Accueil / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 369 เสวียนเอ๋อร์จะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า

Share

บทที่ 369 เสวียนเอ๋อร์จะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า

Auteur: ม่อเยี่ยน
“พ่ะย่ะค่ะ”

ทหารเปลวเพลิงแดงนายหนึ่งขานรับและปีนลงจากหน้าผา

ชาวเจียงวูเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตเพียงถูกมัดไว้ด้วยเชือก ทหารสองสามนายคุมตัวพวกเขาไปยังเมืองหลวง ส่วนคนอื่นที่เหลือเริ่มการจัดทัพใหม่ และเคลื่อนทัพออกนอกหุบเขา

เย่จั้นเก็บดาบยาวกลับคืน และสำรวจตัวเองอย่างละเอียด ร่างกายไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ต้องเป็นเพราะอาซือหลานเจตนาพูดให้ตกใจกลัว เพื่อขู่ตัวเอง

เขาถอดชุดคลุมสีขาวที่เปื้อนเลือดออกด้วยความรังเกียจ พร้อมกับเปลี่ยนชุดตัวใหม่ เมื่อเหยียบโกลนม้าก็พลิกตัวขึ้นหลังม้า

“ไป!”

ทันทีที่เสียงตะโกนดังขึ้น ม้าพันธุ์ดีก็ควบฝีเท้าตะบึงอย่างบ้าระห่ำ เพื่อนำกองทัพไปทางเหนือ

ณ พระราชวัง

เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่ที่ห้องหนังสือ แม้จะถือสาส์นกราบทูลไว้ในมือ แต่จิตใจกลับไม่สามารถสงบนิ่งได้

แม้ไทเฮาจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว แต่ยังกำจัดเย่จิ่งเย่าไม่ได้ นี่คือเหตุผลแรก

สงครามที่เจียงวูก็ตึงเครียดมากเช่นกัน เย่จิ่งอวี้ไม่รู้ว่าพวกเขาจะอดทนได้หรือไม่ เพื่อรอให้ดินปืนส่งถึงด่านถงกู่ นี่คือเหตุผลที่สอง

เหตุผลที่สามคือเมืองซุ่ยหาน ตอนนี้แม่ทัพของเป่ยมู่ต๋ารู้แล้วว่าเย่จั้นไม่ได้อยู่ที่เมือง เขาจะต้
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Chapitre verrouillé

Related chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 370 ขอให้ท่านอ๋องเดินทางปลอดภัย

    หลังจากทหารเปลวเพลิงแดงออกไปแล้ว องครักษ์เงาหลายนายก็ออกเดินทางจากวัง และมุ่งหน้าไปยังช่องผาแคบผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก ใบหน้าสวมใส่หน้ากากของฟางรั่วนางกล่าวอวยพร และพูดขึ้นด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท หม่อมฉันยังจำเป็นต้องออกนอกวังหรือไม่เพคะ?”เย่จิ่งอวี้พูดขึ้น “ตอนนี้ยังไม่จำเป็น ใส่หน้ากากนี้ไว้ให้ดี ออกไปเถอะ”“เพคะ”ผู้หญิงโน้มตัวทูลลา ความคิดของเย่จิ่งอวี้เริ่มผันผวนอีกครั้งในทางสติปัญญา เขาเชื่อมั่นใจตัวของอินชิงเสวียน ในทางความรู้สึกกลับอดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้ในขณะที่จิตใจสับสนวุ่นวาย คนที่ไม่สมควรตายดีอย่างเย่จิ่งเย่าก็เดินเข้ามาอีกแล้วเจ้านี่แทบไม่เคยดูอารมณ์ผู้อื่นก่อน ทันทีที่เข้าประตูมาก็พูดว่า “ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจัดเตรียมทหารม้าให้กระหม่อมแล้วหรือไม่ ตอนนี้จิ้งอ๋องก็ออกไปแล้ว กระหม่อมจะได้เตรียมตัวออกเดินทาง”เย่จิ่งอวี้รู้สึกรำคาญ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกไม่นานเย่จิ่งเย่าก็จะไปอยู่กับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ผู้เป็นที่รัก เขาก็ระงับไฟที่เกิดขึ้นมาลงไปในลำคอเขากระตุกยิ้มที่มุมปาก หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “คืนนี้ทหารม้าจะถูกจัดเตรียมอย่างเรียบร้อย หากอันผิง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 371 พูดจาไม่สบอารมณ์

