หน้าหลัก / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 693 สามีภรรยาธรรมดาทั่วไป

แชร์

บทที่ 693 สามีภรรยาธรรมดาทั่วไป

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
จู่ๆ เด็กสาวก็แสดงความไม่พอใจออกมา

“เงินข้าก็จ่ายแล้ว พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเก็บไว้”

เซี่ยวอิ๋นหวนอุ้มเด็กเดินเข้าไปหา พูดกับเด็กสาวว่า “ถ้าข้าจำไม่ผิด น้องสาวคนนี้น่าจะมาจากสำนักเทียนหยวนกระมัง”

เด็กสาวเหลือบมองนางแวบหนึ่ง แล้วประกบมือคำนับและกล่าวว่า “ถูกต้อง หรือว่าท่านผู้นี้คือผู้คุมตราเซี่ยว?”

เซี่ยวอิ๋นหวนพยักหน้า

“สองคนนี้เป็นลูกสะใภ้และลูกชายของข้า หวังว่าน้องสาวจะไว้หน้าข้าด้วย”

เด็กสาวหันไปมองอินชิงเสวียนอีกครั้ง ครั้นเห็นนางงดงามปานนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา แล้วหันไปมองเย่จิ่งอวี้ที่เป็นบุรุษรูปงาม หล่อเหล่าเลิศล้ำ ในใจยิ่งรู้สึกไม่ยุติธรรม

มีสามีหน้าตาดีเพียงนี้ ทั้งยังมีแม่สะใภ้ที่คอยปกป้องนาง สตรีคนนี้โชคดีจริงๆ

นางถอนมืออย่างเคียดแค้น แค่นเสียงพูดว่า “เอาเถอะ เห็นแก่ผู้คุมตรา วันนี้จะมอบต่างหูให้เจ้า คราวหน้าข้าจะไม่ยอมแพ้แน่นอน”

หลังจากพูดจบก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

อินชิงเสวียนค่อนข้างอึดอัดใจ แต่ตอนนี้นางมีทุกคนในครอบครัวออกมาด้วย ทุกอย่างต้องเห็นความปลอดภัยเป็นสำคัญ ไม่ต้องการที่จะต่อสู้โดยไม่จำเป็นจริงๆ

เซี่ยวอิ๋นหวนเห็นว่าลูกสะใภ้ไม่ค่อยมีความสุข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 694 เพลงหมื่นกระบี่เศษดารา

    คำพูดของเย่จิ่งอวี้ขจัดความเศร้าโศกในใจของอินชิงเสวียนจนสิ้น พลันรู้สึกถึงความหวานในใจมีสามีแบบนี้ ยังปรารถนาสิ่งใดอีกล่ะ!ทั้งสองคุยกันสักพักหนึ่ง แล้วฟ้าก็มืดลงหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เจ้าสำนักเซี่ยวก็เดินเข้ามาในเรือนด้วยใบหน้าอึมครึม เซี่ยวอิ๋นหวนรีบวางตะเกียบลง แล้วเดินไปที่ห้องหนังสือทันทีเย่จิ่งหลานเหลือบมองออกไปข้างนอก แล้วกินต่อชาติที่แล้วเขาชอบกินอาหารทะเลมาก แต่ในฐานะคนจน เขาไม่มีเงินซื้อเลย จึงได้แต่ซื้อหอยราคาถูกๆ มาลิ้มลองเท่านั้น เมื่อมาถึงที่นี่ ก็มีอาหารทะเลมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งยังราคาถูกมาก จึงต้องกินให้มากอยู่แล้วอินชิงเสวียนเดิมทีไม่มีกะจิตกะใจจะกินนัก แต่เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานกินอย่าเอร็ดอร่อย นางก็ค่อยๆ รู้สึกอยากอาหารมากขึ้นขณะที่นางคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงนกหวีดเสียงแหลมฮวาเชียนเดินเข้ามาจากด้านนอก พูดด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน “ปกป้องจ้าวเอ๋อร์ คนตงหลิวมาโจมตีอีกแล้ว”ยังไม่ทันที่อินชิงเสวียนจะได้ถาม ฮวาเชียนก็ออกไปพร้อมกับกระบี่ยาวอินชิงเสวียนรีบให้อวิ๋นฉ่ายและจังอวี้จิ่นเก็บอาหาร และพาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเข้าไปในมิติของเย่จิ่งหลาน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 695 ชัยชนะครั้งใหญ่

