อินชิงเสวียนลุกขึ้นยืนทันที“นางไปนานแค่ไหนแล้ว”ใบหน้าของอวิ๋นฉ่ายซีดลงด้วยความหวาดกลัว“ก็ประมาณ...สิบห้านาทีเพคะ”ใบหน้าของอินชิงเสวียนมืดมน“รีบไปตามหา”ในเวลานี้ จังอวี้จิ่นกำลังอุ้มเด็กยืนตัวสั่นอยู่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางได้ทำสิ่งเลวร้ายเช่นนี้ ร่างทั้งร่างสั่นเป็นเจ้าเข้าทรงจังอวี้จิ่นก็ไม่รู้ว่าจะพาเด็กไปที่ไหน นางมาอยู่ในวังไม่นาน ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ นางจึงหาสวนเล็กๆ และมาซ่อนอยู่ในนั้นเสี่ยวหนานเฟิงคิดว่าจังอวี้จิ่นกำลังเล่นกับตัวเอง จึงหัวเราะพลางคว้าเส้นผมของนางเล่นเมื่อเห็นเด็กน่ารักเช่นนี้ จังอวี้จิ่นก็ทำไม่ลงอีกเด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ พระสนมก็เป็นคนดี นางแค่ต้องการให้พระสนมมอบตัวอินสิงอวิ๋นผู้ชั่วร้าย ไม่เคยต้องการทำร้ายผู้ใดเมื่อคิดได้ดังนี้ จังอวี้จิ่นก็สงบจิตใจได้มากนางกำลังจะรอนางกำนัล ให้นางไปแจ้งพระสนมที่ตำหนักจินหวูขณะที่กำลังคิดอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจังอวี้จิ่นรู้สึกกระวนกระวายใจทันที กอดเสี่ยวหนานเฟิงไว้แน่นแล้วจึงได้ยินเสียงอ่อนหวานพูดว่า “ดูนี่สิ ดอกไม้ในตำหนักกำลังจะเหี่ยวแห้งไป อีกไม่นานฤดูเหมันต์จะเยือนแล้ว”เสียงหน
เลือดสายหนึ่งพุ่งออกมาจากมือเล็กป้อมของเสี่ยวหนานเฟิง เด็กก็เริ่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดทันทีลู่จิ้งเสียนรู้สึกหฤหรรษ์อินชิงเสวียน นังสารเลวต้องมีตอนที่ตกอยู่ในกำมือของข้าเข้าสักวันถึงอย่างไรเด็กก็เป็นหญิงชั้นต่ำนี่ขโมยมา แม้ว่าอินชิงเสวียนจะตรวจสอบ ก็ตรวจสอบมาไม่ถึงนางเมื่อนึกถึงตรงนี้ ดวงตาของลู่จิ้งเสียนเย็นชา และแทงแรงๆ อย่างไม่ยั้งมือ...ด้านนอกตำหนักจินหวู อินชิงเสวียนพาเหล่าขันทีนางกำนัลตามหาทั่ววัง ในไม่ช้าเย่จิ่งอวี้ก็ทราบเรื่องเมื่อทราบว่าลูกหายตัวไป เขาก็เรียกรวมพลทหารองครักษ์ทันที สั่งการให้ไปตรวจค้นทุกที่“เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล เด็กคนนั้นไม่รู้วรยุทธ์ หนีออกจากวังไม่ได้แน่”อินชิงเสวียนจะไม่กังวลได้อย่างไร แม้ว่านางกับลูกของนางจะไม่มีความสัมพันธ์แม่ลูกที่แท้จริง แต่ก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากพอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้า ถึงไม่ใช่แม่ลูก แต่ก็มากกว่าคำว่าแม่ลูกไปไกลแล้วเมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตายังไม่วายแดงก่ำ“จังอวี้จิ่นกับจ้าวเอ๋อร์ไม่มีความแค้นต่อกัน นางไม่มีเหตุผลที่จะลักพาตัวจ้าวเอ๋อร์ไป ต้องถูกใครบางคนหลอกแน่”เย่จ