    “ข้ามาตามหาภรรยา ไม่ทราบว่าน้องชายพอจะผ่อนปรน ยอมให้ข้าพบนางได้หรือไม่”เย่‍จิ่ง‍อวี้ประกบมือคำนับ ทุกท่วงท่าอากัปกิริยาคงไว้ซึ่งความสูงศักดิ์“ภรรยาของท่าน? ภรรยาของท่านคือผู้อาวุโสไม่ใช่รึ แต่สตรีข้างในไม่ใช่ผู้อาวุโส ท่านจำผิดคนกระมัง”ต่งจื่ออวี๋มองไปยังเย่‍จิ่ง‍อวี้ด้วยสีหน้างุนงงเย่‍จิ่ง‍อวี้คลี่ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “นางเป็นภรรยาของข้า ที่นางได้พบเจ้าก่อนหน้านี้ เป็นใบหน้าตอนที่นางแปลงโฉม”“แปลงโฉม?”ต่งจื่ออวี๋หันกลับไปมอง แล้วถามว่า “อาจารย์อา มีคนต้องการพบผู้อา...เอ่อ สตรีผู้นั้น”เขากำลังจะเรียกว่าผู้อาวุโส แต่รู้สึกว่าไม่ดีที่จะเรียกหญิงสาวแบบนั้นต่อหน้าอาจารย์อา เขาจึงเปลี่ยนคำเรียก“ภายในเจ็ดวันนี้ นางจะไม่พบผู้ใดทั้งสิ้น”กระแสเสียงอันเยือกเย็นประดุจน้ำแข็งดังมาจากในห้อง เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ผู้อาวุโส...”“กลับไปเถอะ”พลังอันอ่อนนุ่มชนิดหนึ่งพุ่งออกมาจากในเรือน ผลักเย่‍จิ่ง‍อวี้ให้ถอยหลังไปก้าวหนึ่งอินชิงเสวียนก็ได้ยินเสียงของเย่‍จิ่ง‍อวี้แล้ว นางลังเลก่อนจะพูดว่า “ผู้อาวุโสโปรดอำนวยความสะดวกด้วย ให้ข้าได้คุยกับเขาสักสองสามคำ ถ้าเขายังคงมาอยู่ตลอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 372 ท่านอ๋องสิ้นพระชนม์แล้ว

    วันถัดมาเย่จิ่งเย่าสวมชุดเกราะอ่อนมุ่งหน้าไปยังสนามฝึก ตามไปด้วยพระชายาเจียงซิ่วหนิงที่อยู่ในสีหน้าบิดเบี้ยวเพราะไม่รู้ว่าบิดาที่อยู่เจียงวูจะเป็นหรือตาย เจียงซิ่วหนิงจึงไม่อยากออกจากเมืองหลวงแต่จะทำอย่างไรได้เพราะสตรีในยุคโบราณต้องติดตามสามีไปทุกหนทุกแห่ง ไม่มีสิทธิ์เป็นอิสระ พอคิดว่าจะต้องเดินทางไกลไปที่เขตเมืองหวยหนาน ไม่รู้ว่าจะต้องกลับมาเมื่อใด ขอบตาของเจียงซิ่วหนิงพลันแดงก่ำทว่าเย่จิ่งเย่ากลับวางท่าผยองด้วยความยินดีปรีดา เพราะทหารม้าจำนวนห้าหมื่นนายที่ได้มานั้นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยตอนแรกคิดว่าไม่ว่าอย่างไรเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ต้องต่อรองกับเขา ให้ทหารเพียงหนึ่งหมื่นนายก็รู้สึกขอบคุณอย่างสูง ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะตกลงง่ายๆ ขนาดนี้เมื่อคิดว่าตัวเองจะมีเขตการปกครองเป็นของตัวเอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจครั้นเห็นเจียงซิ่วหนิงเช็ดน้ำตาไม่หยุด ก็ตวาดอย่างอดไม่ได้ “ร้องไห้อะไรกัน ที่ข้าพาเจ้าไปเขตเมืองหวยหนานด้วย ก็เป็นถือเป็นบุญคุณมากแล้ว เจ้าไม่ซาบซึ้งในบุญคุณของข้า แต่เจ้ามาทำหน้าเศร้าหมองร้องไห้ใครดูกัน”เจียงซิ่วหนิงทนไม่ไหวจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านอ๋อง ท่านพ่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 373 คำเตือน

