อินชิงเสวียนอุ้มลูกชายขึ้นมา แล้วตอบอย่างจริงครึ่งไม่จริงครึ่งว่า “ข้ามีของวิเศษที่สามารถเก็บสิ่งของ และสามารถเอาออกมาได้เพียงแค่คิด”ต่งจื่ออวี๋อ้าปากด้วยความประหลาดใจ“นั่นเป็นของวิเศษเทพไม่ใช่หรอกหรือ”“เรื่องนี้เจ้าห้ามไปบอกใครนะ”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็หยิบน้ำพุวิญญาณออกมาอีกถุงหนึ่ง“ถือว่านี่เป็นค่าปิดปาก”ต่งจื่ออวี๋รับมาด้วยความตื่นเต้น“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”ระยะนี้ทักษะวรยุทธ์ของเขาก้าวหน้าขึ้นมาก หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงหมดสติเพราะเพลงหยกรัตติกาลของอาจารย์อาไปแล้ว ตอนนี้ที่เขาสามารถต้านทานได้ทั้งหมดได้ก็เพราะอินชิงเสวียน“ด้วยความยินดี”อินชิงเสวียนนั่งอุ้มลูกบนเก้าอี้ไม้ไผ่ และทันใดนั้นก็นึกถึงกระพรวนทองพวงนั้นบังเอิญว่าผู้อาวุโสผมขาวไม่อยู่เรือนพอดี จึงสามารถถามต่งจื่ออวี๋เพิ่มเติมได้“กระพรวนทองของเจ้านอกการส่งสัญญาณแล้ว ยังส่งผลอย่างอื่นอีกหรือไม่”ต่งจื่ออวี๋กำลังดื่มน้ำจากน้ำพุวิญญาณ เมื่อได้ยินเขาก็เกือบสำลัก เขารีบวางถุงน้ำลงแล้วพูดว่า “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ได้ยินจากอาจารย์อาของข้าว่ากระพรวนทองนี้แต่เดิมมีสามพวง ซึ่งก่อตัวขึ้นตามการกำเนิดของสามพร
เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อของเขาได้รับบาดเจ็บ อินปู้อวี่ก็โกรธจัด ดวงตาที่ยิ้มแย้มอยู่เป็นนิจพลันดุดันในฉับพลัน“ไม่ว่าพวกเจ้าเป็นใคร หากทำร้ายพ่อของข้าก็สมควรตายแล้ว!”เขาเหยียบบนหลังม้า แล้วตัวก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ด้วยความโกรธ เขาจัดการฟันแยกร่างของชายตรงหน้าออกเป็นสองส่วน ของเหลวสีแดงและสีขาวพุ่งออกมาจากร่างของคนผู้นั้น ทำให้คนอื่นๆ ถอยหลังไปหลายก้าวในขณะเดียวกัน คนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าก็ยิงธนูออกมาอีกหลายลูก ดูเหมือนว่ามีคนยิงธนูมากกว่าหนึ่งคนอินจ้งและลูกถูกศัตรูพัวพัน จึงไม่สามารถเข้าไปในป่าเพื่อโจมตีนักธนูได้ คนขับรถต่งเฉียวก็ปกป้องฮูหยินและคุณหนูอยู่ ไม่กล้าห่างไปไหนเสียงแหลกผ่านอากาศ และอินปู้อวี่ก็ถูกลูกธนูปักที่ขา ความเจ็บปวดทำให้เขาโกรธมากขึ้น ลำแสงกระบี่ในมือได้กวัดแกว่งเหมือนการถักทอคล้ายตาข่ายอย่างแน่นหนาแต่จะทำเช่นไรได้เพราะศัตรูมีมากมาย อีกทั้งฝีมือยังไม่ใช่ธรรมดา สองคนพ่อลูกได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยกลับไปที่รถม้าเมื่อเห็นเช่นนี้ ชายที่มีหนวดเคราก็กระหยิ่มยิ้มย่อง“อินจ้ง วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว เด็กๆ มาถอดหัวคนทรยศคนนี้ออกซะ”