เสียงของเย่จิ่งอวี้นั้นเย็นชาราวกับยมบาลในนรกภูมิ อันทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวทันใดนั้นเหล่าบ่าวไพร่ก็หวาดกลัว ต่างคุกเข่ากับบนพื้นเพื่อขอความเมตตา หวังว่าฝ่าบาทจะไว้ชีวิตพวกนางแต่กลับถูกเย่จิ่งอวี้เตะออกไป พูดอย่างเย็นชา “ประหารได้”องครักษ์รีบรุดเข้ามาราวหมาป่าดั่งเสือทันที ลากคนทั้งหมดเหล่านี้ไปที่ลาน และหยิบไม้กระดานขึ้นมาโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ชั่วครู่หนึ่ง ตำหนักจิ้งอานก็เต็มไปด้วยเสียงโหยหวน เลือดนองเป็นแม่น้ำเย่จิ่งอวี้รับเสี่ยวหนานเฟิงมาอุ้มด้วยสีหน้าปวดใจ เกลือกหน้ากับใบหน้าอันอ่อนนุ่มของเขา“จ้าวเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ข้าจะตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้ มารักษาให้จ้าวเอ๋อร์”เสี่ยวหนานเฟิงจับหน้าเย่จิ่งอวี้อย่างรู้ความ พูดด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว “คิดถึงเด็จพ่อ~”เมื่อมองดูมือที่บวมแดงของเสี่ยวหนานเฟิง น้ำตาของอินชิงเสวียนก็รินไหล“จ้าวเอ๋อร์เจ็บหรือไม่”เสี่ยวหนานเฟิงส่ายศีรษะเล็กๆ “ไม่เจ็บเจ็บ~”เลือดไหลเยอะเพียงนี้ จะไม่เจ็บได้อย่างไรอินชิงเสวียนสูดจมูก พูดว่า “รีบไปเถอะ แม่จะทายาให้เจ้า”อย่างไรก็ตาม เมื่อกลับมาถึงตำหนักจินหวู อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจที่พบว่
อินชิงเสวียนเหลือบมองท้องฟ้า ก็เห็นว่าเป็นเวลาพลบค่ำแล้วเย่จิ่งอวี้จับมือเล็กๆ ของจ้าวเอ๋อร์แล้วจูบอย่างอ่อนโยน“เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องไปหรอก จะได้ไม่ต้องทำร้ายความรู้สึกระหว่างพ่อลูกของพวกเจ้า”อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายศีรษะถึงอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากัน อีกทั้งฝ่าบาทไม่ได้ทำอะไรผิดในเรื่องนี้จุดจบของสายลับเต็มไปด้วยความเศร้าสลดเสมอ การไว้ชีวิตจูอวี้เหยียนก็นับว่าเมตตามากแล้ว“ไม่ต้องหรอกเพคะ หลบก็หลบไม่พ้นอยู่ดี”เย่จิ่งอวี้จ้องมองนางและถามอย่างอบอุ่น “เสวียนเอ๋อร์คงไม่คิดว่าวิธีการของข้าโหดร้ายเกินไปหรอกกระมัง”อินชิงเสวียนคลี่ยิ้ม“ไม่ใช่แน่เพคะ หม่อมฉันไม่ใช่คนที่แยกแยะผิดถูกไม่ได้ ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้เพื่อเขียนเสือให้วัวกลัว เป็นการปกป้องความปลอดภัยของต้าโจว”เย่จิ่งอวี้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ เขาหอมแก้มของนางเบาๆเสี่ยวหนานเฟิงรีบยื่นหน้าออกไปใกล้ๆ เช่นกัน“เด็จพ่อ จะหอมหอม~”ใบหน้าของอินชิงเสวียนเปลี่ยนเป็นสีแดง พูดค้อนๆ “ฝ่าบาทอย่าสอนเรื่องไม่เป็นเรื่องให้ลูกสิเพคะ”“ไม่ต้องห่วง เขาไม่เข้าใจอะไรหรอก”เย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงอย่างอารมณ์ดี เสี
