หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 403 เจอผู้ที่มาแย่งชิงพิณอีกครั้ง

แชร์

บทที่ 403 เจอผู้ที่มาแย่งชิงพิณอีกครั้ง

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-03-02 16:00:00
แม่ลูกทั้งสามคุยกันจนดึกดื่น แล้วซูหมิงหลานก็พาอินจื่อลั่วที่ไม่เต็มใจกลับไปนอน

ยายหลี่พาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเข้านอนแล้ว เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนคุยกับพวกนางอย่างถูกชะตา ยายหลี่ก็พูดอย่างมีความสุข “นิสัยของพระสนมเปลี่ยนไปมาก ฮูหยินรองจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน”

อินชิงเสวียนตบเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเบาๆ หันกลับมาแล้วถามว่า “จากสายตาของยายหลี่ ฮูหยินรองเป็นคนดีหรือไม่ดี”

ยายหลี่พูดด้วยความจริงใจ “มีสุขร่วมเสพนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่มีทุกข์ร่วมต้านนั้นเป็นเรื่องยาก แม้ว่าตระกูลอินจะถูกเนรเทศ ฮูหยินรองก็ยังไม่จากไปไหน คนเช่นนี้หาได้ยากนิ่งนัก นอกจากนี้ตั้งแต่นางแต่งเข้ามา นางก็คอยดูแลพระสนมและคุณชายทั้งสองเป็นอย่างดี พอนางรู้ว่าพระสนมชอบอันผิงอ๋อง ยังคิดที่จะให้คุณหนูสี่แต่งงานเข้าจวนรัชทายาทแทนพระสนมด้วยซ้ำ เพื่อให้พระสนมกับอันผิงอ๋องหนีไปด้วยกัน ทว่าอันผิงอ๋องกลับไปแต่งงานกับบุตรีของโหวเหนือ นางจึงต้องปล่อยวางเรื่องนี้ ฮูหยินรองปฏิบัติต่อพระสนมและคุณชายทั้งสองเช่นนี้มาหลายปีแล้ว เรื่องเช่นนี้ไม่สามารถเสแสร้งได้”

อินชิงเสวียนพยักหน้า

“เช่นนี้ก็พิสูจน์ว่าข้าไม่ได้ดูคนผิด ซูหมิงหลานเป็นคนดีอย่าง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
นางสาวอามีเน๊าะ เซ็งโซะ
ทำไมตอนนี้ถึงมีแค่ 4 ตอน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 404 เจ้าถามมากเกินไปแล้ว

    “ชิงเสวียน!”อินปู้อวี่ยกกระบี่ขึ้นรับหน้าคนชุดดำ คนชุดดำส่งเสียงเหยียดหยาม ก้าวตัดในแนวทแยงมุมสามก้าว และสะบัดฝ่ามือใส่ที่ข้อมือของอินปู้อวี่ความเร็วของอินปู้อวี่ไม่ได้ช้า หมัดซ้ายได้เหวี่ยงออกไป ตรงไปยังรักแร้ของคนชุดดำคนชุดดำแค่นเสียงหึอย่างแหบแห้ง“สมแล้วที่เป็นคนตระกูลอิน พอมีฝีมืออยู่บ้าง”คนผู้นั้นหลบหมัดของอินปู้อวี่ บิดร่างกายด้วยท่าประหลาด และโจมตีไปยังอินชิงเสวียนอีกครั้งการเคลื่อนไหวนี้รวดเร็วมาก ความเร็วเทียบได้กับสายอสุนีบาตที่ฟาดเปรี้ยงลงมา อินชิงเสวียนก็เตรียมพร้อมเช่นกัน นางรู้ว่าคนชุดดำมีวรยุทธ์สูง พลังมิติไม่สามารถจัดการกับคนผู้นั้นได้เลย ดังนั้นนางจึงแลกทักษะห้าสิบห้าสิบมาโดยไม่ต้องคิดทันใดนั้น ทั้งสองก็ก้าวเท้าจังหวะเดียวกัน ปะทะฝ่ามือออกไปพร้อมกันมีเสียงดังเปรี้ยง ฝ่ามือทั้งสองที่ปะทะกันทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายคลุ้งลานบ้านทั้งสองต่างถอยกลับไปสามก้าว แต่คนชุดดำก็หยุดเคลื่อนไหวอีกครั้ง“เจ้าเป็นใครกันแน่” คนผู้นั้นถามด้วยน้ำเสียงอึมครึมอินชิงเสวียนก็มองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาเช่นกัน“แล้วเจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงพยายามแย่งชิงพิณการเวกไป”คนชุดดำพูดอย่างเย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-02
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 405 ข้ามีความสามารถในการปกป้องตัวเอง