    ในสนามรบ การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปอินชิงเสวียนอาศัยพลังมิติอันแข็งแกร่งเพื่อสนับสนุน จังหวะของเพลงพิณมั่นคงและคมชัดมากขึ้นเรื่อยๆ การปะทะกันระหว่างโน้ตกลายเป็นเสียงระเบิดของกระบี่เมื่อได้ยินเจ้าสำนักเซี่ยวก็รู้สึกตื่นเต้น ถึงหลี่เฟิ่งอี๋จะไม่ตาย แต่ก็ยังไม่สามารถเล่นเพลงนี้ได้รุนแรงปานนี้ แม่นางน้อยแซ่อินผู้นี้ เป็นของขวัญที่สวรรค์ประทานให้กับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จริงๆเย่จิ่งอวี้และคนอื่นก็รู้สึกฮึกเหิมเช่นกัน เขาย่อมฟังออกถึงความร้ายกาจของท่วงทำนองเพลงนี้แน่นอน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่เล่นพิณ แต่ก็ยังภูมิใจเก่อหงยวนอยู่ข้างๆ เย่จิ่งอวี้ เมื่อเห็นว่าเขามองไปยังอินชิงเสวียนอยู่ตลอด นางก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก“น่าทึ่งตรงไหนกัน”นางอัดพลังให้กระบี่ ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงหึ่งๆเย่จิ่งอวี้กลับไม่ได้มองนาง กำลังเคลื่อนตัวไปหาผีแคระตงหลิวอีกคนแล้วเก่อหงยวนไม่ยอมให้เห็นว่าตนด้อยกว่า นางพุ่งทะยานไปหาชายตงหลิวอีกคนครั้งนี้ชาวตงหลิวส่งคนมากว่าร้อยคน ผู้นำที่สวมชุดเกราะสีแดงก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแม่ทัพโนจิริ หัวหน้าของพวกเขาเฮ่ออวิ๋นทงและผู้อาวุโสสวีแห่งสำนักเทียนหยวนร่วมมือกัน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 696 เดรัจฉานยังเทียบไม่ติด

    ในขณะที่คู่สามีภรรยากำลังพูดคุยกัน สำนักต่างๆ ก็ตรวจนับกำลังคนที่สูญเสียไป และในไม่ช้า ผลลัพธ์ก็ออกมาแม้ว่าจะมีคนจากตงหลิวมามากมายหลายร้อยคน แต่คราวนี้มีการสูญเสียน้อยที่สุด จำนวนศิษย์ที่บาดเจ็บเสียชีวิตมีเพียงยี่สิบคนเท่านั้น ข่าวนี้ทำให้ทุกคนตื่นเต้นในทันทีเจ้าสำนักทั้งหลายมาหาเจ้าสำนักเซี่ยว และยกย่องอินชิงเสวียนเจ้าสำนักเซี่ยวลูบเคราด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มอย่างพึงพอใจฉุยอวี้ก็มาที่นี่ พูดด้วยเสียงแหบห้าว “เมื่อมีพิณการเวกและแม่นางน้อยคนนี้ คิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะใช้เวลาไม่นาน วันที่ตงหลิวถูกทำลายล้าง สำนักของเราจะจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองอย่างแน่นอน จะได้ร่ำสุรากับเจ้าสำนักท่านอื่นให้สะใจไปเลย”ทันทีที่ฉุยอวี้เอ่ยปาก ทุกคนก็เงียบลงทันที สำนักที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ล้วนคิดว่าตัวเองสูงส่ง จึงดูหมื่นถิ่นแคลนสำนักที่ผิดหลักทำนองคลองธรรมเช่นสำนักเซียวเหยาอยู่แล้วเมื่อเห็นบรรยากาศแข็งข้อต่อกัน ผู้อาวุโสสวีก็หัวเราะ ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย“เมื่อครู่ต้องขอบคุณเจ้าสำนักฉุยที่ช่วยเหลือ ถ้าวันนั้นมาถึง ข้าจะไปร่วมด้วยแน่นอน”เพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งจัดการกับโนจิริจูนิ เฮ่ออวิ๋นทงจึงไม่สา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 697 แผนชั่วที่ไม่กล้าเปิดเผย