    เย่‍จิ่ง‍อวี้หันกลับมา เลิกคิ้วขึ้นถามว่า “อันผิงอ๋อง? ตายแล้ว?”หลี่เต๋อฝูจีบไม้จีบมือชี้ไปข้างนอก“แม่ทัพซุน ซุนมู่ถงบอกมาพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าเขาสิ้นพระชนม์ที่ถนนเทียน แม่ทัพซุนกำลังรอเข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่ด้านนอกตำหนัก”เย่‍จิ่ง‍อวี้หยิบถ้วยชาขึ้นมา ค่อยๆ จิบอย่างไม่รีบร้อน“ให้เขาเข้ามา”กวนเมิ่งถิงกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดเรื่องของอา‍ซือ‍หลานอาจเป็นเรื่องปลอมได้ แต่ซุนมู่ถงอยู่ฝ่ายเดียวกับอันผิงอ๋อง จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเล่นเมื่อนึกถึงฝ่าบาทที่เชิญเขามาเล่นหมากรุก เขาก็เข้าใจแล้วว่านี่ไม่ใช่การเดินหมาก แต่เป็นคำเตือนฝ่าบาทเตือนตัวเองว่า มีเขาเพียงคนเดียวที่กุมการเดินหมากเอาไว้!และนอกจากองครักษ์เงาของฝ่าบาทแล้ว จะมีใครอีกที่สามารถสังหารอันผิงอ๋องอย่างโจ่งแจ้งได้เมื่อนึกถึงตรงนี้ กวนเมิ่งถิงก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นซุนมู่ถงล้มลุกคลุกคลานเข้ามาจากด้านนอก ใบหน้าที่ดำคล้ำอยู่แล้ว บัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม“ฝ่าบาท อันผิงอ๋องถูกลอบสังหารพ่ะย่ะค่ะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ที่นั่งบนเก้าอี้ไม้แดง ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าได้ยินแล้ว ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”“กระหม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 374 ฝ่าบาทต้องการชีวิตต่ำช้าของพวกเจ้า

    ชายชรายิ้มอย่างเคอะเขินแล้วพูดว่า “พ่อกังวลเกินไป อันที่จริงก็เหลือระยะทางอีกไม่เท่าไหร่แล้ว ช้าลงหน่อยดีกว่า”ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากยิ้มๆ ทำไมเขาจะไม่อยากกลับเมืองหลวงให้เร็วที่สุดล่ะที่นั่นมีน้องหญิงใหญ่อยู่ บางทีอาจมีพี่ใหญ่ของเขาด้วย!เมื่อคิดถึงพี่ใหญ่ คิ้วของคนผู้นั้นก็ค่อยๆ เต็มไปด้วยความโศกเศร้าจดหมายของฝ่าบาทไม่ได้กล่าวถึงพี่ใหญ่เลย กล่าวเพียงแต่ว่าตระกูลอินได้รักการพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ รับสั่งให้พวกเขาทั้งครอบครัวกลับเมืองหลวงทันทีนอกจากนี้เขายังได้ยินข่าวซุบซิบว่าน้องหญิงใหญ่ออกจากวังเย็นแล้ว ตอนนี้อยู่ในฐานะหลิวเซวียนที่ถูกอวยยศเป็นเหยาเฟย ที่ตระกูลอินมีวันนี้ได้ เพราะความช่วยเหลือจากนางอย่างแน่นอนครั้นนึกถึงว่านางที่เป็นเพียงสตรีผู้หนึ่ง สามารถออกจากวังเย็นได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว บัดนี้ยังสามารถขึ้นไปถึงตำแหน่งสนมขั้นเฟย นางจะต้องผ่านประสบการณ์การพลิกผันทุกอย่างแล้วเมื่อนึกถึงตอนที่นางอยู่จวน นางรู้จักแต่เล่นสนุก ทว่าบัดนี้นางกลับเติบโตขึ้นมาได้เช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่นในใจเหตุผลที่ฮ่องเต้องค์ก่อนมอบน้องสาวของเขาให้กับองค์รัชทายาท ก็เพี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 375 เด็กที่ดีและเก่งที่สุด

    อินชิงเสวียนอุ้มลูกชายขึ้นมา แล้วตอบอย่างจริงครึ่งไม่จริงครึ่งว่า “ข้ามีของวิเศษที่สามารถเก็บสิ่งของ และสามารถเอาออกมาได้เพียงแค่คิด”ต่งจื่ออวี๋อ้าปากด้วยความประหลาดใจ“นั่นเป็นของวิเศษเทพไม่ใช่หรอกหรือ”“เรื่องนี้เจ้าห้ามไปบอกใครนะ”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็หยิบน้ำพุวิญญาณออกมาอีกถุงหนึ่ง“ถือว่านี่เป็นค่าปิดปาก”ต่งจื่ออวี๋รับมาด้วยความตื่นเต้น“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”ระยะนี้ทักษะวรยุทธ์ของเขาก้าวหน้าขึ้นมาก หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงหมดสติเพราะเพลงหยกรัตติกาลของอาจารย์อาไปแล้ว ตอนนี้ที่เขาสามารถต้านทานได้ทั้งหมดได้ก็เพราะอินชิงเสวียน“ด้วยความยินดี”อินชิงเสวียนนั่งอุ้มลูกบนเก้าอี้ไม้ไผ่ และทันใดนั้นก็นึกถึงกระพรวนทองพวงนั้นบังเอิญว่าผู้อาวุโสผมขาวไม่อยู่เรือนพอดี จึงสามารถถามต่งจื่ออวี๋เพิ่มเติมได้“กระพรวนทองของเจ้านอกการส่งสัญญาณแล้ว ยังส่งผลอย่างอื่นอีกหรือไม่”ต่งจื่ออวี๋กำลังดื่มน้ำจากน้ำพุวิญญาณ เมื่อได้ยินเขาก็เกือบสำลัก เขารีบวางถุงน้ำลงแล้วพูดว่า “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ได้ยินจากอาจารย์อาของข้าว่ากระพรวนทองนี้แต่เดิมมีสามพวง ซึ่งก่อตัวขึ้นตามการกำเนิดของสามพร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 376 สิ้นหวัง

    เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อของเขาได้รับบาดเจ็บ อินปู้อวี่ก็โกรธจัด ดวงตาที่ยิ้มแย้มอยู่เป็นนิจพลันดุดันในฉับพลัน“ไม่ว่าพวกเจ้าเป็นใคร หากทำร้ายพ่อของข้าก็สมควรตายแล้ว!”เขาเหยียบบนหลังม้า แล้วตัวก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ด้วยความโกรธ เขาจัดการฟันแยกร่างของชายตรงหน้าออกเป็นสองส่วน ของเหลวสีแดงและสีขาวพุ่งออกมาจากร่างของคนผู้นั้น ทำให้คนอื่นๆ ถอยหลังไปหลายก้าวในขณะเดียวกัน คนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าก็ยิงธนูออกมาอีกหลายลูก ดูเหมือนว่ามีคนยิงธนูมากกว่าหนึ่งคนอินจ้งและลูกถูกศัตรูพัวพัน จึงไม่สามารถเข้าไปในป่าเพื่อโจมตีนักธนูได้ คนขับรถต่งเฉียวก็ปกป้องฮูหยินและคุณหนูอยู่ ไม่กล้าห่างไปไหนเสียงแหลกผ่านอากาศ และอินปู้อวี่ก็ถูกลูกธนูปักที่ขา ความเจ็บปวดทำให้เขาโกรธมากขึ้น ลำแสงกระบี่ในมือได้กวัดแกว่งเหมือนการถักทอคล้ายตาข่ายอย่างแน่นหนาแต่จะทำเช่นไรได้เพราะศัตรูมีมากมาย อีกทั้งฝีมือยังไม่ใช่ธรรมดา สองคนพ่อลูกได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยกลับไปที่รถม้าเมื่อเห็นเช่นนี้ ชายที่มีหนวดเคราก็กระหยิ่มยิ้มย่อง“อินจ้ง วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว เด็กๆ มาถอดหัวคนทรยศคนนี้ออกซะ”

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 377 รอดพ้น

    “ได้!”อินจ้งตะโกน“จะกองทัพนับพันพวกเราตระกูลอินยังไม่กลัว แค่โจรถ่อยไม่กี่คนจะกลัวไปไย ลูกชายคนดีของข้า ไปกำจัดศัตรูกับพ่อกันเถอะ”อินปู้อวี่ก็ตะโกนเสียงทุ้ม “ฆ่า!”สองพ่อลูกไปสมทบในจุดเดียวกัน และยืนปักหลักต่อสู้กับคนชุดดำนี่คือการต่อสู้ที่ชี้ชะตา มีเพียงแต่ต้องชนะ ห้ามแพ้เด็ดขาด!พวกเขายังไปไม่ถึงเมืองหลวง ยังไม่เห็นญาติพี่น้องของตัวเอง แม้จะตายก็ตายตาไม่หลับอยู่ดียิ่งควรไปถามฝ่าบาทด้วยตัวเองว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนี้กับตระกูลอินความเศร้าโศกระคนความโกรธสุมแน่นอยู่เต็มอก ตอนนี้เขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น คือต้องฆ่าเมื่อสองพ่อลูกร่วมมือกัน ก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้!พลังการต่อสู้ที่ปะทุอย่างกะทันหันทำให้คนชุดดำต้องล่าถอยทีละก้าว มีหลายคนก็ล้มลงกับพื้นในพริบตาเพื่อปกป้องพ่อของเขา อินปู้อวี่ถูกยิงด้วยลูกธนูอีกสามดอก แม้ว่าจะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ความเจ็บปวดก็ยังคงเจ็บปวดจนเสียดกระดูกเขากัดฟันไม่ยอมพ่ายแพ้ ยึดกระบี่พุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งแต่น่าเสียดายที่เขามีเลือดออกมากเกินไป เรี่ยวแรงก็ถดถอยลงไปมากในขณะที่เขากำลังฟุ้งซ่าน คมดาบก็ได้ฟาดฟันมาที่ลำคอของเขาแล้วแม้ว่าอินจ้งจะอยู่ห่างจาก

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status