แชร์

บทที่ 408 กวนเซี่ยวขอไปรบ

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“ทำไมจู่ๆ ถึงจะไปเจียงวูอย่างกะทันหันเช่นนี้”

ผู้เฒ่ากวนถามด้วยความประหลาดใจ

อินปู้อวี่พูดตามความจริง “วันนี้ท่านพ่อของข้าไปที่ห้องหนังสือเพื่อหารืองานบ้านมืองกับฝ่าบาท แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นรายงานด่วนแปดร้อยลี้จากด่านถงกู่ ว่าสถานการณ์สงครามในเจียงวูตอนนี้อยู่ในตึงเครียด ด่านถงกู่อาจไม่สามารถรักษาไว้ได้”

คิ้วยาวของผู้เฒ่ากวนย่นทันที

“เมื่อไม่กี่วันก่อน ดินปืนถูกส่งไปยังเจียงวูแล้วนี่ ทำไมการสู้รบถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ หรือว่าแม่ทัพที่รักษาเมืองเป็นพวกเมาหัวราน้ำไม่สนใจงานการ”

ผู้เยาว์ทั้งสามมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร กวนเซี่ยวยิ่งดูเหมือนจมดิ่งในภวังค์แห่งความครุ่นคิด

กวนฮั่นหลินกล่าวเสริมอีกว่า “เจ้าสองคนเพิ่งกลับมาจากการเดินทางไกลจากเมืองซุ่ยหาน ตอนนี้ต้องไปเจียงวูอีก สุขภาพร่างกายจะทนได้อย่างไร”

อินปู้อวี่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร เดิมทีข้ากับท่านพ่อก็เป็นแม่ทัพทหารอยู่แล้ว ในฐานะแม่ทัพ เราควรต่อสู้ในทุกทิศทาง การปกป้องบ้านเมืองเป็นความรับผิดชอบของเรา หากให้พวกเราอยู่เสพสุข จะยิ่งไม่คุ้นชินมากกว่า”

ผู้เฒ่ากวนพยักหน้า

“คำพูดนี้ดี แต่เราต้องดูว่าฝ่าบาททรงคิดอย่างไร”

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
วิลาวรรณ แสนทวีสุข
ตอบให้ทราบหน่อยคะ
goodnovel comment avatar
วิลาวรรณ แสนทวีสุข
เมื่อไรจะได้อ่านคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 409 คะนึงหา

    นี่คงจะเป็นดั่งคำที่ว่า ไม่พบหนึ่งวันเหมือนหนึ่งร้อยปีนอกจากแม่ของเขาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เย่‍จิ่ง‍อวี้คะนึงหาใครบางคนมากขนาดนี้ความรู้สึกนั้นทั้งหอมหวานและขมขื่น ราวกับแสงจันทร์ที่พร่ามัว อันทำให้อารมณ์ของคนค่อยๆ ลุกลามท่วมท้น เมื่อมองดูแสงจันทร์จางๆ บนขอบฟ้า อารมณ์ของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ดิ่งลง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และค่อยๆ เดินเข้าไปในตำหนักเฉิงเทียนตะเกียงถูกจุดไว้ข้างในแล้ว และแสงเทียนอันสว่างจ้าสะท้อนให้เห็นรูปร่างอันสูงโปร่งของเขาเมื่อมองดูเงาใต้ฝ่าเท้า เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกเหงาขึ้นมาทันทีในวังหลวงอันใหญ่โตแห่งนี้ นอกเหนือจากเสวียน‍เอ๋อร์ของเขาแล้ว กลับไม่มีผู้ใดที่รู้ใจเขาเลยมีเพียงเสวียน‍เอ๋อร์ของเขาเท่านั้น ที่คิดเผื่อเขาทุกอย่างอย่างแท้จริง เมื่อนึกถึงทุกฉากทุกเหตุการณ์ตอนที่เขาพบนางในวัง เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจ ตัวเองไม่ควรหุนหันรับปากให้อินชิงเสวียนกลับบ้านเป็นเวลาสามวันเลย ถ้านางต้องการรำลึกถึงอดีต แค่วันหนึ่งก็เพียงพอแล้วพอคิดว่าเหลือเวลาอีกหนึ่งวันนางถึงจะกลับมา เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็อยากจะไปตระกูลอินและพานางกลับมาเดี๋ยวนี้เ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 410 ข้าเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในตำหนักเฉิงเทียน

    “ฝ่าบาท!”สวีจือย่วนร้องเรียกด้วยเสียงอ่อนหวาน เดินเยื้องกรายไปยังเก้าอี้ตัวยาวที่อยู่เบื้องหน้า เย่‍จิ่ง‍อวี้จับมือของนาง เรียวตาหงส์พร่าเลือน“เสวียน‍เอ๋อร์ เป็นเจ้าจริงๆ”สวีจือย่วนนั่งลงข้างเก้าอี้ตัวยาว แล้วถามว่า “ฝ่าบาทเมาแล้วจริงๆ หรือเพคะ”“แค่ได้เห็นเจ้า ข้าก็เมาแล้ว”ริมฝีปากของเย่‍จิ่ง‍อวี้ประดับด้วยรอยยิ้ม ดวงตาทั้งคู่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยควันก็เริ่มมืดมัวมากขึ้นเขาจำได้ว่าตอนที่เสวียน‍เอ๋อร์ออกไป นางสวมกระโปรงสีชมพู และผู้ที่สามารถมาที่ตำหนักเฉิงเทียนได้ในเวลานี้ ก็มีนางเพียงคนเดียว“ทำไมถึงกลับมาช้านัก คิดถึงข้ารึ”สวีจือย่วนมองดูเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน “สตรีที่อยู่ในวังแห่งนี้ มีผู้ใดบ้างที่ไม่คิดถึงฝ่าบาท”“เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่ อยู่กับข้า”เย่‍จิ่ง‍อวี้รั้งตัวสวีจือย่วนลงมาข้างกายตัวเอง ทันใดนั้นเขารู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ยกมือขึ้นจับหน้าผาก“ฝ่าบาททรงปวดศีรษะหรือเพคะ หม่อมฉันจะนวดให้ฝ่าบาทเอง”สวีจือย่วนกำลังจะลุกขึ้น แต่ถูกเย่‍จิ่ง‍อวี้รั้งไว้“ข้าไม่เป็นไร คุยกับข้าดีกว่า”สวีจือย่วนกัดมุมปาก แล้วพูดเสียงนุ่ม “นี่ก็ดึกมากแล้ว มิสู้...ให้หม่อมฉัน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 411 ฝ่าบาทของพวกเจ้าสกปรกแล้ว

    ขันทีน้อยหลายคนได้ลากตัวสวีจือย่วนออกมาด้านนอกประตู ด้านในบ้านก็มีเสียงฝ่ามือตบฉาดดังขึ้นชัดเจนทันทีสวีจือย่วนกัดริมฝีปากแน่น จากนั้นเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจทนไหว จึงร้องโหยหวนออกมาเสียงดังหานปิงถูกตบตีเสียจนร้องออกมาด้วยความทนไม่ได้ ตะเบ็งลูกคอตะโกนเพื่อหวังในใจว่าฝ่าบาทจะได้ยินเสียงร้องของพวกนางสองคน ทว่าเย่จิ่งอวี้เมาจนไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้ว และกำลังไปเฝ้าพระอินทร์อยู่เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนเหมือนหมู อินชิงเสวียนก็เข้าใจความคิดของทั้งสองในทันที จึงพูดกับเสี่ยวอานจื่อว่า “ไป เอารองเท้าสองข้างอุดปากพวกนางไว้”“พ่ะย่ะค่ะ”เสี่ยวอานจื่อถอดรองเท้า และยัดใส่ในปากของทั้งสองด้วยความเต็มใจความรู้สึกโล่งสบายหูอย่างฉับพลัน กลับทำให้อินชิงเสวียนยิ่งไม่พอใจเมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของอินชิงเสวียน หลี่เต๋อฝูจึงพูดอธิบายในทันทีว่า “หวงกุ้ยเฟยใจเย็นก่อน เรื่องนี้ไม่อาจตำหนิฝ่าบาทได้ ฝ่าบาททรงคิดถึงพระสนมจึงได้ดื่มไปหลายแก้ว และเป็นเพราะพระสนมสวีสวมชุดกระโปรงเหมือนกับพระสนม ฝ่าบาทจึงเข้าใจผิดว่านางคือพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนจึงนึกขึ้นได้ว่าสวีจือย่วนก็สวมกระโปรงพับกลีบสีชมพู แม้แต

