระเวนชายฝั่งด้วยกัน”เฮ่ออวิ๋นทงพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าไปด้วยสิ”ซูถูเข้าใจในทันทีและถอนหายใจพูดว่า “ตอนนี้เกิดคดีฆาตกรรมเช่นนี้แล้ว เหล่าลูกศิษย์ต่างพากันหวาดกลัว เจ้าสำนักแต่ละท่านคอยอยู่ที่สำนักจะดีกว่า”เมื่อพูดจบ เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “หรือว่าเจ้าสำนักเฮ่อกลัวว่าพวกข้าจะทำร้ายเจ้าสำนักเซี่ยวงั้นหรือ?”เจ้าสำนักเซี่ยวแทบไม่เห็นสองคนนี้อยู่ในสาย
ผู้หญิงคนนี้ก็คือจูอวี้เหยียนที่ถูกตัดเอ็นกล้ามเนื้อมือและเท้าจนหมดสิ้นเมื่อก่อนที่นางฝึกฝนพิษกู่ รากฐานบางส่วนมาจากการฝึกพลังเซียวเหยา จึงมีความรวดเร็วกว่าคนทั่วไปอยู่มาก รวมทั้งอาซือหลานคอยช่วยนางดูดพลังผู้อื่นมาให้อยู่เสมอ เวลาเพียงไม่กี่วัน จูอวี้เหยียนก็ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ล้วนเป็นแผนการที่นางและอาซือหลานวางเอาไว้ ซึ่งมีทั้งเจ้าสำนักเซี่ยวและเซี่ยวอิ๋นหวนเพียงแต่แผนการผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อย อาซือหลานต้องการให้นางเข้าใกล้เซี่ยวอิ๋นหวน แล้วค่อยคิดหาวิธีในการพบตัวเย่จิ่งอวี้ จากนั้นนำกู่ลูกในร่างกายของเขาออกมา น่าเสียดายที่จูอวี้เหยียนเกลียดพวกเขามากเกินไป รวมทั้งความคับแค้นที่มีอยู่ในใจ จึงได้จับตัวเซี่ยวอิ๋นหวนมายังสำนักเซียวเหยานางไม่สามารถนำกู่ลูกของเย่จิ่งอวี้ให้อาซือหลานได้ ยิ่งไม่อาจยอมรับความรักระหว่างอาซือหลานและอินชิงเสวียน ตอนนี้นางต้องการแก้แค้นเพียงเท่านั้นตราบใดที่มีผู้หญิงคนนี้อยู่ ก็ไม่กลัวว่าเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนจะไม่ยอมศิโรราบให้“นำผู้หญิงคนนี้ไปมัดไว้ที่เสาหินด้านนอกห้องลับ ห้ามให้อาหารและน้ำดื่มแก่นางเด็ดขาด”จูอวี้เหยีย
“ฉุยอวี้ เจ้าทำอะไร?”เดิมทีเจ้าสำนักเซี่ยวต้องการถามซูถูถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเขาจะตายด้วยฝ่ามือของฉุยอวี้ฉุยอวี้ร่อนลงบนพื้นแล้วพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ไม่คิดว่าซูถูจะกล้าแอบเล่าเรียนวิทยายุทธ์ของสำนักเซียวเหยา ถือเป็นการทำผิดต่อข้อห้ามสำคัญในยุทธจักร อีกทั้งเขายังลอบโจมตีเจ้าสำนักเซี่ยวก่อน หากปล่อยคนเลวทรามเช่นนี้ทิ้งไว้อาจเกิดความวุ่นวายได้สักวัน เจ้าสำนักเซี่ยวไม่จำเป็นต้องใจอ่อนต่อคนเลวทรามเช่นนี้”เจ้าสำนักเซี่ยวขมวดคิ้วแน่น มองไปที่อาซือหลานด้วยสายตาที่เฉียบคม“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ไม่ควรฆ่าควรด้วยความร้อนใจเช่นนี้ เมื่อครู่ซูถูกำลังจะเรียกชื่อของเจ้าไม่ใช่หรือ ฉุยอวี้ เจ้าและซูถูรบเร้าให้ข้ามาที่นี่ หรือว่ามีเจตนาชั่วร้ายแอบแฝงไว้อยู่?”อาซือหลานถอนหายใจและพูดว่า “อย่างน้อยข้าก็เป็นเจ้าสำนักเช่นเดียวกัน เหตุใดเจ้าสำนักเซี่ยวจึงมองเหยียดหยามกันเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะต้องการปกป้องแผ่นดินของชาติอย่างดินแดนจงหยวน ข้าก็คงไม่เดินทางไกลนับพันลี้มาที่นี่ ตอนนี้ลูกศิษย์ในสำนักสูญสิ้นนับร้อย ตายไปถึงแปดสิบคน กลับต้องถูกเจ้าสำนักเซี่ยวเคลือบแคลงใจเช่นนี้ ฉุยอวี้มีความทุกข์ใจแต่
