แชร์

บทที่ 715 พวกเจ้าสมควรตาย

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ความเจ็บปวดเข้ากระดูกทำให้มุมปากของเซี่ยวอิ๋นหวนกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เงยหน้ามองไปยังด้านหน้า

“เจ้าเองหรือ?”

เซี่ยวอิ๋นหวนจำได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็คือแม่นางที่นางช่วยไว้ระหว่างทางกลับ

จูอวี้เหยียนยิ้มที่มุมปากแล้วพูดว่า “ข้าเอง”

เซี่ยวอิ๋นหวนเหลือบมองนางอย่างละเอียด ตัวเองไม่เคยพบเจอกับแม่นางผู้นี้มาก่อนจริงๆ ไม่รู้ว่านางมาเป็นศัตรูกับตัวเองได้อย่างไร

“เหตุใดเจ้าจึงจับข้ามาที่นี่?”

จูอวี้เหยียนยกแส้ขึ้นมาอีกครั้ง และหวดลงบนตัวของเซี่ยวอิ๋นหวนอย่างรุนแรง

นางยิ้มด้วยความน่าสะพรึงกลัวแล้วพูดว่า “เพราะว่าข้าเกลียดเจ้า เกลียดลูกชายของเจ้า ยิ่งเกลียดลูกสะใภ้ของเจ้า ได้ยินว่าเจ้าเคยเป็นไท่เฟยมาก่อน ไม่รู้ว่ารสชาติแบบนี้เป็นอย่างไร?”

“หรือว่า... เจ้าชอบอวี้เอ๋อร์งั้นหรือ?”

เซี่ยวอิ๋นหวนกัดฟันและถามด้วยน้ำเสียงสงบ

จูอวี้เหยียนหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าลูกชายของเจ้าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก ใครต่างก็ต้องชอบงั้นหรือ?”

“ในเมื่อไม่ใช่ เจ้ามีสิ่งใดต้องเกลียดงั้นหรือ?”

เมื่อเห็นสีหน้าเซี่ยวอิ๋นหวนไม่เปลี่ยนแปลง ความโกรธของจูอวี้เหยียนก็ปะทุออกมา

“นังผู้หญ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 716 กองศพ

    ณ ชายฝั่งทุกคนได้นำศพขึ้นมาทั้งหมดแล้ว อินชิงเสวียนจึงสั่งให้ลูกศิษย์ทั้งหมดอย่าเพิ่งลงน้ำ และได้ประกอบสวิตช์กลับคืนใหม่อีกครั้งเฮ่ออวิ๋นทงเรียกลูกศิษย์ในสำนักสองสามคน และผลัดเวรกันเฝ้ายามทันใดนั้น อินชิงเสวียนก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่เห็นต่งจื่ออวี๋ จึงถามว่า “น้องต่งผู้นั้นไปไหนหรือเจ้าคะ?”เฮ่ออวิ๋นทงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “สองวันนี้ข้าได้รับข่าวว่าพบเบาะแสของลิ่นเซียวมาบ้าง จึงให้จื่ออวี๋ไปสืบข่าวดู”อินชิงเสวียนร้องอ๋อ และถามด้วยความแปลกใจว่า “ผู้อาวุโสลิ่นเซียวไม่เคยกลับมาที่สำนักเลยหรือเจ้าคะ?”เฮ่ออวิ๋นทงถอนหายใจ“ไม่เลย”จู่ๆ วันนั้นลิ่นเซียวก็จากไปโดยไม่บอกลา อินชิงเสวียนยังคิดว่าเขามาร่วมสงครามที่เป่ยไห่เสียด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะหายตัวไปจริงๆเห็นได้ชัดว่าเฮ่ออวิ๋นทงไม่อยากพูดอะไรมากนัก จึงยิ้มแล้วพูดว่า “จื่ออวี๋ก็คิดถึงเจ้าอยู่ตลอดเวลา หากไม่มีข่าวแน่ชัดเขาจะกลับมาภายในไม่กี่วันนี้”“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่แจ้งให้ทราบ เช่นนั้นข้าและอาอวี้ขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”เย่จิ่งอวี้ประสานมือคำนับต่อเฮ่ออวิ๋นทง“ผู้เยาว์ขอลา”“อืม”ทั้งสามคนออกไปจากชายฝั่ง ด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 717 ไป๋เสวี่ยออกปฏิบัติการ