    แม้ว่าผู้นี้จะดูลับๆ ล่อๆ แต่ก็ยังพอมีหลักการของชาวยุทธ์อยู่บ้าง หากเขาต้องการใช้ตระกูลอินข่มขู่นาง เขาคงทำไปนานแล้วอินปู้อวี่นั่งยองๆ อยู่บนพื้น มองอินชิงเสวียนด้วยสีหน้าเป็นกังวล“พิณการเวกคือเรื่องอะไรกันแน่ ที่เจ้าพูดถึงลิ่นเซียว คือเป็นปรมาจารย์กระบี่ในตำนานงั้นหรือ แล้วเจ้ามีปัญหากับคนผู้นี้ได้อย่างไร”“เรื่องมันยาวน่ะ”อินชิงเสวียนถอนหายใจ เล่าให้อินปู้อวี่ฟังเรื่องที่นางดีดพิณการเวกให้ส่งเสียงได้ ตลอดจนเรื่องวุ่นวายต่างๆ ทั้งหลายจู่ๆ อินปู้อวี่ก็รู้สึกหนักอึ้งจนไม่สามารถหันศีรษะได้“ในเมื่อพิณการเวกล้ำค่าถึงเพียงนี้ ทำไมถึงอยู่ในโรงเตี๊ยมได้นานขนาดนี้ ทำไมคนผู้นี้ถึงไม่มาชิงไปตั้งแต่แรก ไยจึงต้องรอจนป่านนี้”อินชิงเสวียนกลอกตา“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”เดิมทีขก็อยากไปถามลิ่นเซียวเช่นนี้ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าต้องไปหาเขาได้ที่ไหน“สรุปแล้วก็คือ ห้ามบอกท่านพ่อก็พอ เขาจะได้ไม่เป็นห่วง”อินปู้อวี่พยักหน้าและกล่าวว่า “คนผู้นี้มีทักษะวรยุทธ์เยี่ยมยอด แม้ว่าในวังจะมีองครักษ์ แต่พวกเขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ต่อไปเจ้าต้องระวังตัวให้มากขึ้น ในที่สุดครอบครัวของเราก็กลับมาอยู่กั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-02
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 406 พี่ใหญ่ถูกกักตัวไว้ที่เจียงวู