“ทำไมหรือเจ้าคะ หรือว่าติดตั้งไว้ไม่ได้แล้ว?”อินชิงเสวียนเบิกตากว้าง รีบถามขึ้นมา“ไม่ต้องกังวลไป ข้าเพียงถามดูเท่านั้น วันนี้ของสิ่งนั้นของเจ้าทำประโยชน์ได้ดีมาก ชาวตงหลิวกว่าสิบคนที่เข้ามาลอบโจมตี ลอยอยู่เหนือผิวน้ำทะเลราวกับปลาตาย”อินชิงเสวียนตื่นเต้นดีใจขึ้นมาในทันที“จริงหรือเจ้าคะ?”เจ้าสำนักเซี่ยวหัวเราะแล้วพูดว่า “แน่นอน ตอนนี้มีลูกศิษย์กำลังไปที่ริมทะเล เพื่อนำศพเหล่านั้นขึ้นมา”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็เปลี่ยนสีหน้าทันที“ไม่ได้ ตอนนี้ลงทะเลไม่ได้นะเจ้าคะ”สิ่งของอย่างแหไฟฟ้าไม่แยกแยะมิตรหรือศัตรู หากลงไปตอนนี้ อย่างน้อยก็จะมึนงง หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็ถูกไฟฟ้าช็อตจนตายอินชิงเสวียนเพิ่งพูดจบ ลูกศิษย์นอกสำนักคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอดด้วยความลนลาน“เจ้าสำนักเซี่ยว แย่แล้วขอรับ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทุกคนที่ลงทะเลจึงเจ็บปวดกันเป็นอย่างมาก ยังมีลูกศิษย์อีกสองคนสลบอยู่ในน้ำ เจ้าสำนักเฮ่อลงไปช่วยก็เกือบได้รับบาดเจ็บเช่นกันขอรับ”เมื่อได้ยินว่าเฮ่ออวิ๋นทงก็เสี่ยงที่เป็นอันตราย เจ้าสำนักเซี่ยวก็ร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้“ชิงเสวียน นี่มันเรื่องอะไรกัน?”“หาก
ความเจ็บปวดเข้ากระดูกทำให้มุมปากของเซี่ยวอิ๋นหวนกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เงยหน้ามองไปยังด้านหน้า“เจ้าเองหรือ?”เซี่ยวอิ๋นหวนจำได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็คือแม่นางที่นางช่วยไว้ระหว่างทางกลับจูอวี้เหยียนยิ้มที่มุมปากแล้วพูดว่า “ข้าเอง”เซี่ยวอิ๋นหวนเหลือบมองนางอย่างละเอียด ตัวเองไม่เคยพบเจอกับแม่นางผู้นี้มาก่อนจริงๆ ไม่รู้ว่านางมาเป็นศัตรูกับตัวเองได้อย่างไร“เหตุใดเจ้าจึงจับข้ามาที่นี่?”จูอวี้เหยียนยกแส้ขึ้นมาอีกครั้ง และหวดลงบนตัวของเซี่ยวอิ๋นหวนอย่างรุนแรงนางยิ้มด้วยความน่าสะพรึงกลัวแล้วพูดว่า “เพราะว่าข้าเกลียดเจ้า เกลียดลูกชายของเจ้า ยิ่งเกลียดลูกสะใภ้ของเจ้า ได้ยินว่าเจ้าเคยเป็นไท่เฟยมาก่อน ไม่รู้ว่ารสชาติแบบนี้เป็นอย่างไร?”“หรือว่า... เจ้าชอบอวี้เอ๋อร์งั้นหรือ?”เซี่ยวอิ๋นหวนกัดฟันและถามด้วยน้ำเสียงสงบจูอวี้เหยียนหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าลูกชายของเจ้าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก ใครต่างก็ต้องชอบงั้นหรือ?”“ในเมื่อไม่ใช่ เจ้ามีสิ่งใดต้องเกลียดงั้นหรือ?”เมื่อเห็นสีหน้าเซี่ยวอิ๋นหวนไม่เปลี่ยนแปลง ความโกรธของจูอวี้เหยียนก็ปะทุออกมา“นังผู้หญ
ณ ชายฝั่งทุกคนได้นำศพขึ้นมาทั้งหมดแล้ว อินชิงเสวียนจึงสั่งให้ลูกศิษย์ทั้งหมดอย่าเพิ่งลงน้ำ และได้ประกอบสวิตช์กลับคืนใหม่อีกครั้งเฮ่ออวิ๋นทงเรียกลูกศิษย์ในสำนักสองสามคน และผลัดเวรกันเฝ้ายามทันใดนั้น อินชิงเสวียนก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่เห็นต่งจื่ออวี๋ จึงถามว่า “น้องต่งผู้นั้นไปไหนหรือเจ้าคะ?”เฮ่ออวิ๋นทงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “สองวันนี้ข้าได้รับข่าวว่าพบเบาะแสของลิ่นเซียวมาบ้าง จึงให้จื่ออวี๋ไปสืบข่าวดู”อินชิงเสวียนร้องอ๋อ และถามด้วยความแปลกใจว่า “ผู้อาวุโสลิ่นเซียวไม่เคยกลับมาที่สำนักเลยหรือเจ้าคะ?”