“ได้!”อินจ้งตะโกน“จะกองทัพนับพันพวกเราตระกูลอินยังไม่กลัว แค่โจรถ่อยไม่กี่คนจะกลัวไปไย ลูกชายคนดีของข้า ไปกำจัดศัตรูกับพ่อกันเถอะ”อินปู้อวี่ก็ตะโกนเสียงทุ้ม “ฆ่า!”สองพ่อลูกไปสมทบในจุดเดียวกัน และยืนปักหลักต่อสู้กับคนชุดดำนี่คือการต่อสู้ที่ชี้ชะตา มีเพียงแต่ต้องชนะ ห้ามแพ้เด็ดขาด!พวกเขายังไปไม่ถึงเมืองหลวง ยังไม่เห็นญาติพี่น้องของตัวเอง แม้จะตายก็ตายตาไม่หลับอยู่ดียิ่งควรไปถามฝ่าบาทด้วยตัวเองว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนี้กับตระกูลอินความเศร้าโศกระคนความโกรธสุมแน่นอยู่เต็มอก ตอนนี้เขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น คือต้องฆ่าเมื่อสองพ่อลูกร่วมมือกัน ก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้!พลังการต่อสู้ที่ปะทุอย่างกะทันหันทำให้คนชุดดำต้องล่าถอยทีละก้าว มีหลายคนก็ล้มลงกับพื้นในพริบตาเพื่อปกป้องพ่อของเขา อินปู้อวี่ถูกยิงด้วยลูกธนูอีกสามดอก แม้ว่าจะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ความเจ็บปวดก็ยังคงเจ็บปวดจนเสียดกระดูกเขากัดฟันไม่ยอมพ่ายแพ้ ยึดกระบี่พุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งแต่น่าเสียดายที่เขามีเลือดออกมากเกินไป เรี่ยวแรงก็ถดถอยลงไปมากในขณะที่เขากำลังฟุ้งซ่าน คมดาบก็ได้ฟาดฟันมาที่ลำคอของเขาแล้วแม้ว่าอินจ้งจะอยู่ห่างจาก
ณ จวนอันผิงอ๋องเย่จิ่งอวี้แต่งกายด้วยชุดสีธรรมดา ลงจากหลังม้าที่หน้าประตูมีเสียงร้องไห้แผ่วเบาอยู่ข้างในองครักษ์ที่เฝ้าประตูรีบโค้งคำนับ แต่เย่จิ่งอวี้ได้ถือเสื้อคลุมเดินเข้าไปแล้วโคมสีขาวถูกแขวนในจวน โลงศพไม้แดงในห้องโถงใหญ่วางเด่นสะดุดตาอย่างยิ่งเจียงซิ่วหนิงแต่งกายด้วยชุดไว้ทุกข์ คุกเข่าร้องไห้ข้างโลงศพอย่างเงียบๆ ที่นางร้องไห้ไม่ใช่เพราะเย่จิ่งเย่า หากแต่ร้องไห้ให้กับอนาคตของตัวเองบิดาของนางไปปราบศัตรูที่เจียงวู บัดนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ตอนนี้เย่จิ่งเย่าก็มาตายจากไป ทิ้งนางไว้ตามลำพัง นางจะไปที่ใดและอยู่อย่างไรเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เจียงซิ่วหนิงก็เงยหน้าขึ้น แล้วรีบโค้งคำนับ “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างอบอุ่น “ไม่ต้องแล้ว ลุกขึ้นเถิด” “ขอบพระทัยฝ่าบาท”เจียงซิ่วหนิงค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นยืน ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรขึ้น น้ำตาก็ไหลพรากเมื่อมองดูใบหน้าซีดเซียวนั้น เย่จิ่งอวี้ก็ทนสงสารไม่ได้สตรีถูกตกเป็นเหยื่อของการแย่งชิงอำนาจมาโดยตลอดเย่จิ่งเย่ามีความทะเยอทะยานมาก ตายไปก็สมควรแล้ว โหวเหนือก็มีเจตนาซ่อนเร้น การเดินทางในคราวนี้สามา