    หลิวเหล่าไท่ไท่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าไม่กล้าคิดถึงไปไกลเพียงนั้น แค่อ่อนออกเขียนได้ก็พอแล้ว”ขณะที่เรากำลังคุยกัน ก็มีคนมาซื้อข้าว“ท่านทำงานไปก่อน ข้าจะกลับไปดูหน่อย”อินชิงเสวียนมาถึงเรือนหลังเล็กอย่างง่ายดาย อย่างที่คาดไว้ ข้าวและแป้งหมี่เหลือไม่มากแล้วนางใช้คะแนนในมิติแลกเป็นแรงงาน จากนั้นข้าวและแป้งหมี่ที่อยู่ข้างในก็ลอยออกไปโดยอัตโนมัติและจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หลังจากนั้นอินชิงเสวียนก็ออกไปจ้างรถม้า ให้ขนข้าวและแป้งหมี่สิบถุงบรรทุกกลับจวน อินปู้อวี่กำลังกวาดสายตามองไปรอบทิศอยู่ที่ประตู เมื่อเขาเห็นอินชิงเสวียนในชุดบุรุษ เขาก็วิ่งเข้ามาหาทันทีเขาพูดอย่างโกรธๆ ว่า “น้องหญิงใหญ่ ทำไมเจ้าถึงออกไปคนเดียว”“ไม่เป็นไร ข้าออกไปซื้อข้าวกับแป้งหมี่มา ขนย้ายเข้าไปข้างในได้เลย”อินชิงเสวียนมอบเงินก้อนหยวนเป่ามูลค่าห้าตำลึงให้คนขับรถม้าเมื่อเห็นเงินมากมาย คนขับรถม้าก็พยักหน้าอย่างตื่นเต้น“ทั้งสองท่านไม่ต้องห่วง ข้ารับรองว่าจะขนย้ายข้าวและแป้งหมี่เข้าไปเก็บโดยไม่ทำหกแม้แต่เม็ดเดียวเลย”เมื่อเห็นว่าคนขับสามารถแบกถุงข้าวและแป้งหมี่ได้เพียงสองถุงในคราวเดียว อินปู้อวี่ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-02
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 407 ต้องไป

    “เจ้าพูดอะไรนะ”ทีแรกอินจ้งคิดว่าตัวเองได้ยินผิดจนกระทั่งอินชิงเสวียนพูดซ้ำอีกครั้ง เขาก็ถามอย่างเดือดพล่าน “สิงอวิ๋นไปที่เจียงวูได้อย่างไร”“เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน ท่านพ่อโปรดนั่งลงก่อน และฟังข้าอย่างใจเย็น”บนศาลาหินในจวน อินชิงเสวียนอธิบายเรื่องราวของอา‍ซือ‍หลานที่ปลอมตัวเป็นอินสิงอวิ๋นทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบอินจ้งที่ได้ยินก็ทั้งตกใจทั้งโมโห เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าท่านอ๋องแห่งเจียงวูจะซุ่มซ่อนอยู่ข้างกายเขามานานกว่าหนึ่งปี ยิ่งไม่คาดคิดว่าคนที่ไปเมืองซุ่ยหานกับเขาจะเป็นตัวปลอมจริงๆเขาอดไม่ได้ที่จะตบฝ่ามือลงบนโต๊ะหิน“เจ้าชาติสุนัขนี่ ปลอมตัวได้คล้ายตัวจริงมาก ขนาดสายตาของข้ายังสามารถปิดบังอำพรางได้”อินปู้อวี่ก็ตกใจเช่นกัน“น้องหญิงใหญ่หมายความว่า พี่ใหญ่กลายเป็นราชบุตรเขยของเจียงวูไปแล้ว?”อินชิงเสวียนพยักหน้า“พวกเขาพูดอย่างนั้น แต่อาจไม่จริงก็ได้ แต่ถึงอย่างไรเรื่องที่พี่ใหญ่ถูกกักตัวไว้ในเจียงวู ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องโกหก ถ้าไม่อย่างนั้นอา‍ซือ‍หลานคงไม่รู้ถึงนิสัยใจคอการใช้ชีวิตของพี่ใหญ่จนชัดเจนแจ่มแจ้งขนาดนี้ จนเขาสามารถหลอกลวงทุกคนได้”นางเหลือบมองอินจ้งแล้วพูด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-03
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 408 กวนเซี่ยวขอไปรบ