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 412 ที่แท้ก็คือเจ้า

    อินชิงเสวียนน้อมตัวและพูดว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเชื่อใจ”หากสามารถตัดศีรษะก่อนทูลขอความเห็นจากฮ่องเต้ได้ ก็จะสามารถปราบนายพลที่คุ้มกันด่านเหล่านั้นได้เย่จิ่งอวี้พยุงนางขึ้น และดึงตัวของนางมาที่ข้างกายตัวเอง“ข้าต้องขอบใจเสวียนเอ๋อร์ เจาคือดาวนำโชคของข้า หากเจ้าไม่ได้สืบหาตัวตนที่แท้จริงของอาซือหลาน ข้าก็คงไม่สืบค้นเรื่องของตระกูลอินอีกครั้ง ท่านพ่อและท่านพี่ของเจ้าก็ไร้หนทางกลับมาที่เมืองหลวง และแน่นอนว่าไม่สามารถช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของข้าได้”“ล้วนเป็นสิ่งที่หม่อมฉันพึงกระทำเพคะ พรุ่งนี้ฝ่าบาทยังมีประชุมราชกิจเช้าอีก วันนี้ทรงรีบพักผ่อนเถอะเพคะ”อินชิงเสวียนกำลังจะลุกขึ้น กลับถูกเย่จิ่งอวี้เอื้อมมือไปดึงไว้“เสวียนเอ๋อร์ยังโกรธข้าอยู่งั้นหรือ?”เขาเอาคางมาวางไว้บนหัวไหล่ของนาง ชุดกระโปรงพับกลีบคอกว้างก็ไหล่ตกลงมาเล็กน้อยรอยปานสีแดงรูปผีเสื้อสะท้อนในม่านตาของเย่จิ่งอวี้ร่องรอยที่อยู่ตรงหน้าและภาพในความทรงจำซ้อนทับกันทันที ม่านตาของเย่จิ่งอวี้หดลงในทันทีรอยปานนี้... เหตุใดจึงละม้ายกันเช่นนี้?หรือว่า... อินชิงเสวียนเป็นคนที่ช่วยเขาไว้?“เสวียนเอ๋อร์!”ความตื่นเต้นที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 413 ขอรบ

    เย่จิ่งอวี้ยังคงดื้อดึงที่จะประทับรอยจูบบนริมฝีปากของอินชิงเสวียนจูบที่ผิวเผินราวกับแมลงปอเดินบนน้ำ และจากไปอย่างรวดเร็วเขามองอินชิงเสวียนที่นั่งอยู่บนขาของตัวเอง ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย มีเสียงที่แสดงความไม่พอใจอยู่ในน้ำเสียงของนาง“ข้าต้องไปว่าราชกิจแล้ว เจ้านอนที่นี่เถอะ เมื่อตื่นนอนข้าจะกลับมาพอดี”อินชิงเสวียนขยับไปด้านข้างด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ“ไม่ดีกว่าเพคะ จ้าวเอ๋อร์กลับตำหนักจินหวูแล้ว ข้าต้องไปอยู่กับเขา”“เจ้ากลับไปตอนนี้เขาก็นอนอยู่ หากว่าเขาตื่น เจ้าจะยิ่งนอนไม่ได้เลยนะ เชื่อข้าสิ”เย่จิ่งอวี้กดไหล่ของอินชิงเสวียนไว้ เสียงนุ่มทุ้มลึกร้อยเรียงกันเข้าไปในหูของอินชิงเสวียน อินชิงเสวียนต้องมนตร์สะกดในทันที และพยักหน้าโดยไม่รู้ตัวเย่จิ่งอวี้ยิ้มและจูบหน้าผากของนางด้วยริมฝีปากบาง“เด็กดี”เขาอุ้มอินชิงเสวียนไปที่เตียงมังกร ปลดมุ้งลง จากนั้นจึงเดินออกไปอย่างมีความสุขผ้าห่มของอินชิงเสวียนถูกรัดไว้อย่างแน่นหนา มีเพียงหัวที่โผล่ออกมา นางมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่ามันเริ่มสว่างแล้วจริงๆ นางจึงหาวออกมาอย่างอดไม่ได้ค่ำคืนนี้ผ่านไปไวเสียจริง!ช่างเถอะ อย่างไรก็มีคนคอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 414 ส่งเข้าวังเย็น

    เย่จิ่งอวี้พยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาราวกับถูกแกะสลักก็อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยเขากดที่วางแขนหัวมังกร ใบหน้าสูงส่งพูดขึ้นด้วยใบหน้าความปรีดา “ดี กวนอินสองตระกูล สมแล้วที่เป็นแม่ทัพผู้กล้ากว่าใครในต้าโจว มีพวกเจ้าทั้งสองตระกูลออกไปทำสงคราม เจียงวูจะเอาชนะได้อย่างไร”อินจ้งคุกเข่าลงหนึ่งข้าง พูดขึ้นด้วยความเคารพว่า “กระหม่อมจะไม่ทำให้ฝ่าบาทต้องผิดหวัง หากกำจัดเจียงวูไม่ได้ สาบานว่าจะไม่กลับต้าโจว”กวนฮั่นหลินพูดต่อท้ายว่า “กวนเซี่ยวหลานชายของกระหม่อม ยินยอมที่จะรับฟังคำสั่งของท่านแม่ทัพอิน โดยไม่มีคำขัดแย้งใดๆ”เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่สูงบนเก้าอี้มังกร ดวงตาของเขาเป็นประกาย สวมชุดคลุมมังกร มีพลังอำนาจที่น่าเกรงขามของจักรพรรดิ“ขุนนางที่รักทั้งสองจงลุกขึ้นเถิด ข้าให้เวลาพวกเจ้าเตรียมตัวสามวัน เมื่อครบสามวันข้าจะส่งกองทัพทหารห้าหมื่นนาย เดินทัพไปยังเจียงวูพร้อมกับพวกเจ้า”เขาหันไปที่อินจ้ง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ก้องกังวาน “ข้าจะมอบป้ายทองคำให้แก่เจ้า ซึ่งสามารถใช้ตัดศีรษะก่อนทูลขอความเห็นจากฮ่องเต้ได้ หากมีแม่ทัพคนใดไม่เชื่อฟังคำสั่ง จงปลิดชีวิตมันคนนั้นเสีย”อินจ้งได้ยินก็ดีใจเป็นอย่าง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 415 ตื่นขึ้น