    คนคนนั้นมองเย่จิ่งอวี้อย่างเงียบๆ ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ร่างกายแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้เย่จิ่งอวี้ก็ไม่ได้ขยับเช่นกัน เขาจ้องร่างที่มีเลือดไหลนองอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาเต้นอย่างไม่หยุดนิ่ง การหายใจก็ช้าลงทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ากลิ่นเลือดนั้นได้เหม็นมากนัก และยังมีรสชาติที่... หวานอร่อย!เขายื่นมือออกไปอย่างอดไม่ได้ สัมผัสที่หยดเลือดและแตะที่ริมฝีปากวินาทีนั้น สีแดงรอบดวงตาของเขาก็แดงขึ้นอีกมากในทันทีเย่จิ่งอวี้อ้าปากเพื่อเตรียมลิ้มรสชาติของเลือด ทันใดนั้น ภาพของคนตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นรูปร่างของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ตกใจในทันที และถอยหลังไปหลายก้าวอย่างอดไม่ได้และเขาก็มีสติขึ้นมาในทันทีทันใดเหตุใดเขาจึงอยากลิ้มรสชาติเลือดคน เหตุใดเขาจึงมีความคิดที่น่ากลัวเช่นนี้ได้? หากเสวียนเอ๋อร์รู้เข้า ต้องรังเกียจเขาอย่างแน่นอนเย่จิ่งอวี้รีบเช็ดเลือดที่มือจนสะอาด และใช้วิชาตัวเบาบินออกจากไปหุบเขาอย่างรวดเร็วเห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่หลังต้นไม้ไม่คิดว่าเย่จิ่งอวี้จะจากไปอย่างกะทันหัน สายตาของเขาก็แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะมีจิตใจที่แข็งแกร่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 718 พูดเข้าประเด็น

    หลังจากนั้นไม่ถึงสิบวินาที ไป๋เสวี่ยก็เห่าออกมาหนึ่งครั้ง และวิ่งไปด้านนอกประตูคนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งตามไปไป๋เสวี่ยมาถึงโถงร่วมธรรมอย่างว่องไว จากนั้นเดินกลับออกมาตามเส้นทางอย่างช้าๆ พร้อมกับดมกลิ่นทุกคนเดินตามมันไปตลอดทาง เดินๆ หยุดๆ ทันใดนั้นไป๋เสวี่ยก็หยุดลงตรงทางแยกที่เซี่ยวอิ๋นหวนถูกพาตัวไปจากนั้นก็เงยหน้าเห่าครั้งหนึ่งเย่จิ่งอวี้ถามทันทีว่า “ไป๋เสวี่ย เจ้าพบอะไรแล้วใช่หรือไม่?”ไป๋เสวี่ยเห่าออกมาอีกสองครั้ง และเดินต่อไปด้านหน้า สุดท้ายก็หยุดลงที่หลังประตูของสำนักเซียวเหยา“หรือว่าท่านแม่ของข้าอยู่ที่นี่?”ลูกศิษย์ที่ลาดตระเวนของสำนักเซียวเหยาได้เห็นทุกคนแล้ว จึงพูดขึ้นทันทีว่า “พวกท่านมาจากสำนักใด มาที่นี่ด้วยเหตุผลใด?”เจ้าสำนักเซี่ยวหรี่ตามองด้วยความเยือกเย็น เดินไปด้านหน้าแล้วพูดว่า “ข้าคือเจ้าสำนักหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ให้เจ้าสำนักฉุยของพวกเจ้าออกมาคุยกันหน่อยสิ”อาซือหลานกำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ตอนนี้ถูกนังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างจูอวี้เหยียนทำเสียเรื่อง จึงจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไปเขากำลังรอให้ถึงกลางดึก ส่งจดหมายหนึ่งฉบับให้เย่จิ่งอวี้ด้วยตัวเอง และล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 719 พวกเราชื่อว่าอินชิงเสวียน

    ความคิดถึงเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างมาก บางครั้งยิ่งถูกระงับมากเท่าไรก็ยิ่งควบคุมได้ยากขึ้นเท่านั้นเมื่อไม่เห็นอินชิงเสวียน อาซือหลานยังสามารถควบคุมได้ แต่ทุกครั้งที่เห็นใบหน้าที่งดงามจนน่าทึ่ง อาซือหลานก็มีความรู้สึกแทบบ้าคลั่งเขาแทบอยากกอดอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมอก และข่มเหงนางสักครั้งเขารู้สึกว่าตัวเองถูกผู้หญิงคนนี้ร่ายมนตร์ใส่ หากไม่ได้ตัวนางมา เขาคงเป็นบ้าในไม่ช้าก็เร็วหลายเดือนก่อน เขายังวางแผนที่จะครอบครองเจียงวูและครอบครองต้าโจวไว้ในมือของเขา ทว่านับตั้งแต่มาถึงชายฝั่งทะเลเป่ยไห่ หลังจากที่จับพลัดจับผลูกลายมาเป็นเจ้าสำนักโดยบังเอิญ เป้าหมายของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับหลายๆ สำนักแล้ว เพียงแค่ชาติวงศ์และประเทศเล็กๆ แห่งหนึ่ง ความจริงแล้วแทบไม่มีอะไรเลย มีเพียงการยืนอยู่ในจุดสูงสุดของยุทธจักร จึงจะเป็นเส้นทางไปถึงจุดสูงสุดที่แท้จริงหากสามารถทำให้ยอดฝีมือหลายคนเชื่อฟังคำสั่งได้ การทำลายประเทศใดประเทศหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากและผู้หญิงที่มีผลต่อความคิดของเขา อาซือหลานยิ่งต้องเอามาให้ได้เพียงแค่ได้ตัวนางมา สิ่งที่ตัวเองทำลงไปทั้งหมดจึงจะมีความหมายมากขึ้น

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 720 ของขวัญของเย่จิ่งหลาน

    ระหว่างที่อาซือหลานอยู่ในกิจแห่งกาม เจ้าสำนักเซี่ยวและคนอื่นๆ ก็กลับมาถึงหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์แล้วท่านผู้เฒ่ากางชุดคลุมออก และนั่งลงบนตำแหน่งหัวโต๊ะ พร้อมถามเสียงเข้มว่า “พวกเจ้ามีความเห็นอย่างไร?”อินชิงเสวียนมองไปที่เย่จิ่งอวี้ในทันทีเย่จิ่งอวี้ใบหน้าตึงเครียด แต่ไม่คิดจะพูดอะไรออกมาอินชิงเสวียนช่วยอะไรไม่ได้ ทั้งสองคนอาจไม่สามารถคืนดีกันได้สักพักจึงทำได้เพียงกระแอมไอแล้วพูดว่า “ไป๋เสวี่ยรู้สึกไวต่อกลิ่น และเข้าใจในกลิ่นของมนุษย์อย่างถ่องแท้ ในเมื่อมันตามไปถึงสำนักเซียวเหยา ก็พิสูจน์ได้ว่าท่านแม่อาจจะเคยอยู่ที่นั่น และนางอาจจะยังอยู่ที่สำนักเซียวเหยาก็ได้ เพียงแต่อาจถูกย้ายไปอยู่ที่อื่น”เจ้าสำนักเซี่ยวพยักหน้า“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน คืนนี้ข้าเตรียมจะไปค้นหาที่สำนักเซียวเหยาอีกครั้ง”เย่จิ่งอวี้พูดเสียงเรียบว่า “ไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้าสำนักเซี่ยว ข้าจะไปกับเสวียนเอ๋อร์”พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป“อาอวี้!”อินชิงเสวียนตะโกนเรียกเบาๆ เย่จิ่งอวี้ก็ไม่ได้หันหลังกลับมาเจ้าสำนักเซี่ยวไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร จึงโบกมือแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ หวนเอ๋อร์หายตัวไป เข

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 721 เพื่อนที่ดี

    เย่จิ่งหลานปิดปากเดินเข้าห้องอินชิงเสวียนใช้แรงเม้มริมฝีปากอย่างอดไม่ได้ คนบ้านเดียวกันคนนี้ไว้ใจได้จริงๆ และสิ่งที่นางติดค้างเย่จิ่งหลานไว้ มีมากจนแทบนับไม่ถ้วนแล้วบางทีเขาอาจพูดถูก ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่เพียงมีคะแนนสะสม แต่ยังมีโอกาสตอบแทนด้วย หากเขาต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากตัวเอง อินชิงเสวียนจะยอมบุกน้ำลุยไฟ และไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอนนางหยิบปืนด้วยความคิดที่ซับซ้อน และเดินตรงไปที่ห้องโถงเย่จิ่งหลานไม่ได้เดินไปไหนไกล เขายืนอยู่หลังประตูผ่านช่องว่างที่คับแคบ และมองดูอินชิงเสวียนด้วยรอยยิ้มจางๆหวังว่านางจะมีชีวิตอยู่เป็นอย่างดี ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงจะทำสิ่งต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้นเฝ้ามองจนกระทั่งเงาของอินชิงเสวียนหายไป เย่จิ่งหลานจึงกลับเข้าไปในมิติจากนั้นก็หยิบหนังสือที่เพิ่งแลกมาใหม่ กินมันฝรั่งทอด พร้อมอ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลินอินชิงเสวียนเดินมาถึงหน้าประตูห้องโถง และกำลังจะเดินเข้าไป นางได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “รายงานเจ้าสำนัก ศิษย์พี่ทั้งสองต่างกำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ภูเขาอวิ๋นฉี และยังไม่เคยห่างออกที่ไหนเลย เกรงว่าผู้ที่สังหารหมอเทวดาหนิง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 722 ตายเสียเถอะ