เฮ่ออวิ๋นทงถอนหายใจ“ไม่เลย”จู่ๆ วันนั้นลิ่นเซียวก็จากไปโดยไม่บอกลา อินชิงเสวียนยังคิดว่าเขามาร่วมสงครามที่เป่ยไห่เสียด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะหายตัวไปจริงๆเห็นได้ชัดว่าเฮ่ออวิ๋นทงไม่อยากพูดอะไรมากนัก จึงยิ้มแล้วพูดว่า “จื่ออวี๋ก็คิดถึงเจ้าอยู่ตลอดเวลา หากไม่มีข่าวแน่ชัดเขาจะกลับมาภายในไม่กี่วันนี้”“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่แจ้งให้ทราบ เช่นนั้นข้าและอาอวี้ขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”เย่จิ่งอวี้ประสานมือคำนับต่อเฮ่ออวิ๋นทง“ผู้เยาว์ขอลา”“อืม”ทั้งสามคนออกไปจากชายฝั่ง ด
คนคนนั้นมองเย่จิ่งอวี้อย่างเงียบๆ ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ร่างกายแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้เย่จิ่งอวี้ก็ไม่ได้ขยับเช่นกัน เขาจ้องร่างที่มีเลือดไหลนองอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาเต้นอย่างไม่หยุดนิ่ง การหายใจก็ช้าลงทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ากลิ่นเลือดนั้นได้เหม็นมากนัก และยังมีรสชาติที่... หวานอร่อย!เขายื่นมือออกไปอย่างอดไม่ได้ สัมผัสที่หยดเลือดและแตะที่ริมฝีปากวินาทีนั้น สีแดงรอบดวงตาของเขาก็แดงขึ้นอีกมากในทันทีเย่จิ่งอวี้อ้าปากเพื่อเตรียมลิ้มรสชาติของเลือด ทันใดนั้น ภาพของคนตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นรูปร่างของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ตกใจในทันที และถอยหลังไปหลายก้าวอย่างอดไม่ได้และเขาก็มีสติขึ้นมาในทันทีทันใดเหตุใดเขาจึงอยากลิ้มรสชาติเลือดคน เหตุใดเขาจึงมีความคิดที่น่ากลัวเช่นนี้ได้? หากเสวียนเอ๋อร์รู้เข้า ต้องรังเกียจเขาอย่างแน่นอนเย่จิ่งอวี้รีบเช็ดเลือดที่มือจนสะอาด และใช้วิชาตัวเบาบินออกจากไปหุบเขาอย่างรวดเร็วเห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่หลังต้นไม้ไม่คิดว่าเย่จิ่งอวี้จะจากไปอย่างกะทันหัน สายตาของเขาก็แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะมีจิตใจที่แข็งแกร่
หลังจากนั้นไม่ถึงสิบวินาที ไป๋เสวี่ยก็เห่าออกมาหนึ่งครั้ง และวิ่งไปด้านนอกประตูคนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งตามไปไป๋เสวี่ยมาถึงโถงร่วมธรรมอย่างว่องไว จากนั้นเดินกลับออกมาตามเส้นทางอย่างช้าๆ พร้อมกับดมกลิ่นทุกคนเดินตามมันไปตลอดทาง เดินๆ หยุดๆ ทันใดนั้นไป๋เสวี่ยก็หยุดลงตรงทางแยกที่เซี่ยวอิ๋นหวนถูกพาตัวไปจากนั้นก็เงยหน้าเห่าครั้งหนึ่งเย่จิ่งอวี้ถามทันทีว่า “ไป๋เสวี่ย เจ้าพบอะไรแล้วใช่หรือไม่?”ไป๋เสวี่ยเห่าออกมาอีกสองครั้ง และเดินต่อไปด้านหน้า สุดท้ายก็หยุดลงที่หลังประตูของสำนักเซียวเหยา“หรือว่าท่านแม่ของข้าอยู่ที่นี่?”ลูกศิษย์ที่ลาดตระเวนของสำนักเซียวเหยาได้เห็นทุกคนแล้ว จึงพูดขึ้นทันทีว่า “พวกท่านมาจากสำนักใด มาที่นี่ด้วยเหตุผลใด?”เจ้าสำนักเซี่ยวหรี่ตามองด้วยความเยือกเย็น เดินไปด้านหน้าแล้วพูดว่า “ข้าคือเจ้าสำนักหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ให้เจ้าสำนักฉุยของพวกเจ้าออกมาคุยกันหน่อยสิ”อาซือหลานกำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ตอนนี้ถูกนังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างจูอวี้เหยียนทำเสียเรื่อง จึงจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไปเขากำลังรอให้ถึงกลางดึก ส่งจดหมายหนึ่งฉบับให้เย่จิ่งอวี้ด้วยตัวเอง และล