    “ทำไมจู่ๆ ถึงจะไปเจียงวูอย่างกะทันหันเช่นนี้”ผู้เฒ่ากวนถามด้วยความประหลาดใจอินปู้อวี่พูดตามความจริง “วันนี้ท่านพ่อของข้าไปที่ห้องหนังสือเพื่อหารืองานบ้านมืองกับฝ่าบาท แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นรายงานด่วนแปดร้อยลี้จากด่านถงกู่ ว่าสถานการณ์สงครามในเจียงวูตอนนี้อยู่ในตึงเครียด ด่านถงกู่อาจไม่สามารถรักษาไว้ได้”คิ้วยาวของผู้เฒ่ากวนย่นทันที“เมื่อไม่กี่วันก่อน ดินปืนถูกส่งไปยังเจียงวูแล้วนี่ ทำไมการสู้รบถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ หรือว่าแม่ทัพที่รักษาเมืองเป็นพวกเมาหัวราน้ำไม่สนใจงานการ”ผู้เยาว์ทั้งสามมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร กวนเซี่ยวยิ่งดูเหมือนจมดิ่งในภวังค์แห่งความครุ่นคิดกวนฮั่นหลินกล่าวเสริมอีกว่า “เจ้าสองคนเพิ่งกลับมาจากการเดินทางไกลจากเมืองซุ่ยหาน ตอนนี้ต้องไปเจียงวูอีก สุขภาพร่างกายจะทนได้อย่างไร”อินปู้อวี่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร เดิมทีข้ากับท่านพ่อก็เป็นแม่ทัพทหารอยู่แล้ว ในฐานะแม่ทัพ เราควรต่อสู้ในทุกทิศทาง การปกป้องบ้านเมืองเป็นความรับผิดชอบของเรา หากให้พวกเราอยู่เสพสุข จะยิ่งไม่คุ้นชินมากกว่า”ผู้เฒ่ากวนพยักหน้า“คำพูดนี้ดี แต่เราต้องดูว่าฝ่าบาททรงคิดอย่างไร”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-03
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 409 คะนึงหา

    นี่คงจะเป็นดั่งคำที่ว่า ไม่พบหนึ่งวันเหมือนหนึ่งร้อยปีนอกจากแม่ของเขาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เย่‍จิ่ง‍อวี้คะนึงหาใครบางคนมากขนาดนี้ความรู้สึกนั้นทั้งหอมหวานและขมขื่น ราวกับแสงจันทร์ที่พร่ามัว อันทำให้อารมณ์ของคนค่อยๆ ลุกลามท่วมท้น เมื่อมองดูแสงจันทร์จางๆ บนขอบฟ้า อารมณ์ของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ดิ่งลง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และค่อยๆ เดินเข้าไปในตำหนักเฉิงเทียนตะเกียงถูกจุดไว้ข้างในแล้ว และแสงเทียนอันสว่างจ้าสะท้อนให้เห็นรูปร่างอันสูงโปร่งของเขาเมื่อมองดูเงาใต้ฝ่าเท้า เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกเหงาขึ้นมาทันทีในวังหลวงอันใหญ่โตแห่งนี้ นอกเหนือจากเสวียน‍เอ๋อร์ของเขาแล้ว กลับไม่มีผู้ใดที่รู้ใจเขาเลยมีเพียงเสวียน‍เอ๋อร์ของเขาเท่านั้น ที่คิดเผื่อเขาทุกอย่างอย่างแท้จริง เมื่อนึกถึงทุกฉากทุกเหตุการณ์ตอนที่เขาพบนางในวัง เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจ ตัวเองไม่ควรหุนหันรับปากให้อินชิงเสวียนกลับบ้านเป็นเวลาสามวันเลย ถ้านางต้องการรำลึกถึงอดีต แค่วันหนึ่งก็เพียงพอแล้วพอคิดว่าเหลือเวลาอีกหนึ่งวันนางถึงจะกลับมา เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็อยากจะไปตระกูลอินและพานางกลับมาเดี๋ยวนี้เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-03
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 410 ข้าเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในตำหนักเฉิงเทียน

    “ฝ่าบาท!”สวีจือย่วนร้องเรียกด้วยเสียงอ่อนหวาน เดินเยื้องกรายไปยังเก้าอี้ตัวยาวที่อยู่เบื้องหน้า เย่‍จิ่ง‍อวี้จับมือของนาง เรียวตาหงส์พร่าเลือน“เสวียน‍เอ๋อร์ เป็นเจ้าจริงๆ”สวีจือย่วนนั่งลงข้างเก้าอี้ตัวยาว แล้วถามว่า “ฝ่าบาทเมาแล้วจริงๆ หรือเพคะ”“แค่ได้เห็นเจ้า ข้าก็เมาแล้ว”ริมฝีปากของเย่‍จิ่ง‍อวี้ประดับด้วยรอยยิ้ม ดวงตาทั้งคู่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยควันก็เริ่มมืดมัวมากขึ้นเขาจำได้ว่าตอนที่เสวียน‍เอ๋อร์ออกไป นางสวมกระโปรงสีชมพู และผู้ที่สามารถมาที่ตำหนักเฉิงเทียนได้ในเวลานี้ ก็มีนางเพียงคนเดียว“ทำไมถึงกลับมาช้านัก คิดถึงข้ารึ”สวีจือย่วนมองดูเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน “สตรีที่อยู่ในวังแห่งนี้ มีผู้ใดบ้างที่ไม่คิดถึงฝ่าบาท”“เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่ อยู่กับข้า”เย่‍จิ่ง‍อวี้รั้งตัวสวีจือย่วนลงมาข้างกายตัวเอง ทันใดนั้นเขารู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ยกมือขึ้นจับหน้าผาก“ฝ่าบาททรงปวดศีรษะหรือเพคะ หม่อมฉันจะนวดให้ฝ่าบาทเอง”สวีจือย่วนกำลังจะลุกขึ้น แต่ถูกเย่‍จิ่ง‍อวี้รั้งไว้“ข้าไม่เป็นไร คุยกับข้าดีกว่า”สวีจือย่วนกัดมุมปาก แล้วพูดเสียงนุ่ม “นี่ก็ดึกมากแล้ว มิสู้...ให้หม่อมฉัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-03
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 411 ฝ่าบาทของพวกเจ้าสกปรกแล้ว

    ขันทีน้อยหลายคนได้ลากตัวสวีจือย่วนออกมาด้านนอกประตู ด้านในบ้านก็มีเสียงฝ่ามือตบฉาดดังขึ้นชัดเจนทันทีสวีจือย่วนกัดริมฝีปากแน่น จากนั้นเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจทนไหว จึงร้องโหยหวนออกมาเสียงดังหานปิงถูกตบตีเสียจนร้องออกมาด้วยความทนไม่ได้ ตะเบ็งลูกคอตะโกนเพื่อหวังในใจว่าฝ่าบาทจะได้ยินเสียงร้องของพวกนางสองคน ทว่าเย่จิ่งอวี้เมาจนไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้ว และกำลังไปเฝ้าพระอินทร์อยู่เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนเหมือนหมู อินชิงเสวียนก็เข้าใจความคิดของทั้งสองในทันที จึงพูดกับเสี่ยวอานจื่อว่า “ไป เอารองเท้าสองข้างอุดปากพวกนางไว้”“พ่ะย่ะค่ะ”เสี่ยวอานจื่อถอดรองเท้า และยัดใส่ในปากของทั้งสองด้วยความเต็มใจความรู้สึกโล่งสบายหูอย่างฉับพลัน กลับทำให้อินชิงเสวียนยิ่งไม่พอใจเมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของอินชิงเสวียน หลี่เต๋อฝูจึงพูดอธิบายในทันทีว่า “หวงกุ้ยเฟยใจเย็นก่อน เรื่องนี้ไม่อาจตำหนิฝ่าบาทได้ ฝ่าบาททรงคิดถึงพระสนมจึงได้ดื่มไปหลายแก้ว และเป็นเพราะพระสนมสวีสวมชุดกระโปรงเหมือนกับพระสนม ฝ่าบาทจึงเข้าใจผิดว่านางคือพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนจึงนึกขึ้นได้ว่าสวีจือย่วนก็สวมกระโปรงพับกลีบสีชมพู แม้แต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-04

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status