    อินชิงเสวียนได้ยินจนหัวใจเต้นรัว แต่ยังคงแข็งใจเอาไว้นางไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ทุกอย่างเป็นเพราะสวีจือย่วนก่อเรื่องเองเดิมทีอินชิงเสวียนคิดว่าสวีจือย่วนเป็นคนไม่เลว ก่อนหน้านี้จึงดูแลทุกอย่าง แต่ทว่านางกลับทำตัวเกินเยียวยา การที่นางยังมีชีวิตอยู่ นับเป็นบุญมากโขแล้วเมื่อสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางจึงหันไปหาเย่จิ่งอวี้“ท่านพ่อของข้าได้ทูลเรื่องขอรบต่อฝ่าบาทหรือไม่เพคะ?”เย่จิ่งอวี้แววตานิ่งเฉย ราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเมื่อได้ยินก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “นอกจากท่านพ่อและท่านพี่ของเจ้า ยังมีท่านผู้เฒ่ากวน กวนเซี่ยวก็จะออกเดินทางไปด้วย หากไม่ใช่เพราะเจ้า เกรงว่าเขายังคงดื้อดึงทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์”อินชิงเสวียนพูดอย่างถ่อมตัว “เรื่องของกวนเซี่ยว ก็เป็นเพราะความเมตตาของฝ่าบาท หากไม่ใช่เพราะฝ่าบาทเห็นว่าเขาเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของจอมพลเฒ่ากวนและยังไว้ชีวิตของเขา ก็คงไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในวันนี้หรอกเพคะ”เย่จิ่งอวี้มองนางและย้อนถามว่า “เสวียนเอ๋อร์ไม่คิดว่าข้ากระทำต่อสวีจือย่วนรุนแรงเกินไปใช่หรือไม่?”อินชิงเสวียนเลิกคิ้ว“เหตุใดฝ่าบาทจึงถามเช่นนี้เพคะ?”“ข้าไม่อยา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 416 บุญพาวาสนาส่ง

    “คุณชาย ท่านฟื้นแล้วหรือ?”จังอวี้จิ่นเก็บชามด้วยความลนลาน มีสีแดงระเรื่อตั้งแต่ใบหน้าไปถึงต้นคออาซือหลานเหลือบมองนางและถามว่า “ที่นี่คือที่ใดกัน?”“ที่นี่คือหมู่บ้านประมงเล็กๆ คุณชายถูกท่านพ่อของข้าและชาวประมงช่วยขึ้นมาเจ้าค่ะ”จังอวี้จิ่นไม่เงยหน้าขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงเบา“อ๋อ หมู่บ้านของพวกเจ้ามีกันกี่คน?”น้ำเสียงของอาซือหลานเชื่องช้าและอ่อนโยน ฟังดูประดุจอาบน้ำในช่วงฤดูใบไม้ผลิจังอวี้จิ่นพูดว่า “ไม่มากเจ้าค่ะ มีเพียงสิบกว่าครัวเรือน”อาซือหลานพยักหน้า“ดีมาก”จังอวี้จิ่นเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจอาซือหลานส่งยิ้มให้กับนาง“แม่นาง ช่วยหาเสื้อผ้าให้ข้าจะได้หรือไม่?”จังอวี้จิ่นนึกได้ว่าตอนนี้อาซือหลานกำลังเปลือยกายอยู่ จึงรีบพยักหน้า“คุณชายรอประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ข้าจะไปเอาชุดของท่านพ่อมาให้”จังอวี้จิ่นเดินมาที่บ้านหลังน้อย ค้นหาชุดเสื้อผ้าง่ายๆ เพื่อนำไปให้อาซือหลาน“ขอบใจมากนะ”อาซือหลานรับเสื้อผ้ามา และยิ้มอย่างอบอุ่นเขามีรูปร่างหน้าตาสง่างาม ยิ้มขึ้นมาก็ยิ่งน่ามองดู จังอวี้จิ่นไม่เคยพบเจอผู้ชายที่หน้าตาดีเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าเล็กๆ จึงแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

DMCA.com Protection Status