สวีจือย่วนตัวสั่นเล็กน้อย กัดริมฝีปากล่างแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉัน...”“ว่าอย่างไร”เย่จิ่งอวี้เงยหน้าขึ้นมอง นัยน์ตาฉายแววประชดประชัน“เจ้าไม่ชอบเล่นดนตรีให้ข้าฟังไม่ใช่รึ”“นิ้วหม่อมฉัน...”ยังไม่ทันที่สวีจือย่วนจะพูดจบ นางถูกขัดจังหวะด้วยเสียงทุ้มลึกของเย่จิ่งอวี้เขาหรี่ตาลง ความไม่พอใจปรากฏอยู่ในแววตาแล้ว“ข้าบอกว่าให้เล่นต่อไป”“เพคะ”สวีจือย่วนไม่ทำให้โอรสสวรรค์ขุ่นพระทัย นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดีดพิณต่อไปอย่างจำใจในใจก็อดไม่ได้ที่จะนึกเคียดแค้นที่เย่จิ่งอวี้ปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะอินชิงเสวียนไปพูดอะไรม่แน่ทำไมระหว่างคนกับคนถึงไม่ยุติธรรมขนาดนี้อินชิงเสวียนยังสามารถแต่งตั้งเป็นสนมขั้นเฟยได้ ยังได้พำนักอยู่ในตำหนักจินหวูอันงดงามแต่นางกลับต้องด้อยกว่าคนอื่น พักอยู่ในหอสุ่ยอวิ้นที่ติดกับกำแพงวังไม่ยอม ให้ตายก็ไม่ยอม!นางอิจฉาที่อินชิงเสวียนได้รับความรักจากอินสิงอวิ๋นตัวปลอม และนางยิ่งอิจฉาที่เย่จิ่งอวี้ดีต่อนางมากยิ่งกว่าทั้งที่ทั้งหมดนี้ควรจะเป็นของนางถ้าวันนั้นนางไม่ตกหลุมรักตัวปลอม นางคงไม่ปฏิเสธเย่จิ่งอวี้เนื่องจากฝ่าบาท
ด่านถงกู่การโจมตีที่ทำให้ประหลาดใจจนตั้งตัวไม่ติดในช่วงดึก ทำให้ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่โหวเหนือและคนอื่นๆ รู้สึกโล่งอกทันที ทั้งสั่งให้ฆ่าแกะเพื่อเฉลิมฉลองที่โต๊ะสุรา มีแม่ทัพคนหนึ่งลูบคางแล้วพูดว่า “ถึงของสิ่งนี้จะร้ายกาจ แต่ก็มีจำนวนไม่มาก มีทั้งหมดห้าสิบห่อ เมื่อวานเราใช้ไปมากกว่ายี่สิบห่อ ยังต้องรบกวนท่านโหวเขียนจดหมายถึงฝ่าบาท ส่งคนมาเพิ่ม เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด”โหวเหนือหยิบจอกสุราขึ้นมาจิบแล้วพูดว่า “ในเมื่อส่งมาเท่านี้ เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าสิ่งนี้มีค่ามาก หากขอมากขึ้น ฝ่าบาทจะย่อมเสียดายอยู่แล้ว ตอนนี้ส่งจดหมายรายงานฉุกเฉินไปบ่อยๆ ฝ่าบาทจะต้องรำคาญแล้ว อย่าไปทำให้เขารู้สึกไม่ดีจะดีกว่า”พอทุกคนใคร่ครวญ พวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกว่าคงเป็นเช่นนั้นนับตั้งแต่ฝ่าบาทขึ้นครองบัลลังก์ อินจ้งถูกเนรเทศ เจียงวูก็กำเริบเสิบสาน ฝ่าบาททนทุกข์เรื่องเจียงวูมาเป็นเวลานาน เขาคงต้องการเอาชนะในการต่อสู้มากกว่าใครๆ ตอนนี้ที่เขาสามารถให้ของสิ่งนี้ได้ ก็เกรงว่าแทบหมดกำลังแล้วโดยที่หารู้ไม่ว่า ดินปืนนี้ไม่ได้เอาไว้ใช้แบบนี้เลยกลยุทธ์ของอินชิงเสวียนคือ การใช้ดินปืนเพื่อโจมตีทางจิตใจให้แต