    “ไม่เป็นไรเพคะ ตอนนี้เกินตีหนึ่งมาแล้ว เวลานี้น่าจะกำลังพอดี”อินชิงเสวียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดวงตายังคงจับจ้องไปที่เย่จิ่งอวี้อย่างไม่วางตาเย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นยืน และจับมือเล็กที่เย็นเล็กน้อยของอินชิงเสวียนเอาไว้“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรงั้นหรือ?”อินชิงเสวียนกระแอมไอเสียงแห้งแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรเพคะ อาอวี้รู้สึกผิดปกติส่วนไหนในร่างกายหรือไม่เพคะ?”เย่จิ่งอวี้หลับตาเพื่อสัมผัสความรู้สึก พร้อมส่ายหน้าพูดว่า “เหตุใดเสวียนเอ๋อร์จึงถามเช่นนี้?”อินชิงเสวียนพูดด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ข้าเป็นห่วงว่าท่านจะเหนื่อยมากเกินไป ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วเพคะ พวกเราออกไปกันเถอะ!”เย่จิ่งอวี้กางแขนออก และโอบอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมอก พร้อมพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ลำบากเสวียนเอ๋อร์แย่เลย”อินชิงเสวียนพูดตำหนิว่า “มีสิ่งใดต้องลำบากเพคะ นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรต้องทำ”เมื่อคิดได้เช่นนั้น ทั้งสองก็ออกไปจากมิติหลังจากนั้นสิบห้านาที ร่างเงาสองร่างในชุดท่องราตรีก็ออกมาจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็วในอ้อมอกของเย่จิ่งอวี้ยังอุ้มไป๋เสวี่ยที่สวมเสื้อผ้าไว้ หัวสุนัขที่มีขนาดใหญ่สวมชุดที่มีหมวกคลุมเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 723 ห้ามคุกเข่านะ

    เย่จิ่งอวี้ร้อนใจรีบตามหาหวนไท่เฟย จึงไม่ทันได้ระวังตัว เขาแค่รู้สึกจุกที่หัวใจ และระงับกลิ่นเลือดที่พลุ่งพล่านในลำคอเอาไว้เพียงพริบตาเดียวอีกฝ่ามือหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอินชิงเสวียนกรีดร้องด้วยความตกใจ“จูอวี้เหยียน!”เมื่อเห็นผู้หญิงที่อยู่ด้านในห้อง อินชิงเสวียนก็ต้องตกใจอย่างอดไม่ได้นางอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?อีกทั้งยังสามารถฟื้นฟูวิทยายุทธ์ได้ด้วยงั้นหรือ?เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปโอบเอวบางของอินชิงเสวียนเอาไว้ รีบบินถอยหลังอยู่หลายก้าว และมองเห็นหน้าตาที่ชัดเจนของจูอวี้เหยียน“เจ้าก็กล้ามาถึงเป่ยไห่เลยงั้นหรือ?”จูอวี้เหยียนกระตุกยิ้มที่มุมปาก และพูดเยาะเย้ยว่า “เจ้ามาที่นี่ได้ เหตุใดข้าจะมาที่นี่ไม่ได้เล่า”นางก้าวขึ้นมาด้านหน้าอย่างไม่เกรงกลัว และพูดด้วยใบหน้าที่หยิ่งยโสว่า “ข้าไม่เพียงมาที่นี่เฉยๆ แต่ยังนำของขวัญชิ้นใหญ่มาให้เจ้าด้วย”เมื่อนางเบี่ยงตัว อินชิงเสวียนก็เห็นหวนไท่เฟยที่ผูกไว้กับเสาหินในทันทีเมื่อเห็นรอยเลือดเป็นริ้วๆ บนร่างกายของเซี่ยวอิ๋นหวน เย่จิ่งอวี้ก็โมโหเป็นอย่างมาก“ท่านแม่!”จูอวี้เหยียนมาขวางที่หน้าประตูอีกครั้ง และพูดอย่างเยือกเย็นว่า

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1468 อย่าได้คืบจะเอาศอก

    “สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

DMCA.com Protection Status