    ในเวลานี้ สำนักทั้งหมดได้กลับคืนสำนักของตนแล้วเจ้าสำนักเซี่ยวอารมณ์ดีอย่างมาก อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงหยอกเล่นอยู่นานแม้ว่าชายชรามักจะมีใบหน้าที่เคร่งเครียด แต่เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็ไม่กลัวเลย แต่กลับดึงหยวดเคราของเขาเล่นไม่หยุดเจ้าสำนักเซี่ยวก็รู้สึกชื่นชอบเจ้าเด็กอ้วนกลมคนนี้เป็นอย่างมาก หัวเราะออกมาดังๆ เป็นครั้งคราวเพียงแต่ว่า เขาและเย่จิ่งอวี้ยังคงไม่ได้พูดจากันเย่จิ่งอวี้ในฐานะฮ่องเต้ในรัชสมัยนี้ ไม่สามารถไปหาเขาได้ ทั้งสองคนมองกันและกันเป็นอากาศธาตุ ซึ่งทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกอึดอัดใจแต่เรื่องนี้จะโทษเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ได้ แต่นางในฐานะผู้เยาว์ ไม่สามารถไปเจรจากับเจ้าสำนักเซี่ยวได้ จึงทำได้แค่ปล่อยผ่านไปเมื่อรู้ว่าวันนี้ได้รับชัย เซี่ยวอิ๋นหวนมีความสุขมาก ทำอาหารสองสามจานเป็นพิเศษ อินชิงเสวียนก็เข้าไปช่วย โดยเอาของบางอย่างจากมิติออกมาเองด้วย โดยที่โกหกว่านำมาจากรถม้าเจ้าสำนักเซี่ยวเห็นว่าอาหารหลากหลาย จึงสั่งให้คนไปตามเฮ่ออวิ๋นทงและผู้อาวุโสสวีทันทีพวกเขาทั้งสามไม่เคยลิ้มลองอาหารอันโอชะเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งขึ้นชมเชยเจ้าสำนักเซี่ยวรู้สึกว่าใบหน้าเปล่งประกาย สีห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 698 พี่ใหญ่ต้องการไปตามหาสตรีที่ดีจริงๆ

    ณ หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เมื่อก่อน เย่จิ่งอวี้ไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อน้องชายคนนี้ แต่หลังจากออกจากเมืองหลวง ก็มีบางอย่างเปลี่ยนไปในทันทีหลังจากออกจากสถานที่อันเต็มไปด้วยกฎและข้อบังคับ เย่จิ่งอวี้รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองอ่อนโยนลงมาก เมื่อคิดถึงเย่จิ่งหลานที่อายุเพียงไม่กี่ขวบ กลับสามารถติดตามเสวียน‍เอ๋อร์ข้ามภูเขาลำน้ำมาได้ มาจนถึงที่นี่ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้ง“ช่วงนี้อันไท่ผินเป็นอย่างไรบ้าง”เย่จิ่งหลานพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณฝ่าบาทที่เป็นห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดี”เย่จิ่งอวี้ยิ้มเล็กน้อยและพูดอย่างอบอุ่น “เรียกข้าว่าพี่ใหญ่ก็ได้ เจ้ากับข้าเราพี่น้องได้พบกันที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับมารยาทเหล่านั้นแล้ว”เย่จิ่งหลานพูดด้วยใบหน้าเฉลียวฉลาด “ขอบคุณพี่ใหญ่”อินชิงเสวียนเม้มริมฝีปากแอบหัวเราะอยู่ข้างๆ อายุที่แท้จริงของเย่จิ่งหลาน อาจจะแก่กว่าเย่จิ่งอวี้หลายปีด้วยซ้ำ แสดงเก่งจริงๆ“ทำไมรึ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมอง เลิกคิ้วไปที่เด็กสาว อินชิงเสวียนไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ข้าจะไปหาท่านแม่กับจ้าวเอ๋อร์”เมื่อมองดูท่าทางที่ร่าเริงของอินชิงเสวียนแล้ว เย่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 699 เป็นใครที่ให้ความกล้าแก่นาง

    เมื่ออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นต่งจื่ออวี๋ที่กำลังยิ้มอย่างซื่อๆ ทันที ข้างๆ เขายังมีสตรีคนหนึ่ง ซึ่งก็คือเก่อหงยวนจากสำนักเทียนหยวน“ใช่ ยังไม่ง่วง เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”ต่งจื่ออวี๋ชี้ไปที่ในห้อง“ข้ามารับอาจารย์”เมื่อนั้นอินชิงเสวียนจึงจำได้ว่าชายชราทั้งสามยังคงดื่มอยู่ในห้องโถงกลาง“มื้อเย็นกินอิ่มแล้วหรือ”ต่งจื่ออวี๋กล่าวว่า “ยังไม่เสร็จ เกรงว่าต้องรออีกสักพัก”“อยากไปนั่งในศาลา ดื่มชาก่อนหรือไม่” อินชิงเสวียนถามนางมีความประทับใจที่ดีต่อต่งจื่ออวี๋มาโดยตลอด หากไม่มีม้าหนิงซวงนำทาง นางคงไม่สามารถมาถึงเป่ยไห่ได้เร็วขนาดนี้ต่งจื่ออวี๋พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “ตกลง”เขาเดินไปหาอินชิงเสวียน เก่อหงยวนก็เดินตามมาด้วย นางเอามือไพล่หลัง แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่าภายในเขินอาย “ข้ามาหาอาจารย์อาสวีน่ะ สามีของเจ้าล่ะ ข้ามีเรื่องจะถามเขา”อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ในเมื่อเจ้าต้องการไปหาผู้อาวุโสสวี ก็รออยู่กับจื่ออวี๋สิ ทำไมถึงอยากเจอสามีข้า เขาไปนอนแล้ว วันนี้ไม่พบแขก”สีหน้าของเก่อหงยวนแสดงความไม่พอใจทันที วันนี้พอกลับสำนัก นางก็ไปตรวจสอบรายละเอียดของอินชิงเสวียน ทรา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 700 คนที่รนหาที่ตายคือเจ้า

    ภายใต้แสงจันทร์ มีชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่ แสงจันทร์สะท้อนบนใบหน้าหล่อเหลานั้น เฮ่ออวิ๋นทงก็จำได้ทันทีว่านี่คือหลานชายของตาเฒ่าเซี่ยว“ที่แท้ก็เป็นคุณชายน้อย ไม่ทราบว่าเรียกข้าด้วยเรื่องใด”เย่จิ่งอวี้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โค้งคำนับ“ผู้เยาว์มีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ อยากจะถามผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสพอจะมีเวลาผู้เยาว์บ้างหรือไม่”มารยาทของเย่จิ่งอวี้นั้นละเอียดถี่ถ้วน เฮ่ออวิ๋นทงย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้วเขาพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า “ในเมื่อมาพบกันที่เป่ยไห่ เราจึงถือเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณชายน้อยไม่จำเป็นต้องสุภาพ หากมีคำถามใดๆ ก็เชิญถามมาได้เลย”“ขอบคุณผู้อาวุโสเฮ่อ สิ่งที่ผู้เยาว์ต้องการถามคือเรื่องกระพรวนทอง”เฮ่ออวิ๋นทงก็เคยได้ยินต่งจื่ออวี๋พูดถึงเรื่องนี้ด้วย จึงถามว่า “คุณชายน้อยได้ยินเสียงกระพวนทองแล้วปวดหัวจริงหรือ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้นจริง ผู้เยาว์เคยยืมของสิ่งนี้ไว้ดู แต่ไม่เห็นเบาะแสใดๆ ต่อมาได้ยินจื่ออวี๋บอกว่าของสิ่งนี้มีพลังในการปิดผนึก จึงต้องการมาสืบถามเจ้าสำนักเฮ่อ”เฮ่ออวิ๋นทงเอื้อมมือไปที่แขน แล้วหยิบกระพรวนทองออกมา เสี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 701 ยิ่งเห็นเลือดเจ้ายิ่งควบคุมไม่อยู่

    ก่อนที่จะพูดจบ ทั้งสองก็ซัดฝ่ามือปะทะกันอีกครั้งการปะทะกันของกองกำลังภายในที่เกะกะระราน ทำให้กลุ่มทรายกระเด็นขึ้นมาทันที ชายสวมหน้ากากก็ถูกกระแทกถอยหลังสามก้าวเช่นกันคนผู้นั้นอุทานว่า “เอ๊ะ” ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จะมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งเช่นนี้จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป ฝ่ามือนี้ จะทำให้เจ้าตายโดยไร้ดินกลบหน้าแน่นอน”เมื่อฟังเสียงที่บาดหูนี้ ความโกรธในใจของเย่จิ่งอวี้ก็เพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน จิตใจสับสนวุ่นวาย มีเพียงความคิดเดียวในใจ นั่นคือฉีกร่างคนที่อยู่ตรงหน้าออกเป็นชิ้นๆ เขางอนิ้วเป็นกรงเล็บ และคว้ากะโหลกศีรษะของคนผู้นั้นอย่างรวดเร็วปานอสุนีบาต คนผู้นั้นแค่นเสียงหึออกมาอย่างเย็นชาอีก แล้ววาดฝ่ามือมุ่งตรงไปที่เบื้องหน้าของเย่จิ่งอวี้มือทั้งสองประสานกันอีกครั้ง ทำให้เกิดเสียงอู้อี้ราวกับระเบิด พื้นดินใต้เท้าจมลงสามนิ้วพร้อมกันเลือดหยดหนึ่งไหลออกมาจากปกเสื้อของชายสวมหน้ากาก ซึ่งทำให้เขาเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง“ตายซะ เจ้าตายไปซะ!”เขาพูดสองประโยคติดต่อกัน ลมฝ่ามือก็เคลื่อนไหวเร็วขึ้นหลายเท่าสีแดงในดวงตาของเย่จิ่งอวี้เข้มขึ้นอ

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1468 อย่าได้คืบจะเอาศอก

    “สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

DMCA.com Protection Status