เมื่อเห็นว่าถูกซุ่มโจมตี แม่ทัพหลิวจึงสั่งถอนกำลังทหารทันทีอย่างไรก็ตาม ทหารม้าของศัตรูมาถึงแล้ว เสียงกีบม้าที่ดังกึกก้องนำพาให้จิตใจของผู้คนเย็นเยียบแม่ทัพหลิวและคนอื่นๆ ถูกโจมตีจนกลัวหัวหดไปหมดแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นกีบเหล็กของศัตรู พวกเขาก็โกลาหลไปเองทันทีหลายคนถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้กีบเหล็ก ล้มระเนระนาดจังเถี่ยยืนอยู่กำแพงเมือง เช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล“พี่ใหญ่สวี จัดทัพค่ายกลโล่กำแพงเถอะ ไม่เช่นนั้นคนเหล่านี้อาจจะกลับมาไม่ได้แล้ว”ตั้งแต่พวกเขามาที่ด่านถงกู่ พวกเขาใช้ค่ายกลโล่กำแพงเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเดิมทีค่ายกลโล่กำแพงถูกสร้างขึ้นเพื่อต้านทานทหารม้าของศัตรู ตราบใดที่กองทหารฝ่ายหลังตามทัน พวกเขาก็คงไม่ถึงขั้นพ่ายแพ้ แต่จะทำเช่นไรได้เพราะแม่ทัพหลิวและคนอื่นๆ กลัวว่าพวกเขาสองคนจะขโมยผลงานไป ถ้าอาศัยแค่ค่ายกลโล่กำแพง อาศัยแค่การโจมตีจากหอกในค่ายกลย่อมไม่สามารถต่อสู้กับทหารจำนวนมากได้ ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ค่ายกลโล่กำแพงล้มเหลวตั้งแต่นั้นมา ค่ายกลโล่กำแพงก็ถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิงสวีเหลียงจดจำความแค้นที่พวกเขาไม่ส่งกองหนุนไปช่วย จึงไม่คิดสนใจเรื่องนี้จังเถ
ณ ต้าโจวห้องหนังสือท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว โคมวังหลวงถูกจุดให้สว่างอยู่กลางเรือนเย่จิ่งอวี้ถอดเสื้อคลุมมังกรออก ในมือพู่กันหางจิ้งจอก กำลังตรวจอ่านฎีกาอยู่เขาสวมเสื้อคลุมผ้าสีฟ้าซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหล่า ให้กลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา ศีรษะปักครอบด้วยปิ่นหยก ซึ่งดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย และเรียบง่ายเขามองดูม้วนไม้ไผ่ ใบหน้าหล่อเหลาของเขานิ่งขึงและเคร่งขรึมบางครั้งก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด บางครั้งก็ตวัดพู่กันขีดเขียนลงไปในเวลานี้ มีเสียงฝีเท้าเบามากดังมาจากด้านนอกเย่จิ่งอวี้ยื่นนิ้วกลางเรียวยาวออกมาแล้วเคาะโต๊ะสามครั้งองครักษ์เงาเดินเข้าประตูมา ในมือถือถุงห่อระเบิดขนาดเท่าฝ่ามือเขาถือถุงห่อระเบิดไว้เหนือศีรษะด้วยความเคารพ คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วพูดว่า “โชคดีที่กระหม่อมปฏิบัติภารกิจลุล่วง สกัดกั้นถุงห่อระเบิดกลับคืนมาได้แล้ว”เย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกไปรับ ยกมุมปากบางขึ้นเล็กน้อย“ดีมาก”แม้จะต้องใช้เวลาในการศึกษาและผลิตขึ้น แต่สิ่งนี้ก็ไม่สามารถตกไปอยู่ในมือของศัตรูได้ไม่ว่าจะเป็นของสิ่งใดก็ต้องระวังไม่ให้มีการศึกษาอย่างถี่ถ้วน หากพวกเขารู้วิธีทำสิ่งนี้ ผลที่ตามมาจะทำให้เกิดหาย
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง
“แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