ในป่าที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ แม่นางน้อยที่สวมชุดต่างเผ่ากำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตข้างหลังนางมีสุนัขป่าที่หิวโหยกำลังไล่ล่านางนางวิ่งมานานกว่าหนึ่งชั่วยาม ใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำจากความกลัวและความเหนื่อยล้าเมื่อเห็นว่าสุนัขป่ากำลังจะตามทัน นางก็ดึงธนูและลูกธนูเล็กๆ ที่ฝังด้วยอัญมณีออกมาจากด้านหลังนี่คือสิ่งที่พี่ใหญ่ของนางอูเอินเป็นคนทำให้นางด้วยตัวเอง ตอนเด็ก พี่ใหญ่ยังสอนวิธียิงธนูให้นางกับมือเมื่อนึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว นัยน์ตาของเป่าเล่อเอ่อร์ก็ฉายแววเจ็บปวดในสถานการณ์วิกฤติ นางไม่มีเวลาคิดอะไรมาก นางรีบโน้มธนูและยิงลูกธนูไปอย่างรวดเร็ว ลูกธนูปักร่างของสุนัขป่าเข้าอย่างจังการฝึกฝนมาหลายปี ได้ถูกนำมาใช้ในวันนี้เวลานี้ ลูกธนูเหล็กพุ่งฉิวไปอย่างรวดเร็วปานอสุนีบาตยิงเข้าที่คอของสุนัขป่าอย่างแม่นยำและรุนแรงสุนัขป่านอนอยู่บนพื้น เห่าหอนหลายครั้ง จากนั้นก็กระตุกและแน่นิ่งไปเป่าเล่อเอ่อร์เดินอย่างระมัดระวัง ดึงลูกธนูออกมา พอเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงรีบวิ่งออกจากป่าตั้งแต่เด็กจนโตนางไม่เคยออกจากเจียงวูเลย ตอนนี้อาศัยแรงรักทั้งหมด คิดในใจว่า หากก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ
“ลุกขึ้นเถอะ”อินชิงเสวียนนั่งข้างเตียง แล้วถามอย่างอ่อนโยน “ยังเจ็บหรือไม่”จังอวี้จิ่นรีบละล่ำละลักพูดว่า “ไม่เจ็บแล้วเพคะ ทายานี้แล้วอาการบรรเทาลงมาก อาการดีขึ้นแล้วเพคะ”อวิ๋นฉ่ายที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า “นี่คือยาจินชวงที่ฝ่าบาทประทานให้พระสนมเชียวนะ เป็นของล้ำค่ายิ่งนัก”จังอวี้จิ่นคุกเข่าลงอีกครั้งทันที“ขอบพระทัยกุ้ยเฟย หม่อมฉันผิวกายหยาบกร้าน ไม่เหมาะกับยาดีๆ เช่นนี้”“ยาเอาไว้ใช้กับผู้ที่ต้องการ ข้าสบายดีอยู่เช่นนี้ ขืนเก็บไว้ก็เสียของเปล่า อย่าคิดมาก ต่อไปก็ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีก”อินชิงเสวียนพยุงนางขึ้น มองไปยังดวงตาที่บวมแดงของจังอวี้จิ่น เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นในใจ“เสื้อผ้าเหล่านี้ก็ให้พวกนางซักไปเถอะ สองวันนี้เจ้าไม่ต้องเข้าเวรแล้ว ดูแลตัวเองให้ดี”แววตาของอินชิงเสวียนอ่อนโยนมาก ครู่หนึ่งจังอวี้จิ่นรู้สึกราวกับแววตาของมารดาตัวเอง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าลำคอตีบตันกุ้ยเฟยใจดีกับนางมาก แต่นางเกือบฆ่าลูกของนาง สมควรตายจริงๆจังอวี้จิ่นไม่ใช่คนใจร้ายตั้งแต่แรก นางเพิ่งได้ยินชื่ออินสิงอวิ๋น จิตใจจึงมืดบอดด้วยความเกลียดชังไปชั่วขณะ เป็นเหตุให้กระทำสิ่งที่ผิดเช่นนั้น
“คนที่เจ้ากำลังพูดถึงไม่ใช่พี่ใหญ่ของข้า คนผู้นี้มีนามว่าอาซือหลาน เป็นท่านอ๋องจากเจียงวู เขาเป็นคนโหดร้ายและไร้ความปรานีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สังหารพวกเจ้าทั้งหมู่บ้าน ต้องเป็นเพราะเขากลัวว่าข่าวการมีชีวิตของเขาจะถูกเปิดเผย หากเจ้ายังไม่เชื่อ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปตระกูลอิน ดูให้เห็นกับตาว่าอินสิงอวิ๋นตัวจริงหน้าตาเป็นอย่างไร”เสียงของอินชิงเสวียนราบเรียบได้ระดับจังอวี้จิ่นอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น“ที่พระสนมพูด...ล้วนเป็นความจริงหรือ”อวิ๋นฉ่ายพูดด้วยความโกรธ “พระสนมจะปดเจ้างั้นรึ หากพระสนมต้องการจัดการเจ้า เจ้าคงตายไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้คำโกหกเหล่านี้มาหลอกเจ้าไม่ใช่รึ”จังอวี้จิ่นเหงื่อแตกพลั่กอย่างอดไม่ได้ตัวเองเกือบจะทำร้ายคนดีแล้ว อยู่ๆ ก็รู้สึกผิดไม่สบายใจ โขกศีรษะขออภัยอินชิงเสวียนซ้ำๆ“หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่ หม่อมฉันเข้าใจผิดว่าพี่ใหญ่ของพระสนม เกือบจะทำร้ายองค์ชายน้อย พระสนมโปรดลงโทษด้วย”เมื่อเห็นจังอวี้จิ่นโขกศีรษะจนช้ำและมีเลือดออก อินชิงเสวียนก็ทนไม่ไหวเด็กคนนี้ไม่มีเจตนาร้ายใดๆ นางแค่อยากแก้แค้นเท่านั้น หากเป็นตัวเองที่เผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้ ก็คงสับสนไปห
เย่จิ่งอวี้เล่าเบาะแสที่เจวี๋ยอิ่งทราบให้อินชิงเสวียนรู้ อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เป่ยไห่เป็นสถานที่แบบไหนกัน”อินชิงเสวียนสนใจสำนักนี้มาก ประการแรกเพราพพิณการเวก ประการที่สองเพราะท่านอาเล็กที่หายตัวไปอย่างแปลกประหลาด และประการที่สามเพราะตราหยกที่นางเก็บได้เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เมื่อก่อนข้าเคยได้ยินอาจารย์พูดว่า เป่ยไห่เป็นเสมือนฉากกั้นการบุกรุกจากภายนอกของจงหยวน ส่วนจะสกัดกั้นจากสิ่งใดนั้นข้าก็ไม่รู้ และทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องเล่าในยุทธภพที่คนทั่วไปไม่ทราบ จะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จก็ไม่อาจทราบได้”อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ถ้าเสด็จต้องการไปเป่ยไห่ ฝ่าบาทจะเห็นชอบหรือไม่”“ทหารที่ปิดล้อมในเมืองซุ่ยหานได้ล่าถอยแล้ว แม้ว่าเสด็จอาจะไม่กลับไป ก็คงไม่ส่งผลกระทบมากนัก”เย่จิ่งอวี้ถอนหายใจเบาๆ และพูดต่อ “หลายปีมานี้เสด็จอาเฝ้าดูแลแว่นแคว้นและชายแดนของต้าโจวมาตลอด บัดนี้แม่ทัพที่เขาฝึกฝนมาก็สามารถต้านทานได้เพียงลำพังแล้ว ข้าไม่อยากให้เขาอยู่ในเมืองซุ่ยหานตลอดไป”เย่จั้นดีต่อเย่จิ่งอวี้มากจริงๆ ความสัมพันธ์ในครอบครัวเช่นนี้ เมื่อ