หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 686 ไม่พอใจแล้วอย่างไรเล่า

แชร์

บทที่ 686 ไม่พอใจแล้วอย่างไรเล่า

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-05-07 16:00:01
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉุยอวี้ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ผู้นี้ก็คือสามีของแม่นางอิน เสียมารยาทแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็ไม่รบกวนแล้ว ถึงอย่างไรวันเวลายังอีกยาวนาน แล้วเราจะได้พบกันอีก”

ฉุยอวี้หัวเราะ และเหาะขึ้นไปบนอากาศ

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“ทำไมคนผู้นี้ถึงดูเป็นเสนียดจัง”

ความรู้สึกนั้นทำให้นางนึกถึงอาซือหลานอย่างอธิบายไม่ถูก

พอนึกดูอีกที เย่จิ่งอวี้และเสด็จอาได้ยืนยันด้วยตัวเองแล้ว ฉะนั้นเจ้าตัวหายนะนี้คงไม่ฟื้นคืนมาได้อีก บางทีอาจได้พบกับคนใจดี มาเก็บศพเขาไปก็ได้

เย่จิ่งอวี้จับมืออินชิงเสวียน พูดด้วยความรังเกียจ “สำนักเช่นนี้จะมีคนดีได้อย่างไร เขามาที่นี่ ต้องเป็นเพราะพิณการเวกแน่ๆ”

ครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ห็เล่าเรื่องข้อพิพาทระหว่างสำนักอวิ๋นซานและหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ให้อินชิงเสวียนฟัง

“คนผู้นี้กับซูถูเป็นพวกไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่ตอนอยู่ที่ห้องทำงานของหมอเทวดาหนิง ที่ซูถูทำแบบนี้ เกรงว่าเขาจะมีส่วนพัวพันอยู่เป็นแน่”

อินชิงเสวียนพยักหน้า

นางเพิ่งสัมผัสถึงประสบการณ์อานุภาพของพิณการเวก อาวุธลึกลับเช่นนี้ คงกระตุ้นความโลภของผู้คนมากมายอย่างแน่นอน

“ถ้าเป็นเช
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 687 เป็นเช่นนี้น่ะเอง

    แววตาของเจ้าสำนักเซี่ยวแปลกไป ลดฝ่ามือลงทันทีเย่จิ่งอวี้กระโดดขึ้นไปในอากาศ อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าสำนักเซี่ยวถึงไม่สู้ต่อล่ะ”เซี่ยวอิ๋นหวนรีบห้ามเขา ดุด้วยเสียงแผ่วต่ำ “อวี้เอ๋อร์ อย่าไร้มารยาทกับเจ้าสำนัก”เจ้าสำนักเซี่ยวยังคงยืนมองดูเขานิ่งๆ แววตาเต็มไปด้วยความคิดที่ซ้อนเป็นชั้นๆ ทำให้ผู้คนไม่สามารถคาดเดาได้ในเวลานี้ มีเสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากด้านหลัง“เด็จพ่อ สวยแม่!”เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงทนอยู่ในห้องไม่ไหวอีก เมื่อมองดูโคมไฟที่ห้อยอยู่ข้างนอก ก็ตะโกนว่าจะออกมาดูอวิ๋นฉ่ายและจังอวี้จิ่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตามใจเขา อุ้มเด็กออกไปเสียงร้องอันนุ่มนิ่มนี้ทำให้ทุกคนหันกลับมาพร้อมกันสีแดงอ่อนๆ ในดวงตาของเย่จิ่งอวี้ค่อยๆ จางหายไปเจ้าสำนักเซี่ยวก็มองไปในระยะไกลเช่นกัน“เด็กนี่เป็นใคร?”อินชิงเสวียนก้าวออกไปรับเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วพูดว่า “นี่คือลูกชายของข้าและอาอวี้ เนื่องจากการเดินทางอันยาวนาน ผู้เยาว์ไม่วางใจที่จะทิ้งลูกไว้ในวัง จึงพาเขามาที่นี่ด้วยกัน”เมื่อได้ยินว่านี่คือหลานชายตัวน้อยของตัวเอง เซี่ยวอิ๋นหวนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-07
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 688 การค้าสำเร็จ

    ในเวลานี้ เจ้าสำนักเซี่ยวยืนอยู่บนยอดเขาด้วยดวงตาที่ลึกล้ำคู่หนึ่ง มองเข้าไปในค่ำคืนอันมืดมิดจากระยะไกล ปล่อยให้ลมหนาวพัดเสื้อคลุมพลิ้วสะบัด ส่งเสียงพึ่บพั่บดังสนั่น แต่เขายังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงแสงจันทร์ทำให้เงาร่างของเขาทอดยาว ส่งเสริมให้ดูสง่าผ่าเผยเกรียงไกรมากขึ้น เขาเอามือไพล่หลัง คิ้วขาวขมวดมุ่น หัวใจเต้นตึกตักยากที่จะสงบลงได้นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้เห็นดวงตาเช่นนี้ ครั้งแรก คือตู้เยี่ยนศิษย์ในสำนักของเขาถ้าวันนั้นจู่ๆ เขาไม่ได้คลุ้มคลั่ง เจ้าสำนักเซี่ยวคงจะไม่สังหารเขาภายใต้ฝ่ามือ แต่ทำไมเย่จิ่งอวี้ถึงทำเช่นนี้หรือว่าที่ตู้เยี่ยนทำอะไรบางอย่างกับเขายิ่งเจ้าสำนักเซี่ยวคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งว้าวุ่นใจ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เขาว้าวุ่นใจมากที่สุดก็คือ ประวัติชีวิตของตู้เยี่ยน เขาอาจจะ...เจ้าสำนักเซี่ยวกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด เมื่อจู่ๆ ได้ยินเสียงเสื้อผ้าดังมาจากข้างหลัง พอหันกลับไป ก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ “ใครมาพรางเป็นเทพแสร้งเป็นผีอยู่ที่นี่”คลื่นน้ำแผดคำรามอยู่ข้างหน้า พายุคลั่งหวีดหวิวข้างหลัง แต่กลับไม่มีใครตอบสนองเจ้าสำนักเซ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-08
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 689 ชายชราหัวแข็ง

    ท่ามกลางคลื่นและลมแรง ในที่สุดคืนเดือนหงายก็ต้อนรับแสงพระอาทิตย์ที่สาดส่องอินชิงเสวียนอาศัยอยู่ในหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่อาจตื่นสายเกินไปได้พอฟ้าสาง นางก็สวมเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นนั่งเมื่อเปิดประตู เห็นฮวาเชียนที่ถือชามยาอยู่ทันที“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านอาฮวา”อินชิงเสวียนยิ้มและกล่าวทักทายฮวาเชียนชอบอินชิงเสวียนมาก ถามอย่างอ่อนโยน “ทำไมเจ้าตื่นเช้าขนาดนี้”“นอนอิ่มพอแล้ว ท่านแม่ตื่นหรือยัง”“ตื่นมาสักพักแล้ว นี่คือยาที่หมอเทวดาหนิงให้ไว้ก่อนหน้านี้ ข้าจึงต้มมาหน่อย”“ข้ายังมีน้ำพุยาอยู่ ให้ท่านแม่ดื่มด้วยเถอะ”ก่อนอินชิงเสวียนเดินทางจากมา นางได้ทิ้งน้ำพุวิญญาณให้กับตระกูลอินไว้มาก สำหรับแม่สามีของนาง นางย่อมไม่ตระหนี่ถี่เหนียวอยู่แล้วฮวาเชียนพยักหน้าขอบคุณทันที ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมหลายวันก่อนอินชิงเสวียนถึงให้นางดื่มน้ำบ่อยๆ คิดว่าที่นางฟื้นตัวเร็วมากขนาดนี้ ต้องเพราะผลของน้ำพุยานี้เมื่อคิดได้ดังนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณ“ต้องขอบคุณชิงเสวียนมาก”“เราคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ”อินชิงเสวียนแกล้งทำเป็นเดินกลับไปเอาน้ำในห้อง แล้วหยิบกาน้ำพุวิญญาณออกมา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-08
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 690 จะให้เขาสมหวังได้อย่างไร

    สำนักอวิ๋นซานซูถูนั่งอยู่ในห้องด้วยใบหน้ามืดมน ในใจแทบอยากจะถลกหนังดึงเส้นเอ็นของอินชิงเสวียนออกมา หากไม่ใช่เพราะนังเด็กบ้านั่นโผล่ออกมา พิณการเวกก็อาจจะตกอยู่ในมือของเขาแล้ว ยิ่งเมื่อคิดว่าหลิวจิ่งก็เป็นคนที่คนอื่นส่งมา ก็ตบมือลงบนโต๊ะอย่างอดไม่ได้เรื่องนี้ ไม่มีวันเลิกราไปง่ายๆ แน่แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด จึงไม่มีข่าวจากฉุยอวี้ในเวลานั้นตกลงกันไว้แล้วแท้ๆ ว่าเขาจะมาเสริมทัพภายหลัง เชื่อว่าเขาคงเห็นนังเด็กบ้านั่นและหลิวจิ่งแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ลงมือหลังจากคิดใคร่ครวญเรื่องนี้แล้ว ซูถูก็ตัดสินใจไปพบกับฉุยอวี้ ถามเขาว่าเขามีเจตนาอะไรกันแน่หลังจากเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ก็มาถึงสถานที่ที่ทั้งสองมักจะนัดพบกัน หลังจากนั้นไม่นาน ฉุยอวี้ก็ออกมาจากทางลับ“ผู้อาวุโสซูรีบร้อนมาที่นี่เช่นนี้ มีเรื่องอะไรหรือ”ซูถูแค่นเสียงหึและพูดว่า “เรื่องเมื่อคืนก่อน เดาว่าเจ้าสำนักฉุยจะสังเกตเห็นแล้ว หรือจะปล่อยให้พวกเขานำพิณกลับไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้”ฉุยอวี้นั่งบนเก้าอี้ พูดเนิบๆ ไม่ช้าไม่เร็ว “ไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ในสายตาของทุกคน แม้ว่าเราสองสำนักจะร่วมมือกันก็ไม่สามารถหยุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-08
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 691 เฒ่าสารพัดพิษ

    หายใจเฮือกด้วยความตื่นตระหนก ฮวาเชียนถามทันควัน “อาอวี้ เกิดอะไรขึ้น”เย่จิ่งอวี้เงยหน้าขึ้น ดวงตาปรากฏวงแดงจางๆ แต่แสงในห้องลับนั้นมืดสลัว ฮวาเชียนเองก็ไม่ได้สนใจดวงตาของเขามากนัก“ไม่เป็นไร ข้านั่งพักสักครู่ก็ดีขึ้นแล้ว”เย่จิ่งอวี้นั่งพิงกำแพงหิน ตั้งสมาธิมั่น หลังจากนั้นไม่นาน จึงค่อยๆ สงบลงในใจรู้สึกประหลาดใจอยู่มิวาย เหตุใดเมื่อมาถึงเป่ยไห่ ถึงมักรู้สึกสูญเสียการควบคุม ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตอนที่เขาขึ้นครองบัลลังก์เท่านั้น ภายหลังจึงค่อยๆ ถูกยับยั้งไว้ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด ระยะนี้ถึงได้ปรากฏขึ้นอีกหรือว่าได้รับผลกระทบจากเสียงพิณ หรือว่าช่วงนี้คิดมากเกินไป?เย่จิ่งอวี้ไม่สามารถหาสาเหตุได้ ในขณะนี้ ประตูหินเปิดออก อินชิงเสวียนเดินออกจากห้องหินโดยที่กอดพิณการเวกไว้เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนพื้น ก็รีบถามทันที “อาอวี้ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร”เย่จิ่งอวี้ยืนขึ้น พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเป็นห่วงเสวียน‍เอ๋อร์ ก็เลยเข้ามาดู”ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจทันที นางแหวเบาๆ “มีท่านอาฮวาที่นี่ ข้าจะเป็นอะไรได้ จ้าวเอ๋อร์ล่ะ?”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยรอยยิ้มกริ่ม “กำลังเล่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-09
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 692 แย่งชิงสิ่งของอันเป็นที่รักของผู้อื่น

    หลังจากที่ซูถูจากไป เย่จิ่งอวี้ก็หันหน้ามาพูดว่า “ท่านแม่ ผู้อาวุโสซูคนนี้ไม่ใช่คนดี”เซี่ยวอิ๋นหวนพยักหน้า“แม้ว่าคนผู้นี้จะมาจากสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียง แต่นิสัยไม่ค่อยดีนัก เราไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขา เจ้าสำนักเซี่ยวจะจัดการเอง”เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ได้ยินตาเฒ่าซูถูพูดถึงมาตลอดว่าฝ่ามือทลายเสียงเป็นวิชาลับเฉพาะของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจน เกรงว่าเจ้าสำนักเซี่ยวจะหลุดพ้นส่วนเกี่ยวข้องได้ยาก”เซี่ยวอิ๋นหวนขมวดคิ้วการตายของหมอเทวดาหนิง นางก็เคยได้ยินฮวาเชียนพูดถึง และเรื่องนี้ทำให้นางพิศวงงุนงงอยู่ตลอด“อาจเป็นวิชาฝ่ามือที่คล้ายกัน ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นฝ่ามือทลายเสียงหรือไม่”อินชิงเสวียนเคยดูซีรีส์เกี่ยวกับวรยุทธ์มาหลายเรื่อง ซึ่งในนั้นมักมีโครงเรื่องเช่นนี้ปรากฏ ก็อดคิดพิสดารไม่ได้เซี่ยวอิ๋นหวนกล่าวว่า “ฝ่ามือทลายเสียงของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการลอกเลียนแบบอย่างแน่นอน วิธีการใช้ฝ่ามือนี้พิเศษมาก คือการเปลี่ยนกำลังภายในให้เป็นคลื่นเสียง ทำลายอวัยวะของผู้ตายโดยตรง และทิ้งระลอกคลื่นเหมือนคลื่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-09
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 693 สามีภรรยาธรรมดาทั่วไป

    จู่ๆ เด็กสาวก็แสดงความไม่พอใจออกมา“เงินข้าก็จ่ายแล้ว พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเก็บไว้”เซี่ยวอิ๋นหวนอุ้มเด็กเดินเข้าไปหา พูดกับเด็กสาวว่า “ถ้าข้าจำไม่ผิด น้องสาวคนนี้น่าจะมาจากสำนักเทียนหยวนกระมัง”เด็กสาวเหลือบมองนางแวบหนึ่ง แล้วประกบมือคำนับและกล่าวว่า “ถูกต้อง หรือว่าท่านผู้นี้คือผู้คุมตราเซี่ยว?”เซี่ยวอิ๋นหวนพยักหน้า“สองคนนี้เป็นลูกสะใภ้และลูกชายของข้า หวังว่าน้องสาวจะไว้หน้าข้าด้วย”เด็กสาวหันไปมองอินชิงเสวียนอีกครั้ง ครั้นเห็นนางงดงามปานนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา แล้วหันไปมองเย่จิ่งอวี้ที่เป็นบุรุษรูปงาม หล่อเหล่าเลิศล้ำ ในใจยิ่งรู้สึกไม่ยุติธรรมมีสามีหน้าตาดีเพียงนี้ ทั้งยังมีแม่สะใภ้ที่คอยปกป้องนาง สตรีคนนี้โชคดีจริงๆนางถอนมืออย่างเคียดแค้น แค่นเสียงพูดว่า “เอาเถอะ เห็นแก่ผู้คุมตรา วันนี้จะมอบต่างหูให้เจ้า คราวหน้าข้าจะไม่ยอมแพ้แน่นอน”หลังจากพูดจบก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอินชิงเสวียนค่อนข้างอึดอัดใจ แต่ตอนนี้นางมีทุกคนในครอบครัวออกมาด้วย ทุกอย่างต้องเห็นความปลอดภัยเป็นสำคัญ ไม่ต้องการที่จะต่อสู้โดยไม่จำเป็นจริงๆเซี่ยวอิ๋นหวนเห็นว่าลูกสะใภ้ไม่ค่อยมีความสุข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-09
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 694 เพลงหมื่นกระบี่เศษดารา

    คำพูดของเย่จิ่งอวี้ขจัดความเศร้าโศกในใจของอินชิงเสวียนจนสิ้น พลันรู้สึกถึงความหวานในใจมีสามีแบบนี้ ยังปรารถนาสิ่งใดอีกล่ะ!ทั้งสองคุยกันสักพักหนึ่ง แล้วฟ้าก็มืดลงหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เจ้าสำนักเซี่ยวก็เดินเข้ามาในเรือนด้วยใบหน้าอึมครึม เซี่ยวอิ๋นหวนรีบวางตะเกียบลง แล้วเดินไปที่ห้องหนังสือทันทีเย่จิ่งหลานเหลือบมองออกไปข้างนอก แล้วกินต่อชาติที่แล้วเขาชอบกินอาหารทะเลมาก แต่ในฐานะคนจน เขาไม่มีเงินซื้อเลย จึงได้แต่ซื้อหอยราคาถูกๆ มาลิ้มลองเท่านั้น เมื่อมาถึงที่นี่ ก็มีอาหารทะเลมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งยังราคาถูกมาก จึงต้องกินให้มากอยู่แล้วอินชิงเสวียนเดิมทีไม่มีกะจิตกะใจจะกินนัก แต่เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานกินอย่าเอร็ดอร่อย นางก็ค่อยๆ รู้สึกอยากอาหารมากขึ้นขณะที่นางคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงนกหวีดเสียงแหลมฮวาเชียนเดินเข้ามาจากด้านนอก พูดด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน “ปกป้องจ้าวเอ๋อร์ คนตงหลิวมาโจมตีอีกแล้ว”ยังไม่ทันที่อินชิงเสวียนจะได้ถาม ฮวาเชียนก็ออกไปพร้อมกับกระบี่ยาวอินชิงเสวียนรีบให้อวิ๋นฉ่ายและจังอวี้จิ่นเก็บอาหาร และพาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเข้าไปในมิติของเย่จิ่งหลาน